ในหนังสือ “ผู้นำกับวิทยาศาสตร์ใหม่” ของ มาร์กาเร็ต วีตเลย์ ได้พูดถึงพลังของข้อมูลไว้ในบทที่ 6 ผมจะขอหยิบยกข้อความบางตอนที่สะท้อนใจมาไว้ข้างล่างนี้:
“ถ้าเราต้องการให้ข้อมูลทำหน้าที่เป็นต้นกำนิดของความมีชีวิตในองค์กร เราต้องกำจัดความมืดมัวในใจที่ต้องการควบคุมมันและให้ความไว้วางใจกับความเคลื่อนไหวอย่างอิสระของมันภายในองค์กรเรา ข้อมูลเป็นปัจจัยสำคัญของระเบียบใหม่ ระเบียบใหม่ที่ไม่ได้เกิดจากการบังคับหรือเรากำหนด. . .” (หน้า 168)
“ความฉลาดในองค์กรนั้นไม่ได้อยู่ที่ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้นำเพียงบางคนเท่านั้น หากแต่ว่าเป็นความสามารถของทั้งระบบที่จะเปิดรับข้อมูลใหม่ที่แตกต่างและหลากหลาย และทำให้คนในองค์กรทั้งหมดสามารถตีความข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิผล. . .” (หน้า 170)
“เราทุกคนจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะสนับสนุนการทำงานของกันและกัน . . . ความฉลาดนั้นกระจายอยู่ทั่วไป เรามีหน้าที่ที่จะหล่อเลี้ยงผู้อื่นด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและมีความหมาย เมื่อมีข้อมูลเช่นนั้นทุกคนจะสามารถจัดการกับเรื่องราวต่างๆ หรือสภาวะอันเลวร้ายได้. . .” (หน้า 175)
เป็นอย่างไรบ้างครับ เรื่องพลังของข้อมูล (ผมว่าท่านคงหมายถึงความรู้รวมอยู่ด้วย) จะเห็นได้ว่าความสำคัญอยู่ตรงที่เราต้องไม่ปิดกั้นข้อมูล (และความรู้) เหล่านั้น ต้องทำให้มัน Flow ต้องทำให้มัน Free ต้องทำให้ผู้ที่ปฏิบัติงานเข้าถึงข้อมูล (และความรู้) ได้ เพื่อให้พวกเขาได้คิดร่วมกัน ร่วมกันหาความหมายของข้อมูลเหล่านั้น จะเห็นได้ว่านี่เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ เป็นเรื่องความเป็นกัลยาณมิตร เป็นเรื่องการจิตใจที่ปรารถนาดีต่อกัน เพื่อร่วมกันสานฝันที่วาดไว้ให้เป็นจริงได้ ไม่ว่าฝันนั้นจะยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม
สวัสดีครับอาจารย์ ดร.ประพนธ์ ที่นับถือ
ผมในฐานะคนทำงานเล็กๆที่ทำงานหลากหลาย(ในบริบทของผม) และในท่ามกลางความหลากหลายนั้นผมได้เรียนรู้ว่า "ข้อมูล" ที่ชัดเจน ถูกต้อง เป็นเครื่องมือนำไปสู่การพัฒนาที่เข้าถึง เข้าใจ
ในภาคประชาสังคม เวทีเล็กๆที่ผม จัดขึ้นมาในวันสองวันนี้ "ดอกไม้เบ่งบานในใจ" ในสนทนาวงน้ำชา ปัญหาบ้านเฮา : เมืองปายครั้งที่ ๑ เราได้ข้อคิดเห็นที่หลากหลาย และตรงนั้นเองข้อมูลที่เรานำมาเป็นข้อมูลพื้นฐานในการสนทนา วิเคราะห์ และสังเคราะห์ให้เป็นองค์ความรู้ รวมถึงเป็นผลผลึกทางปัญญาเพื่อการพัฒนาบ้านเกิดผมต่อไป
การจัดการข้อมูล เป็นกระบวนการที่สำคัญมาก เราอยากได้นักการความรู้ท้องถิ่น ที่สามารถใช้ประโยชน์จากความรู้ที่อยู่ในตัวคน อยู่ในชุมชน มาใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุด
ผมชอบย่อหน้านี้ครับ “ความฉลาดในองค์กรนั้นไม่ได้อยู่ที่ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้นำเพียงบางคนเท่านั้น หากแต่ว่าเป็นความสามารถของทั้งระบบที่จะเปิดรับข้อมูลใหม่ที่แตกต่างและหลากหลาย และทำให้คนในองค์กรทั้งหมดสามารถตีความข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิผล. . .” (หน้า 170)
เราจึง เปิดใจ เปิดรับ และ ตีความข้อมูลที่มีอยู่ เพื่อเป็นทุนในการขับเคลื่อนกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นต่อไปที่เมืองปาย