อยากถามจังเลยว่า บริษัทขายคอมพิวเตอร์และบริการอินเทอร์เน็ตทั้งหลาย เคยเข้าร่วมงานแบบ สัมมนา KM เชียงใหม่ไหมคะ
-----------------------------******----------------------------------------------------
ลองดูรูปเหล่านี้ก่อนนะคะ
รูปแรกและรูปที่สอง เป็นรูปของผู้เข้าร่วมสัมมนาหรือ Blogger น้องใหม่
ส่วนรูปนี้คือ รูปของblogger รุ่นพี่ที่มาร่วมเป็นวิทยากร
-------------------
จะเห็นในภาพนะคะว่าน่าทึ่งมาก เพราะ
ระหว่างการสัมมนา......ก็พบความน่าสนใจว่า
------------------------****-----------------------------------------
ผลของสภาพการจราจรติดๆ ขัดๆ ของอินเทอร์เน็ตในระหว่างการสัมมนา
ในระหว่างนั้นวิทยากรท่านที่เคยมีประสบการณ์แก้ปัญหาเช่นนี้ ก็ขอร้องให้ทุกคนงดการทำงานอื่นบนอินเทอร์เน็ต เช่น MSN โหลดเพลง ฯลฯ รวมทั้งขอร้องให้รวมกันทำงานบนเครื่องเพียงไม่กี่เครื่องแทนการทำงานบนทุกเครื่อง เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ทันท่วงที
จากปัญหาที่เห็น.....จึงเกิดข้อคิดเห็นว่า
คงจะเป็นการทำงานร่วมกันในเชิงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนได้อีกวิธีหนึ่ง
คุณๆ ละคะ มีความคิดเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร
สวัสดีค่ะ คุณสร้อย...ผู้ใจดี
เป็นความคิดที่น่าสนใจครับน้องจันทร์ คงเกิดขึ้นแน่ในอนาคต เพราะต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ บริษัทไหนมีเทคโนโลยี่ทันสมัย ประหยัด ราคาถูกและใช้ได้ดี เชิญติดต่อเลย ..(ติดต่อใครเนี่ย..)..
พี่ยังหนักใจเนี่ยว่าจะจัดเฮฮาศาสตร์ที่ดงหลวง แต่ที่นั่นมีแต่คลื่นมือถือบางจุดเท่านั้นครับ อีกหลายจุดไม่มีคลื่นครับ เพราะเป็นเขตป่า
สายโทรศัพท์ไม่ต้องพูดถึง คือเข้าดงหลวงแล้วไปอยู่อีกโลกหนึ่งครับ สนใจจานดาวเทียมอินเตอร์เนท กำลังหาข้อมูล
เรื่องที่ไม่สามารถใช้งาน wireless ได้พร้อมกันได้ครบทุกเครื่องนั้น ผมคิดว่าเป็นเพราะมี wireless access point ไม่พอครับ (ที่จริง MAC address ใน access point ไม่พอ)
จะว่ากันไป ความไวของสัญญาณ wireless สำหรับโน๊ตบุ๊คแต่ละเครื่องนั้น ก็ไม่เท่ากัน เครื่องที่เคยตก เคยถูกกระแทก อาจจะเพี้ยนๆ ไปบ้าง ส่วนสัญญาณที่แพร่กระจายในห้องก็ไม่เท่ากันครับ เมืองไทยจำกัดกำลังส่งไว้ต่ำมากครับ ถ้านั่งในที่ฮวงจุ้ยไม่ดี สัญญาณก็ไม่ดีครับ เพราะสัญญาณเบาอยู่แล้ว ด้วยกำลังส่งต่ำ
ความรู้เรื่องการจัดการระบบ wireless ที่ดีที่สุด ตามความเห็นของผม น่าจะเป็นที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (บางเขน) ครับ
ในการใช้งานร่วมกันเป็นร้อยๆ คน น่าจะมีปัญหาความพอเพียงของช่องสัญญาณบ้าง รวมทั้งความเร็วในการเชื่อมต่อกับ GotoKnow ด้วย -- เชื่อได้ว่าโรงแรมไม่ได้ใช้วงจรเช่า แต่ใช้วงจร ADSL ด้วยเหตุผลเรื่องของราคาซึ่งถูกกว่ากันมากและติดตั้งได้เร็ว วงจร ADSL นี้ ทำให้ความเร็วในการรับ กับความเร็วในการส่งไม่เท่ากัน (ด้านส่งน้อยกว่าด้านรับ) สำหรับบล๊อกเกอร์ที่ต้องการเขียนรายงานสด จะต้องแย่งชิงความเร็วนี้กันเอง
ดังนั้นบทเรียนสำหรับการจัดงานครั้งต่อๆ ไป คือจัดหาความเร็วด้านส่งให้พอกับความต้องการ (ซึ่งคาดได้ยาก)
เรื่องการขอร้องไ่ม่ให้โหลดเพลง หรือปิดเพลงในบล๊อก ผมเห็นด้วยว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องและแก้ปัญหาได้ดีครับ ส่วน MSN นั้น ไม่จำเป็นต้องปิด เพราะไม่กินแบนด์วิธ
ท้ายสุด ขอรบกวนให้อาจารย์ช่วยแก้คำว่าอินเตอร์เนต ในบันทึกทุกคำเป็น อินเทอร์เน็ต ให้ถูกต้องได้ไหมครับ (บันทึกเก่า: คำว่า "อินเทอร์เน็ต")
มาตามอ่าน แบบเปิดเผยค่า
ย่องไปอวยพรมาแล้วค่ะ ..ขอบคุณที่แวะมาบอกด้วยค่ะ.....
ดีใจเช่นกันที่ได้รับวีซีดีแล้ว.....เพื่อสุขภาพค่ะ.....
เสื้อใหม่ ใส่สบายดีไหมคะ...ดูเท่ห์มากเลยค่ะ
ขอบคุณค่ะที่ชม....ค่อนข้างจะยอมรับค่ะว่า จะเป็นคนที่มองเห็น สิ่งเล็กๆน้อยๆ ของการประชุม...ที่จะทำให้การประชุมมันราบรื่นขึ้น...แต่ไม่ใช่เพื่อตำหนิหรือกลัวปัญหานะคะ....
งานแบบนี้สำหรับคนที่มีประสบการณ์ในการจัด และการเข้าร่วมบ่อยครั้ง อาจจะรู้สึกเฉยๆ ต่อปัญหาเล็กๆน้อยๆแบบนี้ค่ะ......
แต่สำหรับคนเข้าร่วมครั้งแรกแบบดิฉัน...ทึ่งมากเลยค่ะที่เห็นการนำโน๊ตบุ๊คมากันเองมากอย่างนี้......
พอเจอปัญหาเลยได้เรียนรู้วิธีการจัดการ ..การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า...
แต่ก็อดคิดต่อไม่ได้ว่า ....การจัดสัมมนานอกสถานที่อย่างนี้ต้องมีขึ้นอีกแน่ๆ ...และถ้าร่วมมือกันระหว่างภาครัฐที่จัดสัมมนาและภาคเอกชนผู้จำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์....คงจะทำให้งานครั้งต่อๆ ไป...น่าสนใจแน่ๆ ...
ใช่เลยค่ะ..เป็นประเด็นที่คิดต่อเนื่องไปถึงงาน เฮฮาศาสตร์ งานสัมมนาบล็อกเกอร์ฯลฯ....
เป็นมุมคิดแบบ ผู้ใช้บริการและลูกค้าของ อุปกรณ์ไอทีค่ะ
น้องมองว่า ปัจจุบันนี้การประชุมสัมมนาของประเทศโดยเฉพาะสำหรับคนทำงานเป็นครูบาอาจารย์ นักวิจัย นักปฏิบัติ ฯลฯ คงปฏิเสธการใช้ ไอที มาเป็นอุปกรณ์เอื้อ ไม่ได้แล้ว
และคนกลุ่มนี้ก็คือลูกค้าที่มีกำลังซื้อซะด้วย
สภาพที่เป็นอยู่คือ ผู้ซื้อหรือลูกค้ากลุ่มนี้ (โดยเฉพาะผู้หญิง) ส่วนหนึ่งเมื่อจะซื้อคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คมักจะมีคำถามค่อนข้างมาก....น้ำหนักมากไปไหม...สะดวกใช้ไหม...หิ้วไปใช้ต่างประเทศได้ไหม....ฯลฯ.....จริงไหมคะ
แต่เวลาจะไปซื้อ.....บางครั้งต้องติดตามดูจากงานคอมพิวเตอร์แฟร์..ใช้เวลาศึกษาoption ต่างๆ โดยเฉพาะการลดแลกแจกแถม....ถ้าไปดูตามแหล่งขายมักจะเจอแต่ผู้ชายไปเดิน..จริงไหมคะ....เพราะผู้หญิงจำนวนมาก."ฝาก" เจ้าหน้าที่หน่วยคอมพิวเตอร์ในหน่วยงานช่วยดูและซื้อให้..และส่วนหนึ่งอาศัยญาติผู้ชายช่วยเลือกและแนะนำรุ่นให้
เดี๋ยวนี้เริ่มจะมีบริษัทคอมพิวเตอร์ ที่เข้าถึง เข้าใจ และใช้แนวรุก เปิดฐานการตลาดไปจัดการแสดงตามหน่วยงานมากขึ้น....โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัย
ถ้าลองเอาสองสถานะมาผนวกกัน...ระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้จำหน่าย...ประโยชน์น่าจะได้กับทั้งสองฝ่าย...แต่นี่คือฐานคิดแบบ fair game นะคะ..คือ fair-fair ว่าทางฝ่ายขายก็อยากให้ลูกค้าได้ใช้ของดีที่ตัวมีอยู่ กับฝ่ายลูกค้าอยากได้โอกาสลองใช้เครื่องดูก่อนซื้อ
น้องเลยคิดต่อไปถึงการลดค่าใช้จ่ายของการจัดสัมมนาด้วย...เพราะว่าถ้าเมื่อไหร่ยักษ์ใหญ่ทางไอทีสนใจ...และมาร่วมจัดต่อเนื่อง....เรื่องอื่นๆ เช่นค่าอาหารว่าง อาหารเบรค พวกนี้..คนจัดสัมมนาอาจจะไม่ต้องไปคิดให้ปวดหัวเลยด้วยซ้ำค่ะ...
พี่ไพศาลเขียนความต้องการจานดาวเทียมอย่างนี้แล้ว......ใครสนใจน่าจะลองติดต่อพี่ไพศาลดูนะคะ....ไม่แน่นะคะพี่..งานนี้อยากจะเป็นการจัด แสดง ไอที ที่เข้าถึงชุมชนเป็นแห่งแรกของประเทศก็ได้
น้องฝันไกลไปไหมคะ
ขอบคุณมากค่ะ ที่ช่วยบอกคำ "อินเทอร์เน็ต" ให้...แก้ไขไป 7 ที่ด้วยกัน....
หลายคนที่เข้าร่วมการสัมมนา (และไม่เข้าร่วมการสัมมนา) อาจจะสงสัยว่า แล้วทำไมไม่เดินสาย Lan เสียเลย
ความจริงคือ ห้องที่ใช้สัมมนา เป็นห้องอเนกประสงค์ ที่ฝ่ายการจัดฯ สามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุดในศักยภาพของห้อง 1 ห้องคือ
เมื่อเป็นห้องอเนกประสงค์ ทั้งบนเวทีและพื้นห้องก็เลยต้องมีการยกย้ายโต๊ะ เก้าอี้ ทำให้การเดินสาย Lan และติดตั้งลงตัวจึงเป็นเรื่องที่มองแล้วยุ่งยากกว่าการใช้ wireless
ขอบคุณอีกเช่นกันค่ะ สำหรับคำอธิบาย แนะนำ( ม. เกษตร) และทำให้ได้เรียนรู้บทเรียนสำหรับการจัดสัมมนาต่อๆไปโดยใช้ wireless ด้วยค่ะ
ยินดีต้อนรับค่ะ ขอบคุณที่แวะมาด้วยค่ะ
น่าสนใจเรื่องที่เล่ามามากค่ะ....ทั้งการเป็นบรรณาธิการอิสระ...และเรื่องของ "มืออาชีพ"
ในระดับมหาวิทยาลัย...งานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์...เท่าที่ดูๆ มักจะเป็นอาจารย์ระดับมือโปรอยู่แล้ว....
แต่ถ้าต้องจัดประชุมสัมมนาโดยใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตขึ้นมา..ปัญหาคือ เรื่องห้องสัมมนาที่ส่วนมากเกิดความจำเป็นต้องจัดทำในห้องคอมพิวเตอร์ ...ซึ่งดูแห้งแล้ง..ขาดความสัมพันธ์....
แล้วเมื่อจะจัดโดยเน้นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เครือข่าย และไปนอกสถานที่...ก็เห็นว่า น่าสนใจและท้าทายดีนะคะ....
เมื่อเป็นการจัดให้กับบุคคลทั้งที่มาจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน...ยิ่งน่าสนุกกับการคิดให้ลงตัว..เรื่องค่าใช้จ่าย ความสะดวกฯลฯ
สัมมนาลักษณะนี้..ไม่ทราบเหมือนกันว่า มีกี่คนที่เบิกค่าใช้จ่ายไม่ได้ (ดิฉันคนหนึ่งล่ะค่ะที่จะเบิกไม่ได้ เพราะหน่วยงานไม่พิจารณาค่ะ...) ..เรื่องของค่าลงทะเบียนก็จะเป็นเรื่องที่ต้องคิดแน่ๆ
ก็คิดเผื่อๆ ไปอีกหลายเรื่อง...ยิ่งคิดมันก็แตกงอกไปเรื่อยอย่างนี้แหล่ะค่ะ.....ขออภัยค่ะ
มาเยี่ยมคุณ
สวัสดีค่ะอาจารย์
ต่ออีกนิดนึง นอกเรื่องค่ะ คุยกันสบายๆ
ดิฉันเห็นน้องๆ ทำงาน freelanceกันเป็นแถว ตอนนี้ บางคนทำให้ราชการทั้งนั้น เช่น หนังสือกินรี หนังสือ....อีกหลายหน่วยงาน เขาส่งมาให้ดู
ideaคือการรับ contractทำอะไรต่ออะไร มันมากมายจริงๆ ทุกวงการเลยค่ะ การทำงานจากที่บ้าน นับวันจะมากขึ้นค่ะ
แต่การจะได้งานมากๆ ต้องอยู่ในวงการมาก่อนค่ะ และมีconnectionแล้ว ไม่ใช่จบใหม่ๆมาเริ่ม จะต้องใช้เวลาสักหน่อย และอาจโดนกดราคา
ประเด็นคือ มีอะไรต่ออะไรให้ทำมากเลยในโลกนี้ ชีวิตไม่ยากเลยนะคะ
จัดการเรื่องอินเทอร์เน็ตนอกสถานที่ได้อย่างนี้ ต้องถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้วนะครับ ขอแสดงความชื่นชมด้วย ผมเห็นด้วยที่สุดว่าควรเป็น wireless มากกว่า LAN
สำหรับเรื่องความพอเพียงของช่องสัญญาณนั้น กะล่วงหน้ายากจริงๆ ครับ
แบนด์วิธ ใช้เมื่ออ่าน GotoKnow กับเมื่อส่งบันทึก/รูปขึ้น GotoKnow ครับ แต่ระหว่างกำลังเขียนบันทึกไม่ได้ใช้
หัวบล็อกอันสวยงามได้มาจากน้องซูซาน
เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยว่า การสัมมนาที่ผ่านมาเป็นสุดยอดการจัดการ(ในทุกเรื่อง)
เรียนเรื่องผู้บริหารมากี่ตำราก็ไม่เท่าไปสัมผัสตัวจริงเสียงจริงของผู้นำ แบบอาจารย์พิชัย (แอบกล่าวถึงได้ไหม..อาจารย์จะชะแว๊บมาอ่านไหม..หนูไม่ได้ชะเลียอาจารย์นะคะ..อาจารย์พิชัย)
เรื่องการตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อนไปสัมมนานี่ พี่ว่าเข้าท่าจัง...พี่เองก็ยังไม่รู้เลยว่าเครื่องของตัวเองใช้ wireless ไม่ได้ ต้องใช้ LAN (พิมพ์ตัวใหญ่แล้วนะคะคุณ conductor) T-T
แถมยังแบกหนักไปและกลับอีก....รุ่นเก๋า ใช้ window 2000 ^__^
การคำนวณช่องสัญญาณนี่ไม่มีสูตรให้คิดเหรอคะ....อันนี้ถามเพราะไม่รู้เรื่องเลยค่ะ....นึกว่า จะมีสูตรว่า ใช้กี่เครื่องควรมีตัวปล่อยสัญญาณกี่ตัว...
ทีนี้ถ้าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหลายๆรายมาช่วยปล่อยสัญญาณหลายๆช่อง พอจะเป็นไปได้ไหมคะ
นึกว่ามันเหมือนตัดถนนซอกเล็กซอกน้อย รถมันก็คงวิ่งออกไปได้หลายช่องจราจร...
ขอบริจาคความรู้หน่อยเถอะค่ะ..ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์สร้อย
วันสัมมนาวันแรกแป๋วก็ทึ่งมากเหมือนกันค่ะว่า เรามีหรือใช้คอมพิวเตอร์โน๊ตบุค กันมากจริงๆ เพราะปกติ เราไม่ค่อยได้อยู่ในสถานการณ์ที่ทุกคนต้องหอบโน๊ตบุคมาเอง แต่งานนี้ รู้สึก อ.พิชัย ต้องจ่ายเพิ่ม ประมาณ 3 หมื่น เพื่อเพิ่มแบนด์วิธ อะไรนี่แหละค่ะ จึงทำให้เราใช้ wireless ได้ค่อนข้างมากจะว่าไปก็มากกว่า 70% นะค่ะ ประมาณจากที่ถามผู้เข้าร่วมสัมมนาว่าใครเข้าเนทได้หรือไม่ได้อ่ะค่ะ
จริงๆ เลยค่ะว่ายี่ห้อคอมพิวเตอร์น่าจะมีส่วนความสามารถในการใช้ wireless ด้วย ขนาดโน๊ตบุ๊คแป๋วเพิ่งซื้อหิ้วออกจากร้านเมื่อวันเสาร์วันอาทิตย์หอบไปเชียงใหม่ ยังเข้าเนทได้ไม่ดีเท่าของ อ.ขจิต ที่ซื้อมาตั้งนานแล้วเลยค่ะ คนละยี่ห้อค่ะ
อาจารย์ครับ อาจารย์อย่างเรียกผมว่าอาจารย์เลยครับ ผมไม่ได้สอนเพราะสงสารนักเรียน และไม่อยากรับสมอ้าง
เรื่องที่เกี่ยวกับคน เป็นเรื่องที่ไม่มีสูตรตายตัวทุกกรณีครับ ไม่มีตำราหรือวิธีการแก้ปัญหาใดที่จะทำให้ทุกคนถูกใจสบายใจได้ เพราะคนแต่ละคนแตกต่างกัน ดังนั้นงานด้านบริการจึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากเสมอ ถ้าทำดีก็เสมอตัว ถ้าพลาดแล้วผู้รับบริการไม่เข้าใจ ก็อาจจะโดนถล่มเละเทะ
ในกรณีของแบนด์วิธ เวลาไม่มีใครใช้ มันเป็นการสูญเปล่า แต่พอมีคนใช้เยอะรู้สึกว่ามีความคุ้มค่า ก็กลับเป็นการแย่งกันใช้ ความเคยชินเรื่องความเร็วของผู้คนก็ไม่เท่ากันนะครับ แต่บล๊อกเกอร์ทุกท่านคงเข้าใจอยู่แล้วว่าสถานที่จัดงาน เป็นสถานที่ชั่วคราว จะให้สะดวกพร้อมเหมือนอยู่บ้านคงไม่ได้
การใช้ผู้ให้บริการหลายราย ที่จริงแล้วกลับไม่ดีครับ เช่นถ้าคิดจะใช้สี่ราย เอาความเร็วของสี่รายมารวมกันแล้วเลือกผู้ให้บริการรายเดียวที่ความเร็วสูงขึ้นเป็นสี่เท่า ก็จะได้ราคารวมที่ถูกลงครับ เพราะว่าราคาค่าบริการไม่ได้แปรผันกับความเร็วเป็นเชิงเส้น
ถ้าสถานที่จัดมีบริการอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว การใช้อินเทอร์เน็ตจากสถานที่จัดน่าจะเป็นวิธีที่ถูกที่สุดครับ แม้จะต้องจ่ายราคาพรีเมียมเป็นกำไรของเขาบ้าง แต่ไม่น่าจะต้องเสียค่าติดตั้งวงจรชั่วคราว ซึ่งจะแพงสำหรับงานชั่วคราว โดยปกติค่าใช้จ่ายที่แพงที่สุดคือการลากสายเข้าไปยังสถานที่ครับ (ถ้ามีผู้ให้บริการสี่ราย ทำการลากสายวงจรสี่เส้น ก็จะแพงมากครับ)
เรื่องคุณภาพของผู้ให้บริการ อาจไม่ใช่ประเด็นใหญ่สำหรับกรณีนี้ เนื่องจากเราต้องการติดต่อกับ GotoKnow ซึ่งอยู่ในประเทศ และมีการเชื่อมต่อระหว่างไอเอสพีดีมาก
เห็นเครื่องของหลายคน ต่ออินเทอร์เน็ตได้ปั๊บๆ เลยเหมือนกันค่ะ แต่บางคนนั่งจ่อติดตัวปล่อยสัญญาณกลับต่อไม่ติดก็มี
ไปดูรูปแอ๊บแบ๊ว แล้วค่ะ...ขำกลิ้งอยู่คนเดียว....ตอนนั้นสนุกมากเลยนะคะ...ไม่เคยถ่ายรูปแบบหลุดๆ อย่างนี้มานาน..น....น...มากแล้ว.....บรรยากาศพาให้หัวใจละอ่อนนะคะ
พอเห็นรูปนึกถึงคำพ่อครูบาที่บอกว่าถ้าจัดสัมมนาอย่างนี้ทุกปี จะอายุยืน เลยค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ คำอธิบายทำให้เข้าใจขึ้นเยอะ..พลิกความเข้าใจ(แบบเดา) เดิมๆ ของตัวเองด้วย
แล้วเรื่องแบนด์วิธนี้ ที่บอกว่า เวลาบันทึกไม่ใช้ เวลาส่งรับข้อมูลถึงใช้....ถ้าบล็อกมีเพลง มีรูปมากก็คือใช้มาก..อย่างนั้นหรือเปล่าคะ..กับส่วนตกแต่งความสวยงามของบล็อกละคะ..กินแบนด์วิธมากไหมคะ
ขออภัยค่ะ เกิดความสงสัยอีกแล้ว....ถ้าไม่รบกวนมากกรุณาอธิบายด้วยค่ะ(เริ่มเกรงใจค่ะ)
โธ่ อาจารย์จะเกรงใจทำไมครับ ถ้าผมตอบไม่ไหวก็ไม่ตอบเองล่ะครับ
ถ้ามีรูปมากก็กินแบนด์วิธมากครับ -- อาจารย์ธวัชชัยแก้โดยการสั่งให้เบราเซอร์จำ (cache) รูปไว้ ถ้าโหลดรูปเก่าอีกทีในเวลาไม่นานนัก ก็ไม่ต้องมาดึงจาก GotoKnow ใหม่อีกที
โดยปกติถ้ามีเสียงหรือหนัง ก็จะกินทรัพยากรมหาศาลเลยครับ "เป็นการเปิดใช้ socket คาไว้เป็นเวลานาน เนื่องจากใช้เวลาในการส่งนาน ซึ่ง socket เป็นช่องทางในการรับส่งข้อมูลเข้าและออก GotoKnow ผ่านเครือข่าย เป็นทรัพยากรที่มีจำกัดและใช้ร่วมกันทุกคน" เปรียบเหมือนช่องบริการตามธนาคาร/ไปรษณีย์ครับ ถ้าช่องหนึ่งปิดไปหรือไปทำรายการนานๆ คนอื่นก็ใช้ช่องนั้นไม่ได้ และไปออกันที่ช่องอื่นที่เหลือ ทำให้คิวยาว และช้าครับ
การตกแต่งบล๊อกให้สวยงาม อาจจะช่วยสื่อความรู้/ประสบการณ์ระหว่างบล๊อกเกอร์ครับ แต่ผมคิดว่าสาระน่าจะเป็นข้อความและประเด็น ส่วนการตกแต่งนั้นเป็นสิ่งประกอบซึ่งอาจจะช่วยดึงดูดผู้อ่านครับ
การตกแต่งบล๊อกให้สวยงาม กินแบนด์วิธเพิ่มขึ้นบ้าง แต่โดยปกติก็ไม่มากครับ ยกเว้นว่ารูปมีขนาดใหญ่ผิดปกติ ที่ทีมงาน GotoKnow ที่ได้เว้นที่ไว้ให้ทำ ผมคิดว่าเหมาะสมแล้วครับ ส่วน template ของคุณซูซานเท่าที่เห็น ก็คิดเรื่องขนาดและความประหยัดมาเป็นอย่างดีแล้วครับ รูป background มีขนาดไม่ใหญ่้ และใช้ CSS ขยาย/ทำซ้ำโดยไม่เปลืองแรง GotoKnow
อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าเป็นสิทธิ์ของสมาชิกที่จะทำตามที่ตนเห็นสมควรนะครับ ประเด็นที่อยากเรียนเสนอไว้ให้พิจารณา คือทรัพยากรมีจำกัด ต้องใช้อย่างคุ้มค่า่ ความคุ้มค่านั้น ไม่ใช่การไม่ใช้ แต่ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เรื่องรูป เอาไว้ว่างๆ ผมจะลองหาวิธีลดขนาดดูครับ แล้วจะใส่ไว้ใน GotoKnow Monitor เพื่อที่เราจะได้มีความครบถ้วนของข้อความ แต่เป็นภาระแก่ GotoKnow น้อยลง
เพื่อนจ๊ะ
ได้ประโยชน์มากเลยกับเรื่อง IT ที่เกิดจากคำถามของสร้อย ทำให้เต่าแบบดิฉันต้องโผล่ออกมาร่วมวงแบบเหนียมๆ เพราะอยากขอบคุณทั้งผู้ถาม และผู้ให้ความรู้... "ขอบคุณค่ะ"
ความสามารถในการตั้งคำถามให้เกิดประโยชน์แก่การเรียนรู้นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หรอกนะ ตั้งคำถามเพื่อการเรียนรู้เผื่อแผ่ผู้คนต่อไปนะเพื่อน
อิ..อิ..ไม่บอกหรอกว่าใคร
สวัสดีค่ะคุณสร้อยที่คิดถึง...จันทรรัตน์
รักและคิดถึงนะคะ....
ขอสารภาพว่า ชอบเรียนรู้ผ่านการสนทนา อภิปราย และถาม-ตอบ แบบนี้แหละค่ะ...เพราะทำให้ข้อสงสัยหายไปและเกิดไอเดียแตกงอกความคิด...และเพิ่มความอยากเรียนรู้ต่อไปอีก....
และเมื่อท่านอนุญาตให้ถามจนกว่าท่านจะไม่ตอบเอง....ก็ขอเรียนว่า..ขอบพระคุณมากค่ะ....และท่านอื่นที่เข้ามาร่วมกันเรียนรู้ก็คงได้ สนทนากันให้ความเห็นเพิ่มเติมกัน แบบนี้ไปอีก
ชอบเหลือเกินกับคำว่า ทรัพยากรมีจำกัด ต้องใช้อย่างคุ้มค่า่ ความคุ้มค่านั้น ไม่ใช่การไม่ใช้ แต่ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ......
และมีความคิดเห็นด้วยว่าการกระจายการใช้ทรัพยากรอย่างทั่วถึงและมีกำหนดขั้นพื้นฐานไว้เป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งของการอยู่ร่วมกันในสังคม นะคะ....
ความคิดนี้เกิดเมื่อได้ฟังคำถามหนึ่งในการสัมมนาค่ะ
ระหว่างสัมมนามีคำถาม(เพื่อเอารางวัล)ว่า gotoknow ให้พื้นที่การใช้งานต่อคนเท่าไหร่....คนที่ตอบได้เป็นอาจารย์จากมหาวิทยาลัยนอร์ท เชียงใหม่ ได้รางวัลใหญ่ไปเลย....
นึกชมคนตั้งคำถามมากเลย.(ขออภัยที่จำไม่ได้ว่าเป็นคำถามของท่านใด..ผู้ใดที่จำได้กรุณาบอกให้หน่อยนะคะ) เพราะเป็นการทำให้ทุกคนที่ใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ทราบ สิทธิขั้นพื้นฐานของตัวเองและตระหนักรู้ว่าตนเองควรจะใช้ประโยชน์อย่างไรให้คุ้มค่ากับการเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ร่วมกัน
ทีนี้มีคำถามค่ะ สำหรับการใช้แบนด์วิธในการจัดการขนาดของรูปที่โหลด...เกิดความสงสัยค่ะว่า ระหว่าง การเซ็ตขนาดรูปจากกล้อง และการจัดลดรูปก่อนนำไฟล์ขึ้น พอจะช่วยลดการใช้แบนด์วิธหรือเปล่าคะ...และถือว่ามีความจำเป็นไหมคะ..และถ้าลดขนาดรูปก่อนนำไฟล์ขึ้นควรจะให้พอดีที่เท่าไหร่..
ขอบคุณค่ะ
อยากเดาจังว่าเป็นใคร....คิดว่าถ้าตั้งใจเดาคงไม่ผิดเท่าไหร่หรอก..เพราะจำกลิ่นลายมือได้เล็กน้อย..ฮ่าๆ
ขอบคุณนะคะที่มาร่วมกันคิด แถมยังหยอดยาหอมให้อีก.....ใจพองแล้วล่ะ...(เมื่อไหร่จะว่างไปกินข้าวกันฮึ..มื้อหน้าจะเลี้ยง....อิอิ...แอบอำแบบนี้จะมีใครสวมรอยไหม)
เรื่องไอที(เดียว) เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ซะแล้ว..เมื่อก่อนก็คิดว่า ใครเซ็ตเครื่องให้อย่างไรก็ใช้อย่างนั้น เวลามีปัญหาก็ตามเจ้าหน้าที่ของคณะ.มาแก้ไข......ตอนหลังก็คิดว่า...ปัญหาบางอย่างถ้าพอแก้ไขได้และทำเองบ้างก็เริ่มถามเจ้าหน้าที่และลองแก้ไขเองตามที่เขาเคยบอก...ก็ทำให้เจ้าหน้าที่เขาไม่ต้องมาเสียเวลากับปัญหาบางเรื่อง...แล้วเขาก็สามารถไปใช้เวลาพัฒนาระบบอะไรๆ ให้มันดีขึ้น..ผลดีมันก็กลับมาที่คนใช้งานนั่นแหล่ะ...เป็นวิธีเรียนไอทีแบบคนแก่ไงจ๊ะเพื่อน..ไปช้าๆ ค่อยๆไป รู้ทีละเรื่องนิดๆหน่อยๆ
กลับมาอ่านและตั้งคำถามด้วยจิ
ท่านที่เหลือ....เดี๋ยวมาคุยด้วยนะคะ...
ถูกตามตัว..ขอชะแว๊บไปก่อนคะ
ติดค้าง ติดค้าง...แปะโป้งไว้ก่อนค่ะ
เดาถูกต้องจ้า...
รีบกลับมาเฉลย..กลัวใครมาสวมรอยพาไปกินข้าวแทน
ยังหาวิธีทำตัวหนังสือในบล็อกให้เล็กลงไม่ได้เลยเนี่ย..
ผมเห็นด้วยว่าทางเลือกของ อ.พิชัย มีไม่มากครับ แถมมีแรงกดดันต่างๆ ทั้งเวลาที่กระชั้นเข้ามา จำนวนผู้ตอบรับเข้าร่วมสัมนาที่เพิ่มขึ้น สถานที่ กำหนดการ และเรื่องอื่นๆ อีกสามพันเรื่อง ...
เรื่องการบริการทางเครือข่าย เมื่อดูโดยรวมแล้ว ผมคิดว่าใช้ได้ทีเดียวครับ ความเร็วฝั่งดาวน์โหลด 2 Mbps ที่จริงผมเองก็ปากหนักไป งานยุ่งมาก เลยไม่ได้แนะเรื่องการใช้ดาวเทียมบรอดแบนด์ ซึ่งอาจจะเช่าใช้ชั่วคราวได้ในราคาไม่แพงนักครับ
ถ้าเป็นดาวเทียม เค้ามี IP ให้ไม่มาก (แต่เราเปลี่ยนไปใช้ private IP สำหรับงานได้) และก็ต้องตั้ง proxy เครื่องหนึ่งดักเอาไว้หน้า access point สำหรับบริการผู้สัมนา แล้วฝั่งการเชื่อมเข้าเครือข่าย อาจเปลี่ยนเป็นดาวน์โหลด 4 Mbps อัพโหลด 2 Mbps ได้ครับ ราคาไม่น่าจะแพงกว่างบประมาณ
มีประเด็นเสี่ยงเกี่ยวกับการใช้ดาวเทียมอยู่สองเรื่อง คือ
สำหรับการสัมนานอกสถานที่ เรื่องดาวเทียม ก็เป็นเรื่องที่น่าพิจารณาครับ เราใช้ชั่วคราวไม่กี่วัน น่าจะกดงบลงไปได้ แถมได้คุณภาพดีด้วย
อย่างไรก็ตาม ผมดีใจที่งาน KM เชียงใหม่ มีการเตรียมการล่วงหน้าเป็นอย่างดี อย่างนี้จึงเป็นการนำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ และขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จในการจัดงาน KM เชียงใหม่อีกครั้งหนึ่งครับ
สวัสดีค่ะ คุณสร้อย
ใคร่เรียนถาม อ.พิชัย ค่ะ
"ยังหาวิธีทำตัวหนังสือในบล็อกให้เล็กลงไม่ได้เลยเนี่ย.."
หมายถึงเวลาพิมพ์จาก word มาแปะ?? ส่วนมากถ้าเลือกฟร้อน Tahoma 11-12 จะกำลังดีค่ะ
ถามตรงคำตอบ...เอ๊ย..ตอบตรงคำถามไหมเอ่ย...
วันนี้ไม่ต้องไปโรงเรียนหรือคะ.....
วันเสาร์เดี๋ยวนี้ที่ทำงานคนตรึมเลยค่ะ...มีกิจกรรมด้วย สอนด้วย...ส่วนใหญ่ก็อยู่ทำงานกันค่ำๆ..บางช่วงงานเร่งๆ อยู่กันทั้งคืนก็มี....
วันนี้ก็กะจะอยู่ดึก...แต่ก็ไม่รู้ว่าได้แค่ไหน...พอ สว. ก็ไม่อยากหักโหมตัวเองค่ะ
ใช่เลยค่ะ พี่ก็ว่าดีที่สุดแล้ว....สนุกดีด้วย...อยากจะเรียกว่ามหกรรมที่อัศจรรย์...
ใครจะไปนึกเน๊อะว่า จะได้เจอbloggers ในดวงใจพร้อมๆกัน มากขนาดนี้....
น้องเตรียมพร้อมสำหรับไปออเรกอนหรือยังคะ
อ้าวคำถามของน้องซูซานเองเหรอ....ชายหนุ่มที่นั่งข้างพี่ตอนนั้นบอกว่า ผมก็อยากได้รางวัลนี้...(แต่เขาเป็นวิทยากร.เลยหมดสิทธิ์..อิอิ)
เรื่องธีม (คำเรียกหัวบล็อกหรือเปล่า??) เพิ่งรู้จากความห็นของซูซานนะเนี่ยว่า มันต้องลดรูปให้ใช้แบนด์วิธน้อยลง...ตอนเลือกก็รักพี่เสียดายน้อง...อันไหนก็สวยน่าใช้ไปหมดเลยค่ะ....ขอบคุณนะคะ
จะจัดเมื่อไหร่...บอกซาร่าและจอร์ซ..ด้วยนะคะ....อิอิ...
ขอบคุณที่แวะมาด้วยค่ะ...
ความเห็นข้างบนทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ดีกว่าตัวบันทึกซะอีก...
ยิ่งมีคนมาช่วยต่อยอดความคิด มีคำถามเพิ่ม...ก็ยิ่งทำให้เข้าใจเพิ่มขึ้น...เน๊อะ...
เมื่อกี้กลับไปอ่านไล่ลงมาทีละตอนๆ ...สร้อยก็ว่าช่วยเกลาความคิดความเข้าใจของตัวเองได้มากกว่าตอนที่เริ่มคิดเขียนบันทึกซะอีกแน๊ะ
ชอบจัง
รู้สึกดีใจและขอขอบพระคุณที่มาร่วมให้ความเห็นค่ะ
อันที่จริง คิดอยู่หลายวันก่อนจะเขียนบันทึกนี้ เพราะ
แล้วก็พบว่า
ขอเรียนว่า เป็นเช้าที่มีความสุขอีกเช้าหนึ่ง ที่ได้อ่านความเห็นที่มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่เป็นประโยชน์มากๆ ของทุกท่านค่ะ..อย่างที่คุณติ๋วบอกว่า "นับเป็นความตั้งใจเล่าของผู้ที่มา comment จริงๆ"
อยากเก็บเกี่ยวรายละเอียดของประสบการณ์การเรียนรู้มารวบรวมไว้ในบันทึกนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้...เพื่อให้เป็นบันทึกที่จะเป็นประโยชน์กับ...ทั้งตัวเองและผู้อื่นค่ะ......และคิดว่าท่านที่อ่านและไม่ได้ให้ความเห็นก็คงได้เรียนรู้ร่วมกันมากเลย...ใช่ไหมคะ....
สวัสดีค่ะ อ.สร้อย (จันทรรัตน์)
ขออนุญาตโมเมเรียกตามท่านอื่นๆ แล้วนะคะ ^ ^
ติดตามอ่านบันทึกนี้มาเรื่อยๆ ค่ะ แต่ไม่ได้ให้ความเห็นอะไรเอาไว้ เพราะจะเขียนทีไร โดนขัดจังหวะตอนอยู่ที่ทำงานเสียทุกที ก็เลยตามอ่านเอา และได้รับความรู้มากทีเดียวจากการสนทนาของหลายๆ ท่านในที่นี้
สำหรับตัวเองคิดว่างานนี้ประสบความสำเร็จมากทีเดียว แม้กระทั่งในเรื่องเน็ตที่มีผู้บ่นว่าช้า แต่ในฐานะที่พอจะเข้าใจสถานการณ์ และเข้าใจเทคโนโลยีอยู่บ้าง ต้องบอกว่าแบบนี้เรียกว่าดีมากๆ แล้วค่ะ อันนี้น่าจะเป็นเพราะทุกอย่างถูกทำขึ้นด้วยใจนะคะ ผู้จัดที่มีใจทำ ทีมงานของผู้จัดที่มีจิตบริการดีเยี่ยม และมีความเป็นทีมงาน รวมถึงทีมวิทยากรที่มาด้วยใจ พร้อมให้ความช่วยเหลือและแนะนำกัน เป็นประสบการณ์ที่แต่ละคนได้เรียนรู้และหาไม่ได้จากงานสัมมนาทั่วๆ ไปค่ะ
ขอบคุณ อ.สร้อยที่ได้สร้างบันทึกนี้เป็นที่เก็บประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีๆ ของเราอีกบันทึกหนึ่งนะคะ ^ ^
เรียกว่า มหัศจรรย์แห่งรัก จะได้ไหมคะ ^_^
พอพูดถึง จิตบริการดีเยี่ยม ก็นึกถึงเหมือนกันว่า เป็นเรื่องที่หายากในระบบราชการ(หลายๆที่) แล้วยังหายากในอีกหลายหน่วย..แม้จะเป็นหน่วยบริการต่างๆก็เถอะ...นะคะ
การฝึกให้มีจิตบริการ...ควรเริ่มจากตรงไหนอย่างไรดี และควรทำอย่างไรให้คงอยู่ได้??
เริ่มเกิดความอยากรู้แตกหน่อไปอีกแล้วค่ะ...ท่านผู้ชม
...แล้วก็เลยนึกถึงว่า วันก่อนแวะไปร้านขายส่งยักษ์ใหญ่...
ไปเจอป้ายหนึ่ง ที่ยกคำของท่านมหาตมะ คานธีมาไว้
...อ่านแล้วได้ใจความว่า....
"ลูกค้าไม่ใช่คนที่มารบกวนเวลาทำงานของเรา แต่ลูกค้าคือคนที่ให้โอกาสเราได้บริการ"
ประมาณเนี้ยะค่ะ....
ไม่รู้พอจะเข้าเค้าไหม...แฮ่ม!!
........
ขอบคุณนะคะ...
ชอบจังตรงที่บอกว่า
การมองสถานการณ์ มองปัญหาที่เกิดขึ้นและสื่อสารด้วยความเข้าใจ อย่างไม่ตำหนิซึ่งกันและกัน พร้อมจะช่วยเหลือ เรียนรู้ด้วยกัน เป็นบรรยากาศของการทำงานที่เกื้อหนุนให้เกิดการพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง
ส่วนหนึ่งที่ดีใจก็คือว่า ในหลายๆการบันทึก จะมองเห็นว่า ผู้ที่ร่วมให้ความเห็น ได้กระโดดลงเข้าร่วมในกระบวนการแสดงความเห็น
ที่ดีใจก็ตรงนี้แหล่ะว่า ตรงที่ว่า เมื่อทุกคนเห็นว่า ตนเองคือบุคคลที่มีส่วนร่วมในกระบวนการที่สำคัญ (A part of the important process) ของการขับเคลื่อนความรู้ให้พัฒนาไปได้อย่างไม่หยุดยั้ง ....จะเป็นพลังของการร่วมคิดร่วมสร้าง....แล้วเรื่องผลลัพท์ก็จะเป็นผลลัพท์ ไม่ใช่เป้าหมายเดียวของการบันทึก
อีกดีใจคือ ..เห็นความคิดเห็นของเพื่อนปรากฎในยุทธภพแล้ว......เสียงหวีดหวิวของสายลมก็ยังไม่คมเฉียบเท่าคมความคิดของท่านที่สามารถกระแทกปลุกเร้าพลังภายในของผู้คนให้อิ่มเอิบได้ถึงปานนี้....
หยดหมึกปรากฎรอยแล้ว!!! แต่เงาร่างยังเร้นลึกในหลืบบัง...ขอเพียงท่านพลิ้วผ่านมาให้ความคิด...ก็ไม่กังวลสงสัยว่าท่านอยู่ที่ใดแล้ว...เพราะเราต่างเข้าใจในภาระกิจของท่าน...คนแซ่ L
....(สำนวนลิเกไปไหม...อิอิ)
อาจารย์ครับ
ผมให้เรต G (General) ครับ
ยังไม่น่าจะถึง PG (parent guidance) หรืออาจประมาณนั้นครับ
ขอบคุณค่ะอาจารย์beeman
ขอบคุณค่ะ อาจารย์แสวง
อาจารย์จันทรรัตน์ครับ
ท่ผมให้ G เพราะ
ผมคิดเอาเองว่า
งาน KM จะประเมินในเชิงการจัดการความรู้เป็นแกนหลัก (XXX) ว่าใครรู้สึกอย่างไร คุ้มไม่คุ้ม ทั้งระดับส่วนตัว ส่วนรวม และระดับที่สูงกว่านั้น
ลึกกว่านั้นก็คือให้คนถอดใจออกมาว่า
"ใครได้ความรู้ หรือ ได้จัดการความรู้เรื่องอะไร มากน้อยแค่ไหน อะไรยังไม่รู้ หรือรู้ไม่พอฯลฯ"
ตามหลักการของ KM แบบ รูปร่างของ "ภูเขาน้ำแข็ง" ลอยน้ำที่คนชอบเอามาโชว์นะครับ
ขอโทษครับที่ทำให้สับสน
XXX คือระดับการประเมินแบบไม่มีอะไรซ่อนไว้ที่ไหน แต่ก็ยังไม่เห็น "ใจ" ของผู้เข้าร่วมครับ เป็นเพียงการประเมินเชิงประสิทธิผล ประสิทธิภาพธรรมดา อาจยังไม่รู้ร้อนรู้หนาวเท่าใดนัก
ถอดหัวใจ คือการประเมินแบบ "รู้ร้อนรู้หนาว" ที่มองในเชิงส่วนลึกๆของผู้เข้าร่าม
และต้องระวังการถามเด็กว่าอยากทำงานหรืออยากเล่น
ที่เด็กส่วนใหญ่ต้องบอกว่าอยากเล่นแน่นอน
คนจัดเส้นตื้นก็จะจัดเป็น โรงเล่น แทน โรงเรียน
แล้วผู้ปกครองที่บรรลุนิติภาวะแล้วเขาจะว่าอย่างไร เขาจะส่งลูกมาโรงเล่น นี้ไหม
นี่คือสิ่งที่ผมเห็นส่วนใหญ่ วนติดกับอยู่ตรงนี้แหละครับ
และเด็กหลายคนที่มาโรงเล่น ก็มักมีเด็กด้วยกันเป็นผู้ปกครองเสียอีก
ประมาณนั้นแหละครับ
ผมดูแล้วเหนื่อยใจครับ
ไม่ทราบจะทำอย่างไรดีครับ
อ่านแล้วได้ความคิดต่ออีกแล้วค่ะ อาจารย์แสวง