สวัสดีค่ะคุณจตุพร
กอไปอ่านบันทึกนี้มา
เลยเอามาฝากค่ะ
เมื่อไม่นานมานี้ ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับ พี่แก้ว อุบล จ๋วงพานิช ที่ขอนแก่น เราพูดคุยกันถึงเรื่อง โรคมะเร็ง (Cancer)ซึ่งพี่แก้วมีประสบการณ์ตรงในวิชาชีพพยาบาล และได้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งในวอร์ด โรงพยาบาลศรีนครินทร์
สิ่งที่จับใจความได้ในระหว่างบทสนทนา และผมจำได้ดีก็คือ..
พี่แก้วบอกผมว่า ผู้ที่มีอารมณ์เครียด มักโกรธ มีโอกาสเป็นมะเร็งสูงมาก และ หากดูตามวิถีการปฏฺบัติตัวของคนหนึ่งคนที่มีระดับความเครียดสูง พี่แก้วบอกว่า คนนี้มีแนวโน้มจะป่วยเป็นมะเร็งในระยะกี่ปี กี่ปี...
----------------------------------------------------
"โรคมะเร็งเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ คนที่กระตือรือร้นและคิดในแง่ดีจะรอดพ้นจากโรคมะเร็ง ความโกรธ การไม่ให้อภัย ความขื่นขมจะทำให้ร่างกายเครียด และเกิดภาวะเป็นกรด เราจึงควรที่จะพยายามที่จะรัก และรู้จักให้อภัย เรียนรู้ที่จะผ่อนคลาย และมีความสุขกับชีวิต "
----------------------------------------------------
เรื่องที่พูดคุยมีนัยสำคัญ และผมได้คิดต่อไปยังวิถีคนปัจจุบันที่ป่วยมากขึ้น เพราะส่วนหนึ่งเราเครียดกันมากขึ้นนี่เอง..????
ผมได้รับอีเมลจาก อดีตอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ในอดีตครั้งที่ผมยังเรียนอยู่ ท่านได้ส่งบทความเกี่ยวกับมะเร็งมาให้ ผมอ่านและไตร่ตรองดูแล้ว มีประโยชน์มาก ไม่ว่าจะมุ่งไปสู่มะเร็งหรือไม่ก็ตาม การปฏิบัติตัวที่ดี ก็หมายถึงเราก็จะห่างไกลจากโรคเรื้อรังอื่นๆไปด้วย
ในตอนหนึ่งในบทความบอกว่า " ทุกคนมีเซลล์มะเร็งอยู่ในร่างกาย แต่เซลล์มะเร็งเหล่านี้จะปรากฏให้เห็น เมื่อตรวจดูด้วยวิธีตรวจขั้นพื้นฐาน ก็ต่อเมื่อมันได้เจริญเป็นพันล้านเซลล์ " ดังนั้้นเรามีเซลล์ที่พร้อมจะเป็นมะเร็งร้ายในตัวเอง อยู่ที่ว่าเราจะดูแลเซลล์เหล่านั้นอย่างไร??
ผมจึงนำมาฝากให้อ่านครับ...
แม้ว่า อีเมลที่ส่งจากการฟอร์เวิร์ดเมลจะหาการอ้างอิงยากก็ตาม เมื่อผมอ่านจบแล้วจึงคิดว่า ไม่ว่าจะอ้างอิงวิชาการจากไหน ในฐานะที่ผมทำงานและจบการศึกษาสาย health promotion ผมจึงคิดว่า บทความนี้มีประโยชน์สำหรับการปฏิบัติตนของคนยุคนี้ครับ
ลองอ่านกันดูนะครับ
เรื่องนี้อาจช่วยรักษาชีวิตของคุณ หรือ ชีวิตของใครสักคนที่คุณรัก หลังจากหลายปีที่ใครๆ ก็บอกว่า การบำบัดเคมี เป็นหนทางเดียวที่จะลองทำได้ ในการกำจัดมะเร็ง (ลอง เป็น คีย์เวิร์ด) ในที่สุด จอห์น ฮอปคินส์ก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงทางเลือกอื่น
เซลล์มะเร็งได้รับอาหารจาก
• น้ำตาลทำให้เซลล์มะเร็งโต การลดปริมาณน้ำตาล จะช่วยลดแหล่งอาหารสำคัญของเซลล์มะเร็ง สารแทนน้ำตาล เช่น นิวทราสวีท อีควล สปูนฟูล ฯลฯ ทำมาจาก อสปาร์เทม ซึ่งมีอันตราย จึงควรใช้ผลิตธรรมชาติที่มีความหวาน แทนน้ำตาล เช่น น้ำผึ้ง หรือ กากน้ำตาล แต่ในปริมาณที่น้อย เกลือที่ใช้ บางชนิดก็มีการใส่สารเคมีเพื่อขัดให้สีขาว จึงควรใช้เกลือทะเล หรือ แบรกส อมินโนส์ (เดาว่าเป็นยี่ห้ออะไรสักอย่าง)แทน
• นมทำให้ร่างกายผลิตเมือก โดยเฉพาะภายในอวัยวะช่องท้อง มะเร็งอยู่ได้ด้วยเมือกนี้ การลดปริมาณนม และหันมาดื่มนมถั่วเหลือง(ไม่ใส่น้ำตาล)แทน จะช่วยทำให้เซลล์มะเร็งขาดอาหาร
• เซลล์มะเร็งชอบอยู่ในสภาพเป็นกรด อาหารที่มีเนื้อสัตว์เป็นหลักจะมีสภาพเป็นกรด ดังนั้นจึงดีกว่าที่หันมาทานปลา และเนื้อไก่บ้างนิดหน่อย แทนเนื้อวัว และหมู เนื้อยังเป็นแหล่งสารปฎิชีวนะ ฮอร์โมนเร่งโต และพยาธิ ซึ่งล้วนเป็นอันตราย โดยเฉพาะต่อผู้ป่วยโรคมะเร็ง
• อาหารที่ 80 เปอร์เซ็นต์ ประกอบด้วยผักสด น้ำผักผลไม้ โฮลเกรน เมล็ดพืช ถั่ว และผลไม้บ้างเล็กน้อย จะทำให้ร่างกายมีสภาพเป็นด่าง อีก 20 เปอร์เซนต์ อาจมาจากอาหารที่ถูกประกอบให้สุกแล้ว รวมถึงถั่ว น้ำที่มาจากผักสดจะให้เอนไซม์ที่ดูดซึมได้ง่าย และไปถึงระดับเซลล์ภายใน 15 นาที ซึ่งจะไปช่วยเสริม บำรุงการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ดี จึงควรดื่มน้ำผักสด (ผักส่วนใหญ่ รวมถึงถั่วงอก) เพื่อให้ได้เอนไซม์ที่ช่วยสร้างเซลล์ที่แข็งแรง และรับประทานผักดิบ วันละ 2-3 ครั้ง เพราะว่าเอนไซม์จะถูกทำลายที่อุณหภูมิ 104 องศาฟาเรนไฮต์ (40 องศาเซลเซียส)
• หลีกเลี่ยงกาแฟ ชา และชอคโกแลต ซึ่งมีคาเฟอีนสูง ชาเขียวเป็นทางเลือกที่ดีกว่า และมีสมบัติที่ต่อต้านมะเร็ง น้ำดื่ม ควรผ่านการฆ่าเชื้อโรค หรือกรองเพื่อหลีกเลี่ยงสารพิษ และโลหะหนักที่ปนเปื้อนในน้ำประปา หลีกเลี่ยงน้ำกลั่นเพราะมีความเป็นกรด
• โปรตีนจากเนื้อสัตว์นั้นย่อยยาก และต้องใช้เอนไซม์ช่วยย่อยหลายชนิด เนื้อที่ไม่ได้รับการย่อยจะคงอยู่ในลำไส้และเน่า ทำให้เกิดการสะสมของสารพิษ
• ผนังเซลล์ของเซลล์มะเร็งถูกปกป้องด้วยโปรตีนที่เหนียว การหลีกเลี่ยง หรือทานเนื้อสัตว์ให้น้อยลง ทำให้เอนไซม์สามารถทำลายผนังเซลล์ของเซลล์โปรตีน และทำให้เซลล์ที่ร่างกายมีไว้ทำลายเชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอมไปทำลายเซลล์มะเร็งได้
• อาหารเสริมบางอย่าง(ไอพี6 ฟลอเซนส์ เอสเสียค แอนตี้ออกซิแดนต์ส์ วิตามิน เกลือแร่ อีเอฟเอ อื่นๆ) ช่วยเสริมสร้างระบบที่ช่วยให้สิ่งทำลายสิ่งแปลกปลอมของร่างกายเราสามารถทำลายเซลล์มะเร็ง อาหารเสริมอื่นเช่น วิตามินอี เป็นที่รู้กันว่าช่วยทำลายเซลล์ หรือตั้งโปรแกรมฆ่าเซลล์ ซึ่งเป็นระบบที่ร่างกายเราใช้ในการทิ้ง หรือทำลาย เซลล์ที่เราไม่ต้องการ ไม่จำเป็น
• โรคมะเร็งเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ คนที่กระตือรือร้นและคิดในแง่ดีจะรอดพ้นจากโรคมะเร็ง ความโกรธ การไม่ให้อภัย ความขื่นขมจะทำให้ร่างกายเครียด และเกิดภาวะเป็นกรด เราจึงควรที่จะพยายามที่จะรัก และรู้จักให้อภัย เรียนรู้ที่จะผ่อนคลาย และมีความสุขกับชีวิต
• เซลล์มะเร็งอยู่ไม่ได้ในภาวะที่มีออกซิเจน การออกกำลังกายทุกวัน และหายใจลึกๆ จะช่วยให้เราได้รับออกซิเจนมากขึ้นในระดับเซลล์ การบำบัดโดยใช้ออกซิเจนจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่นำมาใช้ในการทำลายเซลล์มะเร็ง
• อย่าใช้ภาชนะพลาสติกในไมโครเวฟ
• อย่าใช้ขวดน้ำในช่องแช่แข็ง
• อย่าใช้ที่ห่ออาหารจากพลาสติกในไมโครเวฟ
• สารไดออกซินทำให้เกิดมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม
• ไดออกซินมีพิษต่อเซลล์ของร่างกายเรา
• อย่าแช่แข็งขวดน้ำพลาสติกที่บรรจุน้ำในช่องแข็ง เพราะนั่นจะเป็นการปลดปล่อยสารไดออกซินออกมาจากพลาสติก
• จึงควรใช้แก้ว เช่น ภาชนะคอร์นนิ่ง ไพเรกซ์ หรือเซรามิคในการอุ่นอาหาร เพราะจะได้อาหารที่อุ่นอร่อยเหมือนกัน ต่างตรงทีไม่มีสารไดออกซินตกค้าง เพราะฉะนั้นอาหารสำเร็จรูปที่มาในภาชนะพร้อมใช้อุ่น ควรนำมาใส่ภาชนะอื่นก่อนอุ่นกระดาษไม่แย่ แต่คุณก็ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในกระดาษนั้นบ้าง เพราะฉะนั้นมันเลยปลอดภัยกว่าที่จะใช้ภาชนะแก้ว คอร์นิ่ง เป็นต้น ดร.เอ๊ดเวิร์ดยังบอกต่ออีกว่า เมื่อไม่นานมานี้ ร้านอาหารได้เปลี่ยนจากการใช้ภาชนะ โฟม มาเป็นกระดาษ และสาเหตุหนึ่งก็เป็นเรื่องของไดออกซิน เขายังได้ชี้อีกว่าในพลาสติกห่ออาหาร เช่น ซุราน ก็ไม่ปลอดภัยที่จะนำมาใช้ห่ออาหารในไมโครเวฟ ในขณะที่อาหารกำลังถูกทำให้สุก ความร้อนจะทำให้สารพิษซึ่งละลายออกมาจากพลาสติก ซึมเข้าสู่อาหาร ให้คลุมอาหารด้วยกระดาษแทน นี่เป็นบทความที่คุณควรส่งให้ทุกคนที่เป็นคนสำคัญสำหรับคุณ
1 บทความมะเร็ง จาก ฟอร์เวิร์ดเมล
ไม่เครียดมาก ก็ เป็นวิธีหนึ่งที่ป้องกัมะเร็ง
ขอบคุณสาระดีๆ
มีสิ่งดีๆ ปลอดภัย นะคะ
มาดูน้องหมา เล่นฟุตบอล แก้เครียดค่ะ :)
ได้ความรู้ดีมากเลยค่ะ....จะนำไปปฏิบัติลองดูนะค่ะ...
สวัสดีค่ะคุณเอก
ขออนุญาตคุยยาวๆหน่อยนะคะ เป็นเรื่องเดยวกัน
ที่หมู่บ้านของพี่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำสถานีอนามัยกำลังรณรงค์ /ตรวจค้น มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
เพื่อค้นหาผู้ป่วยในระยะเริ่มแรก
เป้าหมาย คือ หญิงวัยเจริญพันธุ์ ตั้ง อายุ 35ปี 40.. ...จนถึง อายุ 60 ปี เรียกว่าดูแลทุกครัวเรือนเลยค่ะ
ส่งหนังสือแจ้งให้ทราบทุกบ้านที่เป็นเป้าหมาย กำหนดวันที่นัดตรวจ จัดทำทะเบียนผู้ป่วย บันทึกผลใครที่ไม่ได้ไปรับการตรวจ ติดตามแบบประชิดตัวเลยค่ะ
โดนตามเหมือนกันค่ะแต่รับปากกับน้องๆที่ สอ.ไว้ว่า จะไปตรวจที่รพ.แม่และเด็ก และนำผลไปให้ลงทะเบียนครอบคลุมการดูแล ตอนนี้ให้โอกาสกับชาวบ้านที่เขาไม่สะดวกเดินทางไปตรวจที่รพ. และต้องเสียค่าใช้จ่ายจาก รพ.ในตัวเมืองก่อน
ดีใจนะคะที่เห็นคนในชุมชนได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด จริงจัง จากภาครัฐฯ หวังว่าจะลดจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งได้บ้าง
และขอบคุณสาระน่ารู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง คงยังไม่สายที่จะหันมาดูแลสุขภาพตัวเอง ใส่ใจกับคนรอบข้างเกี่ยวกับเรื่องอากหารการกิน
ตอนนี้อบรมอยู่ที่พิษณุโลกค่ะ
ขอบพระคุณมากค่ะ อาจารย์
บทความของอาจารย์มีประโยชน์มากค่ะ
เพราะตอนนี้คนใกล้ชิดหลายคน ทราบข่าวว่าเป็นมะเร็งทั้งนั้นเลยค่ะ
เคยบอกพวกเขาให้ระวังในเรื่องอารมณ์ เพราะเป็นสาเหตุของมะเร็ง เขาก็ยังเถียงนะคะ ... ดีเลยค่ะ นำบทความของอาจารย์นี่แหล่ะไปยืนยัน...จะได้สงบจิตใจลงได้บ้าง
เป็นประโยชน์มากค่ะ ต่อไปนี้จะพยายามไม่เครียด และออกกำลังเป็นประจำ
สวัสดีค่ะ พี่เอก..อยู่ใกล้ๆ พอลล่ารับรองไม่เครียดแน่ๆ ค่ะ อิอิ ขอบคุณท่านอาจารย์ health promotion การให้ข้อมูลเป็นส่วนหนึ่งของการเสริมพลังหรือปล่าวคะอาจารย์ขา.........
ขอบคุณข้อมูลดี ๆ คะ
ที่จริงทำงานอยู่ใกล้หน่วยมะเร็งมาก
แต่เห็นการปฏิบัติบางอย่างยังเสี่ยงกับการเกิดมะเร็ง
ทำใจคะ ไม่เครียดดีที่สุด พี่ประกายไปเที่ยวคนเดียวก็ไปมาแล้วสนุกดี ไม่ต้องรอใคร
ขออนุญาตนำไปเผยแพร่ด้วยนะครับคุณเอก ขอบคุณมากครับ
สวัสดีค่ะ
แอปเปิ้ล ไซเดอร์ ช่วยต่อต้านมะเร็งได้จริงหรือ
หุหุ..ภาพหายไปค่ะ แก้ตัวใหม่นะ
สวัสดีค่ะ..
เข้ามาติดตามทั้งภาพและเรื่องราวของคุณบ่อยๆ คุณถ่ายรูปได้สวยมาก ทั้งสวยและมีชีวิต อ่านแล้วสบายใจ วันนี้โอกาสดีจึงเข้ามาเพื่อบอกว่าเป็นอีกหนึ่งคนที่เป็นแฟนคลับของคุณ ชอบบ้านเกิด"ปาย"ของคุณ มากๆ ได้แนะนำให้หลายๆคนเข้ามาชมบล็อกของคุณ
ขอบคุณผู้รักสุขภาพทุกท่านนะครับ..
ผมสบายดีครับ การงาน"ชุก" เล็กน้อยแต่ก็ สบายใจดีครับ
:)
น้องเอก สบายดีนะคะ
ทำใจให้สบาย ห่างไกลมะเร็งค่ะ
ขอบคุณที่กล่าวถึงค่ะ จากประสบการณ์ของพี่ที่ดูคนที่ป่วยเป็นมะเร็งส่วนมากในชีวิตที่ผ่านมาจะมีความเครียดรุนแรง ตลอดเวลา ไม่ปล่อยวาง
สวัสดีครับน้องเอก สบายดีไหม งานก่อสร้างกำลังเริ่มและรีบเร่ง โอกาสในการเข้ามาบันทึกจึงน้อยลง คนข้าง ๆ บอกว่าให้เข้ามาบ้าง เดี๋ยวหลุดวงจร รักษาสุขภาพด้วย การเดินทางลดน้อยลงบ้างหรือยัง ..
*โรคมะเร็งเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ คนที่กระตือรือร้นและคิดในแง่ดีจะรอดพ้นจากโรคมะเร็ง ความโกรธ การไม่ให้อภัย ความขื่นขมจะทำให้ร่างกายเครียด และเกิดภาวะเป็นกรด เราจึงควรที่จะพยายามที่จะรัก และรู้จักให้อภัย เรียนรู้ที่จะผ่อนคลาย และมีความสุขกับชีวิต *
บันทึกนี้..ขึ้นท็อปทรี(สามอันดับ-ฮิต..ตั้งเองค่ะ)แน่ ๆ
คนเรากลัวมะเร็งพอ ๆ กับกลัวตาย
คนที่เห็นชิ้นเนื้อร้าย ๆ บ่อย ๆ(เช่น..พี่..ยังสุดสยอง)
เชื่อข้อความที่คัดลอกลงมาค่ะ จริง ๆ แล้วเชื่อในเกือบทั้งหมด
การปฏิบัติตามหลักธรรมของศาสนาพุทธเรา จะเป็นปราการป้องภัยร้ายนี้ได้
ขอบคุณบันทึกดี ๆ ค่ะ
ทำงานหนัก
พักผ่อนน้อย...
เครียดและโกรธง่าย
ผมมีความเสี่ยงอย่างน่าตกใจมากเลยนะครับ
ตอนนี้ ..ผมนั่งฟังบรรยายตามหลักสูตรการฝึกอบรมสมรรถนะ
วิทยากรกำลังพูดถึงเรื่อง "มะเร็ง"
เลยแวะขออนุญาตนำบันทึกนี้เข้าสู่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ..นะครับ
ช่วยเล่าต่อได้มั๊ยคะว่า การสังเกตอาการมะเร็งเบื้งต้นเป็นอย่างไร
ตอนนี้ก็กำลังตรวจอยู่ค่ะ กลัวเหมือนกันว่าจะเป็นมะเร็ง
มันทรมานมากมายสงสัยกินอาหารไม่เลือก
ดีค่ะที่ได้ความรู้มากมาย