พักร้อน : เที่ยวกระบี่ : วันสุดท้าย กิจกรรมเบาๆ และกลับบ้าน


เตรียมกลับบ้าน

             เช้าวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม เราก็ยังคงตื่นเช้าเช่นเคย เพราะสาวๆอยากไปปาจานร่อนเล่นที่ชายหาดอีก แต่พ่อกับแม่มันชักชวนให้ไปพายเรือคายักเล่นครับ และลูกๆก็หลวมตัวไป คราวนี้เราพายไปจนถึงปากอ่าว เกือบเข้าไร่เลย์แล้วเชียว เพียงแต่ตอนนั้นเรือหางยาววิ่งผ่านไปมาหลายลำ จึงเกิดคลื่นมากหน่อย เราจึงตัดสินใจหันหัวเรือกลับกัน อาศัยหลบตามหน้าผาเพื่อบังแดด ลูกๆจึงได้มีโอกาสเห็นนกหลายตัวที่รอกินปลาอยู่ที่โขดหิน ผมมีความสุขจริงๆ

           

              เสร็จจากเรือก็ว่ายน้ำ เพื่อนร่วมทีมเริ่มทยอยกลับกัน เราก็โบกมือบ๊ายบายในสระ พวกเขากลับบ้านก่อนครอบครัวเราครับ ก็บอกแล้วไงว่า เราพักร้อนกันเต็มๆ

            

                 กิจกรรมวันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ลูกเล่นใน kid club พ่อกับแม่ก็แอบไปพักผ่อน กินข้าวเที่ยงที่บาร์ริมทะเล เล่นน้ำตอนบ่าย กินข้าวเย็นในห้องอาหาร อันนี้ต้องของเล่าเพิ่มเติม เพราะว่าขณะที่เรากำลังทานข้าวเย็นกันอยู่นั้น เขาก็มีนักดนตรี trio มาเล่นให้ฟัง มีกีตาร์ 2 ตัว เบสตัวใหญ่ 1 ตัว เขาเดินมาเล่นที่โต๊ะเรา นักดนตรีทั้ง 3 เป็นชาวฟิลิปปินส์ครับ เขาเล่นเก่งและร้องเพลงเพราะ ผมขอเพลง Anak ไป งานนี้ถูกใจพ่อมันมาก

           

                  ผมได้นั่งคุยกับพนักงานบริการเรื่องโรงแรม เขาบอกว่าช่วงนี้เป็น low season แต่แขกก็ยังคงมากเป็นปกติ เวลาที่มีคลื่นมาก เรือวิ่งไม่ได้ ก็ต้องเดินข้ามมาทางภูเขา เมื่อต้นเดือนที่ถูกหางนาร์กิส คลื่นสูงมาก มากซะจนแพสะพานทุ่นขาดไปเลยครับ กรุ๊ปเราโชคดีมากที่ไม่มีทั้งฝน ลมหรือคลื่น

           

                   จนเช้าวันอาทิตย์ก็คงเหมือนเดิม เราตื่นไปเดินเล่นที่ชายหาด กินข้าวเช้า จากนั้นพ่อกับลูกก็ลงสระ ส่วนมารดาคนสวยก็เตรียมตัวเก็บข้าวเก็บของเพื่อเตรียมกลับบ้าน เรานัดรถกอล์ฟมารับตอน 10.30 น. เรือออกตอน 11.00 น. และเพียงเกือบ 10 นาทีเราก็ถึงหน้าหาดนพรัตน์ธารา ตอนกลับนี้เองที่ผมเห็นสิ่งก่อสร้างที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายวัด ตั้งอยู่ที่บริเวณหาดนพรัตน์ธารา จิ๋มบอกว่า มันเป็นโรงแรม ผมก็ค้านในใจว่า โรงแรมอะไรวะอยู่เหมือนวัด ตอนแรกก็แย้งว่าน่าจะเป็นที่ทำการอบต. ทันใดนั้น พนักงานโรงแรมที่ขับรถตู้มารับก็บอกว่า มันคือโรงแรม แต่ยังเปิดเป็นทางการไม่ได้ เพราะว่าก่อสร้างเหมือนวัด หลวงไม่ยอม เอาละสิ ไม่ยอมแล้วเขาสร้างได้อย่างไร แล้วตอนที่ยื่นแบบทำไมให้ทำได้ ประเทศเอ๋ย ประเทศไทย

           

                      เมื่อมาถึงรถสุดที่รัก เก็บข้าวของขึ้นรถแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปยังหาดที่เดิมเพื่อกินข้าวเที่ยงสารพัดเมนูหอย ร้านประจำที่เราเคยกิน ก็สั่งหอยชักตีน หอยหลอดผัดน้ำพริกเผา (ปล.ถึงความทรงจำแต่หนหลัง มาเที่ยวที่นี่กับจิ๋มครั้งแรกก็สั่งแบบนี้แหละ)

           

                      ร้านรวงค่อนข้างเงียบเหงา คนเสิร์ฟบอกว่า เป็นเหตุการณ์ปกติ ยิ่งตอนนี้ทางอุทยานเขาเก็บค่าเข้ามาจอดรถ ทำให้คนมาน้อยลงไปอีก ก็เล่นเก็บคันละ 60 บาทเลยนี่นา ผมก็คิดไปว่า เก็บแพงจัง น่าสงสารคนค้าขาย ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ เราน่าจะส่งเสริมให้คนมาเที่ยว การเก็บเงินแบบนี้เรียกว่าสกัดดาวรุ่งเลยนะเนี่ย แต่ถ้าจะเก็บเงินผมจริงๆก็ต้องมีใบเสร็จนะ แต่นั่นแหละ กินเสร็จไปขึ้นรถ ก็ยังไม่มีคนมาเก็บตังค์เราเลย (เมื่อกี้ยังเห็นเก็บจากคันอื่นอยู่หลัดๆ) เก๊าะรีบออกไปสิท่าน ฮา

           

                        เราตั้งเข็มกลับบ้านกันเลยครับ แต่มาเปลี่ยนใจนิดหน่อยเมื่อผมบอกจิ๋มว่า เราน่าจะแวะที่ outlet village กันสักหน่อย และเราก็ได้แวะจริงๆ ซื้อของเล็กน้อย กินกาแฟ ขนม อิ่มแล้วก็ออกเดินทางกันต่อ สาวๆทั้ง 3 หลับสนิท คงเพราะอิ่มพุง ทิ้งให้ผมขับรถอยู่คนเดียว ผมก็พยายามรักษาความเร็วไม่ให้เกิน 110 กม/ชม อัตราซดน้ำมันอยู่ที่ 13 กม/ลิตรครับ

           

                        ระหว่างทางเราเจอฝนหลายหย่อม หนักเบาต่างกันไปจนถึงตรัง มาแห้งที่สุดก็เมื่อพ้นเขาพับผ้าไปแล้ว

           

                      คุณนายทั้งสามตื่นสนิทเราจึงได้เสวนากันต่อ ผมเปรยขึ้นมาว่า เรากลับบ้านเรากันแล้วนะลูก แต่เอ๊ะ ไม่ใช่บ้านพ่อนี่นา เพราะว่าพ่อเป็นคนสุราษฎร์ฯ ดังนั้นบ้านพ่อก็อยู่ที่สุราษฎร์ฯ แม่เป็นคนนครฯ ส่วนลูกทั้ง 2 เป็นคนสงขลา ทำไมล่ะ คุณจ้าเริ่มงง ก็ลูกทั้งคู่เกิดที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลานี่ค่ะลูก เราจึงเรียกว่าเป็นคนสงขลา ไม่เอา จ่าจ้าจะเป็นคน เอาละสิ เธอมาไม้ไหนอีกละนี่ ก็ใช้ ลูกเป็นคนน่ะถูกแล้ว แต่เราเรียกว่าคนสงขลา ไม่เอา จ่าจ้าจะเป็นคน ให้พ่อแม่และพี่แป้งเป็นคนด้วย แล้วเธอก็เสียใจ (ที่ไม่ได้เป็นคน) โวยวายจนเกือบจะร้องๆไห้ออกมา จนผมต้องเออออห่อหมกไปด้วย “OK ค่ะลูก เป็นคนก็เป็นคน

                       แล้วทริปเราก็จบลงอย่างปลอดภัยและมีความสุข

คำสำคัญ (Tags): #กระบี่#พักร้อน
หมายเลขบันทึก: 186256เขียนเมื่อ 5 มิถุนายน 2008 00:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:23 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

วันสิ่งแวดล้อมโลก : 5 มิถุนายน ของทุกปี

3331

ครับท่านอัยการ

ที่ผ่านมานั้น ไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรนะครับท่าน

อ่านซีรี่ส์กระบี่จนจบแล้วจ้ะ อยากบอกว่ามีความสุขจังเลยค่ะ

อืมม เพิ่งนึกออกว่าหมอจิ๋มเป็นคนนคร จบเบญจมฯ ใช่บ่อ:)

คนไทย ...หัวใจภูมิภาค

หรือคนภูมิภาค หัวใจ ..สยาม

.... มันบ่ต่างกัน คือ เก่า ...

แม่ลูกจันครับ

จิ๋มเป็นคนปากพนัง จบการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ปากพนัง แล้วไปจบม.1-6 จากสาธิตปัตตานีครับ

เธอเคยสอบเข้าเบญจมฯตอนม.1 รู้สึกว่าจะได้ที่ 2 อะไรทำนองนี้ คนที่ได้ที่ 1 ก็ไปเรียนที่ปัตตานีเหมือนกัน เขาเป็นเพื่อนกัน

รุ่นผมที่จบจสกเบญจมฯ มี กุ้ง ภุชงค์, หมู ทินกร, เอื้อย , ตั้ก กิตติพงศ์ ครับ

ยินดีที่มีความสุขครับ

คือ เก่า คืออะไรครับ อาจารย์แผ่นดินแดนไทย

ช่วยขายความอีกนิดครับ ฮ่าฮ่า

มายิ้มๆๆ คุณหมอมีความสุขจังชอบเจ้าหลานคนเล็ก ตาโตมากๆๆ นั้นขอเป็นคนด้วยคน ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

เอาเลยครับท่านขจิต

อาจารย์จะเป็นอะไรก็ได้ตามสบาย ฮ่า ฮ่า

สวัสดีค่ะอาจารย์ แวะมาทักทายค่ะ อ่านแล้วเพลินดี ยังมีบันทึกของอาจารย์อื่นๆอีก ที่อยากอ่าน ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับพี่หมี (หรือ มี๋ ดีน๊า)

อาจารย์อื่นๆนี่คิอ ท่านอื่น หรือบันทึกอื่นๆของอาจตารย์ท่านนี้ครับพี่ ฮ่าฮ่า

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท