จากข่าวสารที่เราได้รับรู้ในขณะนี้ ต่างก็ทราบกันดีแล้วว่าทั่วโลกกำลังประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจกันอย่างหนัก อเมริกาที่เป็นเจ้าตำรับของทุนนิยมก็ย่ำแย่ หากเป็นคนป่วยก็คงอาการร่อแร่ บริษัทใหญ่ๆ เจ๊งไปตามๆ กัน คนตกงาน และส่งผลกระทบไปทั่วทุกมุมโลก
ประเทศไทยเรา นักวิชาการหรือผู้รอบรู้ต่างก็ทำนายกันว่าปี 2552 นี้ จะมีคนตกงานไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนคน และข่าวคราวทางสื่อต่างๆ ก็นำเสนอและเป็นสิ่งยืนยันถึงปัญหาที่เริ่มส่งผล ไม่ว่าจะเป็นการปิดตัวเองของธุรกิจ การประท้วงของคนงานในโรงงาน การเลิกกิจการ ฯลฯ
และเมื่อ 2-3 วันมานี้ที่ต่างประเทศ โตโยต้าก็ประกาศว่าประสบกับภาวะขาดทุนครั้งแรกในรอบเกือบ 70 ปี ใครจะคาดคิดบ้างว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ ในสภาวะที่คนเกือบทั้งโลกหันไปหา-นิยมในวัตถุ ใครๆ ก็อยากมีรถยนต์ บ้านเราถึงกับเคยมีคำโฆษณาว่า "โตโยต้า ปัจจัยที่ 5 ของคุณๆ" แต่มันเกิดอะไรขึ้นกับอุตสาหกรรมเหล่านี้
เมื่อพูดถึงรถยนต์ ผมจำได้ว่าครั้งหนึ่งในเวทีการสนนากับชาวบ้านเมื่อเกือบสิบปีมาแล้ว ตอนนั้นข้าวเปลือกยังเกวียนละ 3,000 บาท ในเวทีตอนนั้นเราได้กระตุ้นให้กลุ่มได้คิดถึงคุณค่า-มูลค่าของข้าวกับวัตถุเครื่องจักร เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นความสำคัญ-มูลค่าที่แท้จริง เราได้นำประเด็นของรถยนต์ซึ่งตอนนั้นหากใครจะซื้อรถยนต์ใหม่หนึ่งคัน จะต้องขายข้าวไปถึง 200 เกวียน จึงจะได้รถยนต์มาหนึ่งคัน หากเจ้าของมีรายได้ดี ทำธุรกิจก็อาจจะใช้ประโยชน์ของรถได้คุ้มค่า คือมูลค่าและคุณค่าเหมาะสมกัน แต่หากว่าซื้อเพราะอยากได้-ไม่ได้ใช้ให้สมกับมูลค่า รถยนต์ก็จะไม่เกิดคุณค่าสำหรับผู้ซื้อ ข้าวเปลือกซึ่งหากเก็บไว้บริโภคแล้ว ครอบครัวที่ไม่ใหญ่มากนัก ข้าวเปลือก 200 เกวียนนี้ สามารถบริโภคได้เป็นร้อยปี
เป็นการเปรียบเทียบในขณะการสนทนากลุ่มนะครับ เพื่อให้ได้ฉุกคิดกันถึงคุณค่าและมูลค่าของวัตถุ ว่าจะคุมกับการที่เราหลงตามโลกของวัตถุ หรือว่าเราจะอยู่กับโลกของความเป็นจริง เพราะขณะนั้นคนเริ่มทิ้งไร่-นา เข้าไปทำงานในโรงงานกันมาก ไม่มีใครสนใจที่จะทำอาชีพการเกษตร ที่หลายคนบอกว่าเหนื่อย ลำบาก ซึ่งหากมองดูก็เห็นคล้อยตามเป็นอย่างนั้น เพราะการทำการเกษตรเพื่อค้าเพื่อขาย ตามระบบทุนนิยม ที่ไม่ได้เพื่อการพึ่งพาตนเองเป็นเบื้องต้นนั้น ย่อมต้องพบกับปัญหาเหมือนการอุตสาหกรรมเพียงแต่ประเด็นจะต่างกันไปตามบริบทเท่านั้นเอง
พอมาถึงวันนี้ เมื่อโรงงานปิดตัวเองลง คนที่ทำงานหรือคนที่เกี่ยวข้อง หรือพึ่งพาโรงงานก็จะอยู่ไม่ได้ ไม่อยากนึกภาพของปัญหาสารพัดที่จะตามมา .......
เราคงจะปฏิเสธการพัฒนา หรือการเปลี่ยนแปลงที่นำเราออกมาจากโลกของการพึ่งพา หรืออยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ มาอยู่ในโลกของการแข่งขันไม่ได้เสียทั้งหมด ที่ปัจจุบันใช้เงินเป็นตัวชี้วัดการพัฒนาหรือความเจริญเติบโตของประเทศ ที่นับวันแต่จะทำลายธรรมชาติ-ทำลายตัวเอง แต่เราจะทำอย่างไรให้อยู่ได้อย่างสงบสุข ทำลายธรรมชาติให้น้อยลง เพื่อที่เราจะได้อยู่ในโลกใบนี้ไปนานๆ
เพราะเงินบางครั้งก็ไม่สามารถซื้อได้ในทุกๆ สิ่ง (แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธิการใช้เงิน) ของบางอย่างแม้คุณค่าจะสูงส่งแต่เมื่ออยู่ในโลกของวัตถุอาจจะมีมูลค่าที่ไม่สูงนัก (แต่ก็มีคุณค่าในตัวของมันเองอยู่แล้ว) ดังข้อเตือนใขของ มจ.สิทธพร ที่เห็นความจริงที่ว่า
"เงินทองเป็นมายา ข้าวปลาเป็นของจริง"
สิงห์ป่าสัก 25 ธันวาคม 2551
สมัยก่อน..ปู่ย่าตายาย พ่อแม่เรา ไม่มีเงินก็อยู่ได้ค่ะ
เพราะในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ในสวนมีผักผลไม้
เห็นว่า เศรษฐกิจพอเพียง เราจะได้นำมาใช้อย่างแท้จริงนะคะ
Merry Christmas
-ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ครับอ้านสิงห์
-สุขภาพ กาย ใจ แข็งแรง เน่อคับ
-สวัสดีปี๋ 52 ร่ำรวย ๆ คับ
มาสวัสดีปีใหม่ครับ
สวัสดีปีใหม่ครับ
*-* สวัสดีค่ะ.....มาอวยพรในวันปีใหม่ ๒๕๕๒
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
สวัสดีปีใหม่ 2552 ค่ะ
มีความสุขในทุกๆวันนะคะ
โชคดี ตลอดปีและตลอดไป
J สุขภาพแข็งแรงค่ะ J
วันนี้ผมต้องรีบเร่งสะสางระบบรายงานฯ
จะได้ตัวเบาๆ รับวันขึ้นปีใหม่...วันทำงานวันแรก....
สวัสดีปีฉลูครับพี่