อาจารย์มหาวิทยาลัย กับ มอเตอรไซค์ 1 คัน


ผมเชื่อว่า ถ้ามีคนให้ความเคารพและนับถือผม ไม่ใช่เคารพผมที่ "วัตถุนิยม" ที่แสดงฐานะว่า รวย หรือ จน กรุณาให้เคารพผมที่หัวใจของผม อุดมการณ์ของผม คุณธรรมจริยธรรมที่ผมมีก็พอแล้ว

เรื่องพาหนะคู่ใจของผม สามารถแบ่งออกได้เป็นช่วงชีวิตหลาย ๆ ช่วง ดังนี้

ช่วงเรียน ป.ตรี ที่ พิด'โลก ... เข้าเรียนปี 1 ซื้อจักรยานเฟสสันมือสอง มือสาม หรือมือสี่ ก็ไม่ทราบ จากรุ่นพี่ที่หอ รุ่นพี่กำลังจะเรียนจบ จึงขายต่อให้ผมมาในราคา 400 บาท ซึ่งผมก็ใช้จนถึงปี 4 แล้วมันก็หายตอนผมเรียนจบ

ขึ้นมาเรียน ป.โท ที่จังหวัดช้าง ... ผมก็พัฒนาจาก จักรยานเฟสสัน สีน้ำตาลเข้มที่หายไป กลายเป็น จักรยานเสือภูเขาคันเท่ห์ ราคา 3,900 บาท แทน ผมขี่ไปเรียนในมหาวิทยาลัย ประมาณ 5 ปี (ปี 1 - ปี 5)

ช่วงรอยต่อการเรียนกับการทำงาน ... ผมเริ่มทำงานก่อนเรียนจบ 1 ปี ผมจึงขอสตางค์พ่อกับแม่ บวกกับเงินเดือนมาผ่อนรถมอเตอร์ไซค์คันแรกในชีวิต เหตุผลที่ต้องเปลี่ยนจากจักรยานเสือภูเขา คือ มันแก่แล้ว อีกประการหนึ่งคือ ผมต้องผูกไทมาทำงาน จากที่พักถึงที่ทำงาน เหงื่อมันไหลเลอะเสื้อ ทำให้เพื่อนร่วมงานไม่อยากเข้าใกล้ เพราะเหม็นเหงื่อมาก

เจ้ามอเตอร์ไซค์คันแรกของผม มีความแรง 110 cc. มีคนตั้งชื่อให้ว่า "หนึ่งเดียว"

เจ้าหนึ่งเดียวอยู่กับผมได้เกือบ 6 ปี ก็หมดอายุ (ตอนนี้ไปขี่อยู่บนดอยแล้ว)

ผมจึงจำเป็นที่ต้องผ่อนคันใหม่อีก ทั้ง ๆ ที่เงินก็ไม่ค่อยจะพอ จึงตัดสินใจใช้เงินเดือนส่วนที่เหลือ ไปผ่อนมอเตอร์ไซค์มือสอง 1 คัน ปัจจุบันยังเหลืออีก 1 ปีกว่า ๆ

มีคนตั้งชื่อไว้ได้น่าเกลียดมาก ชื่อ "ไส้ติ่ง" แรง 125 cc. แรงเพิ่มมานิด

"ไส้ติ่ง" เป็นรถมือสองที่ผมต้องบำรุงรักษาอยู่ทุกเดือน เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เช็คทุกอย่าง ทุก ๆ เดือน

ทุก ๆ วัน ผมจะต้องขี่เจ้าไส้ติ่งมาสอนที่มหาวิทยาลัยทุกวัน ไป-กลับ ประมาณ 40 กิโลเมตร ใช้เวลาเที่ยวละ 30 นาที เป็นอย่างน้อย

ก่อนจะขี่เจ้าไส้ติ่ง ผมต้องหาไอ้โม่ง (หมวกคลุมหัว) และถุงมือกันหิมะ ใส่ทุกครั้ง และเสื้อกันหิมะอีกตัว (มือสอง) เพื่อป้องกัน แดด ฝุ่น ความหนาวเย็นของภาคเหนือ

เวลามาถึงมหาวิทยาลัยทุกครั้ง ผมจะจอดรถไว้ที่หอพัก ดึงไอ้โม่งออก ดึงถุงมือออก ... ถ้านักศึกษามาเห็นลองคิดดูสิครับว่า นักศึกษาจะคิดอย่างไรกับอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาสอนหนังสือ

อย่าว่าแต่นักศึกษาจะคิดเลยนะครับ อาจารย์ด้วยกันเองที่เอารถยนต์ราคาแพง ๆ มาขับ มาจอด ยังคงอดคิดไม่ได้ และมักจะทักผมว่า ทำไมถึงไม่ซื้อรถยนต์ซักที มันลำบากนะ (อันนี้เค้าคิด ผมไม่ได้คิดตามเขา)

หรือถ้าลูกศิษย์เห็น มันก็ทักผมว่า อาจารย์ลงดอยมาเหรอครับ ผมก็บอกว่า ใช่สิ ลงดอยมา เป้ครูข้างหลังเนี่ย รายงานเธอทั้งนั้น :)

เป็นไงมั้งครับ นี่คือชีวิตจริงนะครับ ไม่ได้เขียนแล้วแต่งให้ดูน่าสงสาร

ผมพอใจในชีวิตของผมแบบนี้

ผมไม่ได้มีความทุกข์ใจใด ๆ เลย กับการที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แล้วไม่มีรถยนต์ขับให้ดูโก้ หรือ สมฐานะอาจารย์มหาวิทยาลัย

ผมเชื่อว่า ถ้ามีคนให้ความเคารพและนับถือผม ไม่ใช่เคารพผมที่ "วัตถุนิยม" ที่แสดงฐานะว่า รวย หรือ จน กรุณาให้เคารพผมที่หัวใจของผม อุดมการณ์ของผม คุณธรรมจริยธรรมที่ผมมีก็พอแล้ว

ครอบครัวผมไม่ได้มีฐานะร่ำรวยจนสามารถให้ผมได้ซื้อรถยนต์ได้ แค่นี้ก็พอใจแล้ว ขนาดตอนเรียนหนังสือ เดินบ้าง ขี่จักรยานไปเรียนบ้าง ตอนนี้ได้เจ้าไส้ติ่งมาขับ ... สุดยอดมากแล้ว

ผมมีความสุขดีครับ ... คุณวิเคราะห์อะไรจากสังคมที่ผมอยู่ได้บ้างไหมครับ

วิเคราะห์นักศึกษาได้อย่างไรบ้าง นักศึกษาเค้ามองผมอย่างไร

วิเคราะห์อาจารย์ (ที่อยากมี) ได้อย่างไรบ้าง เค้ามองผมอย่างไร

ผมขอเป็นกรณีศึกษาให้พวกคุณดูสักบันทึก

ขอบคุณครับ ถ้าแวะมาเยี่ยมเยียน ผมว่า เรื่องนี้ต่อเนื่องกันอีกหลายเรื่องทีเดียว กับมุมมองมากมายของคนหลายสถานะ

หมายเลขบันทึก: 141179เขียนเมื่อ 23 ตุลาคม 2007 17:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (25)

 "ถ้ามีคนให้ความเคารพและนับถือผม ไม่ใช่เคารพผมที่ "วัตถุนิยม" ที่แสดงฐานะว่า รวย หรือ จน กรุณาให้เคารพผมที่หัวใจของผม อุดมการณ์ของผม คุณธรรมจริยธรรมที่ผมมีก็พอแล้ว"

บทความข้างต้นนี้ช่างกินใจนัก ช่างบาดลึกลงไปในความรู้สึกเหลือเกิน

ผมได้เขียนบันทึกไว้ในบล็อก เรื่อง "การพิจารณาแก้วน้ำ"

ไม่ทราบว่าสอดคล้องหรือปล่าว ได้คัดบางตอนมาให้ดู

"การมองคนอย่ามองแต่เปลือกนอก (กาย) คืออย่าได้ตัดสินว่าเขาดีหรือชั่ว เลวหรือน่ายกย่องนับถือ เพราะถ้ามองเห็นแก้วโดยไม่เห็นน้ำ ก็เท่ากับมองเห็นกระพี้ไม้ มองไม่ถึงแก่น มองเห็นรถยนต์แต่ไม่เห็นเครื่องยนต์ มองเห็นจอมอนิเตอร์+เคส แต่ไม่เห็นสเปก มองเห็นมาดเท่ๆของคนแต่ไม่เห็นจิตใจ มองเห็นกายแต่มองไม่เห็นจิตตัวเอง ขอท่านจงมองแก้วให้เห็นถึงน้ำ จงมองกายให้เห็นถึงจิต จงมองจิตให้เห็นถึงกาย"

ขอบพระคุณ ... คุณ ร่มไม้ใหญ่ใกล้ทาง มากครับ

ที่ได้แวะมาเยี่ยมเยียน

"การมองคนอย่ามองแต่เปลือกนอก (กาย) คืออย่าได้ตัดสินว่าเขาดีหรือชั่ว เลวหรือน่ายกย่องนับถือ เพราะถ้ามองเห็นแก้วโดยไม่เห็นน้ำ ก็เท่ากับมองเห็นกระพี้ไม้ มองไม่ถึงแก่น มองเห็นรถยนต์แต่ไม่เห็นเครื่องยนต์ มองเห็นจอมอนิเตอร์+เคส แต่ไม่เห็นสเปก มองเห็นมาดเท่ๆของคนแต่ไม่เห็นจิตใจ มองเห็นกายแต่มองไม่เห็นจิตตัวเอง ขอท่านจงมองแก้วให้เห็นถึงน้ำ จงมองกายให้เห็นถึงจิต จงมองจิตให้เห็นถึงกาย"

สอดคล้องครับ ... เรื่องนี้ผมเจอกับตัวเองมาบ่อยครับ ใส่เสื้อม่อฮ่อม นักศึกษายังนึกว่า คนตัดหญ้า เลยครับ คงต้องสอนกันอีกเยอะครับ

ขอบคุณด้วยความจริงใจครับ

หรือถ้าลูกศิษย์เห็น มันก็ทักผมว่า อาจารย์ลงดอยมาเหรอครับ ผมก็บอกว่า ใช่สิ ลงดอยมา เป้ครูข้างหลังเนี่ย รายงานเธอทั้งนั้น :)

เป็นไงมั้งครับ นี่คือชีวิตจริงนะครับ ไม่ได้เขียนแล้วแต่งให้ดูน่าสงสาร

ผมพอใจในชีวิตของผมแบบนี้

ผมไม่ได้มีความทุกข์ใจใด ๆ เลย กับการที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แล้วไม่มีรถยนต์ขับให้ดูโก้ หรือ สมฐานะอาจารย์มหาวิทยาลัย

ผมเชื่อว่า ถ้ามีคนให้ความเคารพและนับถือผม ไม่ใช่เคารพผมที่ "วัตถุนิยม" ที่แสดงฐานะว่า รวย หรือ จน กรุณาให้เคารพผมที่หัวใจของผม อุดมการณ์ของผม คุณธรรมจริยธรรมที่ผมมีก็พอแล้ว

  • ซึ้งค่ะอาจารย์
  • ดีใจด้วยค่ะ
  • อย่างน้อยอาจารย์ก็เคยอยู่เมืองพิดโลก
  • เคยอ่านหนังสือของคุณแทนไท ประเสริฐกุล  จำชื่อหนังสือไม่ได้แล้วค่ะ
  • มีคอนเซ็ป ตรงกันค่ะถ้ามีคนให้ความเคารพและนับถือผม ไม่ใช่เคารพผมที่ "วัตถุนิยม" ที่แสดงฐานะว่า รวย หรือ จน กรุณาให้เคารพผมที่หัวใจของผม อุดมการณ์ของผม คุณธรรมจริยธรรมที่ผมมีก็พอแล้ว

ขอบคุณครับ คุณครูในดวงใจ คุณ ครูคิม :) ที่มาตามคำเชิญครับ

คุณ ครูคิม ... นักศึกษามองอย่างนั้นจริง ๆ ครับ เกินร้อยละ 60 - 70 ทีเดียวนะครับที่เลือกมองคนที่ภายนอกก่อน

เป็นคำถามที่ตอบอยู่สม่ำเสมอมาก ๆ

ขอบคุณอีกครั้งครับ :)

  • ตามมาคุยด้วยค่ะ
  • ครั้งหนึ่ง..ที่ตลาดหน้าสถานีรถไฟ  บังเอิญเห็นพ่อ แม่ลูกสามคน ดูท่าทางเป็นคนรวย ที่เขานิยมเรียกกันว่า ผู้ดี  เดินอยู่ด้านหน้า แต่เขาล้วงกระเป๋าแล้วเห็นธนบัตรร่วงจากกระเป๋าของเขาเป็นปึก
  • จึง..เดินไปสะกิดว่า.."คุณคะ  เงินคุณร่วงค่ะ"
  • ผลประกฏว่า..สามีภรรยาผู้ดีคู่นั้น หันมามองครูคิมแบบดูถูกเหยียดหยาม เป็นที่สุด
  • เพราะว่าครูคิมนุ่งกางเกงขาสั้นแบบธรรมดา ๆ ใส่เสื้อยืดเก่า ๆ
  • ประทับใจดีนะคะ  สงสารความคิดที่อยู่ในสมองของเขาค่ะ
  • มองอาจารย์อย่างชื่นชมค่ะ..

สวัสดีคะอาจารย์หนูก็ตามมาอ่านอีกแล้วค่ะ

"ถ้ามีคนให้ความเคารพและนับถือผม ไม่ใช่เคารพผมที่ "วัตถุนิยม" ที่แสดงฐานะว่า รวย หรือ จน กรุณาให้เคารพผมที่หัวใจของผม อุดมการณ์ของผม คุณธรรมจริยธรรมที่ผมมีก็พอแล้ว"

ขอบคุณข้อคิดดีๆอีกเช่นเคยค่ะ

สวัสดีครับ

ไม่ได้แวะมาบันทึกอาจารย์นานแล้ว

เรื่องนี้คงไม่ต้องวิเคราะห์อะไรมาก

คนส่วนหนึ่ง อาจจะส่วนใหญ่ มองคนที่วัตถุอยู่แล้ว

คนส่วนหนึ่งจึงอยากให้เศรษฐีเป็นนายกฯ (อิๆ เกี่ยวกันไหมนี่)

ถ้ามีคนดูถูก ผมว่าสะใจดี

เพราะเรารู้อยู่ในใจว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด...

คุณ ครูคิม ครับ ... กรณีนี้ เราอาจจะไม่สามารถนำ "การแต่งกาย" มาวิเคราะห์ได้ครับ คงต้องอยู่ที่ "หน้าตา" มากกว่า 555

"ผู้ดี" เค้าคงระแวง คุณ ครูคิม น่ะครับ พร้อมกับแสดงสิ่งที่อยู่ภายในใจของเขาออกมาพร้อมกับไปด้วย

เอาอโหสิกรรมให้เค้านะครับ :)

ขอบคุณครับ คุณพยาบาล สีตะวัน :)

(เอะ ! ไม่ได้ LOGIN หรือครับ หัวเทาเชียว)

ขอบคุณครับ คุณครูในดวงใจ คุณครู เทียนน้อย ... สู้ว้อย ครับ

สวัสดีครับ อาจารย์ ธ.วั ช ชั ย :)

อาจารย์สบายดีนะครับ

คิดเช่นนั้นจริง ๆ ครับ "เพราะเรารู้อยู่ในใจว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด..."

ขอบคุณมาก ๆ ครับ :)

ผมเห็นเพื่อนครูของผมหลายๆคนครับ

ผ่อนรถมาขับ แล้วเดือดร้อนกันก็เยอะไป ทุกๆอย่างผ่อนหมด สังคมภายในนั้นยอมรับเรื่องการมีหน้ามีตา ความโก้หรู ซึ่งบดบังความทุกข์หลายๆอย่างเอาไว้ บางคนมายืมเงินผม เราก็ต้องให้ไป

ผมเห็นแล้วก็สงสารเขามาก

ผมเองมีชีวิตคล้ายๆคุณเจ้าของบทความครับ

เรียนที่พิษณุโลก

ได้ไปทำงานที่ต่างจังหวัด

เป็นครูวิทยาลัย

เคยมีจักรยานแบบคุณ

ตอนนี้ขับมอเตอร์ไซค์เหมือนคุณ

เคยโดนลูกศิษย์ถามเหมือนคุณ

เคยโดนเพื่อนครูถามเหมือนคุณ

อ่านไป อ่านมา บางครั้งยังนึกว่าเป็นตัวผมเองเลยครับ

และตอนนี้ผมก็ยังมีความสุขกับอาชีพครูของผมด้วยซ้ำไป

อยู่อย่างคนรวยก็จะไม่รู้จักคำว่ารวย มีใครบางคนเคยพูดไว้...

บอกตรงๆเลยครับ

ผมชอบบทความนี้มากๆ ให้ A+

เราเหมือนกันเลยครับอาจารย์ :)

ขอบคุณมาก ๆ ...

แอบมาขุด..

ก็สงสัยอยู่!!!!!..รู้ได้ไงเนอะ...ว่ามีใครเข้ามาแสดงความเห็นในบันทึกหน้าโน้นหน้านี้

บันทึกไว้ซะมากมายหลายเรื่องทั้งบล็อคทั้งอนุทินขยันคิดขยันพิมพ์

ไม่เห็นเหมือนนักเรียนชายที่ครูป้ากายสอนเล๊ยขี้เกียจม๊ากกกก

ปีไหนเจอนร.ชายเยอะนี่ดวงตกเลยล่ะทำอะไรก็ไม่เจริญแล้ว

คุณWasawat .คิดเป็นทำได้และกล้าที่จะทำดีก็เป็นมงคลต่อชีวิตและบุพการีแล้วล่ะ..ฟันทิ้งเอ๊ยฟันธง

ก็หายากอยู่เหมือนกันเนอะอาจารย์หมาวิทยาลัยขับมอเตอร์ไซต๋ไปทำงานนี่น่ะ

ขนาดครูในโรงเรียนเล็กๆยังพยายามหาป้ายแดงขับกู้กันสนุกสนาน

แต่ไม่ได้รวมถึงครูเตี้ยอึดนะเพราะตัวเตี้ยนี่แหละจึงมิบังอาจคิดที่จะหารถยนต์มาขับ

555ชาติหน้าขอเกิดเป็นยีราฟแร๊ะกัน

ได้แต่ฝึกฝนการขับมอเตอร์ไซต์ให้เชี่ยวชาญกับการขับมอเตอร์ไซต์

พอปี47 ทางไปโรงเรียนมีกลุ่มโจรใต้เที่ยวไล่ฆ่าครูไทยพุทธฆ่าชาวบ้าน

ก็จำเป็นต้องซื้อรถยนต์มิร่ามือสองสีเหลืองมาขับเนอะ

แต่ก็ไม่ชำนาญหรอกชนโน่นชนนี่ตลอด

แต่ส่วนมากจะชนของที่ไม่ต้องเสียเงินเช่นต้นไม้ถังขยะรถนี่บุบหน้าบุบหลัง

พอเห็นว่าแม้แต่คนขับรถยนต์ถ้าโจรใต้จะดักฆ่าก็ไม่เคยรอดสักราย

จึงขายรถมิร่ามาขับมอเตอร์ไซต์ฮ่างต่อจะเป็นจะตายก็แล้วแต่ขะตาฟ้าลิขิต...

ก็บ้านกับโรงเรียนไปแค่25 นาทีก็ถึง( เข็มไมล์อยู่ที่เลข 60 ถ้าเร็วกว่านั้น 15 นาทีถึง)รถก็ไม่ติด

ประหยัดอีกด้วยคุณพ่อครูป้ากายนะคะท่านพึ่งซื้อรถยนต์ตอนที่ลาออกจากราชการตำรวจแล้ว

เพราะลูกๆไปทำงานต่างจังหวัดกันหมดเอาไว้ขับไปหาลูกคนโน้นคนนี้เพราะลูกไม่มีเวลาได้ไปหาท่าน

ท่านไม่จำเป็นต้องกู้มาซื้อรถเพราะพยายามเก็บเงินไว้

คุณพ่อครูเป็นตำรวจตระเวณชายแดนต้องไปอยู่ตามป่าตามเขาอยู่อย่างเรียบง่ายสบายๆ

ชีวิตดำเนินไปเรื่อยๆชราอย่างมีคุณค่าและมีความสุข555

555ขออภัยพิมพ์อาจารย์มะหาวิดทะยาลัยเป็นอาจารย์จุดๆๆ

สงสัยมันจะติดอยู่ในสมอง..เจ๊ย..มือไวไปนิ๊ดนึงน่ะคะลืมพิสูจน์อักษรก่อนบันทึก

สวัสดีค่ะอาจารย์'Wasawat Deemarn'

ขอชื่นชมอาจารย์มากๆค่ะ

อาจารย์โชคดีที่มีโอกาสได้ทำเป็นตัวอย่างที่น่ายกย่องมากๆค่ะ

...พฤติกรรมของทุกคนย่อมมีความแตกต่างและมีสาเหตุแห่งพฤติกรรมนั้นเสมอ...

 

 

ขอบคุณครับ คุณครู เตี้ยอึด สำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ :)

ขอบคุณมากครับ ท่านอาจารย์ ดร. พจนา - แย้มนัยนา ;)...

พฤติกรรมของทุกคน ย่อมมีความแตกต่าง และมีสาเหตุแห่งพฤติกรรมนั้นเสมอ

5 5 5 ถูกใจความเห็นท่านบก.

Ico48

คนส่วนหนึ่ง อาจจะส่วนใหญ่ มองคนที่วัตถุอยู่แล้ว

คนส่วนหนึ่งจึงอยากให้เศรษฐีเป็นนายกฯ (อิๆ เกี่ยวกันไหมนี่)

น่าสงสารคนที่คิดเช่นนั้น ตอนนี้เราเลยต้องมานั่งลุ้น ๆ รอๆ หวังๆ ว่า เื่ืมื่อไหร่ การเมืองไทยจะ ใสสะอาด

สงสัยคงต้องรอให้ คนส่วนใหญ่ คิด และ มองเรื่อง นี้ ให้ถูกต้องก่อนกระมัง :)

ว้า แล้วมิต้องรอ ไปจน เหงือกแห้ง ผมขาว รึเจ้า :)

ปล. แบบว่าปูก็ใช้ รถถีบ อยู่นะ 5 5 กำลังมองหามอไซค์ห้าง อยู่เลย :)

ใช้สิ่งใดก็ได้ หากสิ่งนั้นตอบสนองเราด้วยความเต็มใจและความสุขใจของเรา

ขอบคุณมากครับ คุณ Poo ;)...

พรวนบันทึกเหมือนจะบอกว่า ไม่เขียนเรื่องใหม่บ้างหรือ ใช่ม่ะเนี่ย ;)...

- เท่ห์มากครับ

- เพราะเคยใกล้เคียงกันครับ จึงมาอ่าน :-)

- ขณะที่อาจารย์ทั้งหลายมีรถยนตร์ใช้ สะดวก สบาย (บางคนสบายบางคนไม่สบาย) แต่ มีอาจารย์บางคนปั่นจักรยาน ใช้จักรยานยนต์เก่าๆ

- เงินประจำเดือนตั้ง แสนห้า น่าจะซื้อรถได้นะ (ฮาฮา แซวเล่นครับ)

- เดินดีกว่าปั่นจักรยาน (ถ้าทำได้) ปั่นจักรยานดีกว่า ขับจักรยานยนตร์ (ถ้าทำได้) ขับเจ้าสองล้อ น่าจะดีกว่าขับเจ้าสี่ล้อ กับสถานะของ "อาจารย์"

- ชื่นชมครับ

ขอบคุณมากครับ ท่าน nmintra ;)...

ด้วยความพอมี พอเพียง น่ะครับ ;)...

แหม แฮ่ม อ.เสือ ทำเป็นเหมือนรู้ใจ อิ อิ

แต่อีกนัยยะ มองแฟนแทะ ในแง่ตามจิก ทวง เลยน่ะเนี่ย

อิ อิ แต่ก็ จริงๆ กลายๆ วัดครึ่ง กรรมการครึ่ง :) ฝันดีเจ้า  

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท