คำปณิธานส่วนบุคคล


วันนี้นั่งอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง  ในหน้า 153-154 มีตัวอย่างของการเขียนคำปณิธานส่วนบุคคลของบุคคล ๆ หนึ่ง  ที่ผู้เขียนนำมาเสนอไว้  ผมอ่านแล้ว "โดน" ใจมาก  ถึงกับต้องพิมพ์แล้วนำไปแปะไว้ในที่ ๆ มองเห็นได้ง่าย  เพื่อเตือนสติตัวเอง  หากท่านใดจะทำตามผม  ผมเชื่อว่าเจ้าของสำนักพิมพ์ที่ได้รับลิขสิทธิ์ในประเทศไทย คุณดนัย  จันทร์เจ้าฉาย  คงไม่ตามไปเก็บค่าลิขสิทธิ์แน่นอน  เพราะท่านเป็นผู้หนึ่งที่ทำธุรกิจแบบ "วิสาหกิจสังคม" เสมอมา  ลองอ่านดูคำปณิธานที่ว่านะครับ  เป็นคำปณิธานของคน ๆ หนึ่งที่ประสงค์จะรักษาสมดุลระหว่างครอบครัวกับงานอาชีพ  ดังนี้ครับ

"ฉันจะเสาะหาสมดุลระหว่างงานอาชีพกับครอบครัวดีที่สุดเท่าที่จะทำได้  เพราะทั้งสองเรื่องมีความสำคัญต่อฉัน

บ้านของฉันจะเป็นสถานที่ที่ฉันกับครอบครัว  เพื่อนพ้อง  และผู้มาเยือนสุขกายสบายใจ  ปีติ  สุขและสงบ  แต่ฉันจะไม่ละเลิกที่จะเสาะหาหนทางสรรค์สร้างสภาพแวดล้อมสะอาดเป็นระเบียบ  แต่สุขสบายในการอยู่อาศัย  ฉันจะใช้สติปัญญาในสิ่งที่เราเลือกทีจะกินอ่าน  ดูและทำในบ้าน  ฉันจะเน้นเป็นพิเศษ  สอนลูกให้รัก  เรียน  และหัวเราะ  และทำงาน  พัฒนาความสามารถพิเศษให้โดดเด่นเฉพาะตัว

ฉันให้คุณค่าสิทธิ  อิสรภาพ  และความรับผิดชอบของการปกครองระบอบประชาธิปไตย  ฉันจะเป็นพลเมืองผู้ใส่ใจ  รอบรู้เรื่องราวความเป็นไป  มีส่วนร่วมในกระบวนการทางการเมือง  เพื่อให้แน่ใจได้ว่าเสียงของฉันจักต้องมีผู้ได้ยิน  คะแนนเสียงของฉันมีน้ำหนัก

ฉันจะเป็นปัจเจกผู้เข็นตัวเองให้เดินเครื่อง  จะใช้อำนาจทุกอย่างในตัวในเชิงรุกเพื่อให้บรรลุเป้าหมายชีวิตที่ตั้งไว้  ฉันจะกระทำต่อสถานการณ์และโอกาส  แทนที่จะรอให้เป็นฝ่ายถูกกระทำ

ฉันจะรักษาตนเองให้เป็นให้เป็นไทจากสารเสพติดและนิสัยทำลายตนเอง  ฉันจะพัฒนาอุปนิสัยใหม่ที่จะปลดปล่อยฉันให้เป็นอิสระจากการตีตราและข้อจำกัดจากอดีต  ฉันจะขยายสมรรถนะและทางเลือกของตน

เงินจะเป็นทาสของฉัน  มิใช่เจ้านาย  ในเวลาอันควร  ฉันจะเสาะหาการพึ่งตนเองในเชิงการเงิน  ความอยากของฉันจะไม่ล้ำเกินความจำเป็นและรายได้ที่มี  หากไม่นับการกู้ยืมระยะยาวเพื่อซื้อบ้านและรถยนต์  ฉันจะเสาะหาหนทางที่จะดึงตนเองให้รอดพ้นหนี้สินเพื่อการบริโภค  ฉันจะใช้จ่ายน้อยกว่าที่หาได้และจะเก็บออมสม่ำเสมอ  นำเงินออมบางส่วนไปลงทุนให้งอกเงย

ยิ่งไปกว่านั้น  ฉันจะใช้เงินและความสามารถพิเศษในตัว  ปรุงชีวิตผู้อื่นให้มีความสุขมากขึ้นผ่านการดูแลช่วยเหลือและการให้ทาน"

เราสะสมข้อมูล  ความรู้  กันไว้มาก  มากจนเกินความจำเป็น  หากได้มีการนำเอาข้อมูล และความรู้นั้นไปปฏิบัติให้มากกว่าที่เป็นอยู่  รับรองได้เลยว่า  ผลลัพธ์ที่ปรารถนา  จักเกิดแน่นอน  "ปณิธานส่วนบุคคล" คือก้าวเล็ก ๆ สำหรับฝึกปฏิบัติ  เริ่มจากสิ่งที่ง่าย ๆ ก่อนสัก 5 อย่างต่อวัน  ทำสิ่งนั้น  จนท่านสามารถสั่งตัวเองให้ปฏิบัติได้ทันทีราวกับการเปิดสวิทซ์ไฟ  แล้วเพิ่มจำนวนสิ่งที่ต้องทำ  เพิ่มความยากของสิ่งที่ต้องทำ  ฝึกเช่นนี้  จนไม่มีสิ่งใดที่เป็นเรื่องยากสำหรับท่านเลยในโลกนี้  เมื่อนั้นแหละ  ท่านจะได้รู้จักกับคำว่า "อิสรภาพ"  อิสรภาพเกิด  เมื่อท่าน "เอาชนะตนเอง"

อย่าปล่อยให้ตนเอง  จมอยู่กับอดีตที่ผ่านไปแล้ว  และวิตกกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง  ทำสิ่งที่ต้องทำในปัจจุบันเดี๋ยวนี้  อดีตกับอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างที่ท่านต้องการแน่นอน

หมายเลขบันทึก: 112593เขียนเมื่อ 18 กรกฎาคม 2007 20:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 23:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เป็นปณิธาณที่holistic ดีนะคะ

การมีชีวิตที่ระลึกรู้อยู่กับปัจจุบัน ทางพุทธศาสนาถือว่าคือการเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน จำได้ว่าท่านดาไลลามะเคยกล่าวไว้ประมาณว่า มีอยู่สองวันที่เราไม่สามารถลงมือทำอะไรได้ นั่นคือ yesterday และ tomorrow

และการทำสิ่งดีๆที่ทำได้ง่ายๆก่อน เป็นเคล็ดไม่ลับที่หลายคนมองข้าม

ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆมาแบ่งปันกันค่ะ

เป็นบทความที่ดีมากๆครับ แต่ผมอยากให้เพิ่มวิธีการเขียนด้วย เพราะมีอีกหลายคนที่เขียนปณิธานไม่เป็น รวมทั้งผมด้วย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท