พระเทพฯ ทรงเน้นความสำคัญของอาหารมีผลต่อสุขภาพ

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงชี้ให้เห็นความสำคัญของอาหารและโภชนาการที่ควรได้รับอย่างเหมาะสมตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา เพื่อจะได้เติบโตขึ้นสู่วัยผู้ใหญ่ที่แข็งแรง และหากดูแลอย่างต่อเนื่องในวัยผู้ใหญ่ก็จะมีสุขภาพดีจนไปถึงวัยชรา มีสุขภาพสมบูรณ์ ไม่เป็นโรคร้ายแรง วันนี้เวลา 09.15 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เป็นองค์ประธานเปิดการประชุมวิชาการโภชนาการ’ 46 เรื่อง อาหารและโภชนาการสร้างคน ซึ่งจัดโดยคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ภายหลังศ.เกียรติคุณ นพ.อารี วัลยะเสวี ประธานคณะกรรมการจัดการประชุม กราบบังคมทูลถวายความเป็นมาของการประชุมแล้ว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดำรัสเปิดการประชุมความตอนหนึ่งว่า เด็กได้อาหารและโภชนาการที่เหมาะสมตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรง ประกอบอาชีพการงานเป็นประโยชน์ได้ และผู้ใหญ่ที่ระมัดระวังเรื่องอาหารและโภชนาการได้ถูกหลักจะมีสุขภาพดีจนถึงวัยชรา ในทางกลับกันหากเด็กได้รับอาหารไม่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ อาจจะเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย หรือเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่สมบูรณ์ เป็นโรคร้ายแรงเช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นเหตุให้ทำงานไม่ได้ เพราะต้องเสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง อันเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศ จากนั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงร่วมรับฟังปาฐกถา อารี วัลยะเสวี เรื่อง พันธุ์ข้าวเพื่อการพัฒนาสุขภาพและอุตสาหกรรม โดย ดร.สมวงษ์ ตระกูลรุ่ง ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการดีเอ็นเอเทคโนโลยี ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ศ.เกียรติคุณ นพ.อารี กล่าวว่า ปัจจุบันแม้ภาวะโภชนาการการขาดสารอาหารของไทยจะลดลง แต่กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า ยังมีเด็กอายุ 0.5 ปีขาดโปรตีนและพลังงานถึงร้อยละ 8.7 นอกจากนั้น ยังพบการขาดไอโอดีน วิตามินเอ และธาตุเหล็ก รวมทั้งพบภาวะปัญหาโภชนาเกิน หรือภาวะอ้วนในเด็กด้วย โดยจะส่งผลเสียต่อในวัยผู้ใหญ่ ดังนั้น การดูแลเรื่องอาหารและโภชนาการให้ถูกต้องเหมาะสมจำเป็นต้องมีข้อมูลด้านวิชาการที่ทันสมัย จึงได้จัดประชุมวิชาการขึ้นระหว่างวันที่ 16-18 ธันวาคมนี้ เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านอาหารและโภชนาการที่ทันสมัย เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประชุมเกิดการประสานงานร่วมมือกันในการพัฒนาด้านอาหารและโภชนาการ นำความรู้ไปปฏิบัติงานได้ถูกต้อง หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ 12/17/2003