ท่านกรรมสัมปาทิกหอพระสมุดวชิรญาณขอให้ข้าพเจ้าเขียนเรื่องอะไรๆ ลงในหนังสือวชิรญาณ ในคราวซึ่งเปนพนักงานของท่านพวกนี้สักเรื่องหนึ่ง เวลานี้ว่างจึงเขียนให้ ตามที่นึกได้ง่ายๆ
เมื่อ พูดกันถึงเรื่องตาย ๆ กรมหลวงเทวะวงศ์ฯ ได้ว่าแก่ข้าพเจ้าบ่อย ๆ ว่าชีวิตรมนุษย์นี้ ถ้ารักษาดี ๆ แล้ว คงจะอยู่ไปได้จนแก่หงำแล้วจึงจะตายเปนธรรมดา ข้าพเจ้าได้ยอมรับคำนี้ว่าเปนจริงมานานแล้ว เพราะได้พิเคราะห์ดูในอาการกิริยาของตัวเองที่ประพฤติมาเสมอ ๆ ก็เห็นว่าถ้ารักษาดีจริงคงจะอยู่ได้ แต่เหตุที่จะรักษาไม่ได้นั้น นึกนับดูเดี๋ยวนี้เห็นมีอยู่ ๔ อย่าง
อย่างหนึ่งตั้งแต่เกิดมาก็มีโรคภัยพิการในเครื่องจักรของร่างกาย ที่จะแก้ไขให้หายเปนปรกติดีไม่ได้ เหมือนกับเครื่องจักรนาฬิกาฤๅเครี่องจักรเรือกลไฟ ที่ทำจากร้านไม่ดี ฝีมือเลวมาแต่ต้น ถึงจะแก้ไขประคับประคองรักษาสักเท่าใดก็ไม่พ้นเสียเร็วได้
อิกอย่างหนึ่งนั้น เพราะไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าการประพฤติอย่างนี้ทำสิ่งนี้จะเปนอันตรายแก่ ชีวิตร การประพฤติสิ่งนี้ ทำสิ่งนี้ จะเปนเครื่องเกื้อกูลให้ชีวิตรยืนยาวไปได้
อิกอย่างหนึ่งนั้น รู้แล้วว่าสิ่งนี้ไม่สู้ดี เปนทางมาของความตาย แต่เพราะความอยาก จะเว้นอดกลั้นไม่ได้จำต้องทำ เพื่อความสุขในประจุบันทันใดนั้น ฤๅเพราะรู้แล้วแต่เผลอ ๆ ไป บางทีตั้งใจว่าจะไม่ประพฤติ แต่มันเลยเปนไปฝืนไม่ไหว รู้แล้วว่าทางนี้จะเปนเครืองเกื้อกูลแก่การอายุยืน นึกแล้วว่าจะทำ แต่มามีอย่างอื่นชักเชือนแชไป ฤๅไม่ข่มขี่ใจที่จะทำให้แรงกล้าไปได้ สักแต่ว่าทำฤๅเปนแต่จะทำแล้วเรื่อย ๆ ไป
อิกอย่างหนึ่ง รู้แล้วว่าสิ่งนี้เปนเครื่องที่จะพาไปถึงความอายุสั้นตายเร็ว แต่จำเปนต้องทำ ไม่ทำไม่ดี ถึงทำแล้วถ้าตายก็เปนตายดี ฤๅไม่เปนตายดีแต่จำเปนจำทำ จนตายด้วยความรู้ว่าทางนี้เปนทางจะตาย
ในหนทางที่เปนทางมาของความตายทั้ง ๔ อย่างนี้ ถ้าผู้ใดละหลีกหนีให้พ้นไปทีเดียวได้ ผู้นั้นจะมีอายุยืนยาวเปนแน่แท้ เว้นไว้เสียแต่จะมีโรคประจุบันที่คนตายมาก ๆ จะหนีไปไม่ได้ แต่อย่างไรอย่างไรคงจะดีกว่าที่ไม่ได้ประพฤติได้ แต่การที่จะประพฤติหลีกหนีทางที่มาของความตายทั้ง ๔ อย่างนี้เกือบจะว่าไม่มีใครประพฤติๆได้ ฤๅประพฤติเข้าแล้วจะเปนการดีแก่ตัวฝ่ายเดียวนั้น ว่าไม่ได้เลย
คือ ข้อ ๑ ซึ่งว่าด้วยร่างกายไม่บริบูรณมาแต่เดิมจะรักษาชีวิตรไปไม่ได้เอง ๆ นั้น จะยกตัวอย่างให้เห็นได้ คือศรีพัฒนา (๑) ตั้งแต่ออกมาก็เกือบจะว่าได้ว่ามีแต่กระดูกที่หนังหุ้มอยู่ ตั้งแต่เล็กมาจนโตไม่เห็นมีเวลาที่มีผิวแดงเลย สีซีด ๆ นิ้วมือนิ้วตีนเขียว ๆ ตามเล็บเหมือนกับถูกกระทบอะไรช้ำ เปนสีน้ำเงินทั้งสิบนิ้ว ตั้งแต่เกิดมาหมอไม่ได้ขาดขึ้นเรือนจนสักวันหนึ่ง เจ็บจนไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเจ็บอะไร เขียวเย็นชืดไปทั้งตัวบ้าง เหื่อโซมตัวบ้าง ร้อนจี๋ไปทั้งตัวบ้าง จะพรรณาไปไม่มีที่สุด จนเปนสาวอายุสิบห้าสิบหกปี ก็ไม่มีผู้ใดเห็นได้ว่าเปนสาว อายุมากเข้าจนถึงสิบแปดสิบเก้ากลับเห็นเปนคนแก่ แต่รักษาชีวิตรดีอย่างยิ่งที่ผู้ใดจะรักษาได้ อยู่มาได้ถึงยี่สิบปีจึงได้ตาย ถ้าจะไปหาผู้ใดผู้หนึ่งซึ่งไม่รู้จักชื่อเสียงเรื่องราวเลย มาดูศพแล้วให้ทายว่าอายุเท่าไร จะต้องทายว่าอายุ ๗๐ ขึ้นไปหา ๘๐ ปี ท้าววรคณานันท์ (๒) เดี๋ยวนี้ดูยังมีเนื้อมีหนังมากกว่า นี่เปนอย่างเอกในการโรคภัยที่มีแต่กำเหนิด เหลือที่จะป้องกัน ถึงจะรักษาชีวิตรดีสักเท่าใด ก็รักษาได้เพียงเท่านั้นเอง ไม่มีอายุแลร่างกายที่จะอยู่ต่อไปอิกได้
อย่างที่ ๒ ซึ่งว่าตายด้วยความไม่รู้ว่าจะตายเหมือนหนึ่งคนเดินไปดี ๆ ไม่มีฝนตกฟ้าร้อง แต่เมื่อเดินไปถึงกลาง ทาง ฝนตกลงมาฟ้าคนอง จะกลับมาสู่ที่เก่าก็ไกล จะไปจนถึงที่ข้างน่าก็ไกล จะหาที่อาไศรยกลางทางก็ไม่มี ฟ้าผ่าลงมาถูกผู้นั้นตาย ผู้นั้นตายด้วยไม่รู้ว่าอันตรายจะมี ฤๅลงเรือไปในเรือที่มั่นคงแขงแรงดี เชื่อว่าจะไม่มีอันตราย แต่มีเรืออื่นมาโดนเรือล่มต้องจมน้ำตายเช่นนี้ เปนตายด้วยไม่รู้เหตุว่าจะตาย เปนเครื่องตัดไม่ให้อยู่อายุยืนไปได้เปนที่สอง
อย่างที่ ๓ ซึ่งว่ารู้แล้วว่าเปนทางมาของความตาย แต่เว้นไม่ได้ จำต้องทำเพราะเหตุหลายประการนั้น มีตัวอย่างกว้างขวางมาก เกือบจะไม่ต้องยกขึ้นพรรณา จะว่าแต่ย่อ ๆ อย่างต่ำที่สุดเพียงรู้ว่า ถ้าตื่นเช้านอนหัวค่ำจะทำให้มีกำลังวังชาดีกว่านอนดึกตื่นสาย จนได้ลองแล้ว นึกว่าจะทำก็ทำไปไม่ได้ เพราะอะไรอะไรจิปาถะร้อยอย่างสำหรับที่จะชักลงไปหาทางที่รวังอยู่แล้ว ว่าถ้าขืนอย่างนี้คงจะตาย แต่มิใช่มีอะไรบังคับ ว่าถ้าไม่ทำเช่นนั้นไม่ได้ เปนเพราะความศุขในการที่ประพฤติเช่นนั้นเล็กน้อยในประจุบัน ทำให้เผลอไม่กล้วความตายได้ โดยความประมาท คือยังเช่นอ่านหนังสือค้างอยู่ อีกนิดเถอะ อีกนิดเถอะ เมื่ออีกนิดหนึ่งอ่านหนังสือไปได้เท่าใดก็ให้ความสบายทุกอีกนิดหนึ่ง แต่ใกล้เข้าไปข้างความตายทุกอีกชนิดหนึ่งเหมือนกัน แต่ความตายอยู่ทางไกล ความศุขอยู่ทางใกล้ ทำให้เผลอหลงไปตามความศุขนั้น จนเปนเครืองร่อยหรอแก่อายุได้ นี่เปนตัวอย่างที่ไม่อยากจะพูดถึงเหตุการอันร้ายกาจที่ไม่น่าจะเอามาไว้ใน หนังสือเช่นนี้ เช่นกับปีนกำแพงวัง เปนผู้ร้ายปล้น สูบฝิ่นกินเหล้าเมาเหลือเกิน แลอะไรอะไรต่าง ๆ นับไม่ถ้วน ล้วนแต่รู้แล้ว แลยั้งไม่ได้ มีเครื่องสำหรับล่อให้ตามไปใกล้เข้าข้างความตายทั้งสิ้น นี่เป็นเครื่องที่จะทำให้รักษาชีวิตรยืนยาวไปไม่ได้เปนที่สาม
อย่างที่ ๔ ซึ่งรู้แล้วว่าเปนทางของความตาย แต่จำต้องทำนั้น เหมือนอย่างกับทหารที่จะต้องเข้าสู้สึกสงคราม เมื่อมีพวกหนึ่งถืออาวุธมาคอยจะยิงจะแทงฟันตัวอยู่ รู้แล้วว่าเปนเครื่องสำหรับทำให้ตาย แต่ต้องฝ่าฝืนเข้าไปเพื่อจะเอาไชยชนะ เพราะเปนการฉลองพระเดชพระคุณเจ้านาย แลเปนการรักษาบ้านเมือง รักษาความศุขของเพื่อนมนุษย์ชาติเดียวกัน ฤๅตัวเจ็บไข้อยู่ แต่มีราชการหลวงฤๅบิดามารดาบุตรภรรยาป่วยไข้ ฤๅต้องอันตรายอันใด จำต้องไปรับราชการแลป้องกันรักษา เพื่อจะให้เจ้านายแลบิดามารดาบุตรภรรยาพ้นจากอันตราย ฤๅเห็นคนทั้งปวงเจ็บไข้ มีเปนโรคประจุบัน ที่รู้ว่าไข้เช่นนั้นติดกันได้ แต่เห็นว่าไม่มีผู้ใดดูแลรักษาคนไข้นั้นได้ทุกข์เวทนาเข้าไปช่วยรักษา คลุกคลีอยู่ที่คนไข้ อย่างนี้ก็ต้องเปนการจำเปนที่จะต้องเข้าไปใกล้ความตายนับเปนอย่างที่ ๔
เพราะฉนั้นการที่จะรักษาชีวิตรตามที่ว่า ถ้ามนุษย์รักษาชีวิตรดี ๆ อยู่แล้ว จะอยู่จนแก่หงำได้เปนธรรมดานั้น มีเครื่องกีดกั้นอยู่มากเช่นว่ามาแล้ว จึงรักษาชีวิตรไปจนแก่หงำไม่ได้โดยมาก ต้องอาไศยความผเอินช่วยการป้องกันรักษาด้วย จึงได้รอดอยู่ได้จนแก่หงำบ้าง น้อยกว่าผู้ที่ตายเสียแต่หนุ่มแต่สาว แต่ถ้าจะว่าถึงความดีความชั่ว ในการรักษาชีวิตรแล้ว อย่างที่หนึ่งที่สองนั้นเปนธรรมดาอยู่เอง แต่อย่างที่สามเปนการที่ควรจะรักษา ตามทางซึ่งเหนว่าเปนเครื่องจะให้อายุยืน หลีกละทางซึ่งเห็นว่าจะเปนเครื่องทำให้อายุสั้นให้เต็มกำลัง โดยความตั้งใจที่จะทำได้ แต่ในที่สี่นั้นเปนการจำเปนที่จะต้องทำ ถึงจะเปนทางมาของการที่อายุสั้นก็ยอมให้สั้นดีกว่ายาว เพราะคนเกิดมาจะว่าอายุเปนสำคัญกว่าการที่ทำว่าไม่ได้ ผู้ที่มีอายุอยู่จนแก่ชราถึง ๙๐ ฤๅ ๑๐๐ ก็ดี เมื่อตายแล้วสูญชื่อในทันทีมีโดยมาก แต่ผู้ซึ่งมีอายุเพียง ๒๐ เศษ ๓๐ ปี มีชื่อเสียงที่ชนภายหลังรู้จักไปอีกหลาย ๆ พันปี มีอยู่แต่น้อย ควรจะนับว่าผู้ที่มีอายุสั้นแต่ชื่อเสียงอยู่นานนั้นมีอายุยืนหลายพันปี ดีกว่าผู้ที่มีอายุ ๑๐๐ ด้วยประการฉนี้แลฯ
บางปอิน วัดจันทร์ เดือนหกขึ้นหกค่ำ
ปีชวดสัมฤทธิศก ศักราช ๑๒๕๐
............
เชิงอรรถ
๑. พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์ ๑ ประสูตรเมื่อปีฉลู พ.ศ.๒๓๙๖ สิ้นพระชนม์เมื่อปีระกา พ.ศ.๒๔๑๖
๒. ท้าววรคณานันท์ ชื่อมาลัย
คัดจากต้นฉบับ
ดาวน์โหลดได้จาก หอสมุดมหาวิทยาลัยศิลปากร
เข้ามาอ่านความรู้ดี ๆ ครับ
แวะมาเรียนรู้ด้วยคนค่ะ ^__^
มาอ่านเป็นความรู้ค่ะ
เพิ่งดูภาพยนต์มาเรื่องหนึ่ง..
ชีวิตของตัวเอกประดุจดัง นาฬิกาที่เดินถอยหลัง เกิดมาหน้าตาแก่เหี่ยวย่น อวัยวะแก่ เสื่อมด้วย
กาลผ่านมา กลับหนุ่มขึ้น ๆ
ใช่ว่าจะดีต่อเขานะคะ
ความรัก ความเป็นจริง การใช้ชีวิต..จะดำเนินอย่างไร
หนังดีน่าดูค่ะ..The curious case of Benjamin Button พูดถึงไว้ ในนี้ ด้วยค่ะ
อ่านประกอบนะคะอาจารย์ ไม่ถึงกับเป็นเรื่องเดียวกัน อยากเล่าให้ฟังน่ะค่ะ
สวัสดีครับ อ.พิมล มองจันทร์
สวัสดีครับ ครูตุ๊กแก...สู้ตายคร้าบ....
สวัสดีครับ คุณหมอภูสุภา
แวะมาอ่านเรื่องราวดีดี เพิ่มพูความรู้ค่ะ...ขอบคุณคะ...
สวัสดีค่ะ
แวะมาอ่าน เป็นภาษาที่ไม่ค่อยได้เจอนักค่ะ สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือเก่าๆ เหล่านี้
อ่านแล้วก็ทำให้เห็น...วิวัฒนาการของภาษาด้วยนะคะ
แล้วยังได้ของแถม....เรื่องชีวิตที่มีคุณค่า...ผู้มีอายุเท่าไรคงไม่สำคัญเท่ากับว่า...ได้ใช้ชีวิตที่มีประโยชน์ต่อตนและโลกแค่ไหน...
ขอบคุณค่ะ
(^___^)
ช่างไปสรรหาเรื่องดีๆหาอ่านกันได้ยากมาให้อ่าน ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับ
อ.ขจิต ฝอยทองไว้ว่างๆ จะคัดแคะแกะเกามาให้อ่านอีกครับ
น้อง •.♥°.•.♥• kittyjump.•.♥.•°♥natadee เนื้อหาน่าสนใจดีนะครับ
คุณSila Phu-Chaya เป็นความเป็นความตายเป็นปัจจุบันตลอด ไม่ล้าสมัยเลยนะครับ
คุณ คนไม่มีราก รัชกาลที่ 5 ท่านใช้ภาษากระชับ เดินเรื่องเร็ว ถ้าไำม่คิดเรื่องศัพท์สำนวนเก่า ถือว่าอ่านได้เพลินทีเดียวครับ
พี่นุช คุณนายดอกเตอร์ ยังมีอีกหลายเรื่องครับ ถ้าไม่เอามาเผยแพร่ ก็คงไม่ได้อ่านกัน เพราะสำนักพิมพ์ก็คงไม่พิมพ์ใหม่ คนก็เข้าห้องสมุดน้อยลง
(ป.ล. เพิ่งได้ยินว่า นิตยสารศิลปวัฒนธรรม นำเรื่องนี้มาตีพิมพ์เมื่อปลายปีก่อน)
ตามมาอ่าน
สวัสดีครับ
พี่แจ๋ว คุณครู วรางค์ภรณ์ เนื่องจากอวน
เป็นคติที่ไม่ล้าสมัยเลยครับ
อิๆๆ งั้นไม่ยอม
..คนข้างบนนั้นน่ะ (ขจิต ฝอยทอง) ก็เก่าเหมือนกันแหละหนา ไม่งั้นก็คงอ่านไม่ออก..
เ้ป็นไงครับ ใช้ได้ไหม ;_
พีุ่นุช ภาพนี้สวยจัง ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะคุณอา
น้องเจินมาเยี่ยมค่ะ น้องเจินมีบันทึกใหม่แล้วนะคะ
อ่าวๆๆๆๆ คุณธ.วัชชัยอยู่นครชัยศรีหรอกเหรอคะเนี่ย....อิอิ คนบ้านเดียวกันเลยนะคะ
น้องเจินแวะไปเยี่ยมมาแล้ว อิๆๆ
[SPI©Mië™]~natamaidee - - But narak..(แก๊งค์ก้านคอพับ) (ชื่อย้าวยาว) ครับ เสาร์อาทิตย์ไปป้วนเปี้ยนแถวๆ อ้อมใหญ่ กลับบ้านก็ผ่านแถวนั้นทุกที
เรื่องนี้อาจแล้วมีความรู้สะเทือนอารมณ์บอกไม่ถูก ทั้งที่ควรจะปลงในวัฏฏะสงสาร อ่านแล้วถอนหายใจออกมาดังๆ เลยค่ะ คนบางคนอยากมีชีวิตอยู่ให้ดีและยืนยาวแต่กลับไม่มีโอกาส คนบางคนเสียอีกมีครบแต่ไม่เคยถนอมชีวิตตนเอง ใช้ทุกอย่างในร่ายกายโดยไม่คำนึงว่าได้สิ่งที่ดีที่สุด
ภาษาสวยมากเลยค่ะ...เพิ่งเคยอ่านเป็นครั้งแรก ต้องหยุดเป็นพักๆ เพราะคำว่า ชีวิต ที่เราใช้กันตอนนี้ ไม่มี "ร" ตามหลัง ตอนแรกเอาไปรวมกับอีกคำที่ตามมาเลยงงๆ รวมๆ ชอบมากเลยค่ะ อยากให้ยังใช้อยู่จังเลย
จะว่ากระไรฤาท่านธ.วัชชัย ด้วยข้าพเจ้านี้พอใจภาษาอันสละสลวยนี้ยิ่งนัก - - อิอิ...พอได้ไหมคะ
เป็นคนที่ 2 แล้วนะคะเนี่ยที่บอกว่าชื่อนี้ย้าววว...ยาว - - จะทำเยี่ยงไรดีหนอข้าพเจ้าชักจะไม่มั่นใจเสียแล้ว
อิๆ
ถ้าชอบภาษาสวยๆ จะหามาให้อ่านอีกครับ
พระราชนิพนธ์ไกลบ้าน ถือว่าเป็นสารคดีเรื่องแรกๆ ของไทย
และใช้ภาษาได้หมดจดงดงาม
พระราชพิธีสิบสองเดือน ก็งดงามเหมือนกัน
คำสมัยก่อนสะกดหลายแบบ ยังไม่ตายตัวเหมือนสมัยนี้ครับ
"ศุข" ก็เจอบ่อย
ชอบภาษาแบบนี้ ลองใช้ดูบ้างปะไร
แต่อย่าใช้ภาษาแบบหนังพีเรียดนะครับ "เยี่ยงนั้น" "เียี่ยงนี้" ไม่ค่อยเห็นเลย
เหรอคะ...เอ แล้วคนแต่งเขาไปเอามาจากไหนหว่า
นึกว่าเค้าต้องอิงไปเสียทุกอย่าง อืม ต้องเข้าใจนี่เนาะคะว่าบทประพันธ์หรือละครนี่มักจะ "เว่อร์" กว่าเรื่องจริงอยู่แล้ว...อืมมมม - - ใช่ๆ
ขอบคุณนะคะ...สัญญาแล้วนะคะเนี่ยว่าจะหามาอีก จะรออ่านค่ะ ไม่ได้อ่านตามทวงค่ะ อิอิ - - ล้อเล่นค่ะ...แต่อิงความจริง เอ...ยังไง
แลเรื่องภาษานี้ ข้าพเจ้ารู้สึกชอบมันยิ่งนัก ลองยกไปใช้กับท่านใยมดดูแล้ว เอ...ยิ่งคิดคำก็ยิ่งสงสัยว่าจะใช้ว่ากระไรบ้างจึงจะเหมาะสม รบกวนท่านธ.วัชชัย รีบเอามาให้อ่านโดยเร็วนะเจ้าคะ...(อิอิ ชอบๆ)
แวะมาเยี่ยมค่ะ
สบายดีไหมค่ะ
อ่ะ พี่ ธ. ทำผมมึนอีกแล้ว วิงๆๆ
แวะมาเยี่ยมค่ะ เดี๋ยวมาอ่านนะคะ (หยอดกระปุกจนเต็มแล้วค่ะ)
อ่านจบแล้ว คงต้องขอตัวรีบไปนอนแล้วล่ะครับ
บันทึกของในหลวง ร.๕
ทำให้ตระหนักได้ว่า
นี่เราก็กำลังอยู่บนทางที่ 3
ที่นำไปสู่ความตายนี่นา
รู้ว่านอนดึกไม่ดี
ก็ยังไม่ยอมนอนเสียอีก
ไม่รู้ติดอกติดใจอะไรใน G2K นักหนา
ขอบคุณครับสำหรับบันทึกแห่งประวัติศาสตร์
สวัสดีครับ
คุณ [SPI©Mië™]~natamaidee - - But narak..(แก๊งค์ก้านคอพับ)
คุณberger0123
น้อง suksom
คุณณภัทร๙
ตั้งใจมาอ่านเป็นบันทึกแรกในเช้าวันอาทิตย์ อ่านแล้วสดชื่น มีความสุขใจค่ะ ยังมองเห็นความเป็นจริงในสังคมปัจจุบันนี้ได้อยู่นะคะ
ภาพยนตร์ที่อาจารย์หมอภูสุภาพูด พี่เห็นตัวอย่างหนังในดีวีดี ว่าจะไปตามมาดูเหมือนกันค่ะ ดูโลกที่หมุนทวนเข็มนาฬิกา...
ขอบคุณค่ะ