วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒)
ผมและทีมงานออกเดินทางไปจัดกิจกรรม “พฤหัสสกัดความรู้ ครั้งที่ ๒” นอกสถานที่ โดยมีวัตถุประสงค์หลักๆ ๓-๔ ประเด็น อันได้แก่ การเสริมสร้างสัมพันธภาพของคนในองค์กร, สรุปงาน, ระดมแนวคิดสร้างวัฒนธรรมองค์กร, ร่วมเขียนยุทธศาสตร์การพัฒนานิสิต, โดยเฉพาะในสองประเด็นหลังนั้น ต้องยอมรับว่ายังไม่มีใครหยิบมาขบคิดและกระทำการอย่างเป็นรูปธรรมมาก่อน
งานนี้ผมรับอาสาเป็นวิทยากรกระบวนการด้วยตนเองเกือบทั้งหมด เพราะอยากให้หัวหน้างานและลูกทีมแต่ละงานได้ทำกิจกรรร่วมกันอย่างเต็มที่ โดยไม่จำเป็นต้องวิตกกับภาระที่ต้องสร้าง “โจทย์” การเรียนรู้ด้วยตนเองให้เสียเวลา – อีกทั้งผมเองก็แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่า กิจกรรมในครั้งนี้ จะเป็นการนำเอา “ความรู้” ตามหลักสูตรการพัฒนาสมรรถนะหลักผู้บริหารฯ มาถ่ายทอดให้กับทีมงานของผมเอง
กิจกรรมแรกที่ผมนำมาเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ในครั้งนี้-เป็นกิจกรรมที่กำหนดให้เจ้าหน้าที่แต่ละคนเขียนเรื่องราวในหัวข้อ “เรื่องที่ของฉันที่เธอไม่เคยรู้...แต่วันนี้ต้องรู้...เพื่อจะได้อยู่ร่วมกัน” โดยกำหนดให้แต่ละคนพิมพ์เรื่องราวดังกล่าวด้วยอักษรขนาด ๑๖ จำนวนไม่เกิน ๑๐ บรรทัด ส่งมายังผมด้วย “วิธีลับ”
วิธีลับที่ว่านี้หมายถึง ห้ามมิให้เขียนด้วยลายมือ ห้ามมิให้ระบุชื่อตังเองลงในกระดาษ เรื่องที่สื่อสารนั้นต้องเป็นเรื่องที่ไม่เคยเล่าให้เพื่อนในองค์กรได้ฟังมาก่อน เสร็จแล้วก็นำมารวมไว้ที่ผม เพื่อส่งต่อให้แต่ละคนได้เสี่ยงทายจับกระดาษดังกล่าวกันอีกครั้ง โดยกำหนดให้แต่ละคนอ่านข้อความในกระดาษที่จับได้ให้เพื่อนๆ ฟัง พร้อมๆ กับการชวนเชิญให้ทุกคนร่วมทายว่า “ใคร”เป็นเจ้าของกระดาษแผ่นดังกล่าว
ฟังดูเป็นเรื่องไร้สาระไม่ใช่น้อยเลยกระมังครับ
แต่ผมก็ยังเลือกที่จะใช้กิจกรรมนี้ เพื่อสร้างบรรยากาศของการ “เปิดเปลือย” ตัวตนโดยมีคนอื่นเป็นผู้ “นำสาร”
กิจกรรมดังกล่าวนี้ จึงท้าทายความสามารถของการสุ่มทายเรื่องราวของเพื่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด เพราะแท้ที่จริงแล้วก็เป็นเสมือนการสะท้อนภาพวิถีแห่งการอยู่ร่วมกันในทำนองว่า “เราต่างรู้และเข้าใจกัน...สักแค่ไหน”
แต่เอาเข้าจริง กิจกรรมนี้ก็เลื่อนไปเปิดตัวในภาคค่ำแทน เพราะยังต้องรอให้สามาชิกบางท่านกลับจากราชการเสียก่อน จะได้เข้าร่วมกิจกรรมแห่งการเปิดเปลือยอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา (กิจกรรมนี้สนุก-มันฮากันมาก-แต่เดี๋ยวเล่าในบันทึกต่อๆ ไปก็แล้วกัน,นะครับ)
ภาคบ่าย-ผมเปิดตัวกิจกรรมการละลายพฤติกรรมแรกด้วยชื่อ “สถานการณ์เฉพาะกิจ...พลังความคิดเฉพาะคน” โดยแบ่งทีมงานออกเป็นสายงานต่างๆ กำหนดให้จับฉลากในถุงพลาสติกเล็กๆ ซึ่งในฉลากนั้นจะมีชื่อของสัตว์และสิ่งต่างๆ จำนวนมาก อาทิ ภูเขา กระท่อม ผืนนา ควาย ต้นข้าว สุนัข เต่า ต้นไม้ พระอาทิตย์ ไดโนเสาร์ โปงลาง ฯลฯ...
กิจกรรมดังกล่าวนี้ เริ่มต้นจากให้แต่ละทีมเข้าแถวตอนลึก ถอยห่างออกจากแผ่นกระดาษชาร์ดที่วางไว้เป็นเสมือนผ้าใบของการเขียนภาพ พอให้สัญญาณ คนแรกของแถว ก็วิ่งมาจับฉลาก ใครได้ชื่ออะไรก็วาดรูปไปตามนั้น เสร็จแล้วก็วิ่งกลับมาแตะมือเพื่อนอีกรอบ เพื่อให้เพื่อนได้วิ่งเข้าไปจับฉลากและวาดรูปต่อไป และทำซ้ำเช่นนั้นไปจนฉลากหมด ...
ถึงแม้สถานที่จะไม่เอื้ออำนวยกับวิถีการวิ่งของแต่ละคนนัก แต่ก็เป็นที่น่ายินดีว่า เพราะแต่ละคนสามารถจัดการกับข้อจำกัดนั้นได้อย่างเสร็จสรรพ -
แต่ละคนกระตือรือร้นกับกิจกรรมอย่างมาก มีเสียงหัวเราะและลุ้นเชียร์กันเป็นระยะๆ บางคนถึงกับ “อึ้ง” เพราะไม่รู้จะวาดรูปออกมายังไงดี จึงได้แต่หาตัวช่วย ทั้งด้วยการชำเลืองดูกลุ่มข้างเคียง หรือไม่ก็หันกลับมาส่งสายตาเว้าวอนให้เพื่อนๆ ได้เข้ามาช่วยเหลือ-แต่ไม่ว่าใครก็เข้ามาไม่ได้ (เพราะกติกาห้ามไว้อย่างเด่นชัด)
ดังนั้น สถานการณ์เฉพาะหน้าเช่นนี้ จึงจำต้องขับพลังความรู้ความสามารถของตนเองออกมาจัดการให้ได้อย่างเร่งด่วนและเต็มขีดความสามารถของตนเองภายกรอบเวลาอันจำกัด
...ส่วนผลลัพธ์จะ “ดูดี” หรือ “ดูได้” แค่ไหนนั้น-
ตรงนั้น ค่อยว่ากันอีกรอบ
ภายหลังกิจกรรมยุติลง...
แต่ละกลุ่มก็ออกมานำเสนอภาพต่างๆ ที่ได้ร่วมกัน “รังสรรค์” ขึ้น โดยผ่านกระบวนการของการ "ตีความและลากความ" อย่างชาญฉลาด เป็นต้นว่า รูปภาพที่ปรากฏนั้นมีความหมายเชิงนัยยะถึงอะไรบ้าง และรูปภาพดังกล่าวเกี่ยวข้องกับชีวิตและการงานของคนเราอย่างไร ...
เมื่อแต่ละกลุ่มนำเสนอเสร็จสิ้น ก็เปิดโอกาสให้คนอื่นๆ ได้ร่วมวงวิจารณ์และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันอย่างออกรสออกชาติ แต่ส่วนใหญ่ก็ออกไปในแนวขำๆ เสียทั้งหมด แต่ละคนก็โชว์อ้างว่าภาพของตัวเองดูแจ่มชัด สวยสดและเหมือนจริงกว่าใครอื่น-ทำเอาเฮฮากันจนต่อมน้ำตาแตกไปอย่างถ้วนทั่ว
สำหรับผมนั้น-
ตอนท้ายออกมาสรุปบทเรียนให้กับน้องๆ ได้ร่วมรับรู้และร่วมแลกเปลี่ยนกันอีกยกใหญ่ ซึ่งหลักๆ ผมอธิบายถึงนัยยะของรูปภาพเหล่านั้นอย่างสังเขป ยกเว้นไดโนเสาร์และโปงลางเท่านั้นที่ไม่จำเป็นต้องบอกเล่าใดๆ เพราะทั้งสองสิ่งล้วนเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดกาฬสินธุ์ที่ใครๆ ต่างก็รู้จักมักคุ้นกันดีอยู่แล้ว
และนอกจากนี้แล้ว
ผมก็ตั้งคำถามถึงรูปควายและสุนัขว่า มีใครรู้จักตำนานเรื่อง “ควายปลูกข้าวและหมาเก้าหาง” บ้างหรือไม่
ซึ่งทุกคนเงียบกริบ ไม่มีใครสักคนเลยที่มีความรู้ในเรื่องดังกล่าวนี้
ดังนั้นผมจึงนำนิทานปรัมปราดังกล่าวมาเล่าให้น้องๆ ฟัง (แล้วท่านล่ะครับ-เคยได้ฟังตำนาน หรือนิทานนี้บ้างหรือไม่)
อย่างไรก็ตาม...
ผมยังไม่เฉลยถึงแนวคิดของกิจกรรมเหล่านี้เสียทั้งหมด เพราะต้องการทิ้งปมไว้ โดยการให้ทุกคนได้ทำกิจกรรมในกระบวนการที่สองเสียก่อน นั่นคือกระบวนการที่มีชื่อว่า “ปั้นรูปสัตว์..สกัดความความรู้” ...
แต่ที่แน่ ๆ กิจกรรม “สถานการณ์เฉพาะกิจ...พลังความคิดเฉพาะคน” ก็ได้ยุติลงอย่างสมบูรณ์ ได้ทั้งความเฮฮาร่าเริง และได้ทั้งการขบคิดในเชิงปัญญา รวมถึงได้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องตำนานการปลูกข้าวของคนผ่านผู้มีพระคุณอย่าง “ควายและสุนัข” ซึ่งเคยได้เล่าขานมายาวนานกว่าสามพันปี
ส่วนแนวคิดที่ผูกโยงไว้กับการทำงาน อันได้แก่
· การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
· การมีความรู้
· การมีทักษะ
· การมีประสบการณ์
· การมีจินตนาการ
· การบริหารจัดการ
ผมยังคงเก็บงำไว้ รอให้กิจกรรม “ปั้นรูปสัตว์..สกัดความความรู้” ได้ยุติลงโน่นแหละถึงจะชวนพวกเขาได้ขบคิดและวิเคราะห์ รวมถึงแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอีกสักยก
แต่ก็ไม่แน่
บางทีเมื่อกิจกรรม หรือกระบวนการเรียนรู้ในชุดที่สองยุติลง
บางทีผมอาจไม่จำเป็นต้องสรุปใดๆ อีกเลยก็เป็นได้
เพราะที่สุดแล้ว น้องๆ ทีมงานทั้งหลายนั้น ย่อมอาจค้นพบแนวคิดเหล่านั้นได้ด้วยตนเอง
และแนวคิดที่ว่านั้น ก็อาจเป็นได้ทั้งเหมือนและต่างจากที่ผมได้สรุปไว้ตามโจทย์การเรียนรู้ของตนเองก็เป็นได้-
ใครจะไปรู้
ออนซอนอีสานครับอ้าย (พาข้าว)
กิจกรรมน่าสนใจมาก...หากเลียนแบบคงไม่ว่ากันนะครับ..
เยี่ยมมากครับ ชื่นชม และ อยากไปสังเกตการณ์
กิจกรรม..พร้อมพรัก...ทำให้รักองค์กรค่ะ คุณแผ่นดิน
อืม..น่าสนใจกิจกรรม 2 กิจกรรม
ที่จะได้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน
1 ระดมแนวคิดสร้างวัฒนธรรมองค์กร
2 ร่วมเขียนยุทธศาสตร์การพัฒนานิสิต
อยากฟังการเล่าในสไตส์ของคุณค่ะ
ส่วนแนวคิดที่ผูกโยงไว้กับการทำงาน อันได้แก่
· การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
· การมีความรู้
· การมีทักษะ
· การมีประสบการณ์
· การมีจินตนาการ
· การบริหารจัดการ
สวัสดีค่ะอาจารย์..วันนี้มีงานดึก
เลยได้เข้ามาสวัสดีตอนดึกเดียวคงจะเข้านอนแล้วอ่านบันทึกอาจารย์แล้ว..แอบขโมยไปใช้เลยนะคะ..อิอิ
ฝันดีค่ะ
เฮือนน้อยใครอ้าย งามอีหลี
อยากได้จักหลัง
คุ้นๆเรื่องหมาเก้าหาง จำไม่ได้ทั้งหมดค่ะ คุณยายเคยเล่าให้ฟัง ประมาณว่ามีหมาตัวหนึ่งที่มีเก้าหางแล้วเอาลูกคนมาเลี้ยง และมีประโยคที่หมาพุดกับลูก (คน)ว่า
"แม่ก็เป็นเพียงหมาเก้าหาง"
สุดยอดครับ อ.แผ่นดิน กับการทำหน้าที่ กระบวนกรขั้นเทพ
อยากมีโอกาสสักครั้งที่จะได้ไปสังเกตการณ์อะไรดีๆ แบบนี้มั่งครับ
ชอบมาก และสร้างสรรค์มากสำหรับกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะ
จดหมายเปิดใจนิรนาม เพื่อการอยู่ร่วมกัน
อยากรู้จังว่าแต่ละคนพร่ำพรรณาอะไรกันบ้าง
ขอบคุณครับสำหรับบรรยากาศดีๆ ที่นำมาให้ได้ร่วมสัมผัส และถวิลหา
สวัสดียามดึกค่ะ
ชอบๆๆค่ะ อาจารย์ ชอบกิจกรรมแบบนี้ พอลล่าไปด้วยได้ไหมคะ อิอิ
สวัสดีค่ะ คุณแผ่นดิน
เข้ามาบอกว่าวันนี้...แป๋มได้เข้าไป...ไปไหน...
..ไปโหวต...รางวัลสุดคะนึง...ให้คุณแผ่นดินค่ะ
ปราชญ์ติดดิน....ที่สัมผัสได้.....และ..ขอให้ได้..ด้วยค่ะ.
สวัสดีครับ พี่เกศ เกศนี
ผมเพิ่งกลับมาจากที่ทำงาน, ..เช้าประชุม-บ่ายประชุมยาวยืดมาจนถึง 18.00 น. เลยทีเดียวครับ จากนั้นก็ไปเลี้ยงส่งน้องนิสิตจีนที่มาฝึกงานในสำนัก ถัดจากนั้นก็กลับไปนั่งทำงาน จนกลับเข้าบ้านในตอนตี 1 เศษๆ นี่แหละครับ
กิจกรรมครั้งนี้, ... เราไปกันในแต่เฉพาะกลุ่มงานเป็นหลัก ไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เรียบง่าย มีความเป็นธรรมชาติและวิถีพอเพียง เป็นการหลีกหลบมาจากคอนกรีตมาสู่อ้อมกอดของธรรมชาติอย่างแท้จริง ซึ่งคิดว่าสภาพดักงล่าว จะช่วยให้บรรยากาศของการ "ลปรร" ดูดีขึ้น และช่วยให้แต่ละคนเกิดแรงบันดาลใจที่จะร่วมคิด-ร่วมทำในสิ่งดีๆ เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม
ส่วนความโชคดีของผมก็คือ ..
น้องดินและน้องแดน ได้ติดตามไปด้วย ช่วยอะไรได้หลายอย่าง และที่สำคัญคือเข้าไปเรียนรู้ร่วมกับพี่ๆ ได้เป็นอย่างดี
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ ย่ามแดง
กิจกรรมนี้ผมได้ลอกแบบมาจากการอบรมหลักสูตรพัฒนาสมรรถนะหลัก เพียงแต่ปรับแต่งองค์ประกอบของภาพเท่านั้น โดยเน้นแนวคิดว่าภาพทั้งหมดนั้น จะต้องมีความหมายเชิง "นัยยะ" เกี่ยวกับการเสริมสร้างความรู้และทัศนคติใหม่ๆ ให้กับเจ้าหน้าที่ รวมถึงการสำรวจตัวเองว่ามีความรู้ในเรื่องเหล่านี้กี่มากน้อย
กิจกรรมแรกนี้ สิ่งสำคัญคือการสื่อให้เห็นว่า กิจกรรมที่จัดขึ้นโดยปราศจากการวางแผน ก็ย่อมไร้ทิศทาง ไร้ตำแหน่ง ไม่มีการจินตนาการสู่การจัดระบบ เพราะไม่รู้เลยว่าจะจับได้อะไรบ้าง...
แต่ที่แน่ๆ ในภาวะเร่งด่วนแบบไม่ให้เตรียมตัวนี้ ผมได้ข้อสรุปแล้วในประเด็นที่เกี่ยวข้อง เช่น การใช้ความรู้ ความสามารถ ทักษะ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และการตีความอย่างมีเหตุมีผลครับ
..................
มาแสดงความยินดีผู้เข้ารอบ 3 คน สุกคะนึง
สวัสดีครับ ศรีกมล
ดังที่แจ้งนะครับว่ากิจกรรมนี้เป็นแนวคิดที่ผมประยุกต์มาจากกิจกรรมที่ไปอบรมตามหลักสูตรการพัฒนาสมรรถนะผู้บริหารฯ...
ผมเพียงแต่นำเรื่องราวอื่นๆ มาเติมเต็มเข้าไป และกำหนดให้สิ่งที่กำหนดนั้นมีเรื่องเล่าขยายความที่เกี่ยวพันกับชีวิต สังคมและการงาน โดยการชี้วัดว่าเจ้าหน้าที่มีความรู้และมุมมองเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นอย่างไรบ้าง
รวมถึงการเติมเต็มเรื่องความรู้อื่นๆ ที่เราคิดว่า ทีมงานของเราไม่มีองค์ความรู้ และเป็นการสื่อสารองค์ความรู้ใหม่ๆ ไปยังพวกเขา เพื่อเป็นต้นทุนในการทำงานและใช้ชีวิต ส่วนจะนำไปประยุกต์ใช้ได้มาก หรือน้อยนั้น... ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง - ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ..น้องบีเวอร์
เกี่ยวกับกิจกรรมเหล่านี้ เสียดายยังเขียนถึงไม่ครบ
ยังมีอีกหลายประเด็นครับ..
ยังไงผมจะพยายามเขียนย้อนหลัง
เผื่อจะได้แลกเปลี่ยนกัน อีกรอบ นะครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณคุณ kpam&p'pink
มากๆ นะครับ
ที่ชื่นชอบกลวิธีการเล่าของผม..
ถึงแม้ยาวไปหน่อย..ก็ไม่รำคาญ ใช่ไหมครับ
ยิ้มๆ...
จะพยายามเขียนที่เหลือให้เสร็จสมบูรณ์นะครับ
ขอบคุณมากๆ...
สวัสดีครับ.. 1
สุขกาย สบายใจ..ฝันดีในทุกๆ คืนนะครับ
และขอให้ตื่นมาพร้อมกับพลังอันยิ่งใหญ่...
โชคดีครับ
ผมเป็นกำลังใจให้-
น้อง ออต ครับ..
เอื้อยน้อยหลังนี้ อยู่ในท้องทุ่งท้องนา เลยเด้..อยู่แถวๆ บ้านต้อน ในเขตอำเภอเมือง-กาฬสินธุ์..
หลังนี้นอนได้เป็นสิบๆ คน..
บรรยากาศดีมากๆ..
เหมาะต่อการพบปะพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการ ที่สำคัญ ประหยัดน่าดูเลยทีเดียวแหละ