วิชาชีววิทยามีบทบาทสำคัญยิ่ง สำหรับสังคมโลกปัจจุบันและอนาคต เพราะชีววิทยาเกี่ยวข้องกับคน สิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นพื้นฐานของเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งจะทำให้คุณภาพชีวิตของมนุษย์ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ การจัดการเรียนรู้วิชาชีววิทยา เน้นการเรียนรู้ที่ผ่านกระบวนการคิด กระบวนการปฏิบัติ เพื่อสร้างความรู้ด้วยตนเอง สามารถนำความรู้ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ควรมีหลากหลายรูปแบบ เชื่อมโยงชีวิตจริงกับสิ่งแวดล้อม ครูต้องปรับบทบาทจากผู้ป้อนข้อมูล (instructor) เป็นผู้ให้คำแนะนำ (coaching) และเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ (facilitator) ครูจึงมีหน้าที่ในการชี้แนะในการแสวงหาหรือนำความรู้จากแหล่งต่างๆมาใช้ประโยชน์ ทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีการและแหล่งที่จะได้มาซึ่งข้อมูล ในการชี้นำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตนเองนั้น ครูควรใช้การจัดกิจกรรมหรือใช้สื่อประกอบให้ผู้เรียนเกิดความอยากรู้ ฝึกให้คิดตั้งคำถามและแสวงหาคำตอบอย่างมีเหตุผล โดยเฉพาะกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (inquiry process) ซึ่งเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ให้นักเรียนค้นหาความรู้ใหม่ด้วยตนเอง โดยผ่านกระบวนการคิด และใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือ
การใช้จิตวิทยาพื้นฐานการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คือ การเปิดโอกาสให้นักเรียน ได้เกี่ยวข้องในการค้นหาความรู้นั้นๆโดยตรง มากกว่าการบอกให้นักเรียนรู้ เมื่อสถานการณ์แวดล้อมในการเรียนรู้นั้น ยั่วยุให้นักเรียนอยากเรียน ไม่เป็นการบีบบังคับ การเรียนรู้จึงจะเกิดได้ดีที่สุด ครูจะต้องส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักคิด มีความคิดสร้างสรรค์ ให้โอกาสให้นักเรียนได้ใช้ความคิดของตนเองให้มากที่สุดการส่งเสริมให้นักเรียนนำความรู้ใหม่ที่ได้ ไปเชื่อมโยงความรู้ใหม่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างเป็นองค์ความรู้ใหม่หรือนำไปประยุกต์ใช้ ให้นักเรียนมีโอกาสตรวจสอบซึ่งกันและกันโดยการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่ได้ จากการวิเคราะห์ผลการสำรวจตรวจสอบ ควรเปิดโอกาสให้นักเรียน ประเมินจุดเด่นและจุดด้อย ในกระบวนการเสาะแสวงหาความรู้ เพื่อการปรับปรุงในโอกาสต่อไป
ในการวัดและประเมินผลเป็นสิ่งควบคู่กัน การแสดงออกขณะทำกิจกรรมจะสะท้อนความรู้ ความคิด เจตคติทางวิทยาศาสตร์และความสามารถที่แท้จริงของนักเรียนว่ามีความสำเร็จในระดับใด มีจุดเด่นใดที่ควรจะส่งเสริม และมีจุดอ่อนใดที่ควรจะได้รับการแก้ไข รวมทั้งครูผู้สอนจะได้ข้อมูล ที่เป็นแนวทางปรับปรุงการจัดการเรียนรู้ และปรับปรุงการจัดการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ใช้ข้อมูลที่ได้ เพื่อการส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนตามความถนัด และความสนใจของแต่ละบุคคลไงละคะ.
เป็นอย่างไรบ้างคะ.....บันทึกหน้านี้ออกแนววิชาการนิดหนึ่ง หวังใจว่า สาระที่ครูแป๋มบรรจงร้อยเรียงขึ้นมา คงจะมีประโยชน์ต่อคุณครูและผู้สนใจทุกท่าน โดยเฉพาะคุณครูผู้สอนรายวิชาชีววิทยา....เพื่อนร่วมเส้นทางของครูแป๋มค่ะ...
ครูแป๋ม
เรียนหนังสือกับคุณครูแป๋ม น่าจะสนุกและมีความสุขนะครับ
ครูแป๋มจะเปลี่ยนเป็น โค้ชและฟา
เด็กๆโชคดีจัง
แหม....คุณพันคำก็ ชมแป๋มเกินไป และถ้าเด็กคิดแบบคุณบอกจริงๆ แป๋มคงสุขใจมากเลยค่ะ
สวัสดีครับครูแป๋ม
เดย์ไม่มีโอกาสเรียนมาสายนี้เลย ผมเรียนสายช่างมาครับ
ย้อยนึกดูคิดว่าถ้าได้เรียนคงน่าสนุกแน่ๆเลย :) แต่ทุกวันนี้หลายแขนงที่สนใจ ชีวะน่าจะแทรกตัวอยู่โดยผมไม่รู้ตัวก็ได้มั้งนะครับ อิอิ
ฝันดีจ๊า นอนดึกได้แต่อย่าหักโหมนะครับ
สวัสดีค่ะคุณเดย์
จริงค่ะ ชีววิทยาจะแทรกตัวอยู่กับศาสตร์หลากหลายวิชา แม้แต่วิชาชีวิตก็ไม่เว้นค่ะ
จะขอฝันดีตามที่คุณเดย์บอก เพราะแป๋มจะนอนให้เร็วขึ้น เพราะไม่อยากหักโหมค่ะ (เดี๋ยวแก่เร็วจ้า....อิอิ)
บทความประเภทนี้ มีมากๆ ดีครับ
หลายคนที่ติดตามข้อเขียนของคุณครูแป๋มอย่างต่อเนื่องจะพบว่า
ข้อเขียนทุกข้อเขียนมิใช่บทความธรรมดาที่เพียงเขียนขึ้นมาเพื่อเพียงนำมาลง
หรือเพื่อเพียงนำมาเสนอเหมือนท่านอื่นทั่วๆไป
แต่ทุกข้อเขีนที่นำมาลงเผยแพร่กันนั้น
ได้บ่งถึงวิธิคิดในการนำเสนอให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง
ทั้งแนวกว้างและแนวลึกด้วยหลักการเด่นชัดทุกๆครั้ง
สิ่งที่คุณครูแป๋มพยายามสื่อมาตลอดเวลาทั้งทางตรงและทางอ้อมนั้น
คุณครูแป๋มมาสื่ออย่างเด่นชัดด้วยข้อความใบความท่อนแรกดังปรากฎข้อความดังนี้
" การจัดการเรียนรู้วิชาชีววิทยา เน้นการเรียนรู้ที่ผ่านกระบวนการคิด กระบวนการปฏิบัติ เพื่อสร้างความรู้ด้วยตนเอง สามารถนำความรู้ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ควรมีหลากหลายรูปแบบ เชื่อมโยงชีวิตจริงกับสิ่งแวดล้อม ครูต้องปรับบทบาทจากผู้ป้อนข้อมูล (instructor) เป็นผู้ให้คำแนะนำ (coaching) และเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ (facilitator) ครูจึงมีหน้าที่ในการชี้แนะในการแสวงหาหรือนำความรู้จากแหล่งต่างๆมาใช้ประโยชน์ ทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีการและแหล่งที่จะได้มาซึ่งข้อมูล ในการชี้นำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตนเองนั้น ครูควรใช้การจัดกิจกรรมหรือใช้สื่อประกอบให้ผู้เรียนเกิดความอยากรู้ ฝึกให้คิดตั้งคำถามและแสวงหาคำตอบอย่างมีเหตุผล โดยเฉพาะกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (inquiry process) ซึ่งเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ให้นักเรียนค้นหาความรู้ใหม่ด้วยตนเอง โดยผ่านกระบวนการคิด และใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือ"
นี่คือกลยุทธ์ ที่ครูแป๋มนำมาใช้ในการเรียนการสอนให้กับเด็กนักเรียน
คุณครูแป๋มตั้งใจนำเสนอให้เด็กทุกระดับชั้นที่รับผิดชอบอยู่อย่างเท่าเทียม
ไม่ว่าจะเป็นเด็กห้องต้นหรือเด็กห้องท้าย
ที่หลายคนเคยตั้งแง่สงสัยว่าไปให้ความสำคัญเด็กห้องท้ายทำไม
การใช้จิตวิทยาพื้นฐานการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คือ การเปิดโอกาสได้สืบค้นเรียนรู้ด้วยตนเอง การกระตุ้นให้เด็กอยากเรียนรู้ ไม่เป็นการบีบบังคับ การเรียนรู้จึงจะเกิดได้ดีที่สุด คุณครูแป๋มเชื่อเช่นนั้น ด้วยการเปิดโอกาสเข้าสู่กระบวนการทางความคิด การปฏิบัติด้วยตนเองตามแนวทางชี้แนะหลักกว้างๆ แล้วนำวิธีคิดไปพัฒนาด้วยตัวเด็กเองจากเด็กที่เคยถูกมองข้าม ทอดทิ้งมากลายเป็นเด็กคนใหม่ที่ได้รับการยอมรับจากสังคมในที่สุด
ในแผนการพัฒนาทั้งปวงนี้คุณครูแป๋ม ได้ดำเนินการวัดและประเมินผลควบคู่กัน การแสดงออกเด็กขณะทำกิจกรรมจะสะท้อนความรู้ ความคิด เจตคติทางวิทยาศาสตร์และความสามารถที่แท้จริงของนักเรียนว่ามีความสำเร็จในระดับใด มีจุดเด่นใดที่ควรจะส่งเสริม และมีจุดอ่อนใดที่ควรจะได้รับ รวมทั้งครูผู้สอนจะได้ข้อมูลที่เป็นแนวทางปรับปรุงการจัดการเรียนรู้ และปรับปรุงการจัดการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ทั้งหมดนี้คือผลงานการออกแบบ เพื่อการส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนตามความถนัด และความสนใจของแต่ละบุคคล
ผลงานนี้เป็นฝีมือ ทักษะมุมมองและความคิดของผุ้หญิงเล็กๆคนนี้ที่ควรแก่การกล่าวนามยกย่อง
"ว่าเป็นครูดีเด่นแห่งปี" ของตัวแทนครูไทยทั่วประเทศ
หรือสมควรได้รับขนานนามว่า "สมหญิง" ของบรรดาสตรีไทยทั่วประเทศเช่นกัน
ได้เข้ามาอ่านเรื่องราวของครูแป๋มทั้งจากคุณครูบอกเล่าเองและผู้เข้ามาเม้นท์อย่างละเอียดเช่นเม้นท์ของคุณสุวัฒน์แล้ว ขอชื่นชมคุณครูมากครับ
ขอบคุณพี่ครูอ้อยมากๆเลยค่ะ กับดอกกล้วยไม้แสนสวยนี้ค่ะ ชื่นใจจัง
ขอบคุณท่านรองฯนะคะ แล้วครูแป๋มจะสรรสร้าง สรรหามาอีกมากๆนะคะ
เรียน ท่านสุวัฒน์ที่เคารพ
ขอขอบคุณอีกครั้งค่ะ ครูแป๋มนั้นนำจะนำเอาประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงของตนเอง ผ่านการวางแผน ทดลองใช้ ปรับแก้ นำมาทดลองใช้อย่างต่อเนื่อง จนเห็นว่าเกิดผลดีต่อผู้เรียนโดยมาก แต่ก็จะพัฒนาไปเรื่อยๆอย่างไม่หยุดยั้งค่ะ
ขอบคุณค่ะ คุณ Van Heusen ที่แวะมาอ่าน