เคยมั่วคำว่า สีทันดร ไว้ (คลิกที่นี้) ด้วยความสงสัยจึงไปหยิบคัมภีร์จักรวาฬทีปนีมาตรวจสอบ... ปรากฎว่ามั่วจริงๆ จึงนำมาเล่าใหม่ที่นี้อีกครั้ง...
เนื่องด้วยคำว่า สีทันดร เป็นได้ทั้งภูเขาและทะเล โดยที่เป็นภูเขาเรียกว่า สีทันดรบรรพต ขณะที่เป็นทะเลเรียกว่า สีทันดรสมุทร ... สีทันดรบรรพตนั้นจะยกไว้ก่อน จะเล่าเฉพาะสีทันดรสมุทร...
ทะเล ตามภาษาไทยนั้นมีชื่อเรียกตามภาษาบาลีได้หลายศัพท์ เช่น อัณณพ สินธุ สาคร สมุทร ฯ เฉพาะคำว่า สมุทร นั้น เขียนตามบาลีเดิมได้ว่า่ สมุททะ (สมุทระ ก็มีใช้บ้างเล็กน้อย) ซึ่งท่านตั้งวิเคราะห์ไว้ว่า
- เวลนฺเตน สมํ อุเทตีติ สมุทฺโท
- ทะเลใด ยังน้ำให้เต็ม เสมอ ด้วยชายแห่งฝั่ง ดังนั้น ทะเลนั้น ชื่อว่า สมุทร (ยังน้ำให้เต็มเสมอด้วยชายฝั่ง)
อธิบายตามรูปศัพท์ สมุทร หรือ สมุททะ มาจาก สํ บทหน้าแปลว่า เสมอ ผสมกับ อุทะ รากศัพท์ แปลว่า เต็ม (สํ + อุทะ = สมุทะ) แปลง่ายๆ ว่า เ็ต็มเสมอ และเมื่อแปลตามวิเคราะห์จะได้ว่า ทำน้ำให้เต็มเสมอด้วยชายฝั่ง
สมุทรนั้นอาจแบ่งได้ ๒ ชนิด คือ สีทสมุทร ( ทะเลจม เป็นทะเลที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างจมลงไปได้) และ อสีทสมุทร (ทะเลไม่จม เป็นทะเลที่ไม่สามารถทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างจมได้)... และ ทะเลสีทันดร หรือ สีทันดรสมุทร นั้น ก็จัดอยู่ในประเภทของ สีทสมุทร (ทะเลจม)
คำว่า สีทันดร ในที่นี้ แยกศัพท์ออกเป็น สีทะ + อันดร ... สีทะ นั้น แปลว่า จม ในที่นี้หมายถึง สีทสมุทร (ทะเลจม) ส่วน อันดร นั้น มาจากคำว่า อันตรา แปลว่า ระหว่าง ในที่นี้หมายถึงระหว่างภูเขาสิเนรุกับภูเขายุคนธร เป็นต้น... ดังนั้น ทะเลสีทันดร ก็อาจแปลได้ว่า ทะเลที่ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาสิเนรุกับภูเขายุคนธร...
คำว่า เป็นต้น ตามย่อหน้าข้างบนนั้น หมายความว่า แม้ทะเลอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างภูเขาก็เรียกว่า ทะเลสีทันดร เหมือนกัน ซึ่งในคัมภีร์จักรวาฬทีปนี ท่านยกระหว่างภูเขายุคนธรกับภูเขาอิสินธร และระหว่างภูเขาวินตกะกับภูเขาอัสกัณ มาด้วยเป็นตัวอย่าง...
............
บางท่านสงสัยว่าเรื่องราวทำนองนี้มีปรากฎอยู่ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาได้อย่างไร ? หรือเพราะเหตุไร ? ผู้เขียนคิดว่า เพราะความเป็นจอมปราชญ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทรงนำเรื่องทะเลมาเปรียบเทียบแล้วแสดงธรรมพอสมกับพื้นเพอัชฌาศัยหรือประสบการณ์ของผู้ฟัง เช่น พระพุทธเจ้าตรัสว่า..
- ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้มิได้สดับ กล่าวว่า สมุทร สมุทร นั่นมิใช่สมุทรในวินัยของพระอริยะ , นั่นเป็นกองน้ำใหญ่ เป็นห้วงน้ำใหญ่, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุเป็นสมุทรของบุรุษ, ความเร็วของสมุทรนั้นสำเร็จแต่รูป....
- ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้มิได้สดับย่อมกล่าววาจาอย่างนี้ว่า บาดาลมีอยู่ในมหาสมุทร วาจาอย่างนี้นั้น ไม่จริง ไม่ปรากฎ อันปุถุชนผู้มิได้สดับกล่าวกัน , ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บาดาลอันเป็นไปในสรีระมีอยู่ในมหาสมุทร คำว่า บาดาล นี้เป็นชื่อของทุกขเวทนาอันเป็นไปในสรีระ....
และเป็นหน้าที่ของพระอรรถกถาจารย์เป็นต้น ในสมัยต่อมา ต้องขยายความคำว่าสมุทรในประเด็นนั้นๆ และประเด็นใกล้เคียงอื่นๆ ออกไปอีก เพื่อทำเนื้อความให้แจ่มแจ้งชัดเจนยิ่งขึ้น... ขณะที่คัมภีร์จักรวาฬทีปนีเป็นต้น เป็นการประมวลเอาเรื่องราวทำนองนี้ เช่น เรื่อง สมุทร ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในพระไตรปิฏกและคัมภีร์ต่างๆ มาเรียบเรียงใหม่อีกครั้ง...
อนึ่ง เฉพาะเรื่องสมุทรหรือทะเลที่กระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ผู้เขียนอาศัยอาคตสถานจากจักรวาฬทีปนี ไปค้นดูและนำ Link มาฝากนิดหน่อย