หมอคะ...หนูทนไม่ไหวแล้ว หนูอยากกลับบ้าน


Non compliant in ALL receieving chemotherapy

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2551

ผู้ป่วยหญิงไทยวัยรุ่นอายุ 16 ปี  เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว มารับยาเคมีบำบัดครั้งที่ 5 มาแต่ละครั้ง เธอจะต้องนอนรักษาเป็นเดือน เนื่องจากการได้รับยาเคมีขนาดสูงมาก  ผู้ป่วยจะต้องได้รับการเฝ้าระวังการเกิดภาวะไข้จากเม็ดเลือดขาวต่ำ ( Febile neutopenia) เธออยู่ในห้องแยก  เพื่อป้องกันการติดเชื้อมานานกว่า 20 วัน

หลังจากเม็ดเลือดขาวเข้าสู่ภาวะปกติ พยาบาลนำเธอออกจากห้องแยก หลังจากออกมาได้ไม่นานเธอบ่นอยากกลับบ้าน คิดถึงแม่ 

พยาบาลได้อธิบาย..ให้เข้าใจถึงความจำเป็นต้องนอน รพ เพื่อรักษาให้ยาป้องกันการติดเชื้อ  เธอยังไม่ยอมรับที่จะอยู่ต่อ 

พยาบาลจึง..แจ้งแพทย์เจ้าของไข้ให้ทราบ  แพทย์ก็เข้ามาคุยนานพอสมควร  แต่เธอไม่พูด   หลังจากที่ทุกคนกำลังยุ่งกับงานการดูแลคนไข้คนอื่นๆ  เธอก็แอบแต่งตัวกลับบ้านที่บุรีรัมย์

พยาบาล...วิ่งไปตามกันใหญ่และโทรกลับไปหาแม่เธอที่บ้าน เพราะกลัวเธอจะเป็นอันตราย แม่ของเธอบอกว่า จะตามเธอกลับมาให้ และบอกว่าจะรีบมา รพ

ในที่สุด...ก็ตามหาเจอ ที่ป้ายรถเมล์ 

พยาบาล..จึงจูงเธอกลับมาและบอกว่า จะพาไปซื้อขนม และปลอบใจเธอว่า อาจจะได้กลับบ้านเร็วๆนี้นะ เพราะเม็ดเลือดขาวปกติแล้ว แต่เม็ดเลือดแดงต่ำ จะให้เลือดเย็นนี้ ถ้าไม่มีปัญหาใดๆ น่าจะได้กลับบ้าน

เราก็หาวิดิโอให้ดูหนังที่เธอชอบและเฝ้าดูแลเธอไว้ แม่จะมาพรุ่งนี้ค่ะ แต่ตอนเช้าเห็นแม่นั่งเฝ้าลูกอยู่ แม่บอกว่า..เธอรีบลางาน มาหาลูกทันทีในเย็นวันนั้น

................

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2551 แพทย์หน่วยติดเชื้อมาเยี่ยมเธอแต่เช้า  บอกเธอว่า วันนี้จะเปลี่ยนยาฉีด ให้เป็นยาชนิดกิน ถ้าไม่มีไข้ คงจะได้กลับบ้าน  เธอก็ตั้งตาเฝ้ารอหมอเจ้าของไข้ หมอบอกว่ายังเหลือยาบางชนิดจะต้องฉีดต่ออีกประมาณ 2 วัน  เธอร้องไห้และบอกแม่ว่า จะกลับบ้าน

ดิฉันจึงไปพูดคุยและปลอบโยนเธอว่า  น่าจะได้กลับบ้านไม่เกินวันอาทิตย์นะ พี่คุยกับหมอให้แล้ว ถ้าเราไม่มีไข้  

แม่บอกว่า อยู่ รพ จนไม่ต้องฉีดยานะลูก เพราะกลับบ้าน เราก็ลำบากไปหาที่ฉีดยา อยู่บ้านเราก็อยู่ 2 คนเหมือนเดิม อยู่ รพ ยังมีเพื่อน มีพยาบาล

ดิฉัน ก็พูดกับคนไข้ว่า ก็น่าเห็นใจน้อง..นะเพราะน้องอยากอยู่บ้าน คิดถึงบ้าน แต่ถ้าไข้ไม่มีน่าจะได้กล้บนะน้อง..นะ  เธอก็เริ่มมองดิฉันด้วยสายตาแห่งความหวัง

ช่วงนี้น้อง.. อยากดูหนังเกาหลีไหม พี่จะเอาแผ่นมาให้ดู  เธอส่ายหน้า  แม่บอกว่าน้อง..ชอบตกแต่งมอเตอร์ไซด์ เธอไม่ชอบเล่นแบบผู้หญิง 

ดังนั้นเราจึงแนะนำให้นอนพักมากๆจะได้หายไวไว จะได้กลับไปตกแต่งมอเตอร์ไซด์เร็วขึ้น

......................

ปัญหาผู้ป่วยโรคเลือด จะต้องรักษาตัวใน รพ นาน

  • เรานำเรื่องนี้ไปคุยกับแพทย์เจ้าของไข้ ว่าจะหาวิธีดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้อย่างไร เพื่อป้องกันผู้ป่วยหนีออกจาก รพ
  • จัดหอผู้ป่วยให้เหมือนบ้าน หาทีวี วิดิโอ ไว้ให้ผู้ป่วยดู
  • หาการ์ตูนส์ หนังสือธรรมมะ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ไว้ให้ผู้ป่วยอ่าน
  • จัดผู้ป่วยโรคเดียวกัน ให้มาอยู่ล๊อคผู้ป่วยโรคเดียวกัน จะได้คุยกัน
  • ให้กำลังใจสม่ำเสมอ อนุญาตให้แม่เฝ้า
  • หาเพลงเพราะๆให้ฟัง
  • ให้ข้อมูลถึงความจำเป็นที่ต้องนอนรักษาใน รพ นาน

เราทำทุกอย่างแล้ว ผู้ป่วยวัยรุ่นบางส่วนยังร้องไห้กลับบ้าน

ใครมีวิธีหลอกล่อผู้ป่วยของเรา ช่วยบอกทีนะคะ  ขอบคุณค่ะ

 

หมายเลขบันทึก: 243551เขียนเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2009 20:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 มีนาคม 2012 16:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (22)

วันนี้เรานำเรื่อง ปัญหาผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่เป็นวัยรุ่น มาคุยกันและหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกันระหว่างพยาบาลกับแพทย์ประจำบ้าน

แพทย์เสนอว่า.. น่าจะมีวิธีปฏิบัติ กรณีที่หมอและพยาบาลได้พยายามอธิบายเหตุผลแล้วว่า..ถ้ากลับบ้านในช่วงนี้จะเกิดอันตรายถึงชีวิต

พยาบาล..จะนัดอาจารย์แพทย์ มาพูดคุยวิเคราะห์ปัญหาและหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกันและร่วมกัน  ในโอกาสต่อไป

 

  • น่าสงสารนะคะ เพราะยังเด็กมาก
  • คงยังมีความรู้สึกที่อยากจะเล่น จะสนุกตามประสา
  • แต่ต้องมานอนที่รพ.ให้คุณหมอ คุณพยาบาลดูแล
  • คุณหมอและคุณพยาบาลทำดีที่สุดแล้วค่ะ
  • ขอเป็นกำลังใจแด่ทุกท่านค่ะ

เราก็คิดว่าจะหาอะไรให้เด็กทำแก้เบื่อ

เช่น ทำการฝีมือ วาดภาพ ถักเสื่อไหมพรม ทำตุ๊กตากระดาษ

เด็กบางคน  ทำพวงกุญแจไหมพรม จนขายได้เป็นกอบเป็นกำ

กรณีเด็กที่ไม่ชอบทำอะไรเลยนี่สิ จะให้ทำอะไรดี

เธอจะได้ทนไหว ไม่ร้องกลับบ้าน

สวัสดีค่ะคุณครู วรางค์ภรณ์ เนื่องจากอวน

เด็กคนนี้ แม่เธอเป็นครูค่ะ ต้องลางานบ่อยมาก เพราะลูกร้องไห้ จะหนีกลับบ้านทุกครั้ง น่าสงสารแม่และลูกด้วยค่ะ

ผมเคยปลอบนิสิตว่า ..ยังดีนะ ที่หลับตาลง เรายังมีบ้านให้นึกถึง แต่สำหรับใครอีกหลายคน  กลับไม่มีบ้านให้คิดถึง...

จากนั้น  ผมก็บอกกล่าวกับเขาว่า  ผมจำเป็นต้องแจ้งเรื่องราวของเขากลับไปที่บ้านเพื่อให้คนที่บ้านได้ร่วมรับรู้..พร้อมๆ กับย้ำกับเขาว่า "ไม่มีเหตุผลใดที่คนที่บ้านจะไม่ให้อภัยเขา..เว้นเสียแต่เขาจะไม่ให้อภัยตัวเอง..."

เด็กคนนั้นหลับตาผงกศีรษะ...น้ำตาหยาดไหลเป็นทางยาว ...

ผมเกาะกุมมือเขาไว้อย่างแน่นเหนียว, ... บอกกับเขาว่า  เขาไม่ใช่ไม่เหลือใคร  อย่างน้อยก็ผมและคนทางบ้าน,

....

 

 

ทำไมหนอ..จึงมีเรื่องที่น่าเศร้าด้วย..สงสารน้องอายุแค่16

สงสารคุณแม่ของน้อง..เอ้อ..สงสารคนป่วยทุกคนอยากให้หายเร็วๆ

ศน.addก้อต้องดูแลคุณแม่ที่ป่วยเช่นกัน..วันจันทร์นี้จะต้องไปพบหมอที่ศูนย์หัวใจสิริกิต์..สงสารแม่จังเลยค่ะ

 

คุณพนัส แผ่นดิน

พี่มองเห็นภาพ พี่จะได้นำเทคนิกบางประการมาใช้กับเด็กน้อยของพี่ได้

น้อง add

คนป่วย ยิ่งเป็นวัยรุ่น อดสงสารไม่ได้เลย เธอกำลังอยู่ในวัยที่จะต้องหัวเราะ แต่เธอต้องมานอนร้องไห้ พี่จะไม่เคยตำหนิคนไข้พี่เลย ถึงแม้เธอจะดูแลอย่างยากลำบาก เราจะสอนให้น้องพยาบาลว่า ไม่ต้องโกรธคนไข้ เพราะถ้าเป็นเรา เราอาจทนพิษของยาเคมีไม่ได้ เราจะต้องนำพาเธอผ่านวิกฤติไปให้ได้

  • สวัสดีค่ะพี่แก้ว
  • น่าสงสารทั้งแม่ทั้งลูกเลยค่ะ
  • แต่ก็ต้องขอชื่นชม คุณหมอ และพยาบาล ยุคใหม่นะคะ
  • พยายามเอาใจใส่ดูแลอย่างดี
  • ถ้าทุกโรงพยาบาลมีบุคลากรดี ๆ เช่น ที่โรงพยาบาลพี่แก้ว
  • ก็คงจะดีนะคะ
  • ขอบคุณค่ะ พี่แก้ว ขอเป็นกำลังใจให้มีความสุขกับการทำงาน
  • และมีความสุขในทุก ๆ วัน ทุก ๆ งานนะคะ
  • และขอเป็นกำลังใจให้ คุณแม่ และ คุณลูก ที่พี่แก้วกล่าวถึงด้วยค่ะ

 

สวัสดีค่ะครูอิงจันทร์

พี่และพยาบาลต้องพบความทุกข์ทรมานของผู้ป่วยและญาติทุกวัน ดังนั้นอะไรที่เราทำให้ได้ เราต้องทำค่ะ

เข้าใจว่า...ในความรู้สึกทั้งหลายของน้องคนนี้

ปุ้ยว่ามันต้องมีความรู้สึกหมดหวังรวมอยู่ด้วย - - ไม่ใช่หมดหวังในฝีมือและการดูแลของคุณหมอและพยาบาล

แต่มันคือความหมดหวังที่ว่าจะได้มีชีวิตปกติ หายจากโลกนี้...ถ้าเป็นปุ้ย - - ปุ้ยคงคิดว่าเป็นตายเท่ากัน ถึงรักษายังไงก้ออาจจะหนีไม่พ้น อยากกลับไปอยู่บ้าน อยากอยู่กับแม่นานๆ ก่อนที่จะไม่มีโอกาส

หลากหลายความรู้สึกที่บางทีต้องเฝ้าดูและสัมผัสด้วยใจว่าน้องคิดและรู้สึกอะไร สิ่งสำคัญ ที่ถึงแม้ว่าเค้าจะยังเด็ก แต่เค้าต้องการความหวัง ความหวังที่ที่เราต้องทำให้เค้ายอมรับให้ได้ว่ามันเป็นความจริงว่าเค้าจะต้องหายและได้กลับไปอยู่บ้าน เพียงแต่ว่าต้องใช้เวลาสักหน่อย แล้วพอถึงเวลาเค้าจะได้กลับไปใช้ชีวิตของเค้า ทำสิ่งที่อยากทำ

คนที่เป็นโรคนี้ต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ... เชื่อว่าเค้าต้องมีความรู้สึกกลัวว่าสักวันนึงเค้าอาจจะไม่ได้กลับออกไป มันเป็นจินตนาการมั้งคะ...เด็กๆ มักคิดอะไรไปได้ไกลกว่าที่เราจะคาด

ความหวังและความมั่งคงในความเชื่อที่จะได้กลับออกไป ขอแค่รอนิดนึง ถ้าเป็นปุ้ย...ปุ้ยต้องการสิ่งนี้ องค์ประกอบอื่นๆ อาจไม่ได้ช่วยให้จิตใจดีขึ้นสักเท่าไหร่ ขอแค่ได้กลับอออกไปเห็นหน้าแม่ก้อคงดีที่สุดแล้ว เชื่อว่าพี่แก้วและพี่ๆ พยาบาลคงให้เค้าไปแล้ว แต่มันคงยังไม่ทำให้เค้ารู้สึกมั่งคงพอที่จะอยู่รักษาตัวจนครบกำหนด

ทำให้น้องเชื่อว่าเราไม่ได้หลอกว่าจะได้กลับ... สาเหตุที่เค้าหนีไปอาจเพราะเค้าคิดว่าไม่มีวันที่หมอจะให้กลับบ้าน

ต่างคนต่างความคิดค่ะ...ปุ้ยเสนอในมุมมองของคนๆ นึงเท่านั้น

ถึงอย่างไรเราก็ต้องดูเป็นรายๆ ไปว่าเค้าต้องการสิ่งใด

สู้ๆ นะคะพี่แก้ว

** หายจายโรคนะคะ... ดันพิมเป็น โลกซะได้ - - ใครอ่านล่ะเข้าใจผิดประเด็นเลย...ยังคงเอ๋อเหมือนเดิมเลยเรา

555+

เห็นใจ และสงสาร ทุกคนเลย ทั้งหมอ พยาบาล คนเฝ้าไข้ และโดยเฉพาะคนไข้ ไม่เจอกับใครไม่รู้หรอก

เคยรักษาและปรนนิบัติพ่อที่เป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร ระยะ 3 รักษาอยู่ประมาณ 4 เดือน ก็เสียชีวิต พ่อหงุดหงิดมาก ทั้งที่ปกติ เป็นคนใจดี พอรู้ว่าเป็นมะเร็ง พ่อไม่เดิน ไม่ออกกำลังกายเลย นอนอย่างเดียว และก็อารมณ์เสียใส่ทุกคนเลย โดยเฉพาะแม่ ดูจะพูดอไรไม่ถูกใจไปซะทุกอย่าง เราก็ต้องเป็นคนกลางคอยไกล่เกลี่ยตลอด

ตอนอยู่ รพ.เคยหลอกพ่อหลายเรื่อง เช่น เมื่อพ่อเห็นแขนของตัวเองเล็กลงมาก และเหี่ยวด้วย ก็พูดว่า มะเร็งมันเอาขนาดนี้เลยหรือว่ะ ก็หลอกพ่อไปว่า ไม่เป็นไรหรอก ที่เล็กลงก็เพราะพ่อไม่เดิน นอนอย่างเดียว เดี๋ยวผ่าตัดกลับไปเดินก็แข็งแรงเหมือนเก่า พ่อก็ดูจะพอใจและมีความหวังว่าถ้าผ่าแล้วจะหาย พอตอนสายหมอมาดูพ่อ แล้วพูดว่า "ลุงโปรตีนลุงต่ำ ถ้าผ่าลุงไม่ตายคาเขียงหรอก แต่จะตายอีก 3 วันต่อมา เพราะเนื้อไม่ติดกัน" ไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมหมอต้องพูดแบบนี้ อธิบายอย่างไรก็ได้ที่ไม่ทำให้คนไข้ช็อกแบบนี้ รูไม๊ พ่อนอนน้ำตาไหล ลูกเองก็กอดพ่อ ใช้มือลูบผมพ่อที่ไม่เป็นระเบียบ ให้ดูเรียบร้อยขึ้น แล้วก็บอกว่าไม่ผ่าก็รอจนกว่าจะแข็งแรงค่อยผ่าก็ได้

ตื่นเช้าพ่อจะถามทุกวันว่า หน้าพ่อเป็นยังไง ที่จริงหน้าเหลือง และซูบซีด ก็หลอกว่า ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็ปกตินะ ขาวนิดหน่อยเพราะไม่ได้ตากแดด

ดีใจกับน้องเขานะที่เจอ พยาบาลใจดี เอาใจใส่ดีมากมาก ขอให้เจริญๆ นะคะ

น้องปุ้ย [SPI©Mië™]~natamaidee - - But narak..

พี่ขอบคุณมากๆที่แสดงความคิดเห็นมาให้เรา เพราะตอนนี้เราประสบปัญหาผู้ป่วยวัยรุ่นที่ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ที่ต้องนอนใน รพ นาน

บางรายหนีออกไปจาก รพ

บางรายขอไม่สมัครใจอยู่ เพราะทนพิษยาไม่ไหว

พยาบาลคุยกับอาจารย์แพทย์หลายครั้ง 

  • อาจารย์ก็ซื้อทีวี วิดิโอและแผ่นหนังดีดี ไว้ให้ดู
  • หาวิธีการร่วมกันว่า ผู้ป่วยจะกลับไปนอนรักษาที่บ้านได้ไหม

 ให้แม่เฝ้าที่ รพ ด้วย

จากคำแนะนำน้องปุ้ย เป็นเรื่องดีมากๆ จะต้องหาวิธีอีกครั้งว่า ทำอย่างไร ถึงจะให้ผู้ป่วยรักษาจนครบ course

สวัสดีค่ะคุณงูเขียวหางไหม้

เสียใจกับคุณพ่อด้วยนะคะ

การรู้เรื่องโรค เป็นเรื่องดี แต่ต้องรู้วิธีบอก เวลาที่เหมาะสม และ บอกอย่างเทคนิก  เพราะถ้าคนไข้รู้ว่าเขาเป็นอะไร จะทำให้ผ่านกระบวนการปรับตัวดีกว่า

ขอให้คุณพ่อแข็งแรงและอยู่กับโรคได้นะคะ

  • มีคนไข้วัยรุ่นหลายคนที่ ward เด็ก
  • ส่วนใหญ่มีแกงค์ของเขา
  • approach ไม่ค่อยยาก  แต่มีบางรายต้องใช้หลากหลายกลยุทธ
  • บางทีอาจต้องมีสือประสานที่จะจูนและประคับประคองจิตใจเด็กในขณะนั้น เช่น ที่แผนกเด็กเราจะมีครูประจำ เพื่อช่วยเหลือและให้เด็ก มี attitude ที่ดีต่อการรักษา
  • ต้องมีเวลาให้เขานึดหนึ่ง ในลักษณะ เราต้องการช่วยเหลือเขาจริงๆ อยู่ข้างเขา และหวังดีกับเขา
  • เด็กวัยรุ่น เป็นตัวของตัวเองสูง มีเหตุผล มีศักดิ์ศรี ชอบให้คนอื่นชื่นชม ให้กำลังใจ
  • ถ้าแบบนี้ให้ไปคุยกับผู้ป่วยเด็กวัยรุ่น หรือครูจะดีมากค่ะ
  • ถ้าคราวหน้ามาอีก และจะหนีกลับบ้านอีก ยินดีมาช่วย approach นะคะพี่แก้ว..

เป็นปุ้ยก็คงอยากรักษาอยู่ที่บ้านนะคะ...อบอุ่น หรือไม่โรงพยาบาลก็ต้องสร้างบรรยากาศอบอุ่น - - แต่ก็คงยากนะคะเพราะใจคนป่วยก็ต้องคิดนี่คือโรงพยาบาล ลำบากนะคะ ปุ้ยเองคิดๆ ไปถ้าเป็นปุ้ยก็คงจนปัญญา ขอช่วยในการสวดขอพรแล้วกันนะคะให้คนป่วยหายไวๆ จะได้ไม่ทันคิดถึงก็ได้กลับบ้านซะแล้ว

แต่เอ...ถ้าพี่แก้วบอกว่าบางรายทนพิษยาไม่ไหว แสดงว่าจิตใจเขายังไม่สู้เท่าไหร่นะคะ สู้หมายถึงต่อสู้กับตัวเองให้ทนถ้าอยากหายกลับไป แต่ก็เดาไม่ได้ว่าจริงหรือเปล่า เพราะเอาความคิดกับความรู้สึกของเราไปเทียบไม่ได้

เป็นกำลังใจให้พี่แก้วนะคะ...สู้ๆ น้องคนนี้จะส่งกำลังใจไปให้นะ (ได้รับมาเยอะเลยจากพี่ใยมด) รอรับนะคะ - - (^-^)

เชื่อว่าจิตใจของพี่แก้วต้องเข้มแข็งและมีแรงพอจะหาหนทางให้กับพวกเขาแน่ค่ะ...และขอบคุณสำหรับกำลังใจจากพี่ด้วยนะคะ

ฝันดีค่ะ

น้องปุ้ย [SPI©Mië™]~natamaidee - - But narak..

ขอบคุณที่มาแนะนำอีก คนไข้ส่วนมากจะเม็ดเลือดขาวต่า 0 เราต้องป้องกันไม่ให้เธอติดเชื้อ  แต่อย่างไรก็ดียังมีปัญหาไข้  ช่องปากอักเสบ ทานข้าวได้น้อย เรามีวิธีปฏิบัติเพื่อป้องกันไม่ให้เกิด แต่ถ้าเกิดก็มีวิธีการดูแลค่ะ

 

ส่งดอกไม้ที่บ้านพี่สาวมาเป็นกำลังใจค่ะ

Az111

ครูอ้อย แซ่เฮ
ขอบคุณพี่ครูอ้อยมากค่ะ ที่คอยเป็นกำลังใจเสมอมาค่ะ

ดอกไม้สวยค่ะ

วันนี้พยาบาลเคมี ได้นำเรื่องของเธอมาพูดคุยกัน

ปัญหายังพบว่า ถ้าให้ยาเสร็จแล้ว จะให้เวลา 3 วัน จะขอกลับบ้าน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท