หิวจนมือไม้สั่น


หนึ่งในความรู้สึก ในแต่ละขณะ และแต่ละครั้งของความพลั้งเผลอในชีวิต ที่ทำให้เราฉุกคิด ในยามความรู้สึกเหล่านี้มาเยี่ยมเยือน มาไต่ถาม และซักถามความรู้สึก กระทั่งความเข้าใจของชีวิต ว่ารับรู้เช่นไร ดีพอไหม กับสิ่งอันแอบซ่อนจนกระทั่งหลงลืมพลั้งเผลอไป ใครจะตอบได้ดี เท่ากับอาการความรู้สึกของตัวเราเอง

หิวจนมือไม้สั่น

อ้างอิง - ภาพ Kati1789

ขออภัย

หากจะถูกกล่าวหา

ว่าชื่อเรื่องความเรียงเป็นคำประชด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประชดประชันต่อบทบาทตัวตนของนักการเมืองไทย ยามมีอำนาจคับบ้านคับเมือง กระทั่งมิอาจระงับยับยั้งต่อความหิวกระหายในอำนาจ ต้องพาลพาโลออกอาการให้มือไม้สั่น ให้คนไทยได้หวั่นใจเล่น ในความไร้มารยาท และไร้จริยธรรมความเป็นมนุษย์

แต่เป็นเพราะมีโอกาสนั่งนึก

และมองถึงคืนวันผ่านมา

ยิ่งได้ยามชีวิตเผลอ

ยามพลั้งเผลอไปกับสิ่งรอบตัว และปล่อยใจกับสิ่งรอบข้าง กระทั่งหลงลืมว่าเรายังไม่ได้กินข้าวกินปลา จนต้องมานั่งมือไม้สั่นเพราะทนหิวข้าวไม่ไหว หรือได้ฉุกคิด เหมือนมีเรื่องราวเตือนตนเตือนใจ ว่ายามใดเราหลุดร่อนจากความจริงของชีวิต ยามนั้นเราจะมีคำตอบเกิดขึ้นเสมอ

ร่างกายล้วนมีคำตอบ

ให้กับความหลงลืมของเราเสมอ

ยิ่งในยามเราหลงลืมความจริงอันพึงตระหนัก

ว่ากายนี้ที่เป็นอยู่ ล้วนเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญ เพื่อนำพานำทางเราให้ก้าวพ้นจากห้วงน้ำใหญ่เบื้องหน้า ให้สามารถว่ายผ่านข้ามไป จนถึงฝั่งแห่งการหลุดพ้น ไม่ต้องมาเวียนว่ายให้เหนื่อยแรงเหนื่อยใจ หรือให้ต้องคิดวนกลับไปกลับมา ต่อความจริงอันไม่อาจหลุดพ้น ร่างนี้จึงน่าสนใจ

เสมือนหนึ่งเตือนให้รับรู้อยู่ตลอด

ถึงสิ่งไม่ควรนิ่งเฉยในกาย

ซึ่งเปลี่ยนผ่านไป

พร้อมด้วยความรับรู้เท่าทันใจ ซึ่งถือเป็นหนึ่งสิ่งสำคัญ ยิ่งยามลมหายใจเข้าออก เพียงชั่วแล่นให้วาบความคิดได้ออกเดินทาง เพียงชั่วลมหายใจได้โกรธเกรี้ยวกับสิ่งรอบข้าง เผลอใจเพียงชั่วแล่น ที่ได้เอ่ยปากด่าทอคนบนท้องถนนด้วยกันในยามเช้า หรือกระทั่งยามเย็นที่รถโลดแล่น

ไม่ว่าเหตุใด

กายและใจล้วนสำคัญเสมอ

หากตระหนักต่อความจริงเบื้องใน

ผมมักจะคิดได้อยู่เสมอ ยามช่วงใจชีวิตเผลอไปไกล พลั้งเผลอไปไกลจนมือไม้สั่นก็ปล่อยครั้ง คิดขึ้นมาได้เมื่อยามเข้าใจว่า ตัวเองเผลอกินกาแฟยามเช้าตอนท้องว่าง แล้วไม่ได้กินข้าว กระทั่งทำงานไปเรื่อยเปื่อย จนใจหวิวมือสั่น หลายครั้งก็อดรำคาญไม่ได้ กับเรื่องง่ายดายนี้

เป็นเรื่องง่ายดายของชีวิตที่มักหลงลืม

จนเผลอไปไกลที่จะไม่ดูแล

และไม่คอยเอาใจใส่

อาการหิวข้าวจนมือสั่น มักเป็นอาการแรกของหลายอาการที่จะติดตามมา ไม่ว่าจะเป็นการเป็นลมหน้ามืด มึนหัววิงเวียน จนไม่สามารถเริ่มทำอะไรได้ ต้องมานั่งค่อยค่อยดื่มน้ำ ก่อนจะเริ่มกินข้าว จะรีบกินมากไปก็ไม่ได้ เพราะพาลให้ท้องต้องมานั่งจุกเสียดเพิ่มขึ้น จะกินมากไปก็ไม่ได้

หลังความพลั้งเผลอ

ชีวิตมักต้องเริ่มลำดับความใหม่

ด้วยการลำดับอย่างละเลียดค่อยเป็นค่อยไป

และลำดับให้ตรงกับจริตของกายแต่ละคน จะเป็นเรื่องของสิ่งที่เข้าไป หรือ สิ่งที่ออกมาก็ตามแต่ ใจและกายล้วนต้องคอยกำกับอยู่เสมอ ร่างกายและจิตใจของเราแต่ละคน ล้วนแตกต่างกัน บางคนอาจมีธาตุร้อนเป็นเจ้าเรือน บางคนอาจมีธาตุเย็นเป็นเจ้าเรือน ก็ตามแต่จะคอยเข้าใจ

หรือกระทั่งคอยเรียนรู้แต่ละสิ่งอย่าง

ของความแตกต่างในร่างนี้

ว่าชอบไม่ชอบสิ่งใด

ยิ่งในยามเผชิญหน้ากับสิ่งต้องเลือกละลานตา มีของกินมากมายวางกองตรงหน้า จะกินให้จุกเสียดแน่นเฟ้อ กินให้ท้องอิ่มจนยากขยับกาย หรือกินเพียงให้ใจได้สบาย ว่าไม่ต้องมานั่งทุรนทุราย เพียงเพราะลมเต็มท้อง จนต้องคอยหาลมมาเข้าท้อง ไล่ลมให้หมดจากความทุกข์เบื้องใน

 

 

ไม่ว่าใคร

ย่อมรับรู้ได้ดี

ในยามทุกข์ทนทรมาน

ยิ่งในยามเจ็บปวดรวดร้าวภายใน จนไม่สามารถเอ่ยปากบอกใครได้ จะแน่นท้อง อึดอัดใจ เหงื่อเต็มฝ่ามือ หรือกระวนกระวายกับกายที่ไม่เป็นสุข เราทุกคนต่างเคยผ่านอาการ ของการกินที่ไม่เป็นสุขมาแทบทุกคน สุดที่แต่ละความเคยชิน และความชำนาญในการมีชีวิต กับการกินที่เป็นระบบอันสัมพันธ์กับท้องของตัวเอง จะเป็นผู้กำหนดชะตากรรมเจ็บปวด

สำหรับความทุกข์ในยามมือไม้สั่น

กระทั่งทำอะไรต่อไม่ได้เลย

ทำให้ผมต้องนั่งคิด

ถึงบางด้านของชีวิต ที่เราไม่อาจกำหนดกฎเกณฑ์ หรือบังคับบัญชา เพื่อกะเกณฑ์ให้เป็นไปตามความพึงพอใจของเราได้ทั้งหมดทั้งสิ้น หลายสิ่งอย่างจำต้องอาศัยความเข้าใจ เรียนรู้และลำดับความ ในแต่ละขอบเขตอันจำกัด กระทั่งต้องคอยเข้าใจท้องไส้ตัวเองให้ดี

จะอ่อนเปรี้ยวอ่อนหวาน

จะชอบเผ็ดจัดจนน้ำตาไหล

หรือชอบขมเข้มขมเค็มเพียงใด

ก็ต้องสุดด้วยร่างกายจะเป็นผู้คอยบอกกล่าว และกำหนดถึงความจริงเหล่านี้ และเช่นเดียวกัน สำหรับหลักปฏิบัติของหลายศาสนา เรื่องราวของการกิน สุขภาวะ สุขบัญญัติของการกิน ล้วนเป็นหนึ่งในขั้นตอนการฝึกฝนทั้งร่างกายและจิตใจ หลายสิ่งเกิดขึ้น เสมือนเป็นขั้นตอนเรียนรู้

ให้รู้หลักแห่งความสะอาดของกายใจ

ให้รู้หลักอันพึงประพฤติปฏิบัติ

และครรลองของชีวิต

ยิ่งในยามชีวิต อยู่ท่ามกลางความมั่งคั่งสมบูรณ์ ถึงพร้อมด้วยการเลือกสรรค์ อยากหวังสิ่งใด ไขว่คว้าต้องการสิ่งใด ก็พยายามได้มา ต้องการครอบครอง ต้องการเสพ ต้องการหวังในแต่ละสิ่งที่ใจโลดแล่นไป ยามนั้นความจริงของหลักปฏิบัติ ซึ่งหลายศาสนาบัญญัติ

ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ

หรือใครหลายคนอาจจะฉุกคิดขึ้นมาได้

ในห้วงเวลาอันสำคัญยิ่ง ยามก่อนเข้าห้องผ่าตัด

ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนใดของชีวิต ผมล้วนตระหนักเสมอ ยามจะกินของตอนท้องว่าง หรือจะกินตอนท้องอิ่ม จะกินกาแฟยามใดจิบชาตอนไหน ไม่ให้มือไม้สั่น หรือไม่ให้ใจหวิง หรือล่องลอยไปกับความมากมายจนเกินพอดีของชีวิต จนต้องมานั่งก่นด่าตัวเอง ถึงความหละหลวม ยิ่งในยามนี้ ที่บ้านเมืองของเรามีผู้นำประเทศ ประเภทชิมไปบ่นไป เรายิ่งต้องคิด

ต้องพึงตระหนักให้มาก ก่อนจะกินสิ่งใด

ขอให้คิดด้วยใจ นะครับ

ท่านนักการเมืองผู้ทรงเกียรติ ทั้งหลาย

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 187234เขียนเมื่อ 10 มิถุนายน 2008 10:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม 2012 17:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท