26 มิถุนายน 2551 ณ โรงแรมตักสิลา


การได้พบและรับฟังอาจารย์ วรภัทร์ ในครั้งที่ 2 นี้ มันกระตุ้นขี้เลื่อยในหัวให้กลายเป็นสมองได้เยอะเลยครับ

      ผ่านมานานครับ  นับได้ประมาณ 2 อาทิตย์  แต่การบ้านผมก็ยังไม่ส่ง  วันนี้ได้ฤกษ์นิมิตหมายอันดีที่จะทำการบ้านส่ง  "หัวหน้า"  และท่านอื่นที่พลาดโอกาสอย่างน่าเสียได้ไม่ได้ร่วมกิจกรรมในวันนั้น

      ตัวผมเองก็  "ฟลุ๊ก"  ครับ   ที่ได้  "ตั๋วฟรี"  ในครั้งนี้   เพราะบังเอิ็ญ  "คุณแผ่นดิน"  (หัวหน้าผมเอง)  ติดประชุมด่วน   แต่ "เพิ่น"  ก็อยากไปมากเ่ช่นกัน  

      เป็นครั้งที่  2  ที่ผมได้มีโอกาสรับฟังบรรยายจากท่าน  "อาจารย์วรภัทร์  ภู่เจริญ"    ประเด็นที่ท่านบรรยายวันนั้น  บอกได้คำเดียวว่า   "สุดยอด"   "โดนใจ"   และ   "สะใจ"   ท่านวิพากษ์เรื่อง  "ระบบการศึกษาของไทย"   ท่านบรรยายไป  ผมก็นั่งคิดถึงตัวเองไปครับ  

       "ดร.เต็มบ้านเต็มเมือง  แต่ป่าไม้ลดลงทุกวัน"    เจ็บครับกับคำ ๆ นี้ที่ท่านบอก

       "มองไปทางไหนเจอแต่นักเรียน  นักศึกษา  แต่ประเทศไทยทำไมเป็นแบบนี้"  เจ็บกว่าอีก

       "การศึกษาไทยสอนอะไรให้เด็กครับ"    มันโดนใจผมเต็ม ๆ

       "เออว่ะ"   ผมตั้งคำถามกับตัวเอง  จริงนะ

       อาจารย์สอนอะไรเราก็เรียน ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆๆ   อาจารย์ถามว่า  "มีปัญหาไหม"  เราก็ถามไม่เข้าใจตรงนั้น  ตรงนี้    "แต่"   "เราลืมถามอาจารย์"  ไปว่า    สิ่งที่เราเรียน   "มันนำไปใช้ยังไง"   "จะใช้เมื่อไหร่"  "ใช้ที่ไหน"  และ  "ใช้ทำอะไร"   เราลืมถามอาจารย์ไป  และที่สำคัญ  "เราลืมถามตัวเอง"

       "เราจะรีบไปไหน ?"   อีกหนึ่งคำถามที่อาจารย์ถาม  "คือ"   ทำไมเราต้องรีบมองไปข้างหน้ามากจังแต่ลืมดูข้างหลังและ  "กำพึด"  ตนเอง

        "มันเป็นครั้งแรก"   ที่ผมเริ่ม  "ตั้งคำถามกับตนเอง"   ทั้งที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา  "ผมไม่เคยตั้งคำถามกับตนเอง"   "ไม่เคยตั้งคำถามกับสิ่งที่ทำและสิ่งที่เห็น"  

         ช่วงบ่าย   อาจารย์ให้ทำกิจกรรม  "มองตัวเองผ่านลักษณะนิสัยของสัตว์ 4 ชนิด"  แล้วพิจารณาว่าตัวเอง  "เป็นอะไร"

         "เสียดาย"  แทนผู้ที่ไม่มีโอกาสเข้าร่วม   "เสียดายมาก"  แทนคนที่ได้    "ตั๋วฟรี"  แต่ทิ้งไป 

         ในใจคิดว่า  "อยากให้ครูบาอาจารย์"  ได้ฟังกันเยอะ ๆ ครับ  "แต่"  "ก็คงเหมือนเดิม"  เพราะอาจารย์ส่วนมากเป็น  "หมี"   ครับ 

          จากวันนั้นเป็นต้นมา  ผมเริ่มคิดถึงตัวเองครับ    "ทำไมเราโง่จัง"   เรียนเยอะนะครับ  แต่  "เหมือนไม่รู้อะไรเลย"     "เขาให้เรียนอะไรก็เรียน"   ไม่เคยตั้งคำถาม

           ผมว่า   การศึกษาในปัจจุบันสอนให้เราเป็น  "คนเก่ง"   นะครับ  แต่ลืมสอนให้เราเป็น  "คนดี"  สอนให้เรา  "แข่งขัน"   แต่ลืมสอนให้เรา  "แบ่งปัน"  

           ผมว่าถ้า  "ผู้หลักผู้ใหญ่"   หันมามองเรื่องเหล่านี้บ้าง    "ประเทศไทย"  จะน่าอยู่ขึ้นเยอะครับ........................................

หมายเลขบันทึก: 192525เขียนเมื่อ 6 กรกฎาคม 2008 19:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

พี่ว่า น้องยะ เป็นคนที่ ตั้งคำถาม ได้ดีนะ

ฟังจากตอนสรุปงานที่ งานผ้าป่าหนังสือที่ผ่านมา

อย่าง ตั้งคำถาม เรื่อง ใบบัว น้องยะ พูดมา พี่ว่า ดีนะ

และน้องยะ ถ่ายรูปสวยด้วย  ภาพที่เป็นป้ายงานเวที ที่เด็กรักป่า

น่ะ  พี่ว่า ส่งประกวด ได้เลยนะ  ธรรมชาติ มากๆ

จริง ๆ ก็อยากไป  แต่พี่ได้ตั๋วในนามคณะทำงานแล้ว  เลยไม่อยากให้งานเราเสียโอกาส .. แรกก็กะจะเวียนให้นุ้ยไปสัมผัสดูบ้าง  แต่เมื่อวิเคราะห์แล้วว่ามีโจทย์ที่ต้องนำร่องใน "พฤหัสสกัดความรู้" ...เลยต้องเป็นเธอ และเธอเท่านั้น ..

ซึ่งจากการประเมินที่ยะนำมาขยายผลกับบุคลากรนั้นก็ถือว่า  "ตั๋ว"  ที่ได้ไป  หรือสถานะที่ได้รับ "อภิสิทธิ์"  ไปนั้น  ก็นำมาแบ่งปัน เติมเติมให้กับคนอื่นได้อย่างไม่บกพร่อง

....

คำถามหลายคำถาม  พี่ว่ายะได้ค้นพบด้วยตัวเองแล้วล่ะ  เป็นต้นว่า จบสถิติมาแล้ว.. เอามาใช้ในงานประจำอย่างไร  หรือเพราะเลือกที่จะอยู่ตรงนี้จึงไม่ได้ใช้ศาสตร์นั้น ๆ  หรือเปล่า ?

....

มีเวลาได้อ่านเรื่องสั้นชื่อ "เพื่อนเก่าที่บ้านเกิด" ของคำหมาน  คนไท  (ชุดสาปอีสาน)  เกิดความประทับใจเรื่องเรื่องราวการดำเนินเรื่องแบบง่าย ๆ  โดยตัวละครตัวหนึ่งร่ำเรียนจบ ดร.จากต่างประเทศ  คิดถึงเพื่อนสมัยเด็ก ๆ  ที่เรียนด้วยกันและเคยช่วยชีวิตตัวเองจากการจมน้ำ

เมื่อเกษียรณราชการก็ตามหาเพื่อคนนี้จนเจอ  พบว่าเขาใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย  (เรียนไม่สูง)  ปลูกผักปลูกพืชกินเอง  และอนุรักษ์ต้นไม้พื้นบ้านอีสานไว้เยอะมาก

ดังนั้นเขาจึงชวนเพื่อนมาช่วยสอนการปลูกต้นไม้ให้เป็นป่าให้กับชาวบ้านในจังหวัดมุกดาหาร  โดยจะมีเงินค่าตอบแทนให้  แต่เพื่อนกลับพูดอย่างน่าฟังว่า

"เฮามีความฮู้น้อย  บ่กล้าไปสอนไผดอก  โตเฮียนหนังสือหลายจบดอกเตอร์จากเมืองนอก เป็นหยังบ่ไปสอนให้เผิ่น"

 

 

  • ถอดบทเรียนได้เยี่ยมครับ
  • หมีแพนด้า มาเป็นกำลังใจครับ....อิอิ
  • องค์กร หรือ ชุมชนต้องการ สัตว์ทั้ง 4 จำพวกครับ ประเด็นสำคัญคือ สัตว์ทั้ง 4 พวกคุยกันได้หรือ เกิดสุนทรียสนทนา ระหว่างกันได้

เสียดายโอกาสครั้งนั้นจังเลย

แต่ก็ได้รับจากผู้ที่ได้ไปรับฟังมาเล่าให้เราต่อถือว่าสมบูรณ์แบบแล้วครับ

ทำไงดีสัตว์ทั้ง 4 ตัวจะร่วมใจทำงานไปสู่เป้าหมายได้

ขอบคุณมาก

ถ้าเป็นได้  4 ตัวก็ดี

เพราะเป็นตัวใดตัวหนึ่ง....ค่อนข้างเห็นแก่ตัว...เหมือนคน

บางครั้งถ้าเราไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรสักตัวในสัตว์ทั้ง 4 นั้น ก็ดีเหมือนกันนะ เราจะได้หลุดจากการยึดติดว่าเราเป็นโน่นเป็นนี่ต้องอย่างโน้นอย่างนี้

ถ้าหากเกิดเหตุการณ์ใดๆ เราก็ปรับตัวให้เข้ากับสภาพการณ์นั้นๆ ให้ได้มากที่สุดตามวิถีการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ก็เหมือนกับการที่เราอยู่ในวงสีขาวอยู่แล้วหรือเปล่าหรือไม่ก็อยู่นอกวงไปเลย ไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบที่เรากำหนดหรือสมมติขึ้นมาเอง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท