การเตรียมตัวก่อนตาย


ก่อนจะสิ้นลมหายใจของคนในบ้าน จะมีญาติผู้ใหญ่จะนำสวดมนต์อยู่ใกล้ๆ หูครับ คนใกล้จะตายก็จะสวดตามไปเรื่อยๆ จนหมดลมหายใจครับ

ผมได้อ่านเทคนิคการตายของอาจารย์ท่านหนึ่งในบล็อก  และท่านได้บอกว่ามีอ่านต่อในหนังสือชีวจิตเล่มปัจจุบัน  พอได้อ่านแล้วก็นึกได้ว่าเทคนิคการตาย  หรือในบ้านผมจะเรียกกันว่าการเตรียมตัวตายของทุกคน  ตั้งแต่จำความได้ในตระกูลของผมก็ปฏิบัติกันมานานแล้วครับ ผมเห็นตั้งแต่ปู่ ย่า อา ลุง และก็อีกหลายคนในตระกูลที่ไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุ  ในบ้านของเราก็จะมีการเตรียมตัวตายครับ  ส่วนใหญ่คนในตระกูลผมไม่ค่อยให้โรงพยาบาลใส่ท่อหรือยื้อชีวิตกันหรอกครับ  ถ้าแย่จริงๆ  พวกเราก็จะแบ่งหน้าทีกันไปเตรียมของที่บ้าน เช่น ไปหาเตียง ที่นอนเตรียมไว้  ทำความสะอาดบ้าน  เตรียมพระพุทธรูป ดอกไม้  ธูปเทียน เสื้อผ้าชุดใหม่ เงิน ทอง  ข้าวของเครื่องใช้ใส่กระเป๋าไว้ครับ  แล้วนำคนป่วยกลับมาบ้านครับ เช็ดตัวทำความสะอาด ใส่เสื้อผ้าใหม่ ใส่ทอง เอาเงินใส่กระเป๋า และเตรียมกระเป๋าใส่ของไว้ใกล้ๆ  คนป่วยครับ  จากนั้นก็จะจุดธุป เทียนไหว้พระกัน  ทำอาหารกินกัน โทรบอกลูกหลานให้ทราบเพื่อทำใจ  จากนั้นก็จะนั่งกินข้าว และคุยกันรอบๆ เตียงคนป่วยครับ  บางครั้งก็เปิดเทศให้ฟังกัน  เล่าเรื่องตลกในอดีตให้กันฟัง เหมือนเป็นการพบปะกันตามเทศกาลแหละครับ  พอวันสองวันญาติพี่น้องก็จะทยอยมากันเต็มบ้านไปหมดอย่างตอนย่าเสีย  หยุดหายใจไปหลายครั้งก็ไม่ไปเสียที  แต่ยังบอกได้ว่าจะฟังเทศน์จากพระที่ท่านชอบ  พวกเราก็ไปนิมนต์มาเทศน์ที่ข้างๆ เตียงคืนนั้นเลยครับ  ประหลาดมากท่านลุกขึ้นมาฟังเทศน์ได้ พอพระกลับไปแล้วท่านก็ยังพูดคุยกับลูกหลานได้  พวกเราก็นึกว่าคงหายแล้วฉลองกันใหญ่  แต่มีผู้ใหญ่บอกว่าอย่าพึ่งดีใจท่านอาจจะเป็นการสั่งลาครั้งสุดท้าย  พอเช้ามืดอาการท่านเริ่มไม่ดีคนเฝ้าปลุกพวกเราทุกคนลุกมานั่งรอบๆ เตียงกันครับ  แล้วอาผมซึ่งเป็นลูกคนโตก็เตรียมดอกไม้ ธูป เทียนให้ถือไว้ แล้วก็สวดมนต์ข้างๆ หูท่าน ปากท่านก็ขยับตาม พวกเราก็ลุ้นให้สวดนานๆ  ซักพักท่านก็นิ่งไปเอง  พวกเราก็รู้ว่าท่านไปแล้ว  ความเศร้าโศกเสียใจแทบจะไม่มีเพราะพวกเราเตรียมใจกันไว้หลายวันแล้ว  พวกเราจึงจัดงานให้ท่านได้อย่างเรียบร้อยตามที่ท่านบอก  ซึ่งตอนพ่อผมพวกเราก็ทำเหมือนกันครับเมื่อไม่นานมานี้เอง  นี่แหละครับที่พวกเราเรียกกันว่าเตรียมตัวตาย  และมันก็ค่อยๆ หายไปเรื่อยๆ  ผมคิดว่าอีกไม่นานการปฏิบัติอย่างนี้ก็น่าจะหายไปจริงๆ  เพราะเด็กรุ่นใหม่ไม่ให้ความสนใจแถมยังกลัวผีปู่ย่าตายายอีกต่างหากครับ....

หมายเลขบันทึก: 246119เขียนเมื่อ 3 มีนาคม 2009 21:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)
  • เป็นบันทึกที่ดีอีกหนึ่งบันทึก
  • เขียนเล่าง่าย ๆ เล่าไปเรื่อย ๆ แต่มองเห็นภาพตามได้ชัดเจน
  • สมัยก่อน คนเราห่างไกลหมอ ห่างไกลโรงพยาบาล การแพทย์ยังไม่เจริญ จึงมีภาพตามที่คุณประโยชน์เขียน
  • สมัยนี้ การแพทย์เจริญก้าวหน้า การคมนาคมสะดวก เราเองก็ยังอยากยื้อคนที่เรารักไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
  • ภาพจากบันทึกของคุณประโยชน์จึงเลือนหายไปทุกที
  • ขอบคุณที่ให้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ค่ะ

มาอ่านเรื่องเตรียมตัวตาย...

พร้อมกับมาทักทายครับผม...

เป็นวิธีการเตรียมตัวตายที่ดีมากครับ ทุกคนมาอยู่กับพร้อมหน้า ผู้ตายก็อบอุ่น และไม่ห่วงใคร ใจก็สบายไปส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็เรื่องของจิตที่จะไปตามความเชื่อตามศาสนานั้นๆ

ผมคิดว่าเป็นการตายที่พร้อมและไม่ยึดติดที่จะเกิดเป็นห่วงเป็นใยกับคนบนโลก พร้อมคือพร้อม นั่นเอง

ตามมาอ่าน จากบันทึกของ อาจารย์ A.Pawn :).

ขอบคุณค่ะ 

ขอบคุณครับที่ติดตามอ่านบันทึก บ้านผมอยู่กลางเมืองพิโลก

แต่ยังดำรงวิถีชีวิตแบบชนบทครับ ยังก่อไฟถ่านทำกับข้าวและ

ยังปลูกผักพื้นบ้าน ทานอาหารพื้นเมืองกันอยู่เลยครับ

และหวัดดี Mr.direct ครับผม ไม่พบกันนานตอนนี้ผมกำลังยุ่งกับ

หัวข้อวิทยานิพนธ์อยู่ครับ ว่างๆ ผ่านมาแวะพิโลกนะครับ

เป็นคตินิยมที่แป๋มเพิ่งเคยได้ยินได้ฟังค่ะ
น่าสนใจ  และแปลกใจที่มีการปฏิบัติเช่นนี้
เอาใจช่วยให้มีการอนุรักษ์เอาไว้นะคะ

ได้อ่านแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะมีการเตรียมตัวตายด้วย อ่านแล้วชอบครับ แต่ว่าถ้าจัดย่อหน้า เว้นวรรค สักหน่อย คงอ่านง่ายขึ้นครับ

สวัสดีครับครูแป๋ม กะอาจารย์หนึ่งครับที่เข้ามาทักทานและให้คำแนะนำครับผม

เป็นความคิดที่ดีมาก ขอบคุณมากครับ ถ้าผมตายขอให้ตายอย่างสงบ

"คนที่คิดฟุ้งซ่านไม่รู้ คนรู้จะไม่คิดฟุ้งซ่าน อยู่กับปัจจุบัน"

จากธรรมะหลวงปู่ดุลย์ "คนคิดไม่รู้ คนรู้ไม่คิด"  ด้านบนผมเติมให้สำหรับคนที่ยังไม่ค่อยได้ฟังธรรมะครับ

ขอบคุณครับที่เป็นกำลังใจให้กันครับ

ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาได้เขียนเลยแต่ก็ได้อ่านไปเรื่อยๆ ครับ

จิตวิทยาชีวิตและความตาย

การตายมาพร้อมการเกิด

ที่มหาจุฬาฯสอนวิชานี้ด้วยนะ

การเตรียมตัวของท่านนั้นถูกตามหลักทุกประการ

ถ้าเพิ่มรูป , กลิ่น ,สัมผัส ก็จะได้เกือบครบ

เพราะท่านได้ เสียงสวดมนต์ เห็นญาติ

รูป พระพุทธเจ้า

กลิ่น ธูปหอมจางๆ

สัมผัส องค์พระ ,พระสงฆ์(จีวร) ฯ

จิมมี่

สวัสดีค่ะคุณ'jompitak'

แวะมาอ่านและชื่นชม'การเตรียมตัวตาย'ของครอบครัวคุณ'jompitak'ค่ะ

ตอนที่แม่มีอาการของโรคไตใหม่ๆ กินอะไรไม่ได้อาเจียนออกหมด สงสารแม่มากอาทิตย์เดียวซูบผอมมาก พี่น้องบอก'เธอต้องทำใจนะ เธอไม่เคยเห็นเหรอ คนแก่ที่ใกล้จะตาย เขาก็จะกินอะไรไม่ได้อย่างนี้แหละ แล้วก็จะตายไปเอง'ฟังแล้วโกรธมาก พอดีช่วงนั้นอยู่ระหว่างการอบรมผู้บริหารระดับต้นอยู่ เพิ่งเปลี่ยนสายงาน จะพาไปรักษาที่โรงพยาบาลของรัฐ คงไม่ได้เพราะต้องใช้เวลาเป็นวันๆ เลยตัดสินใจพาแม่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้าน ทำให้ต้องขายบ้านไปหนึ่งหลังเพื่อยื้อชีวิตท่าน จากวันนั้นถึงวันที่แม่เสียชีวิตก็ 8 ปีกว่า สุดท้ายอยากจะยื้อชีวิตแม่อีกสักครั้ง ให้ท่านหายเจ็บป่วยจะได้พาท่านกลับบ้าน ดูแลท่านที่บ้าน อยากให้ไปอย่างสงบ แต่ก็ทำไม่ได้ค่ะ

  • สวัสดีค่ะ
  • ขอชื่นชมการเตรียมตัวตายค่ะ
  • มีผู้ใหญ่เล่าว่า การสวดมนต์ให้ผู้ใกล้ตายฟัง ทำให้ผู้จากไปพบทางสงบค่ะ

เข้ามาอ่านแล้วค่ะเตรียมตัวก่อนตาย


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท