บันทึกนี้ “ชายขอบ” มาแปลก ๆ อีกแล้ววันนี้ มาสไตล์นี้ บอกได้เลยว่าวันนี้ต้องเครียดทั้งวัน ไหนจะโครงการที่ต้องส่ง สวรส.ภาคใต้ มอ. ไหนจะรับนัดไว้กับทีมงาน “ไตรภาคีฯ” เพื่อไปขับเคลื่อนโครงการต่อ และอีก ฯลฯ (บ่นนิดนึง...หายแล้ว)
แต่ในทุกครั้งที่รู้สึกเครียด ๆ ก็มักจะมีอะไรให้ยิ้มได้เสมอ แล้วก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง วันนี้ก็มีหลาย ๆ ประการที่ยิ้มได้ เช่น บทกลอนที่กินใจ ได้แรงใจอันนี้ครับ เป็นเรื่องหนึ่งในหลายเรื่อง
คือ ดอกหญ้า...ธรรมดาดอกหนึ่ง
ไร้ซึ่งผู้คนเอาใจใส่...
ลมพัดก้อ...ระเนนเอนลู่ไป
แดดจะไล้หรือฉ่ำฝนก้อทนทาน
คือ...อิสระเสรีของชีวิต
ด้วยมีสิทธิ์จะหยัดอยู่เพื่อชูก้าน
กับวิถีเรียบง่ายริมสายธาร
ไม่ทะยานอยากเด่นเช่นใคร ๆ ๆ
คือ...สัจจะสื่อบอกจากดอกหญ้า
ชีวิตใช่ปรารถนาจะเป็นใหญ่
เพียงเรียบง่าย ง่ายงามมีน้ำใจ
และสุขได้เพียงหยัดอยู่คู่...ตะวัน
“นิรนาม”
ผมอ่านแล้วไม่เพียงให้หายเครียด ยิ้มได้ แต่กลับให้ข้อคิดที่เป็นการเพิ่มพลังชีวิต เจ้าดอกหญ้าผู้เจียมตน รู้ตัวว่าตนแค่ไหน เพียงไร ดอกหญ้าที่รู้สึกในคุณค่าแห่งตนเอง แต่ไม่ไฝ่เสมอดอกไม้ดอกไหน ๆ ง่าย ๆ ทนทาน บานสะพรั่ง มีอุดมการณ์มั่นว่าจะยืนหยัดคงคู่...ตะวัน ผมอ่านแล้วรับรู้ว่า “หยิ่ง ๆ (ภูมิใจในตนเอง...ไม่ใช่ขี้โกง) มีศักดิ์ศรี มีอุดมการณ์ มักน้อย ถ่อมตน” อยู่ในตัวตนของเขา ผู้ที่ให้และบอกว่านี่แหละเขา และก็เชื่ออย่างนั้น เชื่อว่าแม้จะเป็นดอกหญ้าก็เถอะ ช่วยกันทำ ช่วยกัน “คนละไม้คนละมือ” สังคมนี้สดใส และสดชื่นได้ครับ ให้กำลังใจ และแรงใจกลับไปเช่นกัน
ขอบคุณผู้ให้ (อาจารย์โย) ขอบคุณผู้ส่งผ่านมา ผู้ให้ที่สดใส ร่าเริงเสมอ เขาจะมาตอนเครียด ๆ ประมาณว่า “พี่ชายขอบบบบบบบบบ....” “ยุ่งเหรอ” “ครับผม” ทักกันพอเป็น small talk แล้วต่างคนก็ต่างสร้างสรรค์ส่วนของตนไป วันนี้มาแปลกใหม่ พร้อมกับแจ้งว่า “ถอยโน๊ตบุค” มาใหม่ เพื่อใช้ในราชการ...ด้วย ใช้ส่วนตัว...บ้าง (น่าสรรเสริญ ๆ) จากงบหมวด ต. (ตัวเอง) แผนงานเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ
เวลาเดินทาง เวลาเหนื่อยล้า เวลาอยากพักจากสรรพสิ่ง..มักชอบมองข้างทาง ..มองทิวทัศน์ข้างนอก..มองทอดตาไปเรื่อยๆและพบว่าในความแตกต่างของภูมิทัศน์จะมีดอกหญ้าหลากหลายชนิดขึ้นแซมในพื้นที่ต่างๆเสมอ ไม่ว่าพื้นที่นั้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม ดอกหญ้าจะชูช่อ ระบัดใบอย่างไม่เกรงกลัวหรืองอนง้อต่อสิ่งใด ไม่ว่าจะมีผู้พบเห็นหรือไม่ จะมีผู้ดูแล ชื่นชมเพียงใด..ดอกหญ้า..ดูแลตัวเองได้เสมอ สิ่งที่ดอกหญ้ามอบให้กับทุกคนคือ ในความบอบบาง งดงาม มีความเข้มแข็ง อดทน ทระนง และไม่ว่าจะมีชีวิตที่สั้นเพียงใดก็ยังทำหน้าที่ของตนอย่างครบถ้วน ดังนั้น " ดอกหญ้าใช่เป็นเพียง..แค่ดอกหญ้า แต่เป็นการสอนว่า..เมื่อใดที่ยังมีชีวิตจงทำหน้าที่ให้ดีที่สุด "
"เมื่อใดที่ยังมีชีวิตจงทำหน้าที่ให้ดีที่สุด"
เป็นการมองชีวิตที่เกิดมาว่าเพื่อ
"ทำหน้าที่" ใช่ครับผมเห็นด้วย
เป็นการทำหน้าที่เพื่อการดำรงชีวิตอยู่ของตนเอง
และไม่ลืมที่จะเพื่อสังคมด้วย
จริง ๆ ก็เพื่อตนเองโดยอ้อมนั่นแหละครับ
(มุมมองผมเองนะครับ)
การมองว่าเพื่อทำหน้าที่ต่อตนเองมากเกินไปจะ "อสมดุล"
แต่หากต้องมองว่าต้องทำหน้าที่เพื่อสังคมด้วยจึงจะ "สมดุล"
"สมดุล" หาใช่น้ำหนักเท่ากัน หรือปริมาณ หรือ...เท่ากันไม่
แต่หาก "พอดี" อย่าง "พอเพียง" มากกว่าจึงเรียกว่า "สมดุล"
อย่างไรจึงจะ "สมดุล" สำหรับเรา จึงเป็นสิ่งที่ต้องค้นหา
ใครจะหาให้ใครเพื่อใครแทนกันก็ไม่น่าจะใช่
และเน้นว่าค้นหาเอาเอง ค้นหาตัวเองให้พบให้เจอ
เมื่อพบเมื่อเจอแล้ว ตรงนั้นน่าจะเป็น
"สมดุลของความสุขที่แท้จริง"
ขอบคุณคนข้างนอกที่ เติมเต็มและช่วยให้ get ขึ้นได้ ครับ! :)
"เมื่อใดที่ยังมีชีวิตจงทำหน้าที่ให้ดีที่สุด"
เป็นการมองชีวิตที่เกิดมาว่าเพื่อ
"ทำหน้าที่" ใช่ครับผมเห็นด้วย
เป็นการทำหน้าที่เพื่อการดำรงชีวิตอยู่ของตนเอง
และไม่ลืมที่จะเพื่อสังคมด้วย
จริง ๆ ก็เพื่อตนเองโดยอ้อมนั่นแหละครับ
(มุมมองผมเองนะครับ)
การมองว่าเพื่อทำหน้าที่ต่อตนเองมากเกินไปจะ "อสมดุล"
แต่หากต้องมองว่าต้องทำหน้าที่เพื่อสังคมด้วยจึงจะ "สมดุล"
"สมดุล" หาใช่น้ำหนักเท่ากัน หรือปริมาณ หรือ...เท่ากันไม่
แต่หาก "พอดี" อย่าง "พอเพียง" มากกว่าจึงเรียกว่า "สมดุล"
อย่างไรจึงจะ "สมดุล" สำหรับเรา จึงเป็นสิ่งที่ต้องค้นหา
ใครจะหาให้ใครเพื่อใครแทนกันก็ไม่น่าจะใช่
และเน้นว่าค้นหาเอาเอง ค้นหาตัวเองให้พบให้เจอ
เมื่อพบเมื่อเจอแล้ว ตรงนั้นน่าจะเป็น
"สมดุลของความสุขที่แท้จริง"
ขอบคุณคนข้างนอกที่ เติมเต็มและช่วยให้ get ขึ้นได้ ครับ! :)
หน้าที่ (Function) ของชีวิต คือการทำชีวิตให้มีชีวิตอย่างสมดุล ฉะนั้นหน้าที่ของชีวิตจึงเป็นพื้นฐานตามธรรมชาติ ที่ทุกชีวิตต้องมีและต้องทำ ส่วนอย่างไรที่ไม่ใช่หน้าที่ของชีวิต น่าจะเรียกว่าภารกิจ (Mission) ที่ได้รับมอบหมาย เสียมากกว่า (เข้าใจอย่างนี้) เวลาที่บอกว่า "ต้องทำตามหน้าที่" แบบเซ็ง ๆ จึงน่าจะพูดว่า "ต้องทำตามภารกิจ" แทน เพราะหน้าที่ไม่น่าจะเซ็งได้ เนื่องจากเป็นหน้าที่ของชีวิต ซึ่งก็คือการทำชีวิตให้มีชีวิตอย่างสมดุล มีความสุขอย่างพอดีและพอเพียง เป็นสมดุลของชีวิต
แต่คนส่วนใหญ่มักจะเอาหน้าที่ เป็นตัวตั้ง และสิ่งที่ตามมา คือ บทบาท ซึ่งคนส่วนใหญ่อีกเช่นกันนั้นแหละค่ะ ที่มักจะกำหนดว่า คนที่มีหน้าที่นี้ ต้องแสดงบทบาทอย่างนี้ๆ อย่าที่ใครๆ เขาทำกัน ถ้าหากมีใครที่แสดงบทบาทแตกต่างจากที่ใครๆ เขาทำกันนั้น ก็มักถูกคนในสังคมมองว่าแปลก ประหลาด โดยไม่ได้มองว่าสิ่งที่เขาเหล่านั้นทำ เป็นสิ่งที่ควรทำ หรือเป็นสิ่งที่ต้องทำ
โลกนี้ ก็เลยเกิดความวุ่นวาย กันด้วยประการฉะนี้แล
"ดูไปให้ลึกถึงจิตและใจ... พร้อมที่กู้พลังใจให้กลับมา... ด้วยตัวของเราเอง"
ขอเพิ่มเติมเสริมต่อ อีกนิดว่า...หน้าที่ของชีวิตเป็นเรื่องที่เบา เป็นธรรมชาติของชีวิต ภารกิจ...ของเรา (กิจหรือการงานที่เป็นภาระ) หนักขึ้นมาอีกนิด หากแปรเปลี่ยนให้เป็นหน้าที่ของชีวิตด้วย"จิตและใจ" ก็จะเบาลง ภารกิจจะหนักอึ้งหากเราใช้ "จิตและใจ" มองเป็นภาระ...ไม่ใช่ของเรา ที่ต้องทำกิจหรือการงานนั้น การแปรเปลี่ยนทำได้โดย "จิตและใจ" ก็บทบาท (ตามที่คุณ sann กล่าวไว้) นี่แหละเป็นรูปที่จำลองขึ้นหลังกำหนดด้วย "จิตและใจ" ของเราเองแล้วว่า เราจะเลือกให้เป็นอะไร หน้าที่ของชีวิต หรือภาระกิจ...ของเรา หรือภาระกิจ...ไม่ใช่ของเรา ลองทบทวนตามที่ Dr.Ka-poom กล่าวไว้ "ดูไปให้ลึกถึงจิตและใจ... พร้อมที่กู้พลังใจให้กลับมา... ด้วยตัวของเราเอง" ได้ดังสดับมา
ที่สำคัญทั้งหน้าที่ของชีวิต และภารกิจของเรา ต้องมีความสุขอย่างพอดีและพอเพียง เป็นสมดุลของชีวิต
ดอกหญ้าไม่คิด คนคิด
ดอกหญ้าไม่ได้ให้อะไร แต่คนรับเอามาเป็นอารมณ์
ดอกหญ้าคือปัจจุบัน แต่คนใช้อดีตมาอธิบายความเป็นปัจจุบันของดอกหญ้าแล้วขยายผลถึงอนาคตของตนเอง
ดอกหญ้า ไม่ได้คิดถึงหน้าที่ แต่เติบโต
ขอบคุณ "คนไร้นาม" ที่ได้ร่วม ลปรร.มองเห็นอีกมุมหนึ่งที่กำหนดแจ้งไว้ จะอุปมาอุปไมยไปแล้ว "ดอกหญ้าคือคน" ตามความก่อนหน้า หากแต่ในมุมของท่าน "ดอกหญ้าคือดอกหญ้า" อืม...น่ามอง...และน่าคิดตามเป็นอย่างยิ่ง
สรรพสิ่ง เกิดขึ้น..ตั้งอยู่..ดับไป วนเวียนเป็นวัฏฏะ เมื่อมองดูรอบข้างทุกอย่างคือธรรมะ จะมองให้เห็นเป็นสัจจะหรือจะมองให้เห็นเป็นนัยยะถ้าก่อให้เกิดการรู้แจ้งในตนหรือจนไร้รูป.. ไร้นาม " มองอย่างไร?ฤาจะสำคัญเท่าได้อะไรจากการมอง "
แวะมาอ่านครับ