มา Delete ความทุกข์กันเถอะ


ชีวิตมาจากธรรมชาติ ก็จำเป็นต้องใช้ธรรมชาติเยียวยา โอกาสตรงนี้ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะอยู่ในภาวะหรือสถานะใด เพียงแต่ใครจะเริ่มต้นเรียนรู้ก่อนใครเท่านั้นเอง

 มา Delete ความทุกข์กันเถอะ             คนที่ความรู้แค่หางอึ่งอย่างผม  เมื่อมาใช้คอมพิวเตอร์ก็จะเดือดร้อนคนรอบข้างไปหมด ไม่มีใครที่มาหาผมแล้วไม่โดนขอร้องให้ช่วยดูช่วยสอนช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในคอมพิวเตอร์  ก็พบว่ามีวิธีแก้ปัญหาตั้งหลายสิบหลายร้อยวิธี ขึ้นอยู่กับอาการของเครื่องที่สัมพันธ์กับกึ๋นของคนใช้ แต่มีปุ่มหนึ่งที่ท่านกูรูทางIT.แนะนำให้ผมใช้บ่อยๆคือปุ่ม Deleteกดเมื่อไหร่ได้ผลเมื่อนั้น มันกวาดต้อนสิ่งที่เราไม่ต้องการออกไปในพริบตา ก็เลยมาคิดว่า ..ถ้าความทุกข์ความเศร้าหมองในจิตใจเกิดขึ้นเมื่อไหร่  แล้วเรามีปุ่มนี้อยู่ในร่างกายที่ไหนสักแห่ง จะกดพรึดๆๆ..โละความขมขื่นไปทิ้งแม่โขง..ให้มันไหลลง ไหลลงทะเล..

           

          อีกวิธีหนึ่ง ที่ผมได้รับการแนะนำให้ใส่ใจทำเป็นประจำ  คือการ Scan ชำระขยะหรือไวรัสที่แอบแฝงอยู่ในเมนูต่างๆทิ้งออกไป ไม่อย่างนั้นเครื่องจะอืดและมีปัญหาทวีคูณได้ ก็คนไม่รู้นี่นะ..ใครแนะนำเราก็ต้องทดสอบดู  ต่อมาในภายหลังจึงได้ทราบว่ามันไม่ใช่เรื่องแค่ทดลอง แต่เป็นเรื่องที่สมควรปฏิบัติสม่ำเสมอ พอทำไปๆก็เห็นคุณงามความดีของเครื่องหมายนี้ ยามว่างก็จะ Scan เครื่องทิ้งไว้ เจ้าปุ่มนี้จะไม่งอแงเหมือนคนที่นอนข้างๆเรา ขอให้สั่งเท่านั้นแหละ จะชำระสะสางสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาออกจากโปรแกรมต่างๆของเรา

ผมนึกย้อนถึงตัวเอง ถ้าเรามีระบบ Scan อยู่ในตัว ว่างเมื่อไหร่ก็กดคำสั่งให้มันบริหารความไม่ชอบมาพากล ออกจากจิตใจของเรา นึกไปนึกมาก็ทำให้คิดทะลุไปถึงคำว่า เทคโนโลยีเพื่อชีวิตจิตใจ ระบบIT.มันจะรู้เรื่องธรรมมะธรรมโมไหมนี่ ไม่มั่นใจ เห็นทีจะต้องไปกราบเรียนถามพระอาจารย์ใหญ่            พระอาจารย์ยื่นแผ่นพับเล็กๆบางๆมาให้ แล้วบอกว่าไปทำความเข้าใจเอาเอง เรื่องนี้จะว่าผมมักง่ายกับการแก้ปัญหาก็ไม่ใช่นะ..ผมก็เลือกความสำคัญของเรื่องที่จะไปรบกวนเหมือนกัน เรื่องขี้หมูราขี้หาแห้งถามใครก็ได้ ยกตัวอย่างถ้าเป็นเรื่องที่ปั่นป่วนกับคลื่นความคิด  จะเรียนถามท่านเล่าฮูแสวง รวยสูงเนิน ถ้านะจังงังเรื่องKM. ก็เรียนถามท่านอาจารย์ประพนธ์ ผาสุกยืด

ผมเลียนแบบระบบIT. โดยจัดระบบลำดับความสำคัญของกูรูที่เราจะเข้าไปขอความรู้ความเห็น บางทีผมก็เอาไปใช้ในส่วนที่นักศึกษาร้อนวิชา มุ่งมั่นที่จะทำวิทยานิพนธ์ในหัวข้อที่มันขวางโลกจนเกินควร แนะนำก็แล้ว อธิบายจนน้ำลายเหนียวก็แล้ว สุดท้ายแนะให้เขาหอบเค้าโครงไปปรึกษากับพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญตรงกับสาขาที่โต้แย้งกัน ส่งไปให้มันรู้แล้วรู้แรดกันไปข้างหนึ่ง ไม่อย่างนั้นก็จะตะแหง่วๆอยู่เรื่อย ย้อนกลับมาเรื่องแผ่นพับที่พระอาจารย์ใหญ่มอบให้ ชื่อที่หน้าปกเขียนว่า ตายไม่มี ปิยโสภณ ชื่อลักษณะนี้น่าจะเป็นท่านผู้ทรงศีลเขียน เปิดข้างในก็รู้ว่าใช่เลย พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระศรีญาณโสภณ เปรียญธรรม9ประโยค แห่งวัดพระราม๙กาญจนาภิเษก อ่านถัดไปพบว่าท่านนั้นมีผลงานสำคัญๆมากมายจนทึ่งผสมอึ้งกิมกี่ แทบวางไม่ลง ทุกอักษรถอดรหัสได้ดีเสียกว่าเจ้าปุ่ม Delete หรือ ปุ่ม Scan เสียอีก มหัศจรรย์จริงๆ ท่านว่าไว้อย่างนี้ครับ.. ชีวิตมีการมาและการไป เราเรียกว่า พราก หรือ จาก คิดดูเถิด แม้เพียงจากไปต่างเมืองต่างถิ่นและรู้แน่ว่าอีกไม่นานจะกลับมา ก็ยังห่วงหาอาวรณ์ มิอาจจะบรรยายอะไรได้กับการจากไปไม่หวนกลับ นั่นอาจเป็นความรู้สึกของคนทั่วไป แต่ความเป็นจริงแล้วความตายอาจเป็นเพียงการปรับมิติใหม่ เพื่อให้ชีวิตอยู่ได้ในสภาวะที่ไม่ทุกข์เกินไป เหมือนการเปลี่ยนอิริยาบถจากเดินเป็นนั่ง เป็นนอน เป็นวิ่งไม่ให้จำเจ เพียงแต่เมื่อปรับแรงไปเราก็สมมุติเรียกว่า ตาย

ความตาย จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดซึ่งธรรมชาติมอบให้ เมื่อระบบธาตุขันธ์ขาดความสมดุล ธรรมชาติจะปรับให้คืนกลับสู่สภาวะเดิม และเริ่มต้นใหม่ หากยังมีพลังของกิเลศ กรรม วิบาก ผลักดันให้เริ่มต้นได้

 ในเมื่อชีวิตคือธรรมชาติ ก็น่าจะปล่อยให้ธรรมชาติเยียวยาขั้นสุดท้าย เมื่อถึงเวลานั้น ความตาย จึงเป็นชื่อของโอสถชนิดใหม่ ที่เป็นทิพย์โอสถของชีวิตจริงๆ ความจริงคนเราเมื่อถึงจุดหนึ่งก็ควรปล่อยให้ธรรมชาติเยียวยาดีกว่า มิใช่ยอมให้เทคโนโลยีมาก้าวก่ายจนเกินไป ชีวิตมาจากธรรมชาติ ก็จำเป็นต้องใช้ธรรมชาติเยียวยา โอกาสตรงนี้ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะอยู่ในภาวะหรือสถานะใด เพียงแต่ใครจะเริ่มต้นเรียนรู้ก่อนใครเท่านั้นเอง 

หมายเลขบันทึก: 73172เขียนเมื่อ 18 มกราคม 2007 00:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)
เราต้อง defrag ระบบคิดก่อนครับ จึงจะ delete ความทุกข์ได้ครับ ครูบา

เรียนท่าน ครูบา สุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ ค่ะ

   พออ่านเรื่องไวรัสกับความทุกข์ ก็นึกขึ้นได้ค่ะว่าครั้งหนึ่งคิดว่า ความทุกข์ ความคิดไม่ดีเหมือนไวรัสคอมฯ ที่คอยดึงหน่วยความจำไปใช้งาน นานๆเข้าก็กลายเป็นความจำเสีย ก็เหมือนคนถ้าจะป้องกันอัลไซเมอร์ก็ต้องไม่เก็บความทุกข์ความโกรธต่างๆไว้นานนัก ตั้งโปรแกรมฆ่าไวรัสแต่ไม่ใช้ ก็เหมือนคนคาบคัมภีร์แต่ไม่นำมาปฏิบัติ แต่ถ้ากลัวไวรัสจนไปติดตั้งตัวฆ่าไวรัสหลายๆตัว เครื่องก็ช้าเหมือนกันค่ะ ก็ทำนองเดียวกับคนที่กลัวทุกข์มากก็อาจจะกลายเป็นคนติดสุขจนปฏิเสธหลักความจริง เกิดแก่เจ็บตาย แล้วก็มัวไปเสาะหาโอสถวิเศษเพื่อรักษาไม่ให้แก่ไม่ให้ตาย ไม่ได้ใช้สมองให้เกิดอานิสงค์กับสังคม

   พอดี พอประมาณ ไปตามธรรมชาติการใช้งานค่ะ มีไวรัสไว้เตือนว่าลืมอัพเกรด มีทุกข์ไว้เตือนใจให้รู้ธรรม ก็ดีเหมือนกันนะคะ ใครคิดได้ก่อนลงมือก่อนก็ได้ประโยชน์ก่อนถูกdelete ด้วยการตายนะคะ

ปล. ขออนุญาตเย้าครูบาได้ไหมคะ...ว่า การdelete น่ะ เครื่องยังจะเก็บไว้ใน recycle bin นะคะ ...และเผลอๆยังมี back up ซะอีก....

ขอบคุณอาจารย์จันทรรัตน์

   ที่กรุณา

  • เป็นพี่เลี้ยง
  • เป็นตัวช่วยกำจัดจุดอ่อน
  • เป็นผู้เติมความสมบูรณ์ให้พื้นที่บล็อกไม่เป็นของโหล แต่เป็นพื้นที่โชว์วิธีการต่อแต้มความรู้

 มาลงขันความรู้ ดีกว่าที่จะเก็บไว้เฉยๆ เอาออกมาให้คนนอื่นได้ใช้ประโยชน์ด้วย เป็นทานบารมี ผมเหมือนตาบอดมีคนจูง ถ้าใครไม่มาจูงก็จะเดินเปะปะไปอย่างเชื่องช้า ถ้าเมตตาดูแลกันก็พอจะเห็นหลังเขาไวๆ อย่างหน่อยเห็นไฟท้ายก้ยังดี จะได้สบายใจว่าไม่หลงทาง

ขอบคุณและชื่นชมบทบาทผู้พิทักษ์ความเรียบร้อยบล็อกของอาจารย์มาก ผมติดตามอ่านที่อาจารย์สะท้อนคิดในทุกที่ๆตามอ่านได้ ชอบมากครับ 

 ตรงท้ายนี่โดนใจมาก

ขออนุญาตเอาไปขายต่อในที่อื่น นะครับ

ปล. ขออนุญาตเย้าครูบาได้ไหมคะ...ว่า การdelete น่ะ เครื่องยังจะเก็บไว้ใน recycle bin นะคะ ...และเผลอๆยังมี back up ซะอีก....

ท่าน ครูบา สุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์

วันนี้ได้อ่านเรื่องเตือนสติก่อนทำงาน ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ท่านได้นำมาเพื่อ ลปรร.  แต่ตัวเองอยู่ระหว่างเริ่มเรียนรู้ และเริ่มฝึกปฏิบัติ  ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็ยังดีใจที่วได้เริ่มต้น ดีกว่าไม่มีการเริ่ม ใช่ไหมคะ

ชอบประโยคนี้ค่ะ ทำให้เห็นถึงเรื่องความตายได้ดีขึ้น (และทุกข์น้อยลง...คิดเอง)

ความตาย จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดซึ่งธรรมชาติมอบให้ เมื่อระบบธาตุขันธ์ขาดความสมดุล ธรรมชาติจะปรับให้คืนกลับสู่สภาวะเดิม และเริ่มต้นใหม่ หากยังมีพลังของกิเลศ กรรม วิบาก ผลักดันให้เริ่มต้นได้

ขอบคุณท่านครูบามากค่ะ

โอโฮ้...ครูบาคะ  เปิดหน้านี้  ได้ฟังเพลงเพราะด้วยคะ และ บล็อกดูสดใส คะ ...ครูบา นี่ มีที่ปรึกษาเยอะจริงๆ

สงสัย ต้องตามอย่าง ครูบา บ้างคะ

 

 " ความตาย จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดซึ่งธรรมชาติมอบให้"

ความตาย เป็นเพื่อนเราใช่มั้ยคะ ครูบา 

โห..ครูบารู้ตัวไหมคะว่า ครูบาเป็นคนปากหวานมากๆๆๆ อ่านที่ครูบาชมแล้วปลื้มมาก ...เป็นความปลื้มของศิษย์ที่ครูชมค่ะ...ก็ดิฉันแอบลงทะเบียนเป็นนักเรียนในวิชาของครูบาและอาจารย์แสวงอยู่นะคะ ...กำลังอยู่ในระดับประถมด้วยค่ะ...แอบทำตัวเป็นลูกศิษย์หัวแข็งไม่ยอมลาออก..เรียนไปเรื่อยๆ ด้วยซิคะ

P

ตอบ เรื่องความตาย หาคนอธิบายชัดๆได้ยาก เมื่อสัก 4-5 เดือนที่ผ่านมา ทีมงานที่ทำเรื่องอยู่กับคนไข้วาระสุดท้ายโรงพยาบาลรามามาเยี่ยม เราได้คุยกันเรื่องนี้เยอะมาก แต่ก็ไม่ชัดเท่าที่ได้จากแผ่นพับที่นำมาเล่า

ดีใจที่อาจารย์ชอบ ขอให้มีความสุขในการอ่าน-เขียนบล็อกนะครับ

P
ดอกแก้ว เมื่อ

ตอบ  ความตายเป็นอะไรก็ได้ ตามที่เราจะกำหนด

บางคนตายตั้งแต่ยังไม่ตาย บางคนตายไปแล้วก็ยังเหมือนไม่ตาย

อยู่กับเด็ก อยู่กับธรรมชาติ สบายๆอยู่แล้ว จะเข้าใจเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยกับธรรมะ ธรรมชาติ

ขอให้ร่าเริง ตลอดชีวิต

P

เรียนท่านอาจารย์ จันทรรัตน์

   ถ้าชาวบล็อกอ่าน แล้วช่วยกันไต่ระดับความรู้เข้าหากัน อานุภาพของบล็อกก็จะเปล่งประกายให้เห็นว่าเป็นเหมือนเครื่องATM. ที่เรามาฝาก มากด เอาความรู้ออกไปใช้ได้สะดวก บล็อกจะเป็นที่..

  1. ฝากความรู้
  2. ฝากการบ้าน
  3. ฝากความเห็น
  4. ฝากความคิด
  5. ฝากข้อแนะนำ
  6. ฝากข้อฉุกคิด

  ดอกเบี้ยหรือครับ

  • จ่ายเป็นรอยยิ้ม
  • ความชื่นใจ
  • ความสบายใจ
  • ความระลึกถึง
  • ความเป็นเครือญาต

 เรามีจ่ายให้ไม่อั้น! ดอกเบี้ยความดีฝากอาจารย์ทำบัญชีจ่ายได้ไหมครับ ดูท่าทางอาจารย์จะอารมณ์ดี มีความหวังดีเผื่อแผ่ไปทั้งโลก โลกของอาจารย์เป็นโลกแห่งความปกติสุข สงบ สง่างาม เรียบง่าย

การพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักย่อมเป็นทุกข์ และการประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์เช่นเดียวกัน ส่วนจะทุกข์มากทุกข์น้อย ก็อยู่ที่ภูมิธรรม ภูมิประสบการณ์ของแต่ละคน สำหรับหนูเดินหน้าแล้วถอยหลังสักก้าวเพื่อกลับมามอง เพื่อทบทวน ก็น่าจะดี

คนที่ไม่ตายแต่เหมือนว่าได้ตายไปแล้ว ธรรมชาติจะช่วยเขาได้ ถ้าเขาไม่ลืมว่า ทุกลมหายใจที่เขาสูดดมเข้าไปมีที่มาเชื่อมโยงสัมพันธ์กับอะไร โลกของสรรพสิ่งที่อิงธรรมชาติ จะมีความหมายอย่างแท้จริง ก็ด้วยสำนึก รักตนเอง รักพี่น้อง รักพ่อแม่ รักคนร่วมโลก รักธรรมชาติ รักเต๋า

  • มาช้าอีกแล้วครับ มัวแต่เช็คตารางทำงานอยู่ จะ delate ความทุกข์ทิ้งครับครูบา
  • ขอบคุณมากครับ
  • ต้อง shift+delete ด้วยค่ะ มันจะได้ลบเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่ใน recycle bin
  • แต่ความทุกข์ของเรายังไงก็ยังคงอยู่น่ะสิค่ะ ทำยังไงดี

 

Wannaporn เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 13:17

ตอบ ครับ ตอบ

แต่ความทุกข์ของเรายังไงก็ยังคงอยู่น่ะสิค่ะ ทำยังไงดี 

ข้อนี้จนมุมที่จะตอบ แสดงว่าความทุกข์นี่ลบยังไงก็ไม่ออก มันอาจจะเป็นธรรมชาติมั๊ง

ทุกข์มากคือสุขน้อย ทุกข์น้อยคือสุขมาก

ก็ลองนึกดูเถิดถ้าไม่มีทุกข์ เราจะเอาอะไรไปชี้วัดความสุขได้

เอาอย่างนี้ดีไหมWannaporn

  • เรียนรู้วิธีที่จะอยู่กับความทุกข์
  • ทุกข์ให้มันเข็ดขยาดดูสักตั้ง!
  • มันจะสักเท่าไหร่เชียว
  • แค่ยิ้มให้..ทุกข์มันก็โกยอ้าว! ไปแล้ว
  • ไม่เชื่อลองยิ้มหวานดูสิครับ
  • แล้วจะได้คำตอบ ว่า
  • ทุกข์มันเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว!! เราเคยเห็นนี่หน่า..
  • บางคนยิ้มทั้งน้ำตา..แปลว่าอะไร
  • ถ้ามันไม่ใช่พี่น้องกัน
  • ทุกข์กับสุขมันนอนกอดกันทุกคืน

เรียนครูบาครับ นานๆจะมีคนเขียนบทความที่เกี่ยวกับความทุกข์กับความตาย แล้วทำให้คนอ่านอมยิ้มได้นะครับผม
ขอบคุณครับ

ขออนุญาต เอาบันทึกนี้ไปไว้ใน รวมบันทึก ของผม ที่นี่ นะครับ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท