ตัดใจ


ความมั่งคั่งร่ำรวยทางทรัพย์สินเงินทองและเกียรติยศชื่อเสียงที่มี... กลับไม่สามารถสร้างความ “มั่นคง”ทางจิตใจ ไม่สามารถสร้างความ “อบอุ่น” ให้กับชีวิต และไม่สามารถช่วย “เติมเต็ม” ส่วนที่ “ขาดหาย” ไปของจิตวิญญาณได้เลย ...

วิกฤติบ้านเมืองและปัญหาหลากหลายของสังคมไทยที่เรารับรู้ทั้งจากเวทีสัมมนา จากการลงทำงานในพื้นที่ และจากข่าวคราวผ่านสื่อต่าง ๆ ในช่วงนี้ ตลอดจนเรื่องราวชีวิตที่สับสนของผู้คนรอบตัว ทำให้เราตั้งคำถาม ทบทวน และสรุปเป็นประโยคสั้น ๆ ในใจว่า...

 โลกนี้ช่างวุ่นวายจริงหนอ

 

ภาวะ ข้าวยากน้ำมันแพง ที่ส่งผลกระทบต่อคนไทยและผู้คนทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง เป็นโจทย์ของสมการหลายชั้น... ซับซ้อนซ่อนเงื่อนทั้งเรื่องราวและตัวละคร...จนไม่อาจ ถอดสมการ ได้

 

สงครามการแย่งชิงพื้นที่ การครอบงำมวลชน การสถาปนาอำนาจ และช่องว่างระหว่างชนชั้น เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาเนิ่นนาน และจะยังคงดำรงอยู่ตลอดไป ...โศกนาฏกรรมแห่งสงครามนี้ไม่เคย ยุติ และผู้คนในสังคมนี้ไม่เคยพบ สันติสุข ที่แท้จริง

 

ภาวะหนี้สินล้นพ้นตัวของเกษตรกร การถูกยึดที่ดินทำกินโดยสถาบันสินเชื่อทางการเกษตรและสถาบันการเงิน การเดินทางมาชุมนุมของพี่น้องเครือข่ายหนี้สินเพื่อเรียกร้องต่อรัฐในกรณีของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร...สร้างความสะเทือนใจให้เราในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการของกองทุนนี้อย่างบอกไม่ถูก...ตำแหน่งคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรกลับไม่สามารถช่วยพี่น้องเกษตรกรอย่างที่เคยตั้งใจไว้ได้เลย

 

การศึกษาซึ่งต้องเป็น สวัสดิการขั้นพื้นฐาน ที่รัฐพึงมีพึงให้แก่ประชาชน โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางชนชั้นของผู้คนในสังคม... หากทว่าในเมืองไทย...การออกนอกระบบกลับเป็น เป้าหมาย .... การหารายได้กลายมาเป็น ยุทธศาสตร์ ...ภาพของการศึกษาไทยจึงเต็มไปด้วยการแข่งขันแย่งชิง ...

คำถามคือ ลูกหลานคนจนคนยาก แม้จะมี สิทธิ แต่จะสามารถ เข้าถึง การศึกษาในระดับที่ควรจะเป็นได้อย่างไร..."กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา" ที่รัฐมีอยู่ รวมทั้ง "กลไกการทำงาน"ของกองทุนเหล่านั้น จะสามารถเอื้ออำนวยและครอบคลุมเยาวชนกลุ่มนี้ได้มากน้อยสักเพียงใด ...

 

อีกทั้ง ณ วันนี้ จากการกล่าวอ้างถึงความจำเป็นทางเศรษฐกิจและความจำเป็นของการพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์ ...สถาบันอุดมศึกษาต่างพากันเปิดหลักสูตร ภาคพิเศษ ทั้งระดับตรี โท เอก จำนวนมากหลากสาขาทั้งหลักสูตรไทยและเทศ นับเป็นปรากฏการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงภาวะ “Education is the market” ของสังคมไทย ...อาจมีบางสถาบันที่สามารถดูแลควบคุมคุณภาพให้ได้มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม เรามักได้ยินคำพูดที่ว่า จ่ายครบ จบแน่ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงระบบการศึกษาที่อ่อนด้อยคุณภาพ ...

ก็แล้วการเรียนการสอนเช่นนี้ละหรือที่จะสร้าง บัณฑิต ที่แท้จริงได้...

 

นอกจากนั้น เรื่องราวของนิสิตนักศึกษาที่ตัดสินใจยุติกาลเวลาในชีวิตด้วยการ ฆ่าตัวตาย ก็เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า...ไม่เว้นแม้แต่ลูกศิษย์ของเราเอง จำได้ว่าเกือบ ๒๐ ปีมาแล้ว...ตอนที่มาทำงานที่กำแพงแสนใหม่ ๆ เคยขับรถพาลูกศิษย์ไปล้างท้องที่โรงพยาบาล...ล่าสุด คือ เรื่องราวของนิสิตเรียนดีระดับเกียรตินิยมของจุฬาชั้นปีที่ ๔ ที่กระโดดตึก ๑๑ ชั้นลงมาจบชีวิตอย่างน่าเสียดาย... การเรียนดีหรือการได้คะแนนดี จึงไม่ได้หมายความว่าจะมี ทักษะชีวิต ที่ดีและมากพอที่จะทำให้ชีวิตมีความสุข...

สังคมของเราควรต้องช่วยกันดูแล ช่วยกันทะนุถนอม และช่วยกันประคับประคองเจ้า ต้นไม้น้อย ให้ยืนหยัดและเติบโตอย่างที่ควรจะเป็นกันได้อย่างไร

 

หวนคิดถึงคนคุ้นเคยในชีวิตเราหลายต่อหลายคน ต่างมีชีวิตที่ดูเสมือนว่าน่าจะมีความสุข ทว่า...สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น....ความมั่งคั่งร่ำรวยทางทรัพย์สินเงินทองและเกียรติยศชื่อเสียงที่มี... กลับไม่สามารถสร้างความ มั่นคง ทางจิตใจ ไม่สามารถสร้างความ อบอุ่น ให้กับชีวิต และไม่สามารถช่วย เติมเต็ม ส่วนที่ ขาดหาย ไปของจิตวิญญาณได้เลย

 

คนจนก็ทุกข์ คนรวยก็ทุกข์ เพียงแต่จะทุกข์มากหรือทุกข์น้อย แล้วก็ทุกข์กันคนละเรื่อง

 

โลกนี้วุ่นวาย เพราะคนวุ่นวาย...

ที่คนวุ่นวาย เพราะกิเลสในใจวิ่งวุ่น....

 

แม้เราจะเวียนเกิดเวียนตายอีกหลายครั้ง

เรื่องราวของโลก...ก็เป็นไปแบบโลก ๆ...

ตราบเท่าที่มนุษย์ยังคงมี กิเลส แฝงฝังในใจ

 

เราคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใครหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้

ที่ทำได้...คงเพียง เฝ้าดู และรับผิดชอบต่อบทบาทหน้าที่ที่เรามีให้ดีที่สุด

 

สำคัญคือ ต้องฝึก ตัดใจ ....เพื่อตัวของเราเองจะได้ไม่ทุกข์มากไปกว่านี้

^-^

หมายเลขบันทึก: 187235เขียนเมื่อ 10 มิถุนายน 2008 10:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 10:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)
  • มาบอกพี่ตุ้มว่า ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ
  • อิอิๆๆ
  • สิ่งที่สำคัญคือน่าจะเป็นใจเรากำหนด
  • อะไรดี อะไรไม่ดี
  • แต่สิ่งที่น่าทำคือ การทำงานเพื่อสังคมและประเทศชาติครับ
  • ขอบคุณครับ

ถูกต้องครับอาจารย์ แต่ผมว่าลองกลับเอา วิชาหน้าที่และศีลธรรม ที่เราเคยเรียนสมัยเด็กๆ กลับมาบรรจุในหลักสูตรการเรียนการสอนอีกครั้ง น่าจะช่วยได้ในระดับนึงรึเปล่าครับ

สวัสดีครับอ.ทิพวัลย์

เข้ามาฟัง(อ่าน)อาจารย์บ่น ครับ

55 ล้อเล่นนะครับ ก็เป็นการทบทวนที่ดีครับ ผมคุยกับตัวผมเรื่องแบบนี้เสมอเหมือนกัน และพยายามตัดอะไรหลาย ๆ อย่าง อยู่ครับ

เรื่องออกนอกระบบ เป็นเรื่องที่น่าจะมีการศึกษา ทดลอง และทบทวนให้แน่ใจหรือเพื่อให้เห็นว่ามีประโยชน์กว่าอยู่ในระบบก่อนนะครับ แต่เรื่องนี้ไม่ทราบว่าทำไมรัฐบาลหรือมหาวิทยาลัยต่าง ๆ รีบร้อนกันเหลือเกิน นะครับ

ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์พี่ตุ้ม

จำนวนคนยิ่งมาก คนจนและด้อยโอกาสก็ยิ่งมากตาม คนมีโอกาสบางคนก็ไร้ทักษะชีวิต ดูแล้วอนาคตประเทศไทยลำบากจริงๆ แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องช่วยกัน..สำหรับคนที่ยังทำกันไหวอยู่ ต้องตัดใจแล้วก็เดินต่อค่ะ ^ ^

สวัสดีค่ะอาจารย์น้องขจิต

ใช่เลยค่ะ...ใจเราเป็นตัวกำหนดทุกอย่าง ดั่งคำที่ว่า "ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว" ถ้าอยากมีความสุข ก็ให้เราคิดนึกแต่เรื่องดี ๆ ...แต่หากอยากมีความทุกข์ ก็พยายามนึกเรื่องที่มันแย่ ๆ ให้บ่อยครั้ง...

คนมี "ปัญญา" จึงรู้จักละวาง "เรื่อง" ที่ "ไม่เป็นเรื่อง" ส่วนคนกลุ่มที่มีความรู้มากแต่ปัญญาน้อยก็จะประมาณว่า ชีวิตนี้มีภาระมากขึ้นทุกวัน คือ แบกโลกไปเรื่อย ๆ หนักขึ้นเรื่อย ๆ ...ทำให้พี่ตุ้มคิดถึงประโยคที่ว่า "รู้มากจะยากนาน รู้น้อยพลอยรำคาญ" ค่ะ

วันนี้เมื่อเช้าไปใส่บาตรที่เรือนธรรมกำแพงแสนมาค่ะ ส่วนตอนเย็นไปทำบุญด้วยการให้ชีวิตสัตว์เป็นทาน...ปล่อยปลา 50 กก.ที่สระน้ำหน้ามหาวิทยาลัยค่ะ...ส่งบุญมาให้อาจารย์ได้อนุโมทนาด้วยนะคะ ..ที่กำแพงแสนทุกวันพุธเราจะมีกิจกรรมงานบุญทั้งเช้าและเย็นค่ะ เชิญชวนอาจารย์มาร่วมทำบุญกันทุกวันพุธด้วยนะคะ

วันที่ 19 มิย.จะมีพิธีไหว้ครูค่ะ เตรียมตัวเตรียมใจใส่บาตรพระ 100 รูปด้วยนะคะ

สวัสดีค่ะคุณหนุ่ย

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ..และคงไม่ได้ช่วยในระดับนึงเท่านั้นนะคะ แต่จะช่วยได้ "มากอย่างยิ่ง" ทีเดียวค่ะ..

สังคมเราที่มีปัญหามากมายอย่างทุกวันนี้ คิดว่าเป็นเพราะคนเสื่อมจากคุณงามความดีและห่างไกลจากศีลธรรมค่ะ ...สังคมของผู้คนที่ยิ่งมีการศึกษามาก แต่กลับยิ่งทำร้ายกันได้มาก...ซึ่งก็คงเป็นเพราะการศึกษา ณ ปัจจุบันนี้ละเลยต่อมิติทางศีลธรรม น่าประหลาดใจนะคะที่คำสอนอันทรงคุณค่าถูกมองว่า "ล้าสมัย" อีกทั้งเรื่องราวของกฏแห่งกรรมซึ่งเป็นความจริงของชีวิตกลับถูกมองว่า "งมงาย" ...

โครงการสร้าง "เด็กดี V-Star" ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมของการสร้างเยาวชนคนดีค่ะ ตัวเองมีส่วนร่วมอยู่ในกิจกรรมนี้ด้วยค่ะ หากมีโอกาสเมื่อใดจะเขียนเล่าเรื่องราวของ "เด็กดี V-Star" เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชาว G2K นะคะ

คนจนก็ทุกข์ คนรวยก็ทุกข์ เพียงแต่จะทุกข์มากหรือทุกข์น้อย

............................

ความทุกข์ นี่ เท่าเทียมกันนะคะ อย่างอาจารย์ว่า ทุกข์มาก ทุกข์น้อยต่างกันไป

วิธีการแก้ปัญหาก็ต่างกันไป

มาร่วมฝึก ตัดใจ กับ อาจารย์ด้วยคะ

สวัสดีค่ะอาจารย์น้องตุ๋ย

ขอเป็น "กำลังใจ" ให้กันและกันนะคะ ...ดูแล้วอนาคตประเทศไทยลำบากจริงๆ แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องช่วยกัน..สำหรับคนที่ยังทำกันไหวอยู่ ต้องตัดใจแล้วก็เดินต่อค่ะ ^ ^  ใช่แล้วค่ะ...ต้อง "ตัดใจ" และต้อง "เดินต่อ"...อาจจะเหนื่อยได้ ต่อท้อไม่ได้ค่ะ

พี่ตุ้มคิดว่าพวกเราคงต้องคิด ต้องทำ และต้องร่วมด้วยช่วยกันเพิ่มขึ้นให้มากในเรื่องของการสร้างและส่ง "ไม้ต่อ" นะคะ เพราะพวกเราเริ่มเป็นเหมือนดั่ง "ใบไม้เหลือง" กันแล้ว ซึ่งอีกไม่นานก็คงต้องกลายเป็น "ใบไม้ร่วง" ...วันเวลาช่างไม่เคยคอยใคร...

สวัสดีค่ะคุณดอกแก้ว

อันที่จริงแล้ว คงเป็นเพราะความมี "ปัญญา" น้อยของพวกเรานั่นเองที่ทำให้เราทุกข์แบบนี้ค่ะ...ถ้าเรามีปัญญาเพียงพอ เราคงจะมีวิถีชีวิตที่ "สงบ"มากกว่านี้ และคงมีความสุขท่ามกลางความทุกข์ได้มากกว่านี้...

ลำพัง "ทุกข์ถาวร" คือ การแก่ การเจ็บ และการตาย ซึ่งเป็นภาวะที่ใคร ๆ ก็หลีกหนีไม่พ้น..ก็ทำให้เราทุกข์มากพออยู่แล้ว ทุกครั้งที่เกิดมามีชีวิต...ก็ต้องประสบพบพานความทุกข์แบบนี้ ...แต่เราก็อาจจะยังรู้สึกว่า "ทุกข์ไม่พอ" ก็เลย "แสวงหา" สิ่งที่เป็น "ความทุกข์จร" หรือทุกข์ชั่วคราวมาเพิ่มให้กับตัวเอง...

หากพิจารณาใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งก็จะพบว่า... ความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้นั้น ล้วนมีที่มาจากความรู้สึกแห่ง "ความผูกพัน" แทบทั้งสิ้น...

ครูบาอาจารย์จึงพร่ำสอนเสมอมาว่า "ไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากคลายความผูกพัน"...

ถ้าอยากมีชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น ต้องฝึก "ตัดใจ" ค่ะ เพื่อที่ความรู้สึกผูกพันที่มีกับทั้งคน ทั้งสัตว์ และทั้งสิ่งของจะได้คลายลง ...การเจริญสมาธิภาวนาเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราตัดใจได้เร็วขึ้น มีใจที่นิ่งขึ้น และรู้สึกเป็นอิสระมากขึ้นค่ะ

ช่วงนี้ ตัวเองพยายามจัดสรรเวลาในชีวิตเพื่อฝึกการเจริญภาวนาให้มากขึ้นค่ะ เพื่อจะได้ตัดใจในหลาย ๆ เรื่องได้เร็วขึ้น...

อยากขอชวน "คุณดอกแก้ว" มาฝึกการเจริญภาวนาด้วยกันนะคะ

ดูข่าวมากก็ทุกข์มากค่ะอาจารย์ เดี๋ยวนี้พยายามใช้วิธีทำเท่าที่ตัวเองทำได้ ทำสุดความสามารถไม่ว่าเพื่อตนเองหรือช่วยคนอื่น ที่เหลือก็ตัดแล้ว คิดมากในเรื่องที่เราทำไม่ได้หรือเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ก็ทำให้ทุกข์เปล่าๆ แต่ไม่ใช่ว่าไม่ทำอะไรเลย ทำเต็มที่แล้วที่เหลือก็ต้องปล่อยวางค่ะ

สวัสดีค่ะหนูซูซาน

เป็นอย่างไรบ้างคะ คิดถึงนะคะ ช่วงนี้งานยุ่ง ๆ ๆ ค่ะ เลยไม่ค่อยได้เข้าไปทักทายค่ะ

อีกอย่างช่วงนี้ระบบ Net มีปัญหาค่ะ วันก่อนเข้าไป post ข้อความไว้ในบันทึกเรื่องราวของภาพแห่งวัยเยาว์ของหนูซูซานค่ะ (หน้าตาตอนเด็ก ๆ บ้องแบ้วน่ารักมากค่ะ)อุตส่าห์เขียนเสียยาว พอสั่งบันทึก...ระบบรวนค่ะ เป็นแบบนี้ประจำค่ะ

ตัวเองก็ไม่ค่อยได้มีเวลาดูข่าวเท่าใดค่ะ เพียงแต่ว่าในเวทีและวงประชุมต่าง ๆ ที่เราทำงานด้วยในบทบาทหน้าที่ที่เรารับผิดชอบ ก็ประมาณว่าคุยกันเรื่องแบบนี้เป็นส่วนใหญ่ค่ะ ถ้าไม่ทำใจและปล่อยวางบ้าง.. คงจะแย่ไปนานแล้วละค่ะ

ช่วงนี้ปัญหาของสังคมไทยและสังคมโลกมากขึ้น เราก็คงต้องเข้าใจ ทำใจ และปล่อยวางให้มากขึ้นค่ะ

หนูซูซานแบ่งเวลาได้วันไหน มาเยี่ยมเยียนกันที่กำแพงแสนบ้างนะคะ จะได้มาเจออาจารย์ขจิตด้วยค่ะ..

ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ Bonne Nuit ค่ะ ^-^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท