กระบวนการสร้างความรู้ของเรามีโครงสร้างความซับซ้อนอย่างยิ่ง มีหลายๆ ประเด็นที่กระตุ้นให้เกิดการสร้างความรู้ ข้าพเจ้าเชื่อว่าตนเองนั่งถอดบทเรียนเรื่องนี้ทั้งชีวิตก็ไม่จบ เหมือนเป็นการวิ่งไล่ตามการเกิดของกระบวนการทางปัญญาอย่างไรอย่างนั้น แต่ที่สุดแล้ว...เมื่อต้องหยุดก็คือ ต้องหยุด แต่ตอนนี้ยังมีลมหายใจที่สามารถทำให้ข้าพเจ้าได้ดำรงอยู่ต่อการงานได้ จึงไม่อยากที่จะสูญเสียโอกาสของการได้ทำสิ่งที่มีค่าที่มนุษย์คนหนึ่งได้เกิดมาและได้ทำ
การเรียนรู้ของบุคคลนั้นเป็นเรื่องภายใน เป็นเรื่องที่ค่อนข้างเป็นนามธรรม ... ขึ้นกับว่าเราใช้แว่นไหนส่องดู แว่นตาที่มีคุณภาพสูง ก็อาจจะทำให้เรามองเห็นอะไรต่อมิอะไรได้ชัดเจนขึ้น ละเอียดขึ้น
และกระบวนการที่เกิดขึ้นนั้น ค่อนข้างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว บางครั้งเรานั้นแทบจะตามไม่ทัน "ตัวรู้" จะเคลื่อนไปในมิติต่างๆ แห่งภายในปัญญาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงต้องมีการเจริญสติเพื่อที่จะได้เกิดการตามรอยนั้นได้เร็วและทัน..รอยแห่งความเจริญทางปัญญา
กระบวนการที่เกิดขึ้นภายในนักทฤษฎีทางการจัดการความรู้เรียกว่า tacit knowledge หรือภาษาไทยเราจะคุ้นกับคำว่า ความรู้ฝังลึก... แต่ในฐานของนักจิตวิทยาการเรียนรู้บางคนจะเรียกว่า mental model หรืออาจเรียกว่า มีการขยายโครงสร้างทางปัญญาเกิดขึ้น (schemata) แต่จะเรียกอะไรก็ตามสำหรับข้าพเจ้าน้อมนำเรียกว่า "ปัญญา"... เป็นปัญญาที่เกิดขึ้นทางสมองและลึกซึ้งลงไปในหัวใจของบุคคล (Mind)
การเรียนรู้ของเราผ่านวิถีหลากหลาย แต่จะอย่างไรก็ตาม ก็ต้องผ่านผัสสะทั้งหก "ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ" การเปิดรับสิ่งต่างๆ ผ่านเข้าไปจะมีกระบวนการคัดกรองอัตโนมัติ สติจะเป็นตัวกำกับให้เราได้คัดสรรว่าจะให้ข้อมูลอะไรผ่านเข้าไปได้บ้าง
เมื่อข้อมูลได้ผ่านเข้าไป...กระบวนการภายในจะทำงานอย่างรวดเร็ว..
ดูซึม (assimilation) และเชื่อมโยงปรับขยายโครงสร้างทางปัญญา (Accommodation)...หาจุดลงตัวที่เหมาะสม จะอย่างไรก็ตามกระบวนการดังกล่าวต้องอาศัยพื้นที่ที่ค่อนข้างมีคุณลักษณะที่ดีต่อการเอื้อให้เกิด นั่นก็คือ กายวิภาคของสมองและสารสื่อประสาทต่างๆ...และบรรยากาศที่ผ่อนคลายต่อการเรียนรู้
กระบวนการทางปัญญาจะเกิดความลุ่มลึกขึ้น จะต้องผ่านการเรียนรู้ที่เป็นรูปแบบของการลงมือปฏิบัติ
หากไม่ปฏิบัติก็ยากที่จะเกิดความลุ่มลึกทางปัญญาเกิดขึ้น...นอกจากบุคคลนั้นจะเกิดมามีความอัจฉริยะเลย...แต่จะอัจฉริยะแค่ไหนก็ยังต้องเรียนรู้ เพราะนั้นยังตกอยู่ในเงื่อนไขของคำว่าเป็น "มนุษย์" อยู่
ไม่ว่าจะมีไอคิวสูงต่ำมากน้อยแค่ไหน บุคคล...ก็จะเคลื่อนไปสู่สภาวะแห่งการเรียนรู้กันทุกคน
โครงสร้างทางปัญญาของบุคคลจะถูกขยับขยายอยู่ตลอดเวลา...กระบวนการเก็บก็จะถูกนำไปเก็บอย่างเป็นระเบียบบ้าง ไม่เป็นระเบียบบ้าง...
แต่วิธีการที่เอื้อและช่วยให้เกิดการเก็บอย่างเป็นระเบียบได้ คือ การพูดและเป็นการพูดที่ผ่านการคิดและพูดอย่างมีสติ ผ่อนคลาย หรืออาจจะเป็นการเขียน...ซึ่งสองอย่างนี้ช่วยให้โครงสร้างทางปัญญาได้เกิดการจัดระบบระเบียบ...กระบวนการภายใน ฝึกทำฝึกฝนไปเรื่อยๆ ทำให้การขยายโครงสร้างทางปัญญาเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน "การเคลื่อนไปสู่ความลุ่มลึกของตัวรู้" ก็จะเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ
ใครที่ไม่ชอบการขีดเขียนบันทึก หรือเรียบเรียงทางความคิด...
ข้อมูลที่มีอยู่ในปัญญาจะไม่ถูกจัดอย่างเป็นระบบระเบียบ สังเกตได้จากพูด หรือการกระทำ ที่บางครั้งอาจสะท้อนความสบสนภายในออกมา...
การพูดหรือการได้เขียน...เป็นประตูที่เปิดไปสู่การจัดระบบระเบียบทางความคิดและปัญญา...
ถอดบทเรียนที่ได้เรียนรู้ทางปัญญา
เมษายน ๒๕๕๒
------------------------------------------------------
![]() |
|
|||
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย Ka-Poom ใน In Mind
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
แต่การพูดของบางคน อาจจะทำให้เกิดความรู้ยากขึ้น โดยเฉพาะ อาจารย์มหาวิทยาลัย บางคนพูดแล้วต้องไปแปลอีกรอบ หรือหลายรอบ ก็มีให้เห็นมากมาย
การใช้ภาษาในการพูดก็เป็นประเด็นสำคัญของการกระตุ้นให้เกิดการสร้างความรู้ ด้วยไหมครับ
สวัสดีครับ