ม็อบ...พันธมิตร...กบเลือกนาย...กับความปรารถนาที่ไม่สิ้นสุด


หากจะดำเนินการตามครรลองของประชาธิปไตยแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทุกคนควรยึดถือคือ "กฎ กติกา มารยาท"

เพื่อนๆครับ...

สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่เราทุกคนทราบกันดีจากข่าวทางสื่อต่างๆในช่วงเวลาที่ผ่านมา จะมีใครคิดเหมือนผมบ้างหรือไม่ว่า บ้านเมืองของเราชักจะเหมือนอเมริกาใต้เข้าไปทุกที หรือไม่ก็เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน โดยเหมือนมีอาถรรพ์ให้ย้อนกลับไปในยุคที่เกิด"การนองเลือด...ให้สาสมกับความปรารถนาของคนบางกลุ่ม..."

ก่อนอื่นต้องออกตัวว่า ผมไม่เคยคิดเข้าข้างใครอย่างมีอคติทั้งสิ้น ไม่เคยเห็นด้วยกับวิธีหรือแนวทางที่ปชป.ชอบทำ ไม่เคยเห็นด้วยกับการขายสมบัติของส่วนรวมของทรท. และไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการก้าวล่วงสถาบันอันเป็นที่เคารพรักของคนทั้งประเทศของเจ๊เพ็ญ รวมทั้งท่าทีที่ทำท่าว่าจะปกป้องสถาบันของบักหัวเถิก รวมถึงพวกพันธมิตรทั้งหลายแหล่...

คราวนี้ผมอยากให้เรามามองว่า สถานการณ์เมืองไทยในปัจจุบันนั้นคงจะเป็นไปอย่างที่สถาบันต่างชาติจัดอันดับให้ประเทศไทยมีสถานะความสงบสุขในอันดับที่ร้อยกว่าๆ ซึ่งน้อยกว่าเพื่อนบ้านในภูมิภาคเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด และหากเราคนไทยไม่มีอคติ ก็คงต้องยอมรับโดยดุษฎีว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

ไม่ว่าใครจะให้คำจำกัดความของ"ประชาธิปไตย"ว่าอย่างไร และไม่ว่าเราจะเป็นแบบครึ่งใบ ค่อนใบ หรือเต็มใบ ผมว่าเราน่าจะลองหันมามองตนเองว่าเมืองไทยเราเหมาะกับการปกครองแบบนี้จริงหรือ?

และหากจะดำเนินการตามครรลองของประชาธิปไตยแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทุกคนควรยึดถือคือ "กฎ กติกา มารยาท" ครับ

ไม่งั้นเลือกตั้งกี่ครั้งกี่หน ก็ย่อมมีทั้งผู้ชนะและผู้พ่ายแพ้ และหากสถานการณ์บ้านเมืองยังเป็นแบบเดิมเช่นนี้ กลุ่มผู้พ่ายแพ้และ/หรือผู้เสียประโยชน์ก็จะทำการปลุกระดม ก่อม็อบ ชุมนุม ให้เกิดความวุ่นวายแก่บ้านเมืองเช่นนี้เรื่อยไป โดยอ้างว่า ข้ามาใช้สิทธิตามระบอบประชาธิปไตย ข้ามาชุมนุมแบบอหิงสา โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่ตามมาว่าประชาชนโดยรวมจะรู้สึกอย่างไร และได้รับความเดือดร้อนอย่างไร...

ความพิลึกของบ้านเราที่ผมอยากจะชี้ให้ดูคือ จะมีใครบ้างในโลกนี้ที่มาเป็นรัฐบาลได้สามเดือนแล้วแก้ปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรมบ้าง? โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาเจอสถานการณ์คุกคามรอบด้านเช่นในรัฐบาลนี้ ทั้งราคาน้ำมันสูงอย่างไม่ลืมหูลืมตา ปัญหาภาคใต้ ปัญหาคดีพัวพันมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากรัฐธรรมนูญที่ร่างโดยคณะรัฐประหาร รวมทั้งม็อบโน่นม็อบนี่อีกหลายสิบม็อบ และจะถามอีกคำถามว่ามีพรรคไหนที่มันไม่โกงกินบ้างครับ? ไม่ว่าจะเป็นพรรคหลงจู๊ (ก่อสร้างและเกษตร) พรรคสปก. พรรคมือถือ

ถึงผมจะรู้ว่าคงมีคนไม่เห็นด้วยเยอะ แต่อยากจะขอโดยหวังลมๆแล้งๆว่า คุณกลุ่มพันธมิตรครับ คุณจำลอง สุริยใส ปีย์และสนธิ.... หยุดเถอะครับ อย่าทำตัวเป็นกบเลือกนายเลยครับ หยุดเอาผลประโยชน์และความปรารถนาของตนเองเป็นที่ตั้ง...คุณทำลายชาติมามากแล้ว...

หากคุณมีความปรารถนาดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จริง ทำไมคุณยังทำแบบนี้อยู่? คิดหรือไม่ว่าการกระทำดังกล่าวอาจจะทำให้พ่อหลวงของเราทรงโทมนัส อย่างที่เราเห็นพระองค์ท่านทรงปรามจำลองกับรสช.ในปี 2535?

 

หมายเลขบันทึก: 184516เขียนเมื่อ 26 พฤษภาคม 2008 08:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:06 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

คุณ Keen ครับ มีงานวิจัยออกมาว่า ประเทศไทยมีการคอรัปชั่น คิดความสูญเสียในด้านงบประมาณที่เป็นตัวเลขออกมาแล้ว ประมาณ ๑ แสนล้านบาทต่อปี ไม่ว่ารัฐบาลไหนๆตัวเลขก็ไม่ต่างกัน ผมคิดไปไกลกว่านั้น "หรือว่า ๗๐ กว่าปีที่ผ่านมา ที่เราเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นแบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" มันไม่เหมาะกับประเทศ หรือนิสัยคนไทยหรือไร จะต้องคิดรูปแบบการปกครองแบบใหม่มาใช้ ดีหรือเปล่า เช่น เผด็จการโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข สังคมนิยมโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มันว้าวุ่นในความรู้สึกพอสมควร เนื่องจากเราเป็นกลาง ไม่เข้าข้างฝ่ายใดเช่นเดียวกับคุณ Keen ผมจึงไม่อยากเขียนสะท้อนในเรื่องการเมือง เพราะมันเสียความรู้สึก เหนื่อยโดยเปล่าประโยชน์ มันไม่เกิดผลในด้านการเปลี่ยนแปลงเลย เสียหัวคิด เสียความรู้สึกเปล่าๆ สู้เอาหัวคิดน้อยๆมาใช้พัฒนางานวิชาการจะดีกว่าเป็นไหนๆ  ซึ่งบางคนอาจจะคิดว่า "คุณทำอย่างนี้คุณก็เห็นแก่ตัวสิเพราะเราหนีการเมืองไปไม่พ้น" ถูกต้องครับ แต่การเมือง โดยเฉพาะนักการเมืองก็ไม่เคยใส่ใจประชาชน นอกจากผลประโยชน์ของตนเองและพรรคพวกเท่านั้น คุณว่าจริงไหม อาจารย์เก

คุณหมอเขียนได้ตรงใจผมมากเลยครับ ถ้ามีการประท้วงอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา ประเทศชาติก็ไม่ไปถึงไหน ผู้คนในประเทศต่างๆ ในโลกเขารู้จักแพ้รู้จักชนะ ถ้าเขายอมรับในสิ่งที่เขาได้รับจากการต่อรองซึ่งเยอะมากแล้วและไม่หวังจะเอาทุกอย่าง บ้านเมืองเราคงสงบลงได้บ้าง แต่นี่เขาถือว่ามีสื่อในมือจะปลุกระดมให้ใครซ้ายหันขวาหันก็ได้ ดังนั้นเขาต้องได้ทุกอย่างดั่งใจเขา ไม่ได้สนใจคนลำบากคือประชาชนผู้เสียผลประโยชน์ซึ่งไม่มีปากเสียงต่อรอง

เขียนถึงตรงนี้แล้วก็เศร้าที่ประชาชนเจ้าของประเทศไม่มีสิทธิ์ในการส่งเสียงบ้างเลย สื่อทางเลือกไหนที่มีความเห็นแตกต่างจากเขา เขาก็ทำลายเสีย ป้ายสีให้กลายเป็นอื่นไป บอกตรงๆ ว่าผมเองไม่กล้ามีความเห็นทางการเมืองด้วยความกลัวเขาครับ (แต่ขอแสดงความเห็นตรงนี้หน่อยเถอะ)

ถ้าอยากสงบก็ต้องรู้จักปล่อยวาง ยอมถอย ยอมลดอัตตาลงบ้าง ครับ

เดือดร้อนจริงๆ ลำบากกายและลำบากใจ

ลำบากใจเพราะการเมือง ซึ่งมีผลกระทบกับความเป็นอยู่ของเรา

ลำบากกายเพราะค่าครองชีพสูง ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินไม่ค่อยมี

สวัสดีครับ

                  ผมมองอีกด้านว่า การเมืองการปกครองของไทยนั้น มีการเคลื่อนไหวอยู่แล้วครับ เพียงแต่ว่าก่อนหน้านั้นเคลื่อนอยู่กับกลุ่มชนชั้นระดับนำของประเทศ อะไรคือสมดุลของอำนาจ นั่นคือการเมืองสงบได้ นี่เป็นสังคมแห่งอำนาจ ซึ่งเราเป็นอยู่ ซึ่งต่างจากสังคมแห่งสิทธิเสรีภาพและหน้าที่ และต่างจากสังคมแห่งความรู้ ที่ประเทศประชาธิปไตยที่พัฒนาเขาเป็นกัน

                เหตุการณ์พฤษภา 35 เป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทยใหม่ที่คนชั้นกลางเริ่มมีบทบาทในการเมืองการปกครองมากยิ่งขึ้น(ไม่ใช่พลังนักศึกษาประชาชนและนักปฏิวัติเอียงซ้ายแบบเดิมในยุค ตุลา 16 และ 19 ) ผมไม่ตำหนิพวกชุมนุมเพราะเขามีเหตุผล มีที่มา และไม่กล้าตำหนิพวกต้านชุมนุมที่ก็ชุมนุมเช่นกัน เพราะนั่นก็มีเหตุผลมีที่มา

                   แต่เหตุผลหนึ่งคือ ประชามติสิบสี่ล้านที่รับร่าง รธน.50 ไม่มีผลทางกฎหมายหรือไร ไม่เป็นผลทางการเมืองการปกครองเลยหรือไร จริงอยู่นั่นอยู่ในยุครัฐบาลทหาร หลักการอาจไม่ได้ แต่ความเข้าใจของประชาชนและการปฏิบัติออกมาจะใช้วัดมาตรฐานการเมืองการปกครองไม่ได้เลยหรือไร     หลังจบเลือกตั้งประชาชนก็ตอบออกมาตามที่เขารู้สึกอยู่ดีว่าอยากได้รัฐบาล นอมินี   ก็ได้มา    แล้วรีบร้อนแก้ไขเพื่ออะไร ชนวนเหตุแบบนี้อธิบายยังไง ไม่ต้องย้อนไปถึง ทำไมต้องปฏิวัติ หากย้อนไปมากันอย่างนี้ ก็ต้องย้อนไปว่าทำไม คณะราษฏร์ เปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 กรณีนี้คือ ฝ่ายใดที่ไม่จบกันแน่

                   เราไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบความหมายดั้งเดิมหรอกครับ เราปรับมาเข้ากับวิธีการของพวกเราไปเยอะ โดยเฉพาะมาปรับเข้ากับการต่อรองอำนาจในกลุ่มของพ่อค้าคหบดีและเศรษฐีเก่าในเมืองหลวง ชนชนปกครอง แม้แต่ชนชั้นพ่อค้า ก็ไม่ได้มุ่งแสดงความปรารถนาดีต่อชาติด้วยการสนใจคนส่วนใหญ่ของประเทศครับ แต่จับกลุ่มกันแสวงหากำไรและไล่ล่าผลประโยชน์ชาติ ทรัพยากรในน้ำ ดิน อากาศ กันให้ครึ่ม

              ประชาชนชาวไทย รวมถึงเยาวชนรุ่นใหม่ที่จะเป็นกำลังคนของไทย ไม่ได้เข้าใจวิธีการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่เข้าใจอำนาจอธิปไตยของประชาชนชาวไทย ไม่เข้าใจหลักการแบ่งแยกอำนาจ 3 ฝ่าย ไม่รู้เรื่องการปฏิวัติ ไม่รู้เรื่องการปกครองแบบสังคมนิยม และเกลียดคอมมิวนิตส์โดยคิดว่าเป็นตัวเชื้อโรค

                  เราไม่เข้าใจอะไรกันซักอย่าง มีคนไม่กี่กลุ่มเท่านั้น พวกเขาเล่าและเล่นกันอย่างสนุกแล้วมอบสิ่งไร้ค่าให้ชาวบ้านชาวนา เราวงนอกไม่รู้ด้วยซ้ำเขาพูดเรื่องใหญ่ ๆ ในสนามกอล์ฟ เรื่องเป็นเรื่องตาย เรื่องกระทบนโยบายใหญ่ของประเทศ

ที่โต๊ะประชุม ครม. ก็แค่ละครโรงเล็ก

              หากจำเป็น พวกเราอาจต้องแสวงหาแนวร่วมเพื่อปลดปล่อยสังคมเสียที กล้าเผชิญกับอำนาจเงินล้นฟ้าและอิทธิพลเหนือกระบอกปืนเสียที

 

ประชาชนชาวไทย รวมถึงเยาวชนรุ่นใหม่ที่จะเป็นกำลังคนของไทย ไม่ได้เข้าใจวิธีการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

เห็นด้วยกับคุณ   P

ไม่แน่ใจว่าเมืองไทย อีกนานแค่ไหน ประเทศเราจึงจะเข้าใจเรื่องประชาธิปไตยสักที อีกนานแค่ไหนนักการเมืองจะทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง

ถ้าเราอยาำกได้ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เราต้อง ขจัดคอรัปชั่น อย่างจริงจัง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท