นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2551 มีจำนวน 31 คน เป็นนักเรียนที่เลื่อนชั้นขึ้นมา 30 คนและเป็นนักเรียนเก่าที่ย้ายไปเรียนที่อื่นและกลับมาเข้าใหม่อีก 1 คน นักเรียนทั้งหมดเคยสอนกันมาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จนถึงบัดนี้เป็นเวลาย่างเข้าปีที่ 6 ตลอดเวลาที่ทำการสอนได้พบปัญหาด้านพฤติกรรมที่แตกต่างกัน ทั้งที่แก้ไขได้และแก้ไขไม่ได้ นับว่าเป็นอุปสรรคปัญหา เนื่องจากนักเรียนไม่ให้ความร่วมมืออันได้แก่
1. ด้านพฤติกรรม ก้าวร้าวต่อครู ต่อเพื่อน สูบบุหรี่ เล่นการพนัน ดื่มสุราตั้งแต่อยู่ชั้นเล็ก ๆ เพราะสภาพแวดล้อมของครอบครัวและชุมชนที่อาศัยอยู่ มีจำนวน 3 คนเป็นนักเรียนชาย ไม่สนใจในการเรียน ขาดความรับผิดชอบต่อการเรียน ไม่ทำงานที่ได้รับมอบหมาย ไม่ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ไม่เอาสมุดหนังสือมาเรียน เข้าห้องเรียนช้าและขออนุญาตออกนอกห้องบ่อยมาก อบรมว่ากล่าวก็จะดีขึ้นเพียงครั้งเดียวแล้วก็เป็นเหมือนเดิม ในกลุ่มสาระอื่น ๆ ครูผ้สอนได้พบปัญหาเช่นเดียวกัน ขอสมมุติชื่อให้เด็กนักเรียน 3 คนนี้ว่าA B และ C ผลการเรียนภาษาอังกฤษชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 อยู่ในระดับ 0
2. ด้านพฤติกรรมเฉยชา เล่นในห้องเรียนเหมือนเด็กเล็ก ๆ มาโรงเรียนทุกวัน เข้าห้องเรียนทันเวลา ไม่สนใจการเรียนทุกกลุ่มสาระ ไม่ทำการบ้าน งานในชั่วโมงทำไม่เสร็จ อ่านหนังสือไม่คล่อง ไม่เคยส่งงานทุกกลุ่มสาระ เด็กชายคนนี้สมมุติชื่อว่า D ย้ายมาเข้าเรียนที่โรงเรียนนี้เมื่อชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีผลการเรียนภาษาอังกฤษระดับ 0
3. นักเรียนจำนวน 4 คนมีพฤติกรรมแตกต่างกันแยกได้คล้ายคลึงกันออกเป็น 2 กลุ่มคือ
3.1 นักเรียนหญิง 2 คนแรกมาโรงเรียนทุกวัน ทำการบ้านบ้างเป็นบางครั้ง ได้รับการแก้ไขให้พัฒนาขึ้นได้เล็กน้อย เพราะระดับสติปัญญา ตอบคำถามได้เมื่อครูถาม มีปฏิสัมพันธ์กับครุและเพื่อน ๆ มีน้ำใจโอบอ้อมอารีช่วยเหลืองานครูและรับผิดชอบกิจกรรมนอกห้องเรียนได้ดีมาก สมมุติชื่อ หนึ่งและสอง
3.2 นักเรียนหญิง 2 คนหลังเป็นเด็กบ้านแตก สมมุติชื่อสามและสี่ / สามเป็นเด็กกำพร้าพ่อ แม่ ตั้งแต่เล็กอยู่กับยายที่สูงอายุแล้วและยากจน มีพี่ชายต่างบิดา 1 คนเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ได้ทุนเรียงความเป็นค่าเล่าเรียน สามเป็นเด็กชอบเที่ยวเตร่ ขี้เกียจ ไม่ช่วยยายทำงาน ใครชวนไปที่ไหนก็ไปตามง่าย ๆ โดยเฉพาะเพื่อนต่างเพศ ชอบร้องเพลงเสียงดัง ไม่เลือกกาละเทศะ ชอบคุยในเวลาเรียน อีกคนชื่อสี่เป็นเด็กที่พ่อแม่หย่ากัน อาศัยอยู่กับยายที่ยากจน แม่ไปมีสามีใหม่ พี่สาว 1 คนแต่ได้มีครอบครัวตั้งแต่เรียนอยู่ ปวช.ปีที่ 3 เด็กทั้งสองจะเติบโตเกินวัย ตลอดจนพฤติกรรมที่แสดงออกเช่นวัยของหนุ่มสาว มักจะปลีกตัวออกจากกลุ่มเพื่อน ๆ ในชั้นเรียน ครูสาระอื่น ๆ มีความเห็นเช่นเดียวกัน
ผลการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ เป็นดังนี้
1. สัปดาห์แรกระหว่างวันที่ 20-23 พฤษภาคม 2551 ได้ดำเนินการสอนหลังจากการเตรียมความพร้อม การทดสอบความรู้พื้นฐาน การอบรมคุณธรรมจริยธรรม ครั้งแรกพบว่ามีนักเรียนส่งงานเพียง 7 คน ทั้งนี้นักเรียนและครูได้ตกลงกันว่าให้มีการเก็บคะแนนเป็นรายชั่วโมง ซึ่งพฤติกรรมที่กล่าวมาแล้วข้างต้นได้ลดลงมาก
2. สัปดาห์ที่ 2 ระว่างวันที่ 26 - 29 พฤษภาคม 2551 ได้พบปัญหาการไม่ส่งงานลดลงคือส่ง 22 คน ไม่ส่งงานเพียง 9 คน สุดท้ายของชั่วโมง ได้รายงานให้นักเรียนทราบคะแนนของสัปดาห์แรก ยกย่องชมเชยนักเรียนแต่ละคน และไม่กล่าวถึงคนที่ไม่ได้ส่งงาน แต่ได้อ่านพฤติกรรมโดยรวมให้นักเรียนทราบ เช่นไม่ให้เกียรติครูและเพื่อน ๆ ไม่สนใจการเรียน คุยในขณะที่ครูสอน โดยไม่ระบุชื่อเพื่อให้นักเรียนทบทวนตัวเองว่าใครมีพฤติกรรมเช่นนี้บ้างควรหาทางปรับปรุงแก้ไข ใครไม่มีดังที่ครูบอกแสดงว่าเป็นเด็กดี ให้รักษาคุณภาพเป็นเด็กดียิ่ง ๆ ขึ้นไป บางคนมีความพยายามดีมาก แม้จะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ได้ให้ข้อคิดคุณธรรมความขยันหมั่นเพียร การประหยัดเวลาใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ ทำให้เวลามีคุณค่า มีความซื่อสัตย์ต่อครู ต่อเพื่อน ต่อตนเอง ไม่ลอกการบ้านของเพื่อน มีวินัยในตนเองโดยการรับผิดชอบต่อหน้าที่ของเด็ก การเชื่อฟังครูและพ่อแม่ถือว่ามีคุณธรรมด้านความกตัญญู
ในชั่วโมงนี้ได้แบ่งนักเรียนออกเป็น 5 กลุ่มคัดเลือกนักเรียนที่มีผลการเรียนดีและมีความขยันเป็นหัวหน้ากลุ่ม นอกจากนั้นให้เฉลี่ยกันเลือกเข้ากลุ่มตามความสมัครใจ ทบทวนการอยู่ร่วมกันตามหลักธรรมาภิบาล นักเรียนทุกกลุ่มช่วยกันตอบว่ามีการเสนอปัญหาร่วมกัน หาแนวทางแก้ปัญหา รักใคร่สามัคคี ให้โอกาสเพื่อน ยอมรับความคิดเห็น มีความเอื้ออาทรช่วยเหลือกันและการตัดสินใจร่วมกัน
ก่อนหมดชั่วโมง 5 นาที ให้นักเรียนเรียงตามลำดับเลขที่ นำสมุดมาให้ครูตรวจสอบว่า การทำงานเป็นอย่างไร (จะอนุญาตให้คนที่ไม่เสร็จนำไปทำนอกเวลา) ผลปรากฏอย่างไม่คาดฝัน นักเรียนทำงานเสร็จทันตามเวลาทุกคน จึงได้ตรวจพบว่ามีนักเรียนที่ต้องได้รับความช่วยเหลือในการปรับปรุงพัฒนาเพียง 3 คน
1. คนแรกคือเด็กชาย D น่าจะเป็นครั้งแรกที่ทำงานเสร็จพร้อมส่ง การที่ไม่ทำงาน ไม่ส่งงาน จึงทำให้ยากต่อการแก้ไข ได้ให้ดี ครั้งนี้มีปัญการการใช้เครื่องหมายในประโยค ได้อธิบายและให้ตัวอย่างไปแก้ไขใหม่ที่บ้าน ไม่มั่นใจว่าเขาจะทำ เพราะที่ผ่านมานั้นเขาไม่เคยทำแม้แต่ครั้งเดียว
2. เด็กชาย F (ไม่เป็นนักเรียนที่กล่าวถึงข้างต้น) ทำงานแทบทุกครั้ง และมีน้อยครั้งที่จะทำไม่เสร็จ แต่มีปัญหาระดับสติปัญญา ทำงานไม่เรียบร้อย สกปรก ไม่รู้จักวรรคตอน และการใส่เครื่องหมายต่าง ๆ
3. เด็กหญิงสอง (เด็กในกลุ่มที่กล่าวถึง) มีความพยายามทำงาน ได้แก้ไขเช่นเดียวกับเด็กชาย A สารภาพว่าที่แล้วมานั้นลอกของเพื่อนบ่อย ๆ และสัญญาว่าต่อไปจะไม่ลอกอีก
สิ่งที่ค้นพบในครั้งนี้คือ...การที่ได้เล่าให้เพื่อนครูในโรงเรียนฟังว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ส่งการบ้านทุกคน รวมทั้งเด็กชาย A B C D
ชั่วโมงต่อมา นักเรียนมานั่งตามกลุ่มที่จัดไว้ให้ มาเข้าห้องเรียนตรงเวลากว่าที่เคย มาพร้อมกันทั้งชั้น ไม่มีคนใดคนหนึ่งเข้าห้องช้ากว่าปกติ วันนี้มีนักเรียนขาดเรียน 3 คนคือ เด็กชาย B (ที่มีปัญหาข้างต้น) เด็กชาย G และเด็กหญิงห้า รายแรกไม่ทราบสาเหตุ สองรายหลังป่วยเป็นไข้หวัด ทบทวนเรื่องการใช้ Verb To Be ในประโยคบอกเล่าและประโยคปฏิเสธ ความคาดหวังไม่มีความมั่นใจว่าจะเหมือนชั่วโมงที่ผ่านมาว่านักเรียนจะทำงานเสร็จในเวลาที่กำหนดได้ทุกคน ผลเป็นดังนี้
1. นักเรียนทำงานเสร็จทันเวลาครบจำนวน 28 คน ตรวจงานนักเรียนทั้งหมดแล้วพบว่าส่วนมากมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องที่เรียนอยู่ในระดับดี มีคะแนนระหว่าง 12 - 22 (คะแนนเต็ม 22)
2. กลุ่มที่ 6 ที่มีเด็กชาย D เป็นสมาชิกทำงานเสร็จช้าที่สุด เพราะทุกคนร่วมมือกันให้ความช่วยเหลือเด็กชาย C เป็นอย่างดี และนอกจากนี้เด็กชาย C ได้ทำการบ้านที่ให้เมื่อวานเสร็จเรียบร้อย
3. เด็กหญิงสองทำงานเสร็จเกือบสุดท้ายของกลุ่ม แต่ขาดความเป็นระเบียบเรียบร้อย เขียนตกหล่น อ่านไม่ได้ แต่เด็กหญิงสองมีปฏิสัมพันธ์กับครูดีมาก เล่ารายละเอียดกับเหตุผลในการเรียนรู้ให้ฟังโดยไม่ต้องถามว่า "พอเข้าใจบ้างแล้ว แต่จะพยายามแก้ไข จะเขียนอย่างรอบคอบ จะนำแบบฝึกหัดไปแก้ไขที่บ้าน"
นักเรียนที่ทำตัวเป็นปัญหานับตั้งแต่ A B C และ D เห็นความสำคัญของการเรียนภาษาอังกฤษมากขึ้น พฤติกรรมที่กล่าวมาข้างต้นได้ลดลงมาก กลับมาสนใจการเรียน สนใจครู และมีความสุขหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส จึงยกย่องชมเชย ให้กำลังใจเพื่อน ๆ ปรบมือและยอมรับมากขึ้น "การยกย่องชมเชยจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักเรียนเกิดแรงจูงใจและเรียนอย่างประสบผลสำเร็จ คุณภาพการเอาใจใส่ของครูเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด เพราะการยกย่องชมเชยอย่างมีความหมาย จะส่งผลให้เกิดความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจ เอื้ออาทรต่อกัน และการเอาใจใส่ของครูและการชื่ชนพฤติกรรมทางบวก ไม่เพียงแต่จะเกิดผลต่อนักเรียนคนใดคนหนึ่งเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อเด็กทั้งชั้นอีกด้วย เพราะการที่นักเรียนสังเกตสิ่งที่ทำให้ครูสนใจ นักเรียนได้เรียนรู้พฤติกรรมใดบ้างที่สมควรจะได้รับการยกย่องจากครู" (Carolyn Webster - Station. 2003 หน้า 132)
ปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบที่ค้นพบในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในครั้งนี้ได้แก่ คะแนนรายชั่วโมง การอ่านพฤติกรรมนักเรียนโดยรวมให้เพื่อน ๆ ฟังทั้งชั้น และกลุ่มนักเรียน จากรายละเอียดของข้อมูลในครั้งนี้จะเป็นพื้นฐานในการศึกษาลีลาการเรียนรู้ของผู้เรียนกลุ่มนี้ตอนต่อไป
ชื่นชมคุณครูค่ะ ฝากอนาคตประเทศไทยกับครูนี่ล่ะค่ะ ในการหลอมนักเรียนให้เป็นคนดีของชาตินะคะ
น่สนใจคำว่า ลีลาการเรียนรู้
สวัสดีค่ะครูคิม การยกย่อง ชมเชย เป็นการสร้างแรงเสริมให้กับเด็กได้เป็นอย่างดีค่ะ
+ สวัสดีค่ะ..ครูคิม..
+ ยอดเยี่ยมมากค่ะ...
+ ขออนุญาตนำไปใช้บ้างค่ะ...
+ ส่วนใหญ่แล้วเด็ก ๆ ที่มีปัญหาถ้าเราได้ใจเขา...รับรองได้เลยค่ะว่าพฤติกรรมตอบสนองดีขึ้น...
+ แต่ต้องใช้ระยะเวลาค่ะ...ที่สำคัญดีไม่ได้ดั่งใจค่ะ...แต่ดีขึ้นค่ะ...และเราค่อย ๆ พัฒนาไปเรื่อย ๆ ค่ะ....
+ คุณครูเก่งมากค่ะ....ชื่นชมและภูมิใจจังเลยค่ะ....
+ ประทับใจกับสิ่งนี้ค่ะ " ลีลาการเรียนรู้ของผู้เรียน"
+ ได้ใจครูอ๋อยเลยค่ะ....
+ สิ่งสำคัญต้องเอาใจเขามาให้ได้ค่ะ...ได้ใจเมื่อไหร่...อะไรที่ว่ายากก็จะยากน้อยลงค่ะ...
+
เรียนท่าน ผอ. ที่เคารพค่ะ
ขอขอบคุณค่ะท่าน ผอ. ดอกลิลลี่สีแดงสด ดูแล้วทำให้เกิดพลังนะคะ
ลีลาการเรียนรู้ (Learning Style) ที่นักจิตวิทยาการศึกษาเชื่อว่ามนุษย์สามารถรับรู้ข้อมูลได้นั้น โดยผ่านเส้นทาง 3 ทางคือ
1. การรับรู้โดยผ่านสายตา
2. การรับรู้โดยผ่านการได้ยิน
3. การรับรู้โดยผ่านร่างกาย การเคลื่อนไหว การรู้สึก
เพื่อหาข้อมูลมาวิเคราะห์ปัญหาผู้เรียน ให้มีแนวทางแก้ปัญหาผู้เรียนได้สอดคล้องตรงเป้าหมายค่ะ
สวัสดีคุณครูโย่ง หัวหน้า~ natadee
ขอขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ
จะพยายามค่ะ คุณครูโย่งมีข้อเสนอแนะดี ๆ
ก็ยินดีรับฟังนะคะ
สวัสดีค่ะคุณครู สุนันทา
วิธีการแต่ละอย่าง ถ้าซ้ำซากจำเจ เด็กก็เบื่อเหมือนกันค่ะ
วันนี้เด็กชาย ม.2 กับ ม.3 ชกกันกลางสนามขณะที่ทำกิจกรรม
ก็ลงโทษโดยให้เขาไปตามเพื่อมาข้างละ 10 คน
เข้าแถวเรียง 1 เอามือปิดตาเพื่อนคนหัวแถวไปถึงคนที่ 9 ส่วนคนสุดท้ายลืมตา
ให้แข่งกัน 2 ทีมเดินไปรอบ ๆ สนาม
ไม่ได้ลงโทษหรือดุว่าแต่อย่างใด เมื่อเขาทำตามคำสั่งครบแล้ว ก็บอกว่า "นี่เป็นการลงโทษนะ"
ขอบคุณค่ะท่มาให้กำลังใจ
สวัสดีค่ะครูคิม
***การให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเริ่มจากกิจกรรมง่าย่ๆก่อน...นานเข้านักเรียนจะคุ้นชิน...การเสริมกำลังใจให้กับผู้นำกลุ่มโดยการสร้างความคาดหวังให้ จะเห็นการพัฒนาวุฒิภาวะแห่งการเป็นเป้นผู้นำแบบค่อยเป็นค่อยไปได้ค่ะ...แวะมาให้กำลังใจนะคะ..ชื่นชมในการใส่ใจรายละเอียดของคุณครูคิม ..นักเรียนสังเกตสิ่งที่ทำให้ครูสนใจ นักเรียนได้เรียนรู้ว่า พฤติกรรมใดบ้างที่สมควรจะได้รับการยกย่องจากครู" แค่บันทึกสิ่งดีๆเหล่านี้ไว้เราก็สามารถดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้มากแล้วค่ะ
สวัสดีค่ะคุณครู แอมแปร์~natadee
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ครูคิมได้ทำแบบสำรวจลีลาการเรียนรู้และ
โปรแกรมวิเคราะห์ไว้ ถ้าต้องการนำไปปรับใช้เพื่อประโยชน์
ยินดีที่จะมอบให้ค่ะ เพื่อความเป็นกัลยาณมิตร
ขอขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะคุณครูกิติยา เตชะวรรณวุฒิ
ครูคิมอยู่โรงเรียนบ้านนอก เด็ก ๆ ล้วนแต่ขลาดแคลนแทบทุกอย่า
ด้านวิชาการก็เทียบกับโรงเรียนในเมืองไม่ได้ พวกเราต้องมาจับมือกันทั้งโรงเรียนว่าช่วย ๆ กันดูแลพฤติกรรมให้ดีเอาไว้ก่อน วิชาการค่อยเป็นค่อยไป
ขอขอบคุณในความกรุณาให้คำแนะนำค่ะ เป็นกำลังใจอย่างยิ่งค่ะ
นมัสการพระคุณเจ้า tukkatummo เจ้าค่ะ
การที่อยู่กับนักเรียน จะพบกับปัญหาที่คล้าย ๆ กับเป็นความซ้ำซาก จำเจ มีปัญหาให้แก้ตลอด การเรียนก็ยิ่งใหญ่ แล้วยังติดตามก็คือพฤติกรรมของเด็ก ๆ
แต่ก็สนุก ไม่เบื่อค่ะ มีความสุขกับการที่ได้ดูแลพวกเขา
ขอขอบพระคุณอย่างสูงเจ้าค่ะ
สวัสดีค่ะคุณครู...บางอย่างก็ต้องใช้การซ้ำๆๆๆ บ้าง ค่ะ แต่ถ้าได้ประโยชน์ก็ไม่จำเจใช่ไหมคะ คุณครู
สวัสดีค่ะคุณ paula ที่ปรึกษา~natadee
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
ครูคิมทำทุกวิธีการ พยายามไม่ให้ซำกัน กลัวเด็กจะเบื่อ
บางคนต้องให้แสดงความรักอย่างใกล้ชิดเช่นการกอด การหอมแก้ม
เด็กโตมัธยมก็ต้องการค่ะ การกอดจากครู
ขอบคุณนะคะที่มาให้กำลังใจ
http://www.krukimpbmind.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538635132&Ntype=1
เปิดเผยสำหรับคุณพอลล่า...ค่ะ เป็นภาพเมื่อปีกลาย ปีนี้ก็มีนะคะ
http://www.krukimpbmind.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538701222