เมื่อ 26 กันยายน เป็นครั้งที่ 2
ที่ได้มีโอกาสได้สัมผัสเรือนจำคลองเปรม ครั้งแรก
เมื่อ
ปี 2546 ตอนนั้นด้วยความเห็นชอบจากท่านเกษตรจังหวัดน่าน
ในขณะนั้นท่าน อารีย์
ศรีพิจิตต์ มอบหมายให้นำลิ้นจี่จากจังหวัดน่านบริจาคให้เรือนจำคลองเปรมเพื่อให้เจ้าหน้าที่และพี่น้องในเรือนจำได้ชิมลิ้นจี่ผลไม้จากจังหวัดน่าน
แต่ตอนนั้นผ่านไปได้แค่ประตูที่ 2 แค่นั้นเอง
ส่วนครั้งนี้ (ครั้งที่
2) กรมส่งเสริมการเกษตรได้จัดให้ผู้เข้ารับการอบรมคลื่นลูกใหม่ได้ดูงานด้านเศรษฐกิจพอเพียงของกรมราชทัณฑ์
หลังจากภาคเช้าได้ดูงานภายในกรมฯ
ตอนบ่ายได้มาดูงานที่เรือนจำคลองเปรม
เริ่มจากการกล่าวคำต้อนรับและบรรยายสรุปสั้น ๆ
โดยตัวแทน ผบ. เรือนจำ ซึ่งเรามีเวลาจำกัด ต้องดูงานจากทุกสถานี
ให้แล้วเสร็จภายใน 3 โมงเย็น เพราะหลังจากนั้นจะเป็นกิจกรรม
กิจวัตรประจำวันของเรือนจำ
ภายในเรือนจำแบ่งเป็น แดนต่างๆ ทั้งหมด 9 แดน แบ่งตามลักษณะโทษ
และการฝึกอาชีพ สำหรับ แดนสนธยา
นั้นเป็นเรื่องในอดีตที่การบริหารจัดการต่าง
ๆ ภายในเรือนจำบุคคลภายนอกไม่สามารถรับรู้ได้ แต่ปัจจุบันนี้
เรือนจำเป็นเรือนจำเปิดแล้วครับ
เริ่มตั้งแต่ท่านปุระชัย
เปี่ยมสมบูรณ์ เป็นรมต.
ว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เปิดให้บุคคลภายนอก เข้าไปเยือน สัมผัส
เรือนจำได้
สำหรับการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจพอเพียงนั้น
เรือนจำมีแนวทางการดำเนินการ 3 มิติ
คือ
1.
การเปลี่ยนวิถีชีวิตข้าราชการในเรือนจำให้ใช้ชีวิตแบบพอเพียง
.โดยการสร้างความรู้ความเข้าใจ
ปรับทัศนคติ ปรับพฤติกรรม นำสู่วิถีชีวิต
แบบพอเพียง
2. การบริหารองค์กร แบบพอเพียง โดยการสรรหาข้าราชการต้นแบบ
ผู้บังคับบัญชาต้นแบบ เรือนจำต้นแบบ สร้างมาตรฐานเรือนจำพอเพียง
ประเมินเรือนจำ
3.
และการเปลี่ยนวิถีชีวิตผู้ต้องขังให้ใช้ชีวิตพอเพียงเมื่อพ้นโทษ
จากนั้นได้เข้าไปเยี่ยมภายในเรือนจำผ่านแดนต่าง ๆ (ก่อนเข้าไปภายในต้องเก็บ โทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์ กล้องถ่ายรูป ฝากไว้ใน locker ประตูหน้า) มีผู้นำชมและได้รับการต้อนรับจากผู้ต้องขังแต่ละแดน อย่างอบอุ่น ได้ดูการทำงานด้านต่างๆ เช่น การออกแบบก่อสร้าง การเล่นดนตรี งานคอมพิวเตอร์ โรงพิมพ์เอกสาร งานฝีมือ ห้องสมุด ห้องเรียน มสธ. งานเกษตร และสุดท้ายที่เรือนนอน ก่อนจะหมดเวลาบ่าย 3 โมงเย็น พวกเราจึงเดินทางกลับ
จากการได้เข้าไปสัมผัสเรือนจำครั้งนี้ทำให้พวกเราได้รับรู้เรื่อง ต่าง ๆ ของเรือนจำที่บางคนยังไม่เคยรู้มาก่อน นำไปถ่ายทอดให้คนใกล้ชิด เพื่อนๆ และนำไปปรับใช้กับการปฏิบัติงานในพื้นที่ได้อีกด้วย ขอขอบคุณ อธิบดี กรมราชทัณฑ์ ท่าน นัธที จิตสว่าง เป็นอย่างสูง ที่กรุณา ให้โอกาสพวกเราได้สัมผัสบรรยากาศ อีกด้านหนึ่งของสังคมนี้
บันทึกมาเพื่อแลกเปลี่ยน กรุณาช่วยเก็บตกให้ด้วยครับ
ชัยพร
นุภักดิ์
1. KM ของเรือนจำน่าสนใจนะ
2. แล้วเจอเพื่อน ๆ บ้างหรือเปล่าค่ะ
อ่านแล้วไม่น่ากลัวเลย นั้นซิทำไมเรือนจำจึงเต็มไปด้วยผู้ต้องหา และนักโทษ เพราะสบายดีไม่เหมือนกับสิ่งที่พวกเขากระทำเลย มันโหดร้าย จิตใจ....(บอกไม่ถูก)
สวัสดีครับ หนุมร้อยเกาะ
*หวัดดีครับพี่ชัยพร
* ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีครับ ซึ่งเป็นการเรียนรู้วิถีชีวิตของคนที่ขาดอิสระ แต่มีหัวใจที่จะมุ่งมั่นและพัฒนาตนเองในด้านต่างๆ เพื่อที่จะออกไปสู่สังคมภายนอกที่ตนเองจะต้องดำเนินชีวิตต่อไป
ผมเข้าไปเป็นวิทยากรหลายครั้ง"เรื่องเกษตรอินทรีย์" เศรษฐกิจพอเพียง***รวมทั้งเรื่องการเตรียมตัวสู่สังคม***ที่เรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ด***หรือเข้าร่วมวันพบญาติ**ผมไปทำข่าว**หรือการตรวจค้เรือนจำของตำรวจเกี่ยวกับยาเสพติด**เป็นอีกมุม**ที่น่าเห็นใจ**และน่าสพรึงกลัว***สำหรับคนข้างนอก***
นักโทษบางคนก็ไม่ได้เลวนักหนาหรอกนะค่ะ บางทีเค้าก็คึกคนอง แต่ไอ้พวกข่มขืนสิน่าจะถูกประหารทุกกรณี
สวัสดีครับ
ไม่มีใครอยากทำความผิดแล้วต้องเข้าไปอยู๋นั่น อาจจะเป็นเพียงคิดแค่ชั่ววูบเวลาที่จนตรอก คนเรามีความคิดชั่ววูบทุกคนเพียงแต่วูบนั้นเป็นความคิดที่ทำให้ดีขึ้นหรือแย่ลง ไม่ใช่ว่าดูเหมือนสบาย แต่มันลำบากทั้งคนในและคนนอก คนในลำบากที่เค้าสั่งให้ทำอะไรเราก็ต้องทำแต่คนนอกก็ลำบากใจที่ต้องคอยคิดถึงและเป็นห่วงคนในนั้นเช่นกัน