ข้อคิดเห็นบางประการจากงาน KM เชียงใหม่


      อยากถามจังเลยว่า บริษัทขายคอมพิวเตอร์และบริการอินเทอร์เน็ตทั้งหลาย เคยเข้าร่วมงานแบบ สัมมนา KM เชียงใหม่ไหมคะ

 

-----------------------------******----------------------------------------------------

    ลองดูรูปเหล่านี้ก่อนนะคะ

 

รูปแรกและรูปที่สอง เป็นรูปของผู้เข้าร่วมสัมมนาหรือ Blogger น้องใหม่

 

%e0%b8%88%e0%b8%b3%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b8%9e%e0%b8%b4%e0%b8%a7%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c

%e0%b8%88%e0%b8%b3%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%992

 

ส่วนรูปนี้คือ รูปของblogger รุ่นพี่ที่มาร่วมเป็นวิทยากร 

%e0%b8%88%e0%b8%b3%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%993

-------------------

จะเห็นในภาพนะคะว่าน่าทึ่งมาก เพราะ 

  • เป็นงานสัมมนาที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่าร้อยชีวิต...
  • มีเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุคเกือบร้อยเครื่อง ...มีทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ทุกระดับความสามารถ..ต่างคนต่างนำมา
  • มีคอมพิวเตอร์ส่วนหนึ่งที่ผู้จัดสัมมนาติดตั้งไว้ให้เป็น Desktop

ระหว่างการสัมมนา......ก็พบความน่าสนใจว่า

  • คอมพิวเตอร์บางเครื่องก็สามารถรับสัญญาณ wireless ได้ดี
  •  บางเครื่องก็ใช้ไม่ได้เลย
  • บางเครื่องก็ไม่มีอุปกรณ์สำหรับ wireless ต้องใช้การเดินสาย Lan แทน
  • บางเครื่องยืมของคนอื่นมา

------------------------****-----------------------------------------

ผลของสภาพการจราจรติดๆ ขัดๆ ของอินเทอร์เน็ตในระหว่างการสัมมนา

  • ทำให้ blogger รุ่นพี่หลายคนไม่สามารถรายงานผลแบบด่วนๆ ทันใจ
  • ทำให้ blogger น้องใหม่หลายคนทำตามวิทยากรไม่ทันในช่วงเวลาจำกัด
  • ทำให้ อาจารย์ผู้ดูแลระบบอินเทอร์เน็ตต้องเดินช่วยเหลือรอบห้อง

ในระหว่างนั้นวิทยากรท่านที่เคยมีประสบการณ์แก้ปัญหาเช่นนี้ ก็ขอร้องให้ทุกคนงดการทำงานอื่นบนอินเทอร์เน็ต เช่น MSN โหลดเพลง ฯลฯ รวมทั้งขอร้องให้รวมกันทำงานบนเครื่องเพียงไม่กี่เครื่องแทนการทำงานบนทุกเครื่อง เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ทันท่วงที

จากปัญหาที่เห็น.....จึงเกิดข้อคิดเห็นว่า

  • ถ้าจะจัดการสัมมนาที่ต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์จำนวนมากและต้องต่ออินเทอร์เน็ตเช่นนี้
  • แล้วลองเชิญชวนบริษัทคอมพิวเตอร์และบริการอินเทอร์เน็ตทั้งหลายมาเข้าร่วมกันจัดสัมมนา
  • โดยนำคอมพิวเตอร์ที่ต้องการจำหน่ายและบริการอินเทอร์เน็ตมาร่วมจัด ให้ได้ลองใช้ ลองทดสอบการทำงานจริงๆ
  • อาจจะได้ประโยชน์หลายฝ่าย  ฝ่ายบริษัทก็ได้แสดงสินค้า
  • ผู้ที่จะตัดสินใจซื้อคอมพิวเตอร์ก็จะได้โอกาสเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจ...
  • และผู้จัดการสัมมนาก็ไม่ต้องขนย้ายอุปกรณ์มามาก (อาจจะประหยัดค่าเช่าเครือข่าย)

 

คงจะเป็นการทำงานร่วมกันในเชิงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนได้อีกวิธีหนึ่ง

คุณๆ ละคะ มีความคิดเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 121408เขียนเมื่อ 23 สิงหาคม 2007 00:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 01:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (52)
  • พี่สร้อยขา...
  • กราบขอบพระคุณสำหรับของฝากค่ะ
  • พี่คะ ช่วยแวะมาที่นี่แบบเงียบๆค่ะความลับ
  • http://gotoknow.org/blog/kulkanit/121410

สวัสดีค่ะ คุณสร้อย...ผู้ใจดี

  • ขอบคุณค่ะสำหรับของฝากทางไปรษณีย์...ตื่นเต้นมากค่ะเพราะไม่ค่อยได้รับแบบนี้นานแล้ว
  • ขอบคุณมากนะคะ...ด้วยความรู้สึกประทับใจอย่างแท้จริง
เป็นแนวคิดที่น่าเก็บไว้ใช้จริงๆนะคะ อาจารย์จันทรรัตน์ เป็นสถานการณ์ win-win ที่น่าสนใจจริงๆ อยากบอกอาจารย์ว่า บล็อกก็ช่วยให้เราเก็บบุคลิกของคนได้อย่างน่าอัศจรรย์นะคะ รู้สึกถึงลักษณะพิเศษนี้ของอาจารย์มาตั้งแต่อ่านบันทึกสมัยแรกๆของอาจารย์เลยล่ะค่ะ อาจารย์มักจะ"จับ"อะไรๆได้อย่างน่าทึ่งเสมอเลยค่ะ

เป็นความคิดที่น่าสนใจครับน้องจันทร์ คงเกิดขึ้นแน่ในอนาคต เพราะต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ บริษัทไหนมีเทคโนโลยี่ทันสมัย ประหยัด ราคาถูกและใช้ได้ดี เชิญติดต่อเลย ..(ติดต่อใครเนี่ย..)..

พี่ยังหนักใจเนี่ยว่าจะจัดเฮฮาศาสตร์ที่ดงหลวง แต่ที่นั่นมีแต่คลื่นมือถือบางจุดเท่านั้นครับ อีกหลายจุดไม่มีคลื่นครับ เพราะเป็นเขตป่า 

สายโทรศัพท์ไม่ต้องพูดถึง  คือเข้าดงหลวงแล้วไปอยู่อีกโลกหนึ่งครับ  สนใจจานดาวเทียมอินเตอร์เนท กำลังหาข้อมูล

เรื่องที่ไม่สามารถใช้งาน wireless ได้พร้อมกันได้ครบทุกเครื่องนั้น ผมคิดว่าเป็นเพราะมี wireless access point ไม่พอครับ (ที่จริง MAC address ใน access point ไม่พอ)

จะว่ากันไป ความไวของสัญญาณ wireless สำหรับโน๊ตบุ๊คแต่ละเครื่องนั้น ก็ไม่เท่ากัน  เครื่องที่เคยตก เคยถูกกระแทก อาจจะเพี้ยนๆ ไปบ้าง ส่วนสัญญาณที่แพร่กระจายในห้องก็ไม่เท่ากันครับ เมืองไทยจำกัดกำลังส่งไว้ต่ำมากครับ ถ้านั่งในที่ฮวงจุ้ยไม่ดี สัญญาณก็ไม่ดีครับ เพราะสัญญาณเบาอยู่แล้ว ด้วยกำลังส่งต่ำ

ความรู้เรื่องการจัดการระบบ wireless ที่ดีที่สุด ตามความเห็นของผม น่าจะเป็นที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (บางเขน) ครับ

ในการใช้งานร่วมกันเป็นร้อยๆ คน น่าจะมีปัญหาความพอเพียงของช่องสัญญาณบ้าง รวมทั้งความเร็วในการเชื่อมต่อกับ GotoKnow ด้วย -- เชื่อได้ว่าโรงแรมไม่ได้ใช้วงจรเช่า แต่ใช้วงจร ADSL ด้วยเหตุผลเรื่องของราคาซึ่งถูกกว่ากันมากและติดตั้งได้เร็ว วงจร ADSL นี้ ทำให้ความเร็วในการรับ กับความเร็วในการส่งไม่เท่ากัน (ด้านส่งน้อยกว่าด้านรับ) สำหรับบล๊อกเกอร์ที่ต้องการเขียนรายงานสด จะต้องแย่งชิงความเร็วนี้กันเอง

ดังนั้นบทเรียนสำหรับการจัดงานครั้งต่อๆ ไป คือจัดหาความเร็วด้านส่งให้พอกับความต้องการ (ซึ่งคาดได้ยาก) 

เรื่องการขอร้องไ่ม่ให้โหลดเพลง หรือปิดเพลงในบล๊อก ผมเห็นด้วยว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องและแก้ปัญหาได้ดีครับ ส่วน MSN นั้น ไม่จำเป็นต้องปิด เพราะไม่กินแบนด์วิธ

ท้ายสุด ขอรบกวนให้อาจารย์ช่วยแก้คำว่าอินเตอร์เนต ในบันทึกทุกคำเป็น อินเทอร์เน็ต ให้ถูกต้องได้ไหมครับ (บันทึกเก่า: คำว่า "อินเทอร์เน็ต")

ย่องไปอวยพรมาแล้วค่ะ ..ขอบคุณที่แวะมาบอกด้วยค่ะ.....

ดีใจเช่นกันที่ได้รับวีซีดีแล้ว.....เพื่อสุขภาพค่ะ.....

 

เสื้อใหม่ ใส่สบายดีไหมคะ...ดูเท่ห์มากเลยค่ะ

ขอบคุณค่ะที่ชม....ค่อนข้างจะยอมรับค่ะว่า จะเป็นคนที่มองเห็น สิ่งเล็กๆน้อยๆ ของการประชุม...ที่จะทำให้การประชุมมันราบรื่นขึ้น...แต่ไม่ใช่เพื่อตำหนิหรือกลัวปัญหานะคะ....

งานแบบนี้สำหรับคนที่มีประสบการณ์ในการจัด และการเข้าร่วมบ่อยครั้ง อาจจะรู้สึกเฉยๆ ต่อปัญหาเล็กๆน้อยๆแบบนี้ค่ะ......

แต่สำหรับคนเข้าร่วมครั้งแรกแบบดิฉัน...ทึ่งมากเลยค่ะที่เห็นการนำโน๊ตบุ๊คมากันเองมากอย่างนี้......

พอเจอปัญหาเลยได้เรียนรู้วิธีการจัดการ ..การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า...

แต่ก็อดคิดต่อไม่ได้ว่า ....การจัดสัมมนานอกสถานที่อย่างนี้ต้องมีขึ้นอีกแน่ๆ ...และถ้าร่วมมือกันระหว่างภาครัฐที่จัดสัมมนาและภาคเอกชนผู้จำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์....คงจะทำให้งานครั้งต่อๆ ไป...น่าสนใจแน่ๆ ...

ใช่เลยค่ะ..เป็นประเด็นที่คิดต่อเนื่องไปถึงงาน เฮฮาศาสตร์ งานสัมมนาบล็อกเกอร์ฯลฯ....

เป็นมุมคิดแบบ ผู้ใช้บริการและลูกค้าของ อุปกรณ์ไอทีค่ะ

น้องมองว่า ปัจจุบันนี้การประชุมสัมมนาของประเทศโดยเฉพาะสำหรับคนทำงานเป็นครูบาอาจารย์ นักวิจัย นักปฏิบัติ ฯลฯ คงปฏิเสธการใช้ ไอที มาเป็นอุปกรณ์เอื้อ ไม่ได้แล้ว

และคนกลุ่มนี้ก็คือลูกค้าที่มีกำลังซื้อซะด้วย

สภาพที่เป็นอยู่คือ ผู้ซื้อหรือลูกค้ากลุ่มนี้ (โดยเฉพาะผู้หญิง) ส่วนหนึ่งเมื่อจะซื้อคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คมักจะมีคำถามค่อนข้างมาก....น้ำหนักมากไปไหม...สะดวกใช้ไหม...หิ้วไปใช้ต่างประเทศได้ไหม....ฯลฯ.....จริงไหมคะ

แต่เวลาจะไปซื้อ.....บางครั้งต้องติดตามดูจากงานคอมพิวเตอร์แฟร์..ใช้เวลาศึกษาoption ต่างๆ โดยเฉพาะการลดแลกแจกแถม....ถ้าไปดูตามแหล่งขายมักจะเจอแต่ผู้ชายไปเดิน..จริงไหมคะ....เพราะผู้หญิงจำนวนมาก."ฝาก" เจ้าหน้าที่หน่วยคอมพิวเตอร์ในหน่วยงานช่วยดูและซื้อให้..และส่วนหนึ่งอาศัยญาติผู้ชายช่วยเลือกและแนะนำรุ่นให้

เดี๋ยวนี้เริ่มจะมีบริษัทคอมพิวเตอร์ ที่เข้าถึง เข้าใจ และใช้แนวรุก เปิดฐานการตลาดไปจัดการแสดงตามหน่วยงานมากขึ้น....โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัย

ถ้าลองเอาสองสถานะมาผนวกกัน...ระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้จำหน่าย...ประโยชน์น่าจะได้กับทั้งสองฝ่าย...แต่นี่คือฐานคิดแบบ fair game นะคะ..คือ fair-fair ว่าทางฝ่ายขายก็อยากให้ลูกค้าได้ใช้ของดีที่ตัวมีอยู่ กับฝ่ายลูกค้าอยากได้โอกาสลองใช้เครื่องดูก่อนซื้อ

น้องเลยคิดต่อไปถึงการลดค่าใช้จ่ายของการจัดสัมมนาด้วย...เพราะว่าถ้าเมื่อไหร่ยักษ์ใหญ่ทางไอทีสนใจ...และมาร่วมจัดต่อเนื่อง....เรื่องอื่นๆ เช่นค่าอาหารว่าง อาหารเบรค พวกนี้..คนจัดสัมมนาอาจจะไม่ต้องไปคิดให้ปวดหัวเลยด้วยซ้ำค่ะ...

 

พี่ไพศาลเขียนความต้องการจานดาวเทียมอย่างนี้แล้ว......ใครสนใจน่าจะลองติดต่อพี่ไพศาลดูนะคะ....ไม่แน่นะคะพี่..งานนี้อยากจะเป็นการจัด แสดง ไอที ที่เข้าถึงชุมชนเป็นแห่งแรกของประเทศก็ได้

 

น้องฝันไกลไปไหมคะ

 

 

P
สวัสดีค่ะอาจารย์
            เห็นด้วยกับแนวคิดของอาจารย์จันทรัตน์ค่ะ อะไรที่เราจะ ตัดตอนให้มืออาชีพอื่นทำได้ พร้อมอุปกรณ์ของเขาด้วย ก็น่าจะดี
            เสาร์ที่แล้ว ดิฉันไปStudioแห่งหนึ่งแถวสุขุมวิท  เพื่อดูการถ่ายรูปนางแบบกิติมศักดิ์
             ที่นี่ เป็นStudio ใหญ่ มีหลายห้องมาก ต้องจองคิวนาน อุปกรณ์ทันสมัย พวกแมกกาซีนดังๆ เป็นลูกค้าประจำ
             เป็ธุรกิจการให้บริการด้านนี้ ที่เราเช่าอุปกรณ์เขา เป็นการตัดภาระ และเราทราบค่าใช้จ่ายแน่นอนค่ะ ไม่มีบานปลาย
            คงเป็นแนวคิดเดียวกับอาจารย์ค่ะ
            ป.ล. อาจารย์คะ ดิฉันเลยรู้จัก บรรณาธิการมืออาชีพ หลายคน ที่ผันตัวเอง เป็นFreelance เนื่องจาก แต่งงาน มีลูก ต้องการมีอาชีพอิสระ และ มีงานเยอะด้วย โลกนี้ เปิดกว้าง และมีอะไร ทำอีกมากจริงๆ
  • สวัสดีค่ะ อาจารย์PConductor

ขอบคุณมากค่ะ ที่ช่วยบอกคำ "อินเทอร์เน็ต" ให้...แก้ไขไป 7 ที่ด้วยกัน....

หลายคนที่เข้าร่วมการสัมมนา (และไม่เข้าร่วมการสัมมนา) อาจจะสงสัยว่า แล้วทำไมไม่เดินสาย Lan เสียเลย

ความจริงคือ ห้องที่ใช้สัมมนา เป็นห้องอเนกประสงค์ ที่ฝ่ายการจัดฯ สามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุดในศักยภาพของห้อง 1 ห้องคือ

  • เป็นห้องสัมมนาตลอด 3 วัน
  • เป็นห้องจัดเลี้ยงต้อนรับในตอนกลางคืน
  • เป็นห้องจัดกิจกรรมกลุ่ม
  • เป็นห้องที่ผสานไอทีเข้ากับบรรยากาศ "วัฒนธรรมเหนือ" ได้ลงตัวมากค่ะ บนเวทีก็ยังสามารถจัดฉากสำหรับงานเลี้ยง สำหรับการอภิปรายของวิทยากร สำหรับวงดนตรี ฯลฯ

เมื่อเป็นห้องอเนกประสงค์ ทั้งบนเวทีและพื้นห้องก็เลยต้องมีการยกย้ายโต๊ะ เก้าอี้ ทำให้การเดินสาย Lan และติดตั้งลงตัวจึงเป็นเรื่องที่มองแล้วยุ่งยากกว่าการใช้ wireless

  • อันที่จริง ชื่นชมอาจารย์ผู้ดูแลเรื่องคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตระหว่างการสัมมนามากค่ะ เพราะมองเห็นว่าเป็นการจัดการในบริบทได้ลงตัว....และน่าจะเป็นการจัดนำร่องสำหรับการสัมมนานอกสถานที่ ต่อๆไป ได้ด้วยค่ะ

ขอบคุณอีกเช่นกันค่ะ สำหรับคำอธิบาย แนะนำ( ม. เกษตร) และทำให้ได้เรียนรู้บทเรียนสำหรับการจัดสัมมนาต่อๆไปโดยใช้ wireless ด้วยค่ะ

 

ยินดีต้อนรับค่ะ ขอบคุณที่แวะมาด้วยค่ะ

  • สวัสดีค่ะ คุณPsasinanda

น่าสนใจเรื่องที่เล่ามามากค่ะ....ทั้งการเป็นบรรณาธิการอิสระ...และเรื่องของ "มืออาชีพ"

ในระดับมหาวิทยาลัย...งานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์...เท่าที่ดูๆ มักจะเป็นอาจารย์ระดับมือโปรอยู่แล้ว....

แต่ถ้าต้องจัดประชุมสัมมนาโดยใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตขึ้นมา..ปัญหาคือ เรื่องห้องสัมมนาที่ส่วนมากเกิดความจำเป็นต้องจัดทำในห้องคอมพิวเตอร์ ...ซึ่งดูแห้งแล้ง..ขาดความสัมพันธ์....

แล้วเมื่อจะจัดโดยเน้นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เครือข่าย และไปนอกสถานที่...ก็เห็นว่า น่าสนใจและท้าทายดีนะคะ....

  • ตรงที่จะยกอุปกรณ์ไปทั้งหมด..ในหน่วยงานก็ต้องใช้
  • จะจัดในหน่วยงานภาครัฐ..คนร่วมฯ ที่มาจากที่อื่นไม่มีที่จอดรถ...ไกลที่พัก...ฯลฯ

เมื่อเป็นการจัดให้กับบุคคลทั้งที่มาจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน...ยิ่งน่าสนุกกับการคิดให้ลงตัว..เรื่องค่าใช้จ่าย ความสะดวกฯลฯ

สัมมนาลักษณะนี้..ไม่ทราบเหมือนกันว่า มีกี่คนที่เบิกค่าใช้จ่ายไม่ได้ (ดิฉันคนหนึ่งล่ะค่ะที่จะเบิกไม่ได้ เพราะหน่วยงานไม่พิจารณาค่ะ...) ..เรื่องของค่าลงทะเบียนก็จะเป็นเรื่องที่ต้องคิดแน่ๆ

ก็คิดเผื่อๆ ไปอีกหลายเรื่อง...ยิ่งคิดมันก็แตกงอกไปเรื่อยอย่างนี้แหล่ะค่ะ.....ขออภัยค่ะ

 

 

มาเยี่ยมคุณ

P
เข้ามาเห็นธรรมชาติ...มีน้ำตก...ดอกหว่านป่า...พุ่มไม้สีเขียวชวนมองยิ่งนัก...ธรรมชาติสะอาดตาพาสบายใจนะครับ...
มาอ่านแนวคิด...มุมสว่าง...ที่ยากจะมองเห็นของคุณแล้ว...ขอชื่นชม...และทุก ๆ สิ่งโดยเฉพาะน้ำใจที่ทุกคนมีให้ต่อกันและกันนะครับ  ผมแว๊บคิดเรื่องนี้เหมือนเมื่อนักมวยโลกชกกัน...
ยามเช้าวันอาทิตย์  ถนนในกรุงเทพ ฯ ถนนว่าง  โล่ง  ไปมาสะดวกดี  เพราะเกือบทุกคนตาดูทีวีหยุดนิ่ง...ที่รวม net น่าจะเป็นอย่างนี้ได้มั๊ยครับ...ผมมักใช้เวลาว่างอย่างนี้ตอนถนนโล่ง  ไปไหนมาไหนสะดวกดี ฮา ๆ เอิก ๆ

สวัสดีค่ะอาจารย์

P

  ต่ออีกนิดนึง นอกเรื่องค่ะ คุยกันสบายๆ

   ดิฉันเห็นน้องๆ ทำงาน freelanceกันเป็นแถว ตอนนี้ บางคนทำให้ราชการทั้งนั้น เช่น หนังสือกินรี หนังสือ....อีกหลายหน่วยงาน  เขาส่งมาให้ดู

   ideaคือการรับ contractทำอะไรต่ออะไร มันมากมายจริงๆ ทุกวงการเลยค่ะ การทำงานจากที่บ้าน นับวันจะมากขึ้นค่ะ

    แต่การจะได้งานมากๆ ต้องอยู่ในวงการมาก่อนค่ะ และมีconnectionแล้ว ไม่ใช่จบใหม่ๆมาเริ่ม จะต้องใช้เวลาสักหน่อย และอาจโดนกดราคา

     ประเด็นคือ มีอะไรต่ออะไรให้ทำมากเลยในโลกนี้  ชีวิตไม่ยากเลยนะคะ

เรื่องสัญญาณอินเทอร์เน็ตนี่เป็นเรื่องแรกที่หนูเป็นห่วง ตั้งแต่ได้ยินว่าจะมีการจัดงาน เพราะหนูเคยจัดงานแบบนี้ที่คนใช้เครื่องเป็นร้อยพร้อมๆ กัน ต้องใช้งบประมาณมากกว่าที่ทางอ.พิชัยใช้เยอะเลยค่ะ หนูว่าการจัดการพลิกแพลงระหว่างการสัมมนานั้นทำได้ดีที่สุดแล้ว งบก็จำกัด ถือว่าทางผู้จัดได้ใช้เงินอย่างคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์แล้วค่ะ

ส่วนด้านความต่างของเครื่อง ต่อไปถ้าจะจัดงานคงต้องเช็คสเป็คกันหน่อย เครื่องบางคนมาถึง windows เจ๊ง boot ไม่ได้ ต้องให้ฝ่ายเทคนิคมาช่วย ซึ่งเสียเวลาตัวเขาเองในการที่จะได้รับความรู้ ต้องมานั่งห่วงเครื่องว่าเมื่อไหร่จะกลับเป็นปกติ หรือบางท่าน system มีปัญหา ทำให้ IE โชว์ Page Error ตลอดเวลา

เรื่องแบบนี้มันเช็คก่อนมาได้ค่ะ ควรทำเป็น check list ให้ผู้ที่จะเข้าร่วมลองตรวจเครื่องตัวเองก่อน ว่าอยู่ในสภาพใด แล้วส่งข้อมูลกลับเข้ามาล่วงหน้า เพื่อทางผู้จัดจะได้เตรียมรับมือได้ถูก ไม่งั้นคนที่เสียประโยชน์เองก็คือผู้เข้าร่วมสัมมนา เสียโอกาสเพราะเกิดอุปสรรคจากเครื่องมือที่ใช้ค่ะ

ขำๆ คุณ conductor เรื่องฮวงจุ้ย สงสัยหนูจะนั่งในจุดทำเลไม่ดี เลยสัญญาณมีปัญหาตลอดทั้งสามวัน ทั้งๆ ที่ปกติเวลาอยู่ที่ไหนก็ได้เปรียบคนอื่นเพราะเป็นรุ่นใหม่ และระบบตัวรับสัญญาณดีกว่า ตอนหลังรำคาญเลยใช้บริการผ่านมือถือดีกว่า ไม่ต้องแย่งกับใคร น้องมะปรางแนะนำให้ คุ้มมาก 39 บาท ใช้ได้ 24 ชั่วโมงเลย

จัดการเรื่องอินเทอร์เน็ตนอกสถานที่ได้อย่างนี้ ต้องถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้วนะครับ ขอแสดงความชื่นชมด้วย ผมเห็นด้วยที่สุดว่าควรเป็น wireless มากกว่า LAN

สำหรับเรื่องความพอเพียงของช่องสัญญาณนั้น กะล่วงหน้ายากจริงๆ ครับ 

แบนด์วิธ ใช้เมื่ออ่าน GotoKnow กับเมื่อส่งบันทึก/รูปขึ้น GotoKnow ครับ แต่ระหว่างกำลังเขียนบันทึกไม่ได้ใช้

  • สวัสดีค่ะ อาจารย์Pumi

หัวบล็อกอันสวยงามได้มาจากน้องซูซานP

Little Jazz \(^o^)/ ค่ะ ...เพราะตัวเองมีความสามารถเพียงไปก๊อปแล้ววาง...ไม่รู้ภาษาอะไรๆ ที่เขาใช้ในการทำ code link ค่ะ ...แต่แอบขบถกับน้องเขาเล็กน้อย ตรงที่เอาหัวบล็อกอันหนึ่งไปรวมกับพื้นอีกอันหนึ่ง..แถมยังลดความเข้มของสีอีกเล็กน้อย....ถ้าว่างๆ จะไปเล่นกับหัวบล็อกอีก (อ่ะ..ภาษาคอมพิวเตอร์เขาเรียกอะไร?? ขอเรียกหัวบล็อกไปก่อนนะคะ)
อาจารย์อยากเล่นสีสรรให้ซู่ซ่าไหมคะ..น้องซูซานทำแจกไว้หลายรูป...เชิญไปชมที่บันทึก Little Corner ของน้องซูซานเลยค่ะ.....
  • สวัสดีค่ะ คุณPsasinanda
ชอบแบบคุยสบายๆ มั่งค่ะ....เดี๋ยวจะตามไปอ่านตามลิงค์นะคะ...
คนทำงานจากบ้าน..น่าจะต้องมีประสบการณ์และรู้เท่าทันสังคมของวงการที่ทำอยู่พอตัวเหมือนกันนะคะ
งานวิจัยที่กำลังทำ กำลังจะเสนอความเห็นเรื่องของการทำงานของผู้หญิงที่มีครอบครัวและเริ่มเข้าสู่วัยกลางคน (นับ 40 ปีขึ้น) เหมือนกันค่ะ..แต่มองประเด็นของสุขภาพ...
พูดถึงเรื่องรายได้ก็นึกถึงว่า วันก่อนเห็นการหาเสียงแว๊บหนึ่งของหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง พูดถึงแนวคิดว่า "การศึกษาคือการมีรายได้ที่ดีกว่า"..นึกอยากฟังต่อเหมือนกันว่าเขาจะมองประเด็นไหน...
อยากรู้ว่าเขา จะไปเชื่อมโยงการศึกษากับรายได้...
เห็นด้วยค่ะว่า มีเรื่องมากมายในโลกที่น่าสนใจและน่าติดตาม

เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยว่า การสัมมนาที่ผ่านมาเป็นสุดยอดการจัดการ(ในทุกเรื่อง)

เรียนเรื่องผู้บริหารมากี่ตำราก็ไม่เท่าไปสัมผัสตัวจริงเสียงจริงของผู้นำ แบบอาจารย์พิชัย (แอบกล่าวถึงได้ไหม..อาจารย์จะชะแว๊บมาอ่านไหม..หนูไม่ได้ชะเลียอาจารย์นะคะ..อาจารย์พิชัย)

  • อันที่จริง..ไม่ทราบการบริหารจัดการภายในองค์กรของอาจารย์พิชัย....
  • แต่เท่าที่ดูกระบวนการ และผลลัพท์ของการดำเนินการ..ต้องเรียกว่า อาจารย์ดึงศักยภาพของคนในองค์กรมาใช้ มาแสดงให้เห็นถึงความพร้อม..ความสามารถที่จะเป็นผู้นำของการจัดการความรู้ ได้ดีเยี่ยม
  • อาจารย์ได้ประเมินศักยภาพของตนเองอย่างถ่องแท้ แล้วเรียกขานวานไหว้ศักยภาพจากภายนอกเข้าไปเสริมได้ลงตัวมากๆ
  • ภูมิใจสุดๆ ที่ได้ไปเรียนจาก "ความจริง ของจริง"  จากผู้นำแบบอาจารย์พิชัย จากการทำงานของทีมภายในราชภัฎฯ  และจากเหล่าขุนพล "มืออาชีพ" ที่ไปร่วมกันทำงาน

เรื่องการตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อนไปสัมมนานี่ พี่ว่าเข้าท่าจัง...พี่เองก็ยังไม่รู้เลยว่าเครื่องของตัวเองใช้ wireless ไม่ได้ ต้องใช้ LAN (พิมพ์ตัวใหญ่แล้วนะคะคุณ conductor)  T-T

แถมยังแบกหนักไปและกลับอีก....รุ่นเก๋า ใช้ window 2000 ^__^

  • ไปเห็นเครื่องของหลายคน เล็ก เบา ..น่าใช้จัง....
  • เลยปิ๊งไอเดียว่า ถ้าจะซื้อเครื่องโน๊ตบุ๊ค ต้องไปดูในการสัมมนาแบบนี้แหล่ะ....กิเลสพุ่งกระฉูด.ดีนักแล..อิอิ 

 

  • สวัสดีค่ะ อาจารย์PConductor

การคำนวณช่องสัญญาณนี่ไม่มีสูตรให้คิดเหรอคะ....อันนี้ถามเพราะไม่รู้เรื่องเลยค่ะ....นึกว่า จะมีสูตรว่า ใช้กี่เครื่องควรมีตัวปล่อยสัญญาณกี่ตัว...

 ทีนี้ถ้าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหลายๆรายมาช่วยปล่อยสัญญาณหลายๆช่อง พอจะเป็นไปได้ไหมคะ

นึกว่ามันเหมือนตัดถนนซอกเล็กซอกน้อย รถมันก็คงวิ่งออกไปได้หลายช่องจราจร...

ขอบริจาคความรู้หน่อยเถอะค่ะ..ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะอาจารย์สร้อย

วันสัมมนาวันแรกแป๋วก็ทึ่งมากเหมือนกันค่ะว่า เรามีหรือใช้คอมพิวเตอร์โน๊ตบุค กันมากจริงๆ เพราะปกติ เราไม่ค่อยได้อยู่ในสถานการณ์ที่ทุกคนต้องหอบโน๊ตบุคมาเอง แต่งานนี้ รู้สึก อ.พิชัย ต้องจ่ายเพิ่ม ประมาณ 3 หมื่น เพื่อเพิ่มแบนด์วิธ อะไรนี่แหละค่ะ จึงทำให้เราใช้ wireless ได้ค่อนข้างมากจะว่าไปก็มากกว่า 70% นะค่ะ ประมาณจากที่ถามผู้เข้าร่วมสัมมนาว่าใครเข้าเนทได้หรือไม่ได้อ่ะค่ะ

จริงๆ เลยค่ะว่ายี่ห้อคอมพิวเตอร์น่าจะมีส่วนความสามารถในการใช้ wireless ด้วย ขนาดโน๊ตบุ๊คแป๋วเพิ่งซื้อหิ้วออกจากร้านเมื่อวันเสาร์วันอาทิตย์หอบไปเชียงใหม่ ยังเข้าเนทได้ไม่ดีเท่าของ อ.ขจิต ที่ซื้อมาตั้งนานแล้วเลยค่ะ คนละยี่ห้อค่ะ

อาจารย์ครับ อาจารย์อย่างเรียกผมว่าอาจารย์เลยครับ ผมไม่ได้สอนเพราะสงสารนักเรียน และไม่อยากรับสมอ้าง

เรื่องที่เกี่ยวกับคน เป็นเรื่องที่ไม่มีสูตรตายตัวทุกกรณีครับ  ไม่มีตำราหรือวิธีการแก้ปัญหาใดที่จะทำให้ทุกคนถูกใจสบายใจได้ เพราะคนแต่ละคนแตกต่างกัน ดังนั้นงานด้านบริการจึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากเสมอ ถ้าทำดีก็เสมอตัว ถ้าพลาดแล้วผู้รับบริการไม่เข้าใจ ก็อาจจะโดนถล่มเละเทะ

ในกรณีของแบนด์วิธ เวลาไม่มีใครใช้ มันเป็นการสูญเปล่า แต่พอมีคนใช้เยอะรู้สึกว่ามีความคุ้มค่า ก็กลับเป็นการแย่งกันใช้ ความเคยชินเรื่องความเร็วของผู้คนก็ไม่เท่ากันนะครับ แต่บล๊อกเกอร์ทุกท่านคงเข้าใจอยู่แล้วว่าสถานที่จัดงาน เป็นสถานที่ชั่วคราว จะให้สะดวกพร้อมเหมือนอยู่บ้านคงไม่ได้

การใช้ผู้ให้บริการหลายราย ที่จริงแล้วกลับไม่ดีครับ เช่นถ้าคิดจะใช้สี่ราย เอาความเร็วของสี่รายมารวมกันแล้วเลือกผู้ให้บริการรายเดียวที่ความเร็วสูงขึ้นเป็นสี่เท่า ก็จะได้ราคารวมที่ถูกลงครับ เพราะว่าราคาค่าบริการไม่ได้แปรผันกับความเร็วเป็นเชิงเส้น 

ถ้าสถานที่จัดมีบริการอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว การใช้อินเทอร์เน็ตจากสถานที่จัดน่าจะเป็นวิธีที่ถูกที่สุดครับ แม้จะต้องจ่ายราคาพรีเมียมเป็นกำไรของเขาบ้าง แต่ไม่น่าจะต้องเสียค่าติดตั้งวงจรชั่วคราว  ซึ่งจะแพงสำหรับงานชั่วคราว โดยปกติค่าใช้จ่ายที่แพงที่สุดคือการลากสายเข้าไปยังสถานที่ครับ (ถ้ามีผู้ให้บริการสี่ราย ทำการลากสายวงจรสี่เส้น ก็จะแพงมากครับ)

เรื่องคุณภาพของผู้ให้บริการ อาจไม่ใช่ประเด็นใหญ่สำหรับกรณีนี้ เนื่องจากเราต้องการติดต่อกับ GotoKnow ซึ่งอยู่ในประเทศ และมีการเชื่อมต่อระหว่างไอเอสพีดีมาก

  • สวัสดีค่ะ อาจารย์Ppaew

เห็นเครื่องของหลายคน ต่ออินเทอร์เน็ตได้ปั๊บๆ เลยเหมือนกันค่ะ แต่บางคนนั่งจ่อติดตัวปล่อยสัญญาณกลับต่อไม่ติดก็มี

ไปดูรูปแอ๊บแบ๊ว แล้วค่ะ...ขำกลิ้งอยู่คนเดียว....ตอนนั้นสนุกมากเลยนะคะ...ไม่เคยถ่ายรูปแบบหลุดๆ อย่างนี้มานาน..น....น...มากแล้ว.....บรรยากาศพาให้หัวใจละอ่อนนะคะ

พอเห็นรูปนึกถึงคำพ่อครูบาที่บอกว่าถ้าจัดสัมมนาอย่างนี้ทุกปี จะอายุยืน เลยค่ะ

 

  • สวัสดีค่ะคุณ PConductor 

ขอบคุณมากค่ะ คำอธิบายทำให้เข้าใจขึ้นเยอะ..พลิกความเข้าใจ(แบบเดา) เดิมๆ ของตัวเองด้วย

แล้วเรื่องแบนด์วิธนี้ ที่บอกว่า เวลาบันทึกไม่ใช้ เวลาส่งรับข้อมูลถึงใช้....ถ้าบล็อกมีเพลง มีรูปมากก็คือใช้มาก..อย่างนั้นหรือเปล่าคะ..กับส่วนตกแต่งความสวยงามของบล็อกละคะ..กินแบนด์วิธมากไหมคะ

ขออภัยค่ะ เกิดความสงสัยอีกแล้ว....ถ้าไม่รบกวนมากกรุณาอธิบายด้วยค่ะ(เริ่มเกรงใจค่ะ)

 

โธ่ อาจารย์จะเกรงใจทำไมครับ ถ้าผมตอบไม่ไหวก็ไม่ตอบเองล่ะครับ

ถ้ามีรูปมากก็กินแบนด์วิธมากครับ -- อาจารย์ธวัชชัยแก้โดยการสั่งให้เบราเซอร์จำ (cache) รูปไว้ ถ้าโหลดรูปเก่าอีกทีในเวลาไม่นานนัก ก็ไม่ต้องมาดึงจาก GotoKnow ใหม่อีกที

โดยปกติถ้ามีเสียงหรือหนัง ก็จะกินทรัพยากรมหาศาลเลยครับ "เป็นการเปิดใช้ socket คาไว้เป็นเวลานาน เนื่องจากใช้เวลาในการส่งนาน ซึ่ง socket เป็นช่องทางในการรับส่งข้อมูลเข้าและออก GotoKnow ผ่านเครือข่าย เป็นทรัพยากรที่มีจำกัดและใช้ร่วมกันทุกคน" เปรียบเหมือนช่องบริการตามธนาคาร/ไปรษณีย์ครับ ถ้าช่องหนึ่งปิดไปหรือไปทำรายการนานๆ คนอื่นก็ใช้ช่องนั้นไม่ได้ และไปออกันที่ช่องอื่นที่เหลือ ทำให้คิวยาว และช้าครับ

การตกแต่งบล๊อกให้สวยงาม อาจจะช่วยสื่อความรู้/ประสบการณ์ระหว่างบล๊อกเกอร์ครับ แต่ผมคิดว่าสาระน่าจะเป็นข้อความและประเด็น ส่วนการตกแต่งนั้นเป็นสิ่งประกอบซึ่งอาจจะช่วยดึงดูดผู้อ่านครับ

การตกแต่งบล๊อกให้สวยงาม กินแบนด์วิธเพิ่มขึ้นบ้าง แต่โดยปกติก็ไม่มากครับ ยกเว้นว่ารูปมีขนาดใหญ่ผิดปกติ ที่ทีมงาน GotoKnow ที่ได้เว้นที่ไว้ให้ทำ ผมคิดว่าเหมาะสมแล้วครับ ส่วน template ของคุณซูซานเท่าที่เห็น ก็คิดเรื่องขนาดและความประหยัดมาเป็นอย่างดีแล้วครับ รูป background มีขนาดไม่ใหญ่้ และใช้ CSS ขยาย/ทำซ้ำโดยไม่เปลืองแรง GotoKnow

อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าเป็นสิทธิ์ของสมาชิกที่จะทำตามที่ตนเห็นสมควรนะครับ ประเด็นที่อยากเรียนเสนอไว้ให้พิจารณา คือทรัพยากรมีจำกัด ต้องใช้อย่างคุ้มค่า่ ความคุ้มค่านั้น ไม่ใช่การไม่ใช้ แต่ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

เรื่องรูป เอาไว้ว่างๆ ผมจะลองหาวิธีลดขนาดดูครับ แล้วจะใส่ไว้ใน GotoKnow Monitor เพื่อที่เราจะได้มีความครบถ้วนของข้อความ แต่เป็นภาระแก่ GotoKnow น้อยลง

เพื่อนจ๊ะ

ได้ประโยชน์มากเลยกับเรื่อง IT ที่เกิดจากคำถามของสร้อย  ทำให้เต่าแบบดิฉันต้องโผล่ออกมาร่วมวงแบบเหนียมๆ  เพราะอยากขอบคุณทั้งผู้ถาม และผู้ให้ความรู้... "ขอบคุณค่ะ"

 ความสามารถในการตั้งคำถามให้เกิดประโยชน์แก่การเรียนรู้นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ  หรอกนะ    ตั้งคำถามเพื่อการเรียนรู้เผื่อแผ่ผู้คนต่อไปนะเพื่อน

 

อิ..อิ..ไม่บอกหรอกว่าใคร

อืมม์ ขอเพิ่มเติมจากคุณ conductor นิดนึงค่ะ ที่ทำธีมแจกก็เนื่องด้วยวัตถุประสงค์สองอย่าง คือ

1. จะได้มีธีมหน้าตาสวยๆ ไว้ดึงดูดใจ และบอกถึงบุคลิกของเจ้าของบล็อก

2. ทุกคนที่นำไปใช้จะได้ไม่ต้องอัพโหลดรูปขึ้นไปบนระบบ ใช้ดึงจากไฟล์ที่ซูซานได้เก็บไว้ที่เดียว เป็นการแชร์ทรัพยากรที่คุ้มค่า ทำหนเดียวใช้ได้เยอะๆ

ซึ่งเวลาทำก็พยายามบีบอัดให้ได้ไฟล์ขนาดเล็กแต่ได้คุณภาพที่พอดูได้ค่ะ ถ้าคนที่ทำโดยไม่เข้าใจเรื่องขนาดไฟล์ก็อาจจะทำให้โหลดภาพที่ใหญ่เกินความจำเป็นขึ้นไป

สวัสดีค่ะคุณสร้อยที่คิดถึง...จันทรรัตน์

  • ครูอ้อยไม่ได้ไปไหนค่ะวันนี้  อยู่บ้านค่ะ  ไม่มีใครอยู่ด้วยค่ะ  เขามีภารกิจกันหมดค่ะ  ครูอ้อยเลยครอบครอง  อินเทอร์เนตหมดในบ้านเลยค่ะ
  • แบบความเร็วสูง  แบบช้าอืดอาดแต่น่ารัก
  • ครูอ้อยรักอินเทอร์เนตมากๆค่ะ  หนักเหนื่อยแค่ไหน  ครูอ้อยก็หิ้วไปด้วยทุกๆวันค่ะ  

รักและคิดถึงนะคะ....

  • ขอบคุณค่ะ คุณConductor

ขอสารภาพว่า ชอบเรียนรู้ผ่านการสนทนา อภิปราย และถาม-ตอบ แบบนี้แหละค่ะ...เพราะทำให้ข้อสงสัยหายไปและเกิดไอเดียแตกงอกความคิด...และเพิ่มความอยากเรียนรู้ต่อไปอีก....

และเมื่อท่านอนุญาตให้ถามจนกว่าท่านจะไม่ตอบเอง....ก็ขอเรียนว่า..ขอบพระคุณมากค่ะ....และท่านอื่นที่เข้ามาร่วมกันเรียนรู้ก็คงได้ สนทนากันให้ความเห็นเพิ่มเติมกัน  แบบนี้ไปอีก

ชอบเหลือเกินกับคำว่า ทรัพยากรมีจำกัด ต้องใช้อย่างคุ้มค่า่ ความคุ้มค่านั้น ไม่ใช่การไม่ใช้ แต่ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด  ......

และมีความคิดเห็นด้วยว่าการกระจายการใช้ทรัพยากรอย่างทั่วถึงและมีกำหนดขั้นพื้นฐานไว้เป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งของการอยู่ร่วมกันในสังคม นะคะ....

ความคิดนี้เกิดเมื่อได้ฟังคำถามหนึ่งในการสัมมนาค่ะ

ระหว่างสัมมนามีคำถาม(เพื่อเอารางวัล)ว่า gotoknow ให้พื้นที่การใช้งานต่อคนเท่าไหร่....คนที่ตอบได้เป็นอาจารย์จากมหาวิทยาลัยนอร์ท เชียงใหม่ ได้รางวัลใหญ่ไปเลย....

นึกชมคนตั้งคำถามมากเลย.(ขออภัยที่จำไม่ได้ว่าเป็นคำถามของท่านใด..ผู้ใดที่จำได้กรุณาบอกให้หน่อยนะคะ) เพราะเป็นการทำให้ทุกคนที่ใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ทราบ สิทธิขั้นพื้นฐานของตัวเองและตระหนักรู้ว่าตนเองควรจะใช้ประโยชน์อย่างไรให้คุ้มค่ากับการเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ร่วมกัน

ทีนี้มีคำถามค่ะ สำหรับการใช้แบนด์วิธในการจัดการขนาดของรูปที่โหลด...เกิดความสงสัยค่ะว่า ระหว่าง การเซ็ตขนาดรูปจากกล้อง และการจัดลดรูปก่อนนำไฟล์ขึ้น พอจะช่วยลดการใช้แบนด์วิธหรือเปล่าคะ...และถือว่ามีความจำเป็นไหมคะ..และถ้าลดขนาดรูปก่อนนำไฟล์ขึ้นควรจะให้พอดีที่เท่าไหร่..

ขอบคุณค่ะ

เย้มาชูมือบอกว่า คำถามของหนูเองค่า รางวัลก็ของบริษัทหนูอภินันทนาการมอบให้เช่นกัน
  • สวัสดีจ๊ะ ไม่มีรูปdd_L

อยากเดาจังว่าเป็นใคร....คิดว่าถ้าตั้งใจเดาคงไม่ผิดเท่าไหร่หรอก..เพราะจำกลิ่นลายมือได้เล็กน้อย..ฮ่าๆ

ขอบคุณนะคะที่มาร่วมกันคิด แถมยังหยอดยาหอมให้อีก.....ใจพองแล้วล่ะ...(เมื่อไหร่จะว่างไปกินข้าวกันฮึ..มื้อหน้าจะเลี้ยง....อิอิ...แอบอำแบบนี้จะมีใครสวมรอยไหม)

เรื่องไอที(เดียว) เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ซะแล้ว..เมื่อก่อนก็คิดว่า ใครเซ็ตเครื่องให้อย่างไรก็ใช้อย่างนั้น  เวลามีปัญหาก็ตามเจ้าหน้าที่ของคณะ.มาแก้ไข......ตอนหลังก็คิดว่า...ปัญหาบางอย่างถ้าพอแก้ไขได้และทำเองบ้างก็เริ่มถามเจ้าหน้าที่และลองแก้ไขเองตามที่เขาเคยบอก...ก็ทำให้เจ้าหน้าที่เขาไม่ต้องมาเสียเวลากับปัญหาบางเรื่อง...แล้วเขาก็สามารถไปใช้เวลาพัฒนาระบบอะไรๆ ให้มันดีขึ้น..ผลดีมันก็กลับมาที่คนใช้งานนั่นแหล่ะ...เป็นวิธีเรียนไอทีแบบคนแก่ไงจ๊ะเพื่อน..ไปช้าๆ ค่อยๆไป รู้ทีละเรื่องนิดๆหน่อยๆ

กลับมาอ่านและตั้งคำถามด้วยจิ

ท่านที่เหลือ....เดี๋ยวมาคุยด้วยนะคะ...

ถูกตามตัว..ขอชะแว๊บไปก่อนคะ

ติดค้าง ติดค้าง...แปะโป้งไว้ก่อนค่ะ

เดาถูกต้องจ้า...

รีบกลับมาเฉลย..กลัวใครมาสวมรอยพาไปกินข้าวแทน

ยังหาวิธีทำตัวหนังสือในบล็อกให้เล็กลงไม่ได้เลยเนี่ย..

ตามมาอ่านเพราะรู้ด้วยญาณว่า มีคนแอบนินทา :)มาปรากฏตัวชื่นชมว่า น้องสร้อยมีประเด็นที่ดีมากในการนำเสนอเป็นแง่มุมที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่มาจัดภายหลังด้วยครับขอให้ข้อมูลว่า
  1. เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ผมห่วงมากที่สุด เพราะเหนือการควบคุมของผม เรื่องอื่นๆผมสามารถบริหารจัดการได้ แต่เรื่องนี้มีเงื่อนไขหลายอย่างที่เกินความสามารถผม...แต่ทำให้โจทย์ไปกับโรงแรมคิดก่อนทำสัญญา
  2. หนูซูซานก็เอ่ยถึงปัญหาเรื่องนี้กับผม ทำให้ผมต้องไปกำชับโรงแรมอีก ซึ่งแบ่งออกเป็นสองเรื่อง คือเรื่องการให้บริการต่อสายไฟให้พร้อม 100 จุดขึ้นไป และความสามารถในการรองรับอินเทอร์เน็ต ประมาณ 100 เครื่อง
  3. ผล คือโรงแรมตอบว่าสามารถให้บริการเรื่องของจุดต่อพ่วง แต่กรณีสัญญาณอินเทอร์เน็ตนั้นให้ผมติดต่อกับ TT&T เองในฐานะราชการ เพราะราคาที่โรงแรมเสนอมาจะสูงมากจนไม่มีทางจัดได้เนื่องจากเป็นราคาเอกชน บวกกับค่าดำเนินการของโรงแรม
  4. การประสานติดต่อกับษริษัท คอมพิวเตอร์ ก็เป็นทางออกหนึ่งที่ผมติดต่อ แต่ได้รับคำตอบว่า ทุกบริษัทไม่สามารถจัดให้ได้ ในระยะเวลาสามวัน และใช้เครื่องคอมที่แต่ละบริษัทจะมีสต็อกน้อย หากเป็นเรื่อง ทีวีหรือ จอรับภาพ อาจเป็นไปได้แต่ไม่ใช่เป้าประสงค์ของเรา
  5. ผมประสาน TT&T แล้วโดยได้รับการเสนอที่เป็นไปได้ เป็นระบบ ADSL 2 สายสัญญาณ สายละ 1 MB 2 สาย สายหนึ่งสามารถรับรองการใช้อินเทอร์เน็ต ประมาณ 50 เครื่อง ในราคา สามหมื่นกว่าบาท ต่อ 3 วัน
  6. ผมได้สอบถามดูแล้วว่า ทางเลือกของผมมีน้อย จึงตกลงตามนั้นและขอให้ทางช่างมาทำการติดตั้ง
  7. หลังจากนั้น ทราบว่า อุปกรณ์ของโรงแรมไม่ทันสมัยพอ เช่นเครื่อง Server และ Accesses point  ผมจึงตัดสินใจเอา  Server และ Accesses point 5 ตัวของคณะไปเอง เนื่องจากทราบว่าต้องเฉลี่ยสัญญาณเข้าของคอมแต่ละตัวจะได้ไม่หนักเกินไป (เฉลี่ย 20 เครื่อง ต่อ  Accesses point 1 ตัว)
  8. การตัดสินที่อาศัยข้อมูลทางเทคนิคประกอบนี่เอง ทำให้ผมพออุ่นใจว่าน่าจะเพียงพอ กับการใช้ระบบ wireless แต่เพื่อความไม่ประมาณก็เตรียมสาย Lan ไปด้วยเพื่อบางเครื่องไม่มี wireless card ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น ประมาณ 4-5 เครื่อง
  9. ผมได้สั่งการให้นำเครื่องคอมของคุณสำรองไป10 เครื่อง แบ่งเป็น notebook 5 เครื่องและ PC 5 เครื่อง
ในที่สุด ปัญหาก็ยังเกิดขึ้นอยู่ดี ต้องแก้ไขตามปัญหาที่เกิดขึ้น คือ
  1. ปัญหาที่เกิดขึ้นจากผู้ใช้เครื่องไม่เป็น เพราะยืมเครื่องของผู้อื่นมา ไม่รู้ระบบเครื่องว่ามีอะไรบ้าง ต้องใช้ช่างเราไปแก้ บางเครื่องก็โบราณมาก บางเครื่องก็โปรแกรมเก่ามากไม่ support ต้องแก้ไขตามสภาพ แต่ผู้ร่วมสัมมนาไม่เข้าใจ เลยพูดว่าเป็นที่ระบบอินเตอร์เน็ต  เข้าเน็ตไม่ได้
  2. เกิดจากปัญหาการแย่งใช้สัญญาณพร้อมๆกันทั้งหมด ในเวลาเดียวกันและใช้งานหลายๆอย่าง เช่นผู้ร่วมสัมมนาบางท่าน เอางานมาทำ โดยไม่เกี่ยวกับที่อบรมหรือใช้เน็ต มีการ download ข้อมูลอื่นๆ เช่นหนัง หรือเพลง ทำให้การใช้งานหนักขึ้นอีก
  3. ปัญหาที่เกิดขึ้นการการเดินสายสัญญาณยาวเกินไป และเกิดการสูญเสีย ไปพบว่าบางจุดสายสัญญาณยาวเหลือตั้ง 70 เมตร จึงมาตัดออกภายหลัง ทำให้ดีขึ้นบ้าง
  4. สุดท้าย ต้องแก้ไขปัญหา โดยใช้วิธีรวมกลุ่ม 4 กลุ่ม และใช้เครื่องจำนวนน้อยลงไม่เกิน 40 เครื่อง จึงพอทำงานได้ไม่หงุดหงิดกันเกินไป
ทั้งหมดนี้เป็นสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น โดยผมยอมรับว่าเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสเอาการที่จะทำให้ระบบลื่นไหล  และมีข้อจำกัดเรื่องวงเงินงบประมาณอย่างไรก็ตาม ขอทิ้งไว้เป็นโจทย์ที่ให้ผู้รู้กรุณาแนะนำ จะได้เป็นประโยชน์แก่ผู้จัดรายต่อไปที่ต้องจัดการกับปัญหาเหล่านี้อีกครับ

ผมเห็นด้วยว่าทางเลือกของ อ.พิชัย มีไม่มากครับ แถมมีแรงกดดันต่างๆ ทั้งเวลาที่กระชั้นเข้ามา จำนวนผู้ตอบรับเข้าร่วมสัมนาที่เพิ่มขึ้น สถานที่ กำหนดการ และเรื่องอื่นๆ อีกสามพันเรื่อง ...

เรื่องการบริการทางเครือข่าย เมื่อดูโดยรวมแล้ว ผมคิดว่าใช้ได้ทีเดียวครับ ความเร็วฝั่งดาวน์โหลด 2 Mbps ที่จริงผมเองก็ปากหนักไป งานยุ่งมาก เลยไม่ได้แนะเรื่องการใช้ดาวเทียมบรอดแบนด์ ซึ่งอาจจะเช่าใช้ชั่วคราวได้ในราคาไม่แพงนักครับ

ถ้าเป็นดาวเทียม เค้ามี IP ให้ไม่มาก (แต่เราเปลี่ยนไปใช้ private IP สำหรับงานได้) และก็ต้องตั้ง proxy เครื่องหนึ่งดักเอาไว้หน้า access point สำหรับบริการผู้สัมนา แล้วฝั่งการเชื่อมเข้าเครือข่าย อาจเปลี่ยนเป็นดาวน์โหลด 4 Mbps อัพโหลด 2 Mbps ได้ครับ ราคาไม่น่าจะแพงกว่างบประมาณ

มีประเด็นเสี่ยงเกี่ยวกับการใช้ดาวเทียมอยู่สองเรื่อง คือ

  • สถานที่ มีอะไรบังอยู่หรือไม่ (ไม่น่ามี เพราะเราย้ายจานหลบได้ สายสัญญาณจะสั้นกว่า ADSL ซึ่งลากมาตามถนนมาก)
  • pricing model ของดาวเทียม จำกัดประมาณข้อมูลไว้ (แต่ถ้าใช้เกิน เค้าจะคิดแพง) -- เรื่องนี้ต้องเตรียมการล่วงหน้า ทำ proxy ให้ cache ภาพ/เพลงที่เรียกมาแล้ว โดยไม่ต้องโหลดมาใหม่เพื่อประหยัดการรับส่งข้อมูล -- ถึงอย่างนั้น ก็ต้องขอร้องผู้ร่วมงานให้ใช้อย่างคุ้มค่าและประหยัดกันบ่อยๆ

สำหรับการสัมนานอกสถานที่ เรื่องดาวเทียม ก็เป็นเรื่องที่น่าพิจารณาครับ เราใช้ชั่วคราวไม่กี่วัน น่าจะกดงบลงไปได้ แถมได้คุณภาพดีด้วย

อย่างไรก็ตาม ผมดีใจที่งาน KM เชียงใหม่ มีการเตรียมการล่วงหน้าเป็นอย่างดี อย่างนี้จึงเป็นการนำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ และขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จในการจัดงาน KM เชียงใหม่อีกครั้งหนึ่งครับ

สวัสดีค่ะ คุณสร้อย

  • ขอบคุณสำหรับบันทึกนี้ที่ได้พบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้...และการทบทวนสิ่งที่ได้ทำไปเพื่อนำมาซึ่งประโยชน์ในการจัดคราวต่อๆไปของผู้ที่คิดจะทำน่ะค่ะ...และเชื่อว่าคงมีการจัดลักษณะนี้อีก...
  • ขออนุญาตคุณสร้อย  นำคำนิยมที่กล่าวถึงท่าน อ.พิชัยไปไว้ในบันทึก  Servant Leadership...กับผู้ชายที่ชื่อ “พิชัย กรรณกุลสุนทร” นะคะ
  • ขอบคุณค่ะ

ใคร่เรียนถาม อ.พิชัย ค่ะ

  • ว่าสรุปเรื่องค่าใช้จ่ายการเตรียมสัญญาณทั้งหลายประมาณเท่าไหร่คะ...เผื่อนึกครึ้ม  อยากจัด...จะได้ของบประมาณถูก
  • ขอบคุณค่ะ
  • ตามมาดู
  • เป็นการอบรมที่ผมพลาด
  • ลืมเช็คระบบคอมพิวเตอร์และไม่มีข้อมูลพื้นฐานผู้เข้าอบรม
  • แต่ถือว่าดีที่สุดแล้วครับพี่สร้อย
  • สวัสดีจ๊ะ dd-L

"ยังหาวิธีทำตัวหนังสือในบล็อกให้เล็กลงไม่ได้เลยเนี่ย.."

หมายถึงเวลาพิมพ์จาก word มาแปะ?? ส่วนมากถ้าเลือกฟร้อน Tahoma 11-12 จะกำลังดีค่ะ

ถามตรงคำตอบ...เอ๊ย..ตอบตรงคำถามไหมเอ่ย...

วันนี้ไม่ต้องไปโรงเรียนหรือคะ.....

วันเสาร์เดี๋ยวนี้ที่ทำงานคนตรึมเลยค่ะ...มีกิจกรรมด้วย สอนด้วย...ส่วนใหญ่ก็อยู่ทำงานกันค่ำๆ..บางช่วงงานเร่งๆ อยู่กันทั้งคืนก็มี....

วันนี้ก็กะจะอยู่ดึก...แต่ก็ไม่รู้ว่าได้แค่ไหน...พอ สว. ก็ไม่อยากหักโหมตัวเองค่ะ

 

ใช่เลยค่ะ พี่ก็ว่าดีที่สุดแล้ว....สนุกดีด้วย...อยากจะเรียกว่ามหกรรมที่อัศจรรย์...

ใครจะไปนึกเน๊อะว่า จะได้เจอbloggers ในดวงใจพร้อมๆกัน มากขนาดนี้....

น้องเตรียมพร้อมสำหรับไปออเรกอนหรือยังคะ

 

อ้าวคำถามของน้องซูซานเองเหรอ....ชายหนุ่มที่นั่งข้างพี่ตอนนั้นบอกว่า ผมก็อยากได้รางวัลนี้...(แต่เขาเป็นวิทยากร.เลยหมดสิทธิ์..อิอิ)

เรื่องธีม (คำเรียกหัวบล็อกหรือเปล่า??) เพิ่งรู้จากความห็นของซูซานนะเนี่ยว่า มันต้องลดรูปให้ใช้แบนด์วิธน้อยลง...ตอนเลือกก็รักพี่เสียดายน้อง...อันไหนก็สวยน่าใช้ไปหมดเลยค่ะ....ขอบคุณนะคะ

 

 

จะจัดเมื่อไหร่...บอกซาร่าและจอร์ซ..ด้วยนะคะ....อิอิ...

ขอบคุณที่แวะมาด้วยค่ะ...

ความเห็นข้างบนทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ดีกว่าตัวบันทึกซะอีก...

ยิ่งมีคนมาช่วยต่อยอดความคิด  มีคำถามเพิ่ม...ก็ยิ่งทำให้เข้าใจเพิ่มขึ้น...เน๊อะ...

เมื่อกี้กลับไปอ่านไล่ลงมาทีละตอนๆ ...สร้อยก็ว่าช่วยเกลาความคิดความเข้าใจของตัวเองได้มากกว่าตอนที่เริ่มคิดเขียนบันทึกซะอีกแน๊ะ

ชอบจัง

P
  • ใช่เลยค่ะ...บางครั้งของดีๆก็ตามมาทีหลัง....นับเป็นโชคดีที่ได้อ่านทีหลังเพราะได้ฟังcomment จากหลายๆท่าน...ยิ่งต่อยอดได้เยี่ยมค่ะ...นับเป็นความตั้งใจเล่าของผู้เข้ามาcomment จริงๆ
           .....................คิดถึงค่ะ..................ติ๋ว.

รู้สึกดีใจและขอขอบพระคุณที่มาร่วมให้ความเห็นค่ะ

อันที่จริง คิดอยู่หลายวันก่อนจะเขียนบันทึกนี้ เพราะ

  • เวลาเล่าจะมีทั้งคนที่เห็นภาพและไม่เห็นภาพของเหตุการณ์ บันทึกอาจจะไปตัดทอนความเชื่อมโยงของภาพรวม
  • เมื่อเล่าไม่ครบก็เกรงว่าจะทำให้เข้าใจผิดว่าไปตำหนิแล้วจะทำให้คนทำงานเสียกำลังใจ...

 

  • แต่ที่คิดว่าต้องเขียน...เพื่อ....ให้ผู้ที่สนใจการสัมมนารูปแบบนี้...ได้รับประโยชน์จากสิ่งที่ผ่านมาในเรื่องของการจัดการ วิธีการของการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นและระหว่างการทำงาน และบริบทเฉพาะเรื่อง...และเป็นการเปิดโอกาสให้เราๆ ท่านๆ ได้ระดมความคิด เพื่อต่อยอดความรู้ นำไปประยุกต์ใช้ต่อให้เหมาะกับบริบทข้างหน้า

แล้วก็พบว่า

  • ยังลืมเล่าถึง ความอดทน และความสามารถของทีมงานคอมพิวเตอร์และท่านอาจารย์ที่ดูแลทีมภายใต้การนำของท่านอาจารย์พิชัย
  • เมื่อท่านอาจารย์พิชัยมาให้ความเห็นเรื่องสายที่ยาวไป..และการ set เครื่อง เลยนึกขึ้นได้ว่า น้องที่จัดการและอาจารย์ที่ดูแล(ขอโทษค่ะ จำชื่อท่านไม่ได้) มีความรวดเร็วมากในการจัดการต่อสาย LAN หาปลั๊กไฟต่อพ่วง ฯลฯ โดยไม่ออกปากว่า เหนื่อยหรือยุ่งยากเลยแม้แต่คำเดียว...เป็นการทำงานและสั่งการที่เงียบ เรียบร้อย ไม่โฉ่งฉ่างเลยค่ะ
  • ขอเขียนชื่นชมไว้ตรงนี้ด้วยค่ะ...หากท่านใดจำชื่อได้ กรุณาบอกด้วยนะคะ
  • และยังลืมเล่าอีกว่า  เวลาที่ใครก็ตามไปขอความช่วยเหลือ...ทีมของราชภัฏฯ ที่ใส่เสื้อสีแดงจะติดต่อประสานงานให้โดยไม่มีการโบ้ยว่าให้ติดต่อที่ใครๆ หรือบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ของตนเอง.....ส่วนนี้ทำให้เห็นถึงจิตบริการค่ะ....เสียดายที่เวลาสั้นจึงยังไม่มีโอกาสเรียนรู้ว่าอาจารย์พิชัยสร้างทีมงานอย่างไรบ้าง จึงทำให้ทุกคนเต็มอกเต็มใจทำงานได้ขนาดนี้

ขอเรียนว่า เป็นเช้าที่มีความสุขอีกเช้าหนึ่ง ที่ได้อ่านความเห็นที่มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่เป็นประโยชน์มากๆ ของทุกท่านค่ะ..อย่างที่คุณติ๋วบอกว่า "นับเป็นความตั้งใจเล่าของผู้ที่มา comment จริงๆ"

อยากเก็บเกี่ยวรายละเอียดของประสบการณ์การเรียนรู้มารวบรวมไว้ในบันทึกนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้...เพื่อให้เป็นบันทึกที่จะเป็นประโยชน์กับ...ทั้งตัวเองและผู้อื่นค่ะ......และคิดว่าท่านที่อ่านและไม่ได้ให้ความเห็นก็คงได้เรียนรู้ร่วมกันมากเลย...ใช่ไหมคะ....

 

 

สวัสดีค่ะ อ.สร้อย (จันทรรัตน์)

ขออนุญาตโมเมเรียกตามท่านอื่นๆ แล้วนะคะ ^ ^

ติดตามอ่านบันทึกนี้มาเรื่อยๆ ค่ะ แต่ไม่ได้ให้ความเห็นอะไรเอาไว้ เพราะจะเขียนทีไร โดนขัดจังหวะตอนอยู่ที่ทำงานเสียทุกที ก็เลยตามอ่านเอา และได้รับความรู้มากทีเดียวจากการสนทนาของหลายๆ ท่านในที่นี้

สำหรับตัวเองคิดว่างานนี้ประสบความสำเร็จมากทีเดียว แม้กระทั่งในเรื่องเน็ตที่มีผู้บ่นว่าช้า แต่ในฐานะที่พอจะเข้าใจสถานการณ์ และเข้าใจเทคโนโลยีอยู่บ้าง ต้องบอกว่าแบบนี้เรียกว่าดีมากๆ แล้วค่ะ อันนี้น่าจะเป็นเพราะทุกอย่างถูกทำขึ้นด้วยใจนะคะ ผู้จัดที่มีใจทำ ทีมงานของผู้จัดที่มีจิตบริการดีเยี่ยม และมีความเป็นทีมงาน  รวมถึงทีมวิทยากรที่มาด้วยใจ พร้อมให้ความช่วยเหลือและแนะนำกัน  เป็นประสบการณ์ที่แต่ละคนได้เรียนรู้และหาไม่ได้จากงานสัมมนาทั่วๆ ไปค่ะ

ขอบคุณ อ.สร้อยที่ได้สร้างบันทึกนี้เป็นที่เก็บประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีๆ ของเราอีกบันทึกหนึ่งนะคะ  ^ ^

สร้อยจ๊ะ แวะมาดูคำตอบ เลยทดลองใช้ตามคำแนะนำซะเลย  ขอบคุณจ้า สำหรับคนที่เป็นผู้ชมซึ่งไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ และไม่มีประสบการณ์ร่วมในแวดวงบล็อกเกอร์แล้ว  การที่สร้อยเริ่มต้นบันทึกนี้ด้วยภาพเหตุการณ์และเล่าเรื่องราวที่ผู้อ่านรับรู้ได้ถึงความปรารถนาดีที่จะเสนอมุมมองที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนางานเช่นนี้ต่อไปอีก   ด้วยประเด็น  ด้วยภาษาที่ชัดเจน  และเมื่อมีผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจ มาร่วมกันต่อเติม  ก็ทำให้อิฉันและคาดว่าผู้อ่านที่เป็นพลังเงียบอื่นๆได้เห็นภาพชัดเจน และเก็บเกี่ยวความรู้จากบันทึกนี้ ไปใช้ได้ตามบริบทของแต่ละคน                    การมองสถานการณ์ มองปัญหาที่เกิดขึ้นและสื่อสารด้วยความเข้าใจ  อย่างไม่ตำหนิซึ่งกันและกัน พร้อมจะช่วยเหลือ เรียนรู้ด้วยกัน เป็นบรรยากาศของการทำงานที่เกื้อหนุนให้เกิดการพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง   อย่างที่สร้อยกำลังทำอยู่นี่ไง

เรียกว่า มหัศจรรย์แห่งรัก จะได้ไหมคะ ^_^

พอพูดถึง จิตบริการดีเยี่ยม ก็นึกถึงเหมือนกันว่า เป็นเรื่องที่หายากในระบบราชการ(หลายๆที่) แล้วยังหายากในอีกหลายหน่วย..แม้จะเป็นหน่วยบริการต่างๆก็เถอะ...นะคะ

การฝึกให้มีจิตบริการ...ควรเริ่มจากตรงไหนอย่างไรดี และควรทำอย่างไรให้คงอยู่ได้??

เริ่มเกิดความอยากรู้แตกหน่อไปอีกแล้วค่ะ...ท่านผู้ชม

...แล้วก็เลยนึกถึงว่า วันก่อนแวะไปร้านขายส่งยักษ์ใหญ่...

ไปเจอป้ายหนึ่ง ที่ยกคำของท่านมหาตมะ คานธีมาไว้

...อ่านแล้วได้ใจความว่า....

"ลูกค้าไม่ใช่คนที่มารบกวนเวลาทำงานของเรา แต่ลูกค้าคือคนที่ให้โอกาสเราได้บริการ"

 

ประมาณเนี้ยะค่ะ....

  • ลูกศิษย์เราไม่ใช่คนมาขอส่วนบุญของเรา แต่คือผู้ที่ให้โอกาสเราในการได้ฝึกขันติ และสร้างทานบารมี

 

ไม่รู้พอจะเข้าเค้าไหม...แฮ่ม!!

........

 

  • สวัสดีค่ะ คุณเพื่อน dd_L

ขอบคุณนะคะ...

ชอบจังตรงที่บอกว่า

การมองสถานการณ์ มองปัญหาที่เกิดขึ้นและสื่อสารด้วยความเข้าใจ  อย่างไม่ตำหนิซึ่งกันและกัน พร้อมจะช่วยเหลือ เรียนรู้ด้วยกัน เป็นบรรยากาศของการทำงานที่เกื้อหนุนให้เกิดการพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง  

 

ส่วนหนึ่งที่ดีใจก็คือว่า ในหลายๆการบันทึก จะมองเห็นว่า ผู้ที่ร่วมให้ความเห็น ได้กระโดดลงเข้าร่วมในกระบวนการแสดงความเห็น

 

ที่ดีใจก็ตรงนี้แหล่ะว่า ตรงที่ว่า เมื่อทุกคนเห็นว่า ตนเองคือบุคคลที่มีส่วนร่วมในกระบวนการที่สำคัญ (A part of the important process) ของการขับเคลื่อนความรู้ให้พัฒนาไปได้อย่างไม่หยุดยั้ง ....จะเป็นพลังของการร่วมคิดร่วมสร้าง....แล้วเรื่องผลลัพท์ก็จะเป็นผลลัพท์ ไม่ใช่เป้าหมายเดียวของการบันทึก

 

อีกดีใจคือ ..เห็นความคิดเห็นของเพื่อนปรากฎในยุทธภพแล้ว......เสียงหวีดหวิวของสายลมก็ยังไม่คมเฉียบเท่าคมความคิดของท่านที่สามารถกระแทกปลุกเร้าพลังภายในของผู้คนให้อิ่มเอิบได้ถึงปานนี้....

หยดหมึกปรากฎรอยแล้ว!!! แต่เงาร่างยังเร้นลึกในหลืบบัง...ขอเพียงท่านพลิ้วผ่านมาให้ความคิด...ก็ไม่กังวลสงสัยว่าท่านอยู่ที่ใดแล้ว...เพราะเราต่างเข้าใจในภาระกิจของท่าน...คนแซ่ L

 

....(สำนวนลิเกไปไหม...อิอิ)

 

  • ขอขอบคุณท่านอาจารย์จันทรรัตน์ครับ
  • เป็นแนวคิดที่มีประโยชน์มากครับ

อาจารย์ครับ

ผมให้เรต G (General) ครับ

ยังไม่น่าจะถึง PG (parent guidance) หรืออาจประมาณนั้นครับ

ขอบคุณค่ะอาจารย์beeman

  • หวังว่าจะไปช่วยอุดช่องและต่อยอดของการจัดสัมมนาต่อๆไปได้เรื่อยๆ ค่ะ
  • อาจารย์จัดคราวนี้(ม. นเรศวร) แล้วเป็นอย่างไรบ้าง กรุณาเล่าสู่กันไว้ เผื่อให้วิธีการตรงนี้ดีขึ้นเรื่อยๆ นะคะอาจารย์ ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณค่ะ อาจารย์แสวง

  • ระดับ G ก็ประมาณจิ๊บๆ นะคะ (อิอิ.......)
  • เคยมีไหมคะอาจารย์ที่ xxx อยู่คนเดียวที่เหลือเป็นผู้ชม....(จะแย่ไหมเนี่ย)
  • จะ xxx ต้องปิดห้องคุยกันด้วยไหน...และทุกคนที่เกี่ยวต้องมาร่วม xxx อล่างฉ่างด้วยถึงจะดีหรือเปล่า...
  • คิดต่ออีกหน่อยว่า บนพื้นที่แบบนี้ โอกาสถึง xxx มันจะทำพอได้มั่งไหมคะ
  • ปล. เรื่อง xxx นี้คือต่อยอดจาก “การถอดบทเรียน” น่าจะเป็นอย่างไร ของอาจารย์แสวงนะคะ (รีบทำลิงค์ไว้ก่อนเดี๋ยวจะมีคนสงสัยว่า ทำไมไปชวน xxx RRR อะไรกัน....ฮา)

 

  • อาจารย์แสวงคะ อย่างไรก็ขอบพระคุณค่ะที่แวะมาเยี่ยม และให้เรด G เลยทำให้ได้คิดต่อมาอีกหลายข้อ...

อาจารย์จันทรรัตน์ครับ

ท่ผมให้ G เพราะ

  • ประเด็นที่สรุปมาเป็นการจัดการทั่วไป
  • ไม่แสดงชัดในเชิง KM
  • แปล(เอาเอง) ว่า คุยกันในประเด็นทั่วไป (General)

ผมคิดเอาเองว่า

งาน KM จะประเมินในเชิงการจัดการความรู้เป็นแกนหลัก (XXX) ว่าใครรู้สึกอย่างไร คุ้มไม่คุ้ม ทั้งระดับส่วนตัว ส่วนรวม และระดับที่สูงกว่านั้น

ลึกกว่านั้นก็คือให้คนถอดใจออกมาว่า

"ใครได้ความรู้ หรือ ได้จัดการความรู้เรื่องอะไร มากน้อยแค่ไหน อะไรยังไม่รู้  หรือรู้ไม่พอฯลฯ"

ตามหลักการของ KM แบบ รูปร่างของ "ภูเขาน้ำแข็ง" ลอยน้ำที่คนชอบเอามาโชว์นะครับ

ขอโทษครับที่ทำให้สับสน

XXX คือระดับการประเมินแบบไม่มีอะไรซ่อนไว้ที่ไหน แต่ก็ยังไม่เห็น "ใจ" ของผู้เข้าร่วมครับ เป็นเพียงการประเมินเชิงประสิทธิผล ประสิทธิภาพธรรมดา อาจยังไม่รู้ร้อนรู้หนาวเท่าใดนัก

ถอดหัวใจ คือการประเมินแบบ "รู้ร้อนรู้หนาว" ที่มองในเชิงส่วนลึกๆของผู้เข้าร่าม

  • มาทำไม
  • มาได้อย่างไร
  • มาแล้วได้อะไร
  • ไม่มาจะเสียอะไร
  • คุ้มค่าไหมในมุมต่างๆ

และต้องระวังการถามเด็กว่าอยากทำงานหรืออยากเล่น

ที่เด็กส่วนใหญ่ต้องบอกว่าอยากเล่นแน่นอน

คนจัดเส้นตื้นก็จะจัดเป็น โรงเล่น แทน โรงเรียน

แล้วผู้ปกครองที่บรรลุนิติภาวะแล้วเขาจะว่าอย่างไร เขาจะส่งลูกมาโรงเล่น นี้ไหม

นี่คือสิ่งที่ผมเห็นส่วนใหญ่ วนติดกับอยู่ตรงนี้แหละครับ

และเด็กหลายคนที่มาโรงเล่น ก็มักมีเด็กด้วยกันเป็นผู้ปกครองเสียอีก

ประมาณนั้นแหละครับ

ผมดูแล้วเหนื่อยใจครับ

ไม่ทราบจะทำอย่างไรดีครับ

อ่านแล้วได้ความคิดต่ออีกแล้วค่ะ อาจารย์แสวง

  • หนึ่งคือ....คิดว่าตัวเอง(ดิฉัน)ต้องไปหาอ่านวิธีการ AAR ของ KM เพิ่ม (เริ่มรู้ตัวว่า ที่เคยคิดว่าทำถูกน่าจะไม่ใช่วิธีสากลที่ทุกคนเขารู้และเข้าใจ)

 

  • สอง...คือ ....อยากหาเวลาไปเรียนกับอาจารย์ผ่านการคุยซะแล้ว.....เพราะเวลาอาจารย์คุยยาว...(ถึงจะผ่านการพิมพ์) ...ทำให้เกิดความคิดเพิ่มเรื่อยๆ เห็นจุดที่ต้องไปศึกษาต่อ.....(น่าจะไปขอเป็นนักศึกษาของอาจารย์อ่ะ...คงเรียนสนุกเซลล์สมองได้ทำงานฉุบฉับๆ...ตื่นตัวดีจัง)

 

  • เกิดความสงสัย(เขียนตรงนี้คงได้.....) ว่า เพราะอาจารย์คิดเร็ว คิดไปไกล ด้วยมั้ง..เลยทำให้โอกาสที่คนอื่น(เช่นดิฉัน)ตามไม่ทัน.....เมื่อไม่ทันก็เลยคิดไม่ชัด เมื่อคิดไม่ชัดเลยปฏิบัติไปไม่ถึง........เหมือนที่ท่าน ป. อ. ปยุตโต เคยเทศนาว่า เมื่อรู้ไม่ชัด ก็คิดไม่ชัด เมื่อคิดไม่ชัด ปฏิบัติการก็วิบัติ.......ธรรมชาติของคนเมื่อรู้ไม่ชัดก็มีทั้งที่อยากรู้และไม่อยากรู้...คนอยากรู้ก็คงไปหาให้รู้และหามาทำ คนไม่อยากรู้ก็ไปหารู้เรื่องอื่น ทำเรื่องอื่น...เลยปฏิบัติเรื่องนี้ไม่ได้.....วงจรเหนื่อยใจของอาจารย์เลยยังวนๆ

 

  • หลายๆครั้งอ่านความเห็นของอาจารย์ในบันทึกของหลายๆคนแล้วหัวเราะเพราะอาจารย์มีอารมณ์ขันมาก..แต่แสดงออกเป็นบางที.....ทำให้อยากอ่านการ AAR แบบ xxxx(4x) ของอาจารย์....ขอแบบอย่างสักอันค่ะอาจารย์...(อิอิ.....ขอแอบเรียนลัดจะได้ไหมคะ......เอางานไป ม. นเรศวรก็ได้ค่ะ....)
ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท