ว่าด้วยเหตุแห่งความตายในท่ามกลางอายุ


พระราชปรารภ

ในพระบาทสมเด็จฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ว่าด้วยเหตุแห่งความตายในท่ามกลางอายุ

ทรงพระราชนิพนธ์

พระราชทานให้พิมพ์ในหนังสือวชิรญาณวิเศษ

เมื่อ พ.ศ.๒๔๓๑

 

ท่านกรรมสัมปาทิกหอพระสมุดวชิรญาณขอให้ข้าพเจ้าเขียนเรื่องอะไรๆ  ลงในหนังสือวชิรญาณ  ในคราวซึ่งเปนพนักงานของท่านพวกนี้สักเรื่องหนึ่ง  เวลานี้ว่างจึงเขียนให้  ตามที่นึกได้ง่ายๆ
 
เมื่อ พูดกันถึงเรื่องตาย ๆ  กรมหลวงเทวะวงศ์ฯ  ได้ว่าแก่ข้าพเจ้าบ่อย ๆ  ว่าชีวิตรมนุษย์นี้  ถ้ารักษาดี ๆ แล้ว  คงจะอยู่ไปได้จนแก่หงำแล้วจึงจะตายเปนธรรมดา  ข้าพเจ้าได้ยอมรับคำนี้ว่าเปนจริงมานานแล้ว  เพราะได้พิเคราะห์ดูในอาการกิริยาของตัวเองที่ประพฤติมาเสมอ ๆ  ก็เห็นว่าถ้ารักษาดีจริงคงจะอยู่ได้  แต่เหตุที่จะรักษาไม่ได้นั้น  นึกนับดูเดี๋ยวนี้เห็นมีอยู่ ๔ อย่าง

อย่างหนึ่งตั้งแต่เกิดมาก็มีโรคภัยพิการในเครื่องจักรของร่างกาย  ที่จะแก้ไขให้หายเปนปรกติดีไม่ได้  เหมือนกับเครื่องจักรนาฬิกาฤๅเครี่องจักรเรือกลไฟ  ที่ทำจากร้านไม่ดี  ฝีมือเลวมาแต่ต้น  ถึงจะแก้ไขประคับประคองรักษาสักเท่าใดก็ไม่พ้นเสียเร็วได้

อิกอย่างหนึ่งนั้น  เพราะไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าการประพฤติอย่างนี้ทำสิ่งนี้จะเปนอันตรายแก่ ชีวิตร  การประพฤติสิ่งนี้  ทำสิ่งนี้  จะเปนเครื่องเกื้อกูลให้ชีวิตรยืนยาวไปได้

อิกอย่างหนึ่งนั้น  รู้แล้วว่าสิ่งนี้ไม่สู้ดี  เปนทางมาของความตาย  แต่เพราะความอยาก  จะเว้นอดกลั้นไม่ได้จำต้องทำ  เพื่อความสุขในประจุบันทันใดนั้น  ฤๅเพราะรู้แล้วแต่เผลอ ๆ ไป  บางทีตั้งใจว่าจะไม่ประพฤติ  แต่มันเลยเปนไปฝืนไม่ไหว  รู้แล้วว่าทางนี้จะเปนเครืองเกื้อกูลแก่การอายุยืน  นึกแล้วว่าจะทำ  แต่มามีอย่างอื่นชักเชือนแชไป  ฤๅไม่ข่มขี่ใจที่จะทำให้แรงกล้าไปได้  สักแต่ว่าทำฤๅเปนแต่จะทำแล้วเรื่อย ๆ ไป

อิกอย่างหนึ่ง  รู้แล้วว่าสิ่งนี้เปนเครื่องที่จะพาไปถึงความอายุสั้นตายเร็ว  แต่จำเปนต้องทำ  ไม่ทำไม่ดี  ถึงทำแล้วถ้าตายก็เปนตายดี  ฤๅไม่เปนตายดีแต่จำเปนจำทำ  จนตายด้วยความรู้ว่าทางนี้เปนทางจะตาย

ในหนทางที่เปนทางมาของความตายทั้ง ๔ อย่างนี้  ถ้าผู้ใดละหลีกหนีให้พ้นไปทีเดียวได้  ผู้นั้นจะมีอายุยืนยาวเปนแน่แท้  เว้นไว้เสียแต่จะมีโรคประจุบันที่คนตายมาก ๆ จะหนีไปไม่ได้  แต่อย่างไรอย่างไรคงจะดีกว่าที่ไม่ได้ประพฤติได้  แต่การที่จะประพฤติหลีกหนีทางที่มาของความตายทั้ง ๔ อย่างนี้เกือบจะว่าไม่มีใครประพฤติๆได้ ฤๅประพฤติเข้าแล้วจะเปนการดีแก่ตัวฝ่ายเดียวนั้น ว่าไม่ได้เลย

คือ ข้อ  ๑  ซึ่งว่าด้วยร่างกายไม่บริบูรณมาแต่เดิมจะรักษาชีวิตรไปไม่ได้เอง ๆ นั้น  จะยกตัวอย่างให้เห็นได้  คือศรีพัฒนา (๑)  ตั้งแต่ออกมาก็เกือบจะว่าได้ว่ามีแต่กระดูกที่หนังหุ้มอยู่  ตั้งแต่เล็กมาจนโตไม่เห็นมีเวลาที่มีผิวแดงเลย  สีซีด ๆ นิ้วมือนิ้วตีนเขียว ๆ  ตามเล็บเหมือนกับถูกกระทบอะไรช้ำ  เปนสีน้ำเงินทั้งสิบนิ้ว  ตั้งแต่เกิดมาหมอไม่ได้ขาดขึ้นเรือนจนสักวันหนึ่ง  เจ็บจนไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเจ็บอะไร  เขียวเย็นชืดไปทั้งตัวบ้าง  เหื่อโซมตัวบ้าง  ร้อนจี๋ไปทั้งตัวบ้าง  จะพรรณาไปไม่มีที่สุด  จนเปนสาวอายุสิบห้าสิบหกปี  ก็ไม่มีผู้ใดเห็นได้ว่าเปนสาว  อายุมากเข้าจนถึงสิบแปดสิบเก้ากลับเห็นเปนคนแก่  แต่รักษาชีวิตรดีอย่างยิ่งที่ผู้ใดจะรักษาได้  อยู่มาได้ถึงยี่สิบปีจึงได้ตาย  ถ้าจะไปหาผู้ใดผู้หนึ่งซึ่งไม่รู้จักชื่อเสียงเรื่องราวเลย  มาดูศพแล้วให้ทายว่าอายุเท่าไร  จะต้องทายว่าอายุ ๗๐ ขึ้นไปหา ๘๐ ปี  ท้าววรคณานันท์ (๒)  เดี๋ยวนี้ดูยังมีเนื้อมีหนังมากกว่า  นี่เปนอย่างเอกในการโรคภัยที่มีแต่กำเหนิด  เหลือที่จะป้องกัน  ถึงจะรักษาชีวิตรดีสักเท่าใด  ก็รักษาได้เพียงเท่านั้นเอง  ไม่มีอายุแลร่างกายที่จะอยู่ต่อไปอิกได้

อย่างที่  ๒  ซึ่งว่าตายด้วยความไม่รู้ว่าจะตายเหมือนหนึ่งคนเดินไปดี ๆ  ไม่มีฝนตกฟ้าร้อง  แต่เมื่อเดินไปถึงกลาง ทาง  ฝนตกลงมาฟ้าคนอง  จะกลับมาสู่ที่เก่าก็ไกล  จะไปจนถึงที่ข้างน่าก็ไกล  จะหาที่อาไศรยกลางทางก็ไม่มี  ฟ้าผ่าลงมาถูกผู้นั้นตาย  ผู้นั้นตายด้วยไม่รู้ว่าอันตรายจะมี  ฤๅลงเรือไปในเรือที่มั่นคงแขงแรงดี  เชื่อว่าจะไม่มีอันตราย  แต่มีเรืออื่นมาโดนเรือล่มต้องจมน้ำตายเช่นนี้  เปนตายด้วยไม่รู้เหตุว่าจะตาย  เปนเครื่องตัดไม่ให้อยู่อายุยืนไปได้เปนที่สอง

อย่างที่  ๓  ซึ่งว่ารู้แล้วว่าเปนทางมาของความตาย  แต่เว้นไม่ได้  จำต้องทำเพราะเหตุหลายประการนั้น  มีตัวอย่างกว้างขวางมาก  เกือบจะไม่ต้องยกขึ้นพรรณา   จะว่าแต่ย่อ ๆ  อย่างต่ำที่สุดเพียงรู้ว่า  ถ้าตื่นเช้านอนหัวค่ำจะทำให้มีกำลังวังชาดีกว่านอนดึกตื่นสาย  จนได้ลองแล้ว  นึกว่าจะทำก็ทำไปไม่ได้  เพราะอะไรอะไรจิปาถะร้อยอย่างสำหรับที่จะชักลงไปหาทางที่รวังอยู่แล้ว  ว่าถ้าขืนอย่างนี้คงจะตาย  แต่มิใช่มีอะไรบังคับ  ว่าถ้าไม่ทำเช่นนั้นไม่ได้  เปนเพราะความศุขในการที่ประพฤติเช่นนั้นเล็กน้อยในประจุบัน  ทำให้เผลอไม่กล้วความตายได้  โดยความประมาท  คือยังเช่นอ่านหนังสือค้างอยู่  อีกนิดเถอะ  อีกนิดเถอะ  เมื่ออีกนิดหนึ่งอ่านหนังสือไปได้เท่าใดก็ให้ความสบายทุกอีกนิดหนึ่ง  แต่ใกล้เข้าไปข้างความตายทุกอีกชนิดหนึ่งเหมือนกัน  แต่ความตายอยู่ทางไกล  ความศุขอยู่ทางใกล้  ทำให้เผลอหลงไปตามความศุขนั้น  จนเปนเครืองร่อยหรอแก่อายุได้  นี่เปนตัวอย่างที่ไม่อยากจะพูดถึงเหตุการอันร้ายกาจที่ไม่น่าจะเอามาไว้ใน หนังสือเช่นนี้  เช่นกับปีนกำแพงวัง  เปนผู้ร้ายปล้น  สูบฝิ่นกินเหล้าเมาเหลือเกิน  แลอะไรอะไรต่าง ๆ นับไม่ถ้วน  ล้วนแต่รู้แล้ว  แลยั้งไม่ได้  มีเครื่องสำหรับล่อให้ตามไปใกล้เข้าข้างความตายทั้งสิ้น  นี่เป็นเครื่องที่จะทำให้รักษาชีวิตรยืนยาวไปไม่ได้เปนที่สาม

อย่างที่  ๔  ซึ่งรู้แล้วว่าเปนทางของความตาย  แต่จำต้องทำนั้น  เหมือนอย่างกับทหารที่จะต้องเข้าสู้สึกสงคราม  เมื่อมีพวกหนึ่งถืออาวุธมาคอยจะยิงจะแทงฟันตัวอยู่  รู้แล้วว่าเปนเครื่องสำหรับทำให้ตาย  แต่ต้องฝ่าฝืนเข้าไปเพื่อจะเอาไชยชนะ  เพราะเปนการฉลองพระเดชพระคุณเจ้านาย  แลเปนการรักษาบ้านเมือง  รักษาความศุขของเพื่อนมนุษย์ชาติเดียวกัน  ฤๅตัวเจ็บไข้อยู่  แต่มีราชการหลวงฤๅบิดามารดาบุตรภรรยาป่วยไข้  ฤๅต้องอันตรายอันใด  จำต้องไปรับราชการแลป้องกันรักษา  เพื่อจะให้เจ้านายแลบิดามารดาบุตรภรรยาพ้นจากอันตราย  ฤๅเห็นคนทั้งปวงเจ็บไข้ มีเปนโรคประจุบัน ที่รู้ว่าไข้เช่นนั้นติดกันได้  แต่เห็นว่าไม่มีผู้ใดดูแลรักษาคนไข้นั้นได้ทุกข์เวทนาเข้าไปช่วยรักษา  คลุกคลีอยู่ที่คนไข้  อย่างนี้ก็ต้องเปนการจำเปนที่จะต้องเข้าไปใกล้ความตายนับเปนอย่างที่ ๔

เพราะฉนั้นการที่จะรักษาชีวิตรตามที่ว่า  ถ้ามนุษย์รักษาชีวิตรดี ๆ อยู่แล้ว จะอยู่จนแก่หงำได้เปนธรรมดานั้น  มีเครื่องกีดกั้นอยู่มากเช่นว่ามาแล้ว  จึงรักษาชีวิตรไปจนแก่หงำไม่ได้โดยมาก  ต้องอาไศยความผเอินช่วยการป้องกันรักษาด้วย  จึงได้รอดอยู่ได้จนแก่หงำบ้าง  น้อยกว่าผู้ที่ตายเสียแต่หนุ่มแต่สาว  แต่ถ้าจะว่าถึงความดีความชั่ว  ในการรักษาชีวิตรแล้ว  อย่างที่หนึ่งที่สองนั้นเปนธรรมดาอยู่เอง  แต่อย่างที่สามเปนการที่ควรจะรักษา  ตามทางซึ่งเหนว่าเปนเครื่องจะให้อายุยืน  หลีกละทางซึ่งเห็นว่าจะเปนเครื่องทำให้อายุสั้นให้เต็มกำลัง โดยความตั้งใจที่จะทำได้  แต่ในที่สี่นั้นเปนการจำเปนที่จะต้องทำ  ถึงจะเปนทางมาของการที่อายุสั้นก็ยอมให้สั้นดีกว่ายาว  เพราะคนเกิดมาจะว่าอายุเปนสำคัญกว่าการที่ทำว่าไม่ได้  ผู้ที่มีอายุอยู่จนแก่ชราถึง ๙๐ ฤๅ ๑๐๐ ก็ดี  เมื่อตายแล้วสูญชื่อในทันทีมีโดยมาก  แต่ผู้ซึ่งมีอายุเพียง ๒๐ เศษ ๓๐ ปี  มีชื่อเสียงที่ชนภายหลังรู้จักไปอีกหลาย ๆ พันปี   มีอยู่แต่น้อย  ควรจะนับว่าผู้ที่มีอายุสั้นแต่ชื่อเสียงอยู่นานนั้นมีอายุยืนหลายพันปี  ดีกว่าผู้ที่มีอายุ ๑๐๐ ด้วยประการฉนี้แลฯ

 
บางปอิน วัดจันทร์ เดือนหกขึ้นหกค่ำ

          ปีชวดสัมฤทธิศก ศักราช ๑๒๕๐

............

เชิงอรรถ

๑. พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์ ๑  ประสูตรเมื่อปีฉลู พ.ศ.๒๓๙๖ สิ้นพระชนม์เมื่อปีระกา พ.ศ.๒๔๑๖

๒. ท้าววรคณานันท์ ชื่อมาลัย

 

คัดจากต้นฉบับ
ดาวน์โหลดได้จาก หอสมุดมหาวิทยาลัยศิลปากร

หมายเลขบันทึก: 244014เขียนเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2009 22:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 05:18 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (26)

มาอ่านเป็นความรู้ค่ะ

เพิ่งดูภาพยนต์มาเรื่องหนึ่ง..

ชีวิตของตัวเอกประดุจดัง นาฬิกาที่เดินถอยหลัง  เกิดมาหน้าตาแก่เหี่ยวย่น อวัยวะแก่ เสื่อมด้วย

กาลผ่านมา กลับหนุ่มขึ้น ๆ
ใช่ว่าจะดีต่อเขานะคะ

ความรัก ความเป็นจริง การใช้ชีวิต..จะดำเนินอย่างไร

หนังดีน่าดูค่ะ..The curious case of Benjamin Button พูดถึงไว้ ในนี้ ด้วยค่ะ

อ่านประกอบนะคะอาจารย์ ไม่ถึงกับเป็นเรื่องเดียวกัน อยากเล่าให้ฟังน่ะค่ะ

สวัสดีครับ อ.พิมล มองจันทร์

  • พอดีว่าเป็นพระราชนิพนธ์ ก็เลยไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม
  • การสะกดการันต์แปลกดี เลยนำมาให้ดูกันครับ

สวัสดีครับ ครูตุ๊กแก...สู้ตายคร้าบ....

  • วันนี้มาอยู่นาน แสดงว่าหัวไม่ยุ่ง
  • อ่านยากไหมครับ คนพิมพ์น่ะพิมพ์ยาก เพราะพิมพ์ไปก็เผลอจะไปใช้ตัวสะกดแบบประจุบัน อิๆๆ

สวัสดีครับ คุณหมอภูสุภา

  • ขอบคุณมากครับ ที่มีเรื่องดีๆ มาแนะนำ
  • เรื่องของอายุนี่ เป็นที่สนใจมานานนะครับ
  • มีเรื่องเล่านิทานเกี่ยวกับการอ่อนแก่หลายเรื่อง
  • บางคนอยู่้ๆ ก็หนุ่มขึ้น บางคนก็แก่ลง
  • แต่ก็อย่างที่พระองค์ท่านว่าไว้ ถ้าอายุยืน แต่ไม่ทำความดี ก็ไม่มีประโยชน์ สู้ทำดีแล้้วมีชื่อเสียงยืนยาว ก็เท่ากับอายุยืนเป็นพันปี
  • ตามมาอ่าน
  • โอโห นานๆๆจะได้อ่านภาษาโบราณ
  • เหมาะสำหรับคนเขียน
  • อิอิๆๆ
  • เอามาอ่านอีก
  • ชอบมากๆๆ

แวะมาอ่านเรื่องราวดีดี เพิ่มพูความรู้ค่ะ...ขอบคุณคะ...

  • ภาษาแปลกแต่งดงามและมีพลัง อ่านแล้วคล้อยตามค่ะ
  • เป็นความรู้ที่ใกล้ตัวเราที่สุดเลยค่ะ เรื่องความเป็น ความตาย

สวัสดีค่ะ

แวะมาอ่าน เป็นภาษาที่ไม่ค่อยได้เจอนักค่ะ สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือเก่าๆ เหล่านี้

อ่านแล้วก็ทำให้เห็น...วิวัฒนาการของภาษาด้วยนะคะ

แล้วยังได้ของแถม....เรื่องชีวิตที่มีคุณค่า...ผู้มีอายุเท่าไรคงไม่สำคัญเท่ากับว่า...ได้ใช้ชีวิตที่มีประโยชน์ต่อตนและโลกแค่ไหน...

ขอบคุณค่ะ

(^___^)

ช่างไปสรรหาเรื่องดีๆหาอ่านกันได้ยากมาให้อ่าน ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับ

อ.ขจิต ฝอยทองไว้ว่างๆ จะคัดแคะแกะเกามาให้อ่านอีกครับ

น้อง •.♥°.•.♥• kittyjump.•.♥.•°♥natadee เนื้อหาน่าสนใจดีนะครับ

คุณSila Phu-Chaya เป็นความเป็นความตายเป็นปัจจุบันตลอด ไม่ล้าสมัยเลยนะครับ

คุณ คนไม่มีราก รัชกาลที่ 5 ท่านใช้ภาษากระชับ เดินเรื่องเร็ว ถ้าไำม่คิดเรื่องศัพท์สำนวนเก่า ถือว่าอ่านได้เพลินทีเดียวครับ

พี่นุช คุณนายดอกเตอร์ ยังมีอีกหลายเรื่องครับ ถ้าไม่เอามาเผยแพร่ ก็คงไม่ได้อ่านกัน เพราะสำนักพิมพ์ก็คงไม่พิมพ์ใหม่ คนก็เข้าห้องสมุดน้อยลง

(ป.ล. เพิ่งได้ยินว่า นิตยสารศิลปวัฒนธรรม นำเรื่องนี้มาตีพิมพ์เมื่อปลายปีก่อน)

  • เป็นความรู้ที่ดีมากค่ะ
  • พี่แจ๋วก็เพิ่งเคยอ่าน เป็นคติเตือนใจได้เป็นอย่างดี
  • แต่คนนี้บอกว่า

ตามมาอ่าน

  • โอโห นานๆๆจะได้อ่านภาษาโบราณ
  • เหมาะสำหรับคนเขียน
  • อิอิๆๆ 
  •  จะบอกว่าตัวเองซึ่งเป็นคนอ่าน...เป็นคนรุ่นใหม่นะนั่น
  • อย่ายอม...อย่ายอม...อิ อิ

 

สวัสดีครับ

พี่แจ๋ว คุณครู วรางค์ภรณ์ เนื่องจากอวน 

เป็นคติที่ไม่ล้าสมัยเลยครับ

 

อิๆๆ งั้นไม่ยอม

..คนข้างบนนั้นน่ะ (ขจิต ฝอยทอง) ก็เก่าเหมือนกันแหละหนา ไม่งั้นก็คงอ่านไม่ออก..

เ้ป็นไงครับ ใช้ได้ไหม ;_

พีุ่นุช ภาพนี้สวยจัง ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะคุณอา

น้องเจินมาเยี่ยมค่ะ  น้องเจินมีบันทึกใหม่แล้วนะคะ

อ่าวๆๆๆๆ คุณธ.วัชชัยอยู่นครชัยศรีหรอกเหรอคะเนี่ย....อิอิ คนบ้านเดียวกันเลยนะคะ

สวัสดีครับ

น้องเจินแวะไปเยี่ยมมาแล้ว อิๆๆ

[SPI©Mië™]~natamaidee - - But narak..(แก๊งค์ก้านคอพับ) (ชื่อย้าวยาว) ครับ เสาร์อาทิตย์ไปป้วนเปี้ยนแถวๆ อ้อมใหญ่ กลับบ้านก็ผ่านแถวนั้นทุกที

 

เรื่องนี้อาจแล้วมีความรู้สะเทือนอารมณ์บอกไม่ถูก ทั้งที่ควรจะปลงในวัฏฏะสงสาร อ่านแล้วถอนหายใจออกมาดังๆ เลยค่ะ คนบางคนอยากมีชีวิตอยู่ให้ดีและยืนยาวแต่กลับไม่มีโอกาส คนบางคนเสียอีกมีครบแต่ไม่เคยถนอมชีวิตตนเอง ใช้ทุกอย่างในร่ายกายโดยไม่คำนึงว่าได้สิ่งที่ดีที่สุด

ภาษาสวยมากเลยค่ะ...เพิ่งเคยอ่านเป็นครั้งแรก ต้องหยุดเป็นพักๆ เพราะคำว่า ชีวิต ที่เราใช้กันตอนนี้ ไม่มี "ร" ตามหลัง ตอนแรกเอาไปรวมกับอีกคำที่ตามมาเลยงงๆ รวมๆ ชอบมากเลยค่ะ อยากให้ยังใช้อยู่จังเลย

จะว่ากระไรฤาท่านธ.วัชชัย ด้วยข้าพเจ้านี้พอใจภาษาอันสละสลวยนี้ยิ่งนัก - - อิอิ...พอได้ไหมคะ

เป็นคนที่ 2 แล้วนะคะเนี่ยที่บอกว่าชื่อนี้ย้าววว...ยาว - - จะทำเยี่ยงไรดีหนอข้าพเจ้าชักจะไม่มั่นใจเสียแล้ว

อิๆ

ถ้าชอบภาษาสวยๆ จะหามาให้อ่านอีกครับ

พระราชนิพนธ์ไกลบ้าน ถือว่าเป็นสารคดีเรื่องแรกๆ ของไทย

และใช้ภาษาได้หมดจดงดงาม

พระราชพิธีสิบสองเดือน ก็งดงามเหมือนกัน

คำสมัยก่อนสะกดหลายแบบ ยังไม่ตายตัวเหมือนสมัยนี้ครับ

"ศุข" ก็เจอบ่อย

ชอบภาษาแบบนี้ ลองใช้ดูบ้างปะไร

แต่อย่าใช้ภาษาแบบหนังพีเรียดนะครับ "เยี่ยงนั้น" "เียี่ยงนี้" ไม่ค่อยเห็นเลย

เหรอคะ...เอ แล้วคนแต่งเขาไปเอามาจากไหนหว่า

นึกว่าเค้าต้องอิงไปเสียทุกอย่าง อืม ต้องเข้าใจนี่เนาะคะว่าบทประพันธ์หรือละครนี่มักจะ "เว่อร์" กว่าเรื่องจริงอยู่แล้ว...อืมมมม - - ใช่ๆ

ขอบคุณนะคะ...สัญญาแล้วนะคะเนี่ยว่าจะหามาอีก จะรออ่านค่ะ ไม่ได้อ่านตามทวงค่ะ อิอิ - - ล้อเล่นค่ะ...แต่อิงความจริง เอ...ยังไง

แลเรื่องภาษานี้ ข้าพเจ้ารู้สึกชอบมันยิ่งนัก ลองยกไปใช้กับท่านใยมดดูแล้ว เอ...ยิ่งคิดคำก็ยิ่งสงสัยว่าจะใช้ว่ากระไรบ้างจึงจะเหมาะสม รบกวนท่านธ.วัชชัย รีบเอามาให้อ่านโดยเร็วนะเจ้าคะ...(อิอิ ชอบๆ)

แวะมาเยี่ยมค่ะ

สบายดีไหมค่ะ

อ่ะ พี่ ธ. ทำผมมึนอีกแล้ว วิงๆๆ

แวะมาเยี่ยมค่ะ เดี๋ยวมาอ่านนะคะ (หยอดกระปุกจนเต็มแล้วค่ะ)

อ่านจบแล้ว คงต้องขอตัวรีบไปนอนแล้วล่ะครับ

บันทึกของในหลวง ร.๕

ทำให้ตระหนักได้ว่า

นี่เราก็กำลังอยู่บนทางที่ 3

ที่นำไปสู่ความตายนี่นา

รู้ว่านอนดึกไม่ดี

ก็ยังไม่ยอมนอนเสียอีก

ไม่รู้ติดอกติดใจอะไรใน G2K นักหนา

ขอบคุณครับสำหรับบันทึกแห่งประวัติศาสตร์

สวัสดีครับ

คุณ [SPI©Mië™]~natamaidee - - But narak..(แก๊งค์ก้านคอพับ)

  • มีแล้วๆ รอปรับนิดหน่อย
  • คือว่า เวลาพิมพ์ภาษาเก่านี่ มีปัญหา เพราะ MS Word จะช่วยแก้คำให้เราเสร็จ ต้องเสียเวลาตรวจใหม่อีก
  • ทีนี้เลยต้องมาพิมพ์ใน note pad หรือพิมพ์ใน editor ตัวอื่นๆ ที่ไม่ตรวจอัตโนมัติ ไม่งั้น ฉะบับ ก็แก้เป็น ฉบับ อุส่าห์ แก้เป็น อุตส่าห์ รู้ไปหมดเลย อิๆ

คุณberger0123

  • สบายดีครับ
  • แต่ร้อนมากมาย
  • ขอบคุณครับ

น้อง suksom

  • อ้าววิงๆ เวียนๆ รีบนอนๆ

พี่ ดาวลูกไก่ ชื่นชมยินดี

  • อ่านยากนิดหนึ่ง แต่คุ้มค่าครับ

คุณณภัทร๙

  • อิๆ จริงด้วย
  • อ่านแล้วก็รีบนอนเลย
  • อย่างนี้ถือว่าอ่านแล้วได้ประโยชน์ ;)

ตั้งใจมาอ่านเป็นบันทึกแรกในเช้าวันอาทิตย์ อ่านแล้วสดชื่น มีความสุขใจค่ะ ยังมองเห็นความเป็นจริงในสังคมปัจจุบันนี้ได้อยู่นะคะ

ภาพยนตร์ที่อาจารย์หมอภูสุภาพูด พี่เห็นตัวอย่างหนังในดีวีดี ว่าจะไปตามมาดูเหมือนกันค่ะ ดูโลกที่หมุนทวนเข็มนาฬิกา...

ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท