ไม้ขีดไฟแสดงธรรม


ไม้ขีดเพียง 5 ก้านนี้ กลับแสดงให้เห็นชีวิตทั้งชีวิต ที่มีความจริงของชีวิตนั้น...ซ่อนอยู่

         

 

 

          มีรูปใหม่อีกรูป ให้ดูครับ

        บอกไว้ก่อนว่า เจตนาของผมให้ท่านได้

        ฝึกดู ฝึกคิด ฝึกเขียน

        ใหม่ๆผมอาสา คิดนำ เขียนนำ เล่านำเปิดทางไปก่อน...
          

         เมื่อเห็นว่าท่านเข้าใจแนวทางดีแล้ว       

         อาจลงรูปเฉยๆ แล้วให้แสดงความเห็นเองครับ

<p> </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p>              รูปนี้ท่านเห็นอะไรบ้าง?              </p><p>              (บรรยายสิ่งที่ท่านเห็นออกมาให้หมด) </p><p>             ……………………………………………               </p><p>             เห็นแล้ว นึกถึง หรือ รู้สึก อะไรขึ้นมาบ้าง?</p><p>
              (แล้วหลับตาลง ปล่อยให้การรับรู้ทำงาน)    </p><p>              ……………………………………………               </p><p>              ทำไม ถึงนึกหรือรู้สึกอย่างนั้น? </p><p>              (จะตอบคำถามนี้ ต้องยกสิ่งที่เห็นในภาพ มาประกอบเหตุผล)               </p><p>              ………………………………………

             ไม้ขีดเพียง 5 ก้าน              </p><p>             ตั้งอยู่บนโต๊ะสีขาวนวล  </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">             ชวนให้ท่านดู ชวนให้ท่านคิด</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p>             หากไม้ขีดเป็นเพียงไม้ขีด              </p><p>             หน้าที่ของมัน คงใช้แค่จุดไฟ</p><p>             ให้ไปไหม้สิ่งอื่น…แล้วก็ดับตัวเองไป</p><p>             กลายเป็นสิ่งไร้ค่า กลายเป็นขยะที่ถูกทิ้งไป</p><p>             ไม่มีคุณแก่ใครเลย</p><p></p><p></p><p></p><p></p><p>            แต่ไม้ขีดเพียง 5 ก้านนี้ กลับแสดงให้เห็นชีวิตทั้ง</p><p>ชีวิต ที่มีความจริงของชีวิตนั้น…ซ่อนอยู่</p><p>           </p><p>           เชิญคุณดู…  </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">           ไม้ขีดก้านแรก ตั้งตัวตรง </p><p>           สีของก้านดูใหม่ สดใสและแข็งแรง</p><p>           หัวของไม้ขีด ถูกหุ้มด้วยสีแดงสดใส</p><p></p><p></p><p></p><p></p><p></p><p></p><p>           ไม้ขีดก้านที่ 2 ถูกจุดขึ้นแล้ว</p><p>           เปลวไฟลุกไหม้ ส่องความสว่างออกมา </p><p>           เท่าที่ไม้ขีดก้านหนึ่งจะทำได้</p><p>           เป็นพลังแห่งชีวิต ที่ส่องสว่างเปล่งเป็นแสงออกมา </p><p>           ส่องให้เห็นตนเอง และส่องให้ทางแก่ผู้อื่น              </p><p>           ก้านยังตั้งตัวตรงได้อยู่…</p><p>           มีแต่รอยไหม้ดำเท่านั้น</p><p>           ที่ปรากฏให้เห็นบริเวณส่วนหัว              </p><p>           สีแดงสดใส…หายไปแล้ว</p><p>           เพราะสีดำมืดมัว เกิดขึ้นมาทดแทน</p><p>  </p><p></p><p></p><p></p><p></p><p>           ไม้ขีดก้านที่ 3 ไฟดับไปแล้ว</p><p>           ก้านที่ตั้งตรงอยู่ได้นั้น เริ่มมีร่องรอยแห่งความทุกข์ปรากฏ</p><p>           ลำตัวของก้านไม้ขีดแหว่งไปเล็กน้อย</p><p>           แต่ตรงส่วนหัวนั้น รอยไหม้ดำลุกลามลงมามากกว่าเดิม     </p><p>          </p><p>           ไม้ขีดก้านที่ 4 รอยดำไหม้เป็นทางลงมามากขึ้น              </p><p>           ลงมาเกือบถึงครึ่งหนึ่งของความยาวของก้าน</p><p>           และอำนาจแห่งไฟที่เคยให้คุณ ให้แสงสว่าง</p><p>           กลับเป็นเหตุใหม่ที่ทำลายผิวของก้านให้กร่อนไป </p><p>              </p><p>           และสุดท้าย ไม้ขีดก้านที่ 5 </p><p>           ไม่สามารถตั้งตัวให้ตรงต่อไปอีกได้</p><p>           ลำตัวของก้านไม้ขีดเริ่มโค้งงอลง… งอลงมา</p><p>           บางส่วนของก้านเริ่มซูบซีดและผอมเรียว </p><p>           บางส่วนของก้าน เริ่มทนไม่ไหว…ปริแยกแตกออกมา</p><p>           และรอยไหม้ดำน่าเกลียดนั้นลุกลามลงมามากขึ้น</p><p>           ความสดใสและความมีชีวิต เริ่มจากไปแล้ว…</p><p></p><p></p><p></p><p></p><p></p><p></p><p></p><p></p><p></p><p>           คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง กับภาพนี้?</p><p>           ลองบรรยายให้ผมฟังหน่อย</p><p>           และช่วยกันตั้งชื่อภาพตามจินตนาการของคุณ</p><p></p><p></p><p></p><p></p><p></p><p>           แล้วบอกผมหน่อยว่า </p><p>           ธรรมที่ไม้ขีดไฟแสดงให้ดูนั้น คืออะไร?  </p>

หมายเลขบันทึก: 73411เขียนเมื่อ 19 มกราคม 2007 11:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (65)
  • ผมมองดูเป็นเรื่อง  เกิด แก่ เจ็บ ตาย
  • ทุกๆคนต้องพบ ชีวิตไม่เที่ยงครับอาจารย์
  • ขอบคุณมากครับ
เพ่งมาที่ตัวเองครับอาจารย์...ตอนนี้เห็นตนเองกำลังมาถึงไม้ขีดหัวแดง แต่ยังไม่ลุกโชติช่วง แต่บางครั้งอาจจะผ่านการลุกแบบโชติช่วงมาแล้ว และอาจจะลุกโชติช่วงอีกสักครั้งก็ได้ และคนเราอาจจะลัดวงจรไปไม้ขีดหัวโง้ม(ที่ถูกเผาแล้ว)เลยก็ได้

โอ้โฮ้! ต้องยกให้คุณขจิตกามนิตหนุ่ม

ที่รวดเร็วสม สมญานามที่ผมตั้งให้จริงๆ

ผมโพสแล้วแต่ยังแก้ไขรูปแบบบันทึกอยู่เลย

มีคอมเม้นท์ของคุณขจิตและอ.ศักราชเข้ามาแล้ว

ความทุกข์ของชีวิต คือเกิดแก่เจ็บตาย

ดูรูปแล้วซึม ไม้ขีดแสดงธรรมได้ชัดเจนจริงๆ

ขอตั้งชื่อว่า"เกิด แก่ เจ็บ ตาย" ครับ

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ครับ

เกิดความรู้สึกเห็นสภาวะที่แสดงและเปรียบเทียบกับชีวิตที่ชัดเจนครับ  

ดิฉันรู้สึกว่า  ไม้ขีดแต่ละก้านกำลังปฏิบัติภาระกิจ

ของตัวเองอย่างเต็มกำลัง  ไหม้ไปเรื่อยๆๆ

ตัวไม้ขีดที่ไม่ถูกจุด  ก็รอคะ ว่า เมื่อไหร่ จะได้

ปฏิบัติภาระกิจ อันสูงส่ง ดังเช่น ผู้มาก่อน

ส่วนผู้มาก่อน แม้จะไหม้ไปแล้ว  ก็ยังทิ้งอนุสรณ์เอาไว้

เพื่อเตือนใจ ........

       ขอสมัครเป็นลูกศิษย์อาจารย์ด้วยนะคะ......
 

อยากตั้งชื่อว่า "เกิดดับ"ค่ะ

  คิดถึงการสื่อว่า  กิเลส ในใจเราค่ะ

  • ไม้ขีดก้านแรกคือกิเลสที่เรามีอยู่ คือมีเชื้อไฟอยู่แต่ยังค้นไม่พบ ยังละไม่ได้
  • ไม้ขีดก้านที่สอง คือกิเลสที่เราค้นพบแล้วแล้วกำลังเพียรพยายามสู้กิเลสนั้นอยู่ค่ะ ยังละไม่สำเร็จ
  • ก้านที่สาม กิเลสที่เราละได้แล้วค่อนข้างง่ายใช้เวลาไม่นาน
  • ก้านที่สี่ ยากขึ้นมาอีกแต่ก็เพียรละได้สำเร็จแล้ว
  • ก้านที่ห้า แม้จะยากเย็นแสนเข็ญแต่สุดท้าย มีความเพียรอย่างมากก็ละกิเลสตัวนี้จนได้

๑. เห็นอะไร

  • เปลวไฟ

 

  • สีแดงของหัวไม้ขีด

 

  • ความขาว สงบ สะอาด  ขององค์ประกอบรวมของภาพ

 

  • กลุ่มไม้ขีดด้านขวาที่ค่อย ๆ ดำและเสื่อมสลายลง

 

  • ทุกโคนไม้ขีดมีรอยสีขาว  ๆ คาดว่าเป็นกาวที่ใช้ยึด

 

๒. นึกถึงอะไร

  • ลำดับและความเป็นไปของชีวิตมนุษย์

 

  • ความคิดสร้างสรรค์ของผู้สร้างงานชิ้นนี้

 

  • กระบวนการถ่ายทำ การจัดแสง

 

  • วัตถุประสงค์ของงานศิลปะชิ้นนี้  ว่าเขาทำไปเพื่ออะไร  ในโอกาสใด  ใครเป็นกลุ่มเป้าหมาย  และโจทย์แรกของผู้สร้างงานชิ้นนี้คืออะไร

 

  • ผู้สร้างงานชิ้นนี้อายุเท่าไหร่  เคยมีประสบการณ์ปฏิบัติธรรมหรือไม่

 

  • คิดว่าอาจารย์ถ่ายภาพนี้เองหรือเปล่า

 

  • ถ้าไม่  อาจารย์ไปได้ภาพนี้มาจากคอลเลคชั่นไหน

 

  • อาจารย์ใช้ web hosting ไหนในการเก็บภาพแล้วทำลิ้งค์มา (ตอนหลังเลยใช้ right-mouse click หาคำตอบเองไปแล้ว)

 

๓.  เพราะเหตุใด

  • สำหรับเรื่องลำดับชีวิตมนุษย์  คิดว่าภาพน่าจะเป็นอะไรที่ self-explanatory อยู่แล้ว  เพราะเห็นการ "เปลี่ยนแปลง" จากความใหม่ ไปจนจุดที่ได้ "ใช้งาน ใช้ประโชน์" เต็มที่  จนถึงจุดเสื่อมสลายไป

 

  • สำหรับความคิดเรื่องอื่น ๆ  น่าจะเป็นเพราะพื้นฐานจริตเดิมเคยทำงานด้านนี้  และมีความสนใจด้านนี้  ความคิดจึงเกี่ยวข้องไปในทางที่ "คุ้นเคย"

 

  • นิสัยเดิม  เป็นผู้ชอบแสวงหาคำตอบที่นอกเหนือไปจากโจทย์  beyond สิ่งที่มองเห็นด้วยตาเปล่า  ซึ่งในที่นี่ ส่วนหนึ่งคือเบื้องหลังการถ่ายทำ  แต่ที่สำคัญที่สุด  คือสมองของผู้สร้างงาน  และถ้าสาวไปถึงเหตุหลักก่อนหน้า  ก็น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาสร้างงานชิ้นนี้ขึ้น 

 

  • ที่คิดไกลไปถึงนั้น  เพราะบางครั้ง  (ไม่ใช่กรณีนี้)  ก็อาจจะทำให้เราตอบได้ด้วยว่า  งานนี้ตอบโจทย์นั้นหรือไม่

 

  • นอกจากนี้  คิดว่า  การที่ได้รู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับผู้สร้างผลงานและหรือสภาพแวดล้อมในขณะที่เขาสร้างงานนั้น  "อาจ" จะทำให้สามารถ appreciate ผลงานเขาได้มากขึ้น และ/หรือ เข้าใจงานเขาได้มากขึ้นด้วย  เช่น

 

  • ถ้าเขาอายุยังน้อย  เราก็อาจจะยิ่งทึ่งมาก  ถ้าเขาผ่านการปฏิบัติธรรมแล้ว  เราก็อาจจะบอกว่า "มิน่าเล่า....."  หรือถ้าเขาเพิ่งเจอทุกข์ครั้งใหญ่ในชีวิต  เราก็อาจจะยิ่งเห็นอกเห็นใจ ฯลฯ

 

  • ในขณะเดียวกัน  ถ้านี่เป็นเพียงภาพประกอบ annual report ของบริษัทมหาชน ที่ผลิต บุหรี่และไม้ขีดแห่งหนึ่ง  ที่ "บังเอิญ" ช่างภาพ  ต้องการทำอะไรให้มันดูเป็นศิลปะมากขึ้น เราก็อาจมีปฏิกริยาไปอีกแบบก็ได้

 

๔.  ชื่อภาพ

                   "ไหม้"

เหตุผล:

  • ภาพนี้จุดดึงดูดสายตาแรกอยู่ที่เปลวเพลิงค่ะ 

 

  • และเปลวเพลิงก็เป็นตัวเร่งปฏิกริยาทำให้เกิดอาการมอดและเสื่อมโค้งงอไปดังที่เห็น

 

  • ถ้าไม่มีการไหม้เกิดขึ้น  ก็คงไม่มีการนำเสนอภาพนี้ได้ภายในเฟรมนี้ให้เข้าใจถึงความเสื่อมนั้น  คือคงต้องรอให้ไม้ขีดมันหมดสภาพงอหงิกไปเอง  คงเป็นหลายสิบปี

 

  • คำว่าไหม้ยังสื่อถึง ไฟกิเลสที่เผาไหม้ในใจมนุษย์ได้ด้วยอีกค่ะ 

 

  • และไฟกิเลสนี้แหละ  เป็นตัวนำกลับมาเกิด  แก่เจ็บ ตาย ใหม่ อีก ไม่รู้จบสิ้น

 

  • ดังที่ท่านกล่าวไว้ว่า  "ไฟใดเสมอด้วยไฟกิเลสนั้น ไม่มี" ฉะนี้แล

 

  • เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

 

สวัสดีค่ะ,

ณัชร

ป.ล. เพิ่มเหตุผลสำหรับชื่อภาพ "ไหม้"  อีกค่ะว่า   ส่วนตัวคิดว่า   ภาพที่ดูเป็นศิลปะแนวสะอาด ๆ ขาว ๆ minimalist มาก ๆ อย่างนี้น่าจะชื่อสั้น  ๆ ตัวเดียว แรง  ๆ กระชากใจ และสื่อได้หลายความหมาย ให้คนอ่านไปตีความเอาเอง

อารมณ์ประมาณ post-modern น่ะค่ะ (สงสัยทำรายงานมากไปหน่อยแล้วหนูพักหลัง แหะ ๆ)

  • อ.ขจิตและ คุณนิรนาม บอก เกิด แก่ เจ็บ ตาย ผมเห็นด้วย
  • ส่วน อ.ศักราช นั้น ดูหนังดูละครแล้ว เพ่งตนเอง ว่ายังสดใสอยู่วัยฉกรรจ์ มีพลังอยู่ ผมเห็นด้วยบางส่วน...แต่หลงตนเองคิดว่าหนุ่มหรือปล่าว? เย้าเล่นนะ
  • คุณKmsabai นั้นเล่า บอกลักษณะของชีวิต อนิจจัง ทุกขังและอนัตตา อันเป็นสามัญลักษณะของชีวิต ผมก็ดันเห็นด้วยอีก

          สรุปว่าเห็นคล้อยตามกันครับ

  • คุณดอกแก้วครับ ยินดีรับเป็นศิษย์ ว่าแต่ไม่กลัวจะมีอาจารย์แก่...ขี้บ่น...จุกจิก เพิ่มขึ้นหรือครับ

          แง่คิดคือทุกชีวิตล้วนเกิดมาเพื่อประกอบกรรม

          ทั้งที่ทำแล้วและยังไม่ได้ทำ(ธรรม)

           ผมเห็นด้วยอีกแล้ว

  • สวัสดีคุณหมอ หวังว่าคงสนุกกับการเขียนบล็อกชีวิตหมอ
  • อาจารย์ชอบใจในมุมมอง ชื่อ เกิด-ดับ เปรียบไม้ขีดแต่ละก้านเป็นผู้ปฏิบัติธรรมพยายามละกิเลส ต้องใช้ความวิริยะ พากเพียร จนเป็น   "อาตาปี" คือ ตบะเดชะที่เผาไหม้กิเลส

          เอาจนโยคีกรอบเกรียมเลยเนาะ

เห็นเป็นกรรมค่ะ อาจารย์

การทำกรรมใดๆ ก็ย่อมได้รับผลกรรมนั้น

คือถ้าปล่อยตัวให้ลุกไหม้ด้วยกิเลสก็มีแต่ทำลายตัวเอง

เหมือนอย่างไม้ขีดที่ติดไฟ ค่ะ ยิ่งลุกโชนก็ยิ่งเผาเนื้อตัวเอง อย่างก้านที่ 3 4 5 นับจากซ้ายค่ะ

ชอบทุกความเห็นข้างบนด้วยค่ะ

ขอมาออกความเห็นด้วยคนนะคะ

รู้ตัวไม่ค่อยมีความสามารถนักเลยไม่ค่อยกล้าออกความเห็นอะไรมากนัก  หวังว่าอาจารย์คงจะให้อภัยในความด้อยปัญญาของศิษย์วัดห้วยส้มคนนี้สักคนนะคะแห่ะๆ

ในความรู้สึกที่เห็นครั้งแรกมองผาดๆสิ่งที่รู้สึกเกิดขึ้นทันทีมองจากขวาไปซ้าย

เกิดความรู้สึกว่าก้านทุกก้านต่อเนื่องกันก้านแรกก่อให้เกิดก้านที่2และเป็นจุดต่อเนื่องไปยังก้านที่3และ4และ5  ประกายไฟที่เกิดจากก้านแรกต่อไปยังก้านต่อๆไป

ทำให้คิดเปรียบเทียบได้กับสิ่งหลายๆอย่าง

ก็คือเหตุทำให้เกิดผลต่างๆตามมาต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆไม่ว่าจะเป็นการกระทำใดๆ

สิ่งดีและไม่ดีล้วนเกิดจากเหตุแรกหากไม่ระงับก็เกิดต่อๆไปอย่างต่อเนื่องทั้งทางดีและไม่ดี

นึกถึงที่อาจารย์เคยสอนในเรื่อง  ทุกข์   สมุทัย   นิโรธ และมรรค

ทำให้รู้สึกว่าวัฎสงสารก็เช่นเดียวกันเกิดจากกรรมที่เกิดต่อเนื่องโดยไม่ขาดสายเหมือนกับก้านไม้ขีดที่เผาต่อกันไปเรื่อยๆหากไม่มีการดับคิอการดับก้านไม้ขีดก็จะไม่หยุดติลงได้

และยังใช้ได้กับการเกิดดับความรู้สึกในใจอีกเป็นต้นว่าขณะนี้เราเกิดความรู้สึกอะไรถูกกระทำอะไรในตอนนี้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคืออะไรเลยทำสิ่งที่แสดงความโกรธอันเป็นผลต่อเนื่องออกมาทำร้ายร่างกายคนอื่นหรือทำลายข้าวของผลคือเป็นเรื่องราวใหญ่โตหรือข้าวของเสียหาย

หากได้ระงับลงก่อนก็จะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้

ง่าหนูเรียบเรียงและอธิบายไม่ค่อยเก่งเลยค่ะไม่ทราบว่าจะสามารถสื่อออกมาได้ดีหรือเปล่านะคะ

ที่จริงอยากพูดอีกมากกว่านี้ค่ะเพราะรู้สึกว่ามันได้ก่ออะไรได้กว้างมากแต่กลัวว่าจะยาวไปน่ะค่ะแห่ะๆ

สวัสดีอีกทีค่ะ อาจารย์,

 

ว่าจะเข้ามาเสริมว่า บริบทของการดูภาพและคิดตามแต่ละครั้งก็มีความหมาย  หรือมีผลเหมือนกันนะคะอาจารย์ 

 

ในแง่ที่จะทำให้ "ไม้ขีดไฟ" ของอาจารย์ "แสดงธรรม" ออกมาอย่างไรบ้างน่ะค่ะ

 

หนูคิดอย่างนี้เนื่องจากว่า  สภาพแวดล้อมของแต่ละท่านในการ "รับฟังธรรม" จากไม้ขีดของอาจารย์ก็ย่อมจะแตกต่างกันด้วย

 

นอกเหนือจากประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่าง

 

และมุมมองที่แตกต่างน่ะนะคะ

 

คนคนเดียวกลับมามองใหม่  ก็ยังได้อะไรที่ต่างออกไปเรื่อย ๆ เลยค่ะ

 

ว่าแล้วก็แสดงการทดลองยกตัวอย่างประกอบ

 

ด้วยการเชิญชวนให้ท่านที่เข้ามาชมภาพรอบแรกแล้วนี่แหละ  ลองชมอีกรอบหนึ่ง

 

คราวนี้  ลองชมโดยเปลี่ยนสภาพแวดล้อมดู

 

ดูซิว่าจะมีมุมมองเปลี่ยนไหม  หรือมีอะไรเพิ่มไหม

 

ถ้าขี้เกียจเปลี่ยน  ก็อาจจะลองแค่คลิกตรงนี้

http://midistudio.com/midi/Mel_Webb/Sumrtime.mid


แล้วลด minmize  ขนาด media player ของท่านลง  แล้วลองดูรูปไม้ขีดใหม่

 

มันอาจจะไม่ได้ให้ความรู้สึกเดิมเหมือนที่ท่านได้แล้วก็ได้

 

ธรรมะใหม่ที่ท่านได้จากตรงนี้คืออะไรบ้างคะ?

 

ขอบคุณค่ะที่ร่วมเล่นด้วย,

 

ณัชร

  • Hot สุดๆเลยครับ คนมาเต็มเลยครับ
  • คุณ nash เธอเขียนเก่งจัง เป็นลูกศิษย์อาจารย์ใช่ไหมครับ
  • ขอบคุณมากครับ

เกิด -  ดับตลอดเวลา

เก็บมาคิดทำไม

ที่ยึดเอาไว้  ปล่อยได้

นั่นแหละ....ธรรม

สวัสดีอีกรอบค่ะอาจารย์,

 

ขอส่งคำตอบภาคภาษาอังกฤษจากนักเรียนอินเตอร์อาวุโสของอาจารย์จากวิทยาเขตกรุงเทพค่ะ

 

พอรู้ว่าอาจารย์พิชัยมีรูปใหม่ก็ขมีขมันรีบลุกขึ้นมาดูเลยค่ะ  ขนาดลงนอนไปแล้ว (หนูบาปหรือเปล่านี่)

 

ถามก่อนเลยว่ารูปหมาอีกหรือเปล่า แหะ ๆ

 

คำตอบค่ะ

 

1. What do you see?

 

  • Different stages of life.

 

  • "..You'd only start living when the flame is on..."

 

  • "...I think the fresh, unlit match could even indicate the one that is still in the womb, not born yet, or the baby that yet has to start its life...."

 

  • "....The unlit match could mean the starting points in many more ways than one, too.  Like, it could mean the starting point when you finish school, university, or entering a new job...."

 

2.  What does that remind you of?  What kind of impression does it have on you?

 

  • "...Uncertainty.  The unlit match could mean the healthy state of young person.  Once lit, it could mean being triggered by a sudden hit of chronic disease or illness and his/ her life quickly deteriorates...."

 

  • "....The only thing that is permanent is impermanence itself.

 

  • "....Another concept of this match-burning is that the time on earth is quite limited...."

 

  • Why?  Because the flame burns, doesn't it?    It needs resources to burn.  The longer it stays on, the more it becomes like carbon...."

 

  • "...And time is also a limited resources.  Most of the time, we do not realize it...."

 

  • "...And by going to Chiangmai Vipassana Center, most people would realize it....Some more, some less.  But I think everybody's eyes are open, in general, basically...."    (ป๊ะปะหนูพูดเองนะคะอาจารย์  หนูเปล่าบอกบทนะคะเนี่ย  โห...ปลื้ม ๆ)

 

  • "....It's only in the environment of meditation that you can see very clear what is happening in your life, what you are going through...."

 

  • "....So, to see these burning matches is to see your life's time frame in super-fast motion...Everything is so compressed in a very short-time"

 

  • "....I like it that he puts here these 5 matches as the examples...."

 

  •  "...Why?   If you burns the match long enough, it would bend over as if it is showing an older person, an older life....."

 

  • "...You could not convey the same message if you just light 5 candles..."

 

  • "...I wonder if Ajarn Pichai made the photo himself?  The photo is so clear and vivid.  Like something real in front of me...."

 

  • "....I think he must have used the Super Macro mode...."

 

3.  Why?

 

  •  "...Because the only thing that is permanent in this world is Impermanence itself...."

 

4.  What title would you give to this piece of art?

            

          "The Impermanence of Life"

สวัสดีครับ คุณจันทรรัตน์

  • ชอบมุมมองที่คุณเห็นว่าไม้ขีดแสดงธรรมนั้นเป็นการแสดงเรื่องของกรรม
  • คนเกิดมาเพราะกรรม ได้รูปที่เกิดจากกรรม(ในอดีต) ดังไม้ขีดก้านที่ 1
  • เมื่อเกิดมาแล้ว คิด พูด ทำ ล้วนเป็นกรรมทั้งสิ้น นำทางชีวิตของตน ดังไม้ขีดก้านที่ 2ที่ถูกจุดแล้ว
  • เมื่อทำกรรม เกิดวิบากเป็นผลทันที ดังไม้ขีดก้านที่ 3
  • กรรมขาวคือกรรมดี มีวิบากเป็นกุศล
  • กรรมดำ คือกรรมชั่ว มีวิบากเป็นอกุศล
  • กรรมชนิดที่สาม คือกิริยา ไม่ดีไม่ชั่ว ไม่มีผลวิบากติดตาม
  • ไม้ขีด ก้านที่ 4 และ 5 นั้นเป็นเรื่องของกาล ที่ล้วนกลืนกินทุกสรรพสิ่งที่เกิดมา ย่อมเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น ไม่มีใครหนีพ้นกฏแห่งกรรมนี้ไปได้เลย
  • ขอบคุณที่มาร่วมสนุกและจุดประกายธรรมครับ

หนูสุกฤตา

  •  หนูเห็นไม้ขีดแสดงธรรม เป็นเรื่องของการสืบต่อ อาจเป็นการสืบต่อของรูป-นาม เป็นสันตติ คือเกิดดับต่อเนื่องไปเสมอ
  • หรือเป็นเรื่องการสืบต่อของเหตุและผล ที่มีปัจจัยซึ่งกันและกัน เป็นปฎิจจสมุปบาทธรรม
  • กลายเป็นแก่นธรรม ที่เรียกว่าอริยสัจจสี่ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
  • เช่น การโกรธ เป็นตัว ทุกข์
  • ที่เป็นผลมาจากเหตุ คือ ทุกขสมุทัย คือ การได้สัมผัสอารมณ์ที่ไม่ชอบใจ
  • หากเจริญสติอยู่และรู้เท่าทัน ทุกข์นั้นก็ ดับไปทันที ได้ผล เป็นนิโรธ
  • การเจริญสตินั้นคือเหตุ ที่เรียกว่า มรรค

          หนูอยากจะพูดอย่างนี้ใช่ไหมครับ

ส่วน Comment ของหนูณัชร นั้น ยาวจนอาจารย์ต้องใช้เวลาอ่านสักหน่อย จะค่อยทะยอยตอบ นะครับ

  • ก่อนอื่น ขอชมว่าเป็นนักเรียนที่ดี ทำตามครูสั่งอย่างเคร่งครัดทุกคำสั่ง
  • เก๋ไก๋ ดีจริง ชื่อภาพ "ไหม้" สั้นๆแต่ได้ใจความ ตรงเป้า
  • หนูเป็นคนคิดลึกและคิดกว้าง รวมทั้งคิดไว อ้อ มือ(พิมพ์)ไวด้วย
  • ดังนั้น หนูจึงมองภาพได้ละเอียดจนป่น มองถึงเบื้องหน้า เบื้องหลัง ทับหน้า ทับหลัง จึงมีข้อมูลในหัวมาก
  • เมื่อมีข้อมูลมาก หนูจึงเล่าได้มากและเล่าได้หลายมุมมอง
  • เรื่องไหม้ จึงเป็นแก่น ที่หนูนำมาเสนอ เสมือนหนึ่งคือ กิเลสที่เผาไหม้ในใจเราอยู่ตลอดเวลา
  • และเป็นแรงภายในที่เร่งให้เราประกอบกรรม
  • ยิ่งทำกรรม ก็ยิ่งไหม้
  • เป็นไฟที่เผาไหม้ตนเสมอ ดังที่หนูยกธรรมมา"ไฟที่เสมอด้วยกิเลส ไม่มี"
  • รูปนี้อาจารย์ไม่ได้ถ่ายเอง แต่คว้าเอามาจาก   http://www.dijitalfotocontest.com เก็บไว้หลายปีแล้ว

กราบอาจารย์อย่างงามด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ

โอ้โหอาจารย์เขียนถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดที่ดูขลังและเท่ได้ใจความดีจังเลยค่ะ

หนูพยายามจะเขียนแต่ก็ได้เป็นคำพูดธรรมดาที่เผลอๆไม่รู้คนจะเข้าใจเจตนาหรือเปล่าด้วยซ้ำแห่ะๆ

ใช่ค่ะความหมายนี้เลยค่ะ  ขอขอบพระคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะ อาจารย์,

 

ต้องขอโทษด้วยค่ะ  ที่ตอบยาว(เกิน)

 

ถ้าอาจารย์ไม่มีเวลา  ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ

 

แค่อาจารย์กรุณาคอมเม้นท์มาแค่นี้  หนูก็ดีใจแล้ว

 

คือแค่หนูไม่ตก  หนูก็ดีใจมาแล้วล่ะค่ะ  (ถือว่ามีพัฒนาการมามากจากตอนป.๕)

 

มันเป็นข้อบกพร่้องของหนูด้วยล่ะค่ะ  ที่คิดไปพิมพ์ไป  ไม่ได้หยุดคิดก่อนพิมพ์

 

เนื่องจากหนูพิมพ์เร็ว  และพิมพ์ไปเรื่อย  นึกอะไรออกก็พิมพ์  มันเลยยาวเกินเหตุ

 

คงจะ่ำืำทำความลำบากเสียเวลาให้อาจารย์ไม่ใช่น้อย

 

ขอโทษด้วยค่ะ

 

อาจารย์เก็บแรงไว้ตรวจวิทยานิพนธ์หนูดีกว่าค่ะ  ฺฮี่ ๆ  เร็ว ๆ นี้

 

สวัสดีค่ะ,

 

ณัชร 

ลำดับของเวลา

ในมุมมองที่แตกต่าง แต่ก่อเกิดความเป็นจริงที่เหมือนกัน กล่าวคือ ถ้ามองว่าไม้ขีดห้าก้าน ที่บรรจงตั้งและยึดเหนียวด้วยกาวใสบนพื้นมันวาวสะท้อนแสงนั้น คือไม้ขีดเดียวกัน เพียงแต่แตกต่างกันที่สภาพความเป็นไป เนื่องจากเวลาและเหตุปัจจัยทำให้มีการเปลี่ยนแปลง

มองจากซ้ายไปขวา

---->

จะเห็นว่า ซ้ายสุดคือจุดเริ่มต้นของชีวิต งดงามด้วยสีแดงที่พร้อมจะติดไฟได้ เรียนจบจากมหาวิทยาลัยมาใหม่ๆ ยังไม่ได้ลองทำงาน ชีวิตสดใส โดดเด่น

ต่อมาได้ออกมาผจญชีวิตที่ยืนหยัดด้วยลำแข้งของตนเอง จบมาได้ทำงานแรก ไม้ขีดที่ไม่เคยงาน ยังติดไฟได้ง่าย สู้งานทะเยอทยาน

ก้านที่สาม บ่งบอกให้เห็นถึงความจริงที่ว่า เมื่อทำอะไรซ้ำไปมา ไฟที่เคยลุกโชติ ก็เริ่มหมดไป แต่การเผาไหม้ยังคงอยู่ ผิดหลักความจริงของไม้ขีดเป็นอย่างยิ่ง เพราะยิ่งมีไฟต้องยิ่งมีประสบการณ์ แต่ก้านที่สามกลับหมดไฟในเวลาอันรวดเร็ว เพราะอะไร??!!??? ใครมาทำอะไรเค้า สภาพแวดล้อมของที่ทำงานหรือ??!?? ความเบื่อหน่ายผู้คนหรือ!???!! หรือเพียงแค่ตากล้องต้องการให้หมดแสง

ก้านที่สี่ เวลานี้เค้ายังคงใช้ชีวิตในวงจรเดิมๆ แต่ไม่มีไฟ รอยเผาไหม้ที่เกิดขึ้น มีแต่ความสูญเสียสีสันที่สดใส แต่ไม่เกิดเป็นเปลวไฟ ที่ให้แสงสว่าง หรือกระทั่งความร้อน

ได้แต่ไหม้ไป และจนหัวที่น่าจะสามารถต่อไฟต่อได้ก็กลายเป็นสีขาว ร่างกายอ่อนแอ เตรียมจะหักโค่น เพียงแต่ยังคงต้องสู้ชีวิตต่อไป ทำไงได้ ยังไม่ตาย...ลมหายใจยังไม่สิ้น ก็ต้องยืนหยัดต่อไป จนเมื่อกาวใสๆ ไม่สามารถที่จะรั้งสังขารได้นั่นแหละ เค้าถึงจะล้มลง

ในเรื่องราวเดียวกัน

มองจากทางขวาย้อนมาทางซ้าย

<-----

เราจะพบว่าไม้ขีดรุ่นแรก ซึ่งหมายถึงอันแรกจากด้านขวา ได้เรียนรู้ ได้ติดไฟ ได้ให้แสงสว่างและความร้อน จนสุดตัว ใครคนนึงได้มาดับไฟ แต่ประสบการณ์ ร่องรอยการเผาไหม้ ยังคงมีให้เห็นยาวเกือบถึงโคน

แต่กับไม้ขีดรุ่นถัดๆ ไปทางด้านซ้าย พยายามเรียนรู้ ติดไฟ ให้ประโยชน์ แต่ทำไมจึงให้แสงได้น้อยกว่า ดับเร็วกว่า ไม่มีทางที่จะติดไฟได้ต่อไปแล้วหรอ

ยุคใหม่ มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปทำให้การทำตัวให้เป็นประโยชน์ การเสียสละต่อคนอื่นมีน้อยลงไปหรือ!!??!? คิดถึงตัวเองเกินกว่าจะให้แสงต่อไปแล้วหรือ หรือมีใครมาดับไฟเร็วกว่าที่ควรจะเป็นหรือ

แล้วตอนนี้ ไม้ขีดที่กำลังติดไฟอยู่ก้านนั้น จะสว่างต่อไปได้อีกแค่ไหน เพราะดูแนวโน้มแล้วเหมือนจะรีบดับแบบไม้ขีดด้านขวาเลย ใครเอากระดาษมากั้นไม่ให้ไฟดับด้วยเถอะ

แล้วน้องน้อยที่รอเรียนรู้ซ้ายสุด จะมีการเผาไหม้ได้สมบูรณ์แบบเหมือนที่เกิดมาเป็นไม้ขีด...ที่มีหน้าที่ชัดเจนอยู่แล้วคือ ให้แสงสว่าง และความร้อน ถ้าเป็นไม้ขีดแล้วไม่ได้แสง ไม่สว่าง ไม่ร้อน แล้ว...ก็เป็นแค่เศษไม้มีหัวสีแดง เอาไปทำอะไรดี ไปอยู่ผิดที่ผิดทางโดนประกายไฟเข้า อาจจะเผาบ้านทั้งหลังได้เลยนะ

ดูแลเหล่าไม้ขีด ให้รู้ ตระหนัก ว่าหน้าที่หลักของตนคืออะไร เวลาคนหาทางออกไม่เจอ เจอทางมืดสนิท จงจุดไฟเพื่อให้เกิดแสงสว่างส่องทางด้วยนะ

คุณขจิตครับ

  • ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยม ผมอัศจรรย์ในพลังของคุณจริงๆ
  • ครับ หนูณัชรเป็นลูกศิษย์ผมที่มีความเก่งหลายเรื่อง การเขียนเป็นความสามารถหนึ่งของเธอ ที่เป็นการแสดงออกจากจิตที่ดีงาม
  • ขอบคุณอีกครั้งที่เวียนมาให้กำลังใจเรื่อยๆครับ

หนูณัชร

อาจารย์ไม่ได้บ่นดอก เพียงแต่บอกว่าต้องลำเลียงตอบจ๊ะ เพราะต้องตรวจงานนักเรียนอินเตอร์วิทยาเขตกรุงเทพให้เรียบร้อย

  • อืมส์...อาจารย์ว่าคุณพ่อและคุณปู่ของหนู สอบผ่านทั้งครอส์ศิลปะและครอส์วิปัสสนาได้เกรด A+ สบายบรื้อเลย เพราะจาก Comment ที่     อุตสาห์ลุกมาดู มีหลายมุมและเทียบเคียงกับประสบการณ์ชีวิตท่าน จึงให้มุมมองได้ชัดเจนและหลากหลาย
  • อาจารย์ชอบทั้งชื่อที่ตั้งและประโยคที่ว่า "...Because the only thing that is permanent in this world is Impermanence itself...." สรุปทุกอย่างชัดเจน เอ...วันหลังต้องขอไปกราบทำความรู้จักหน่อยล่ะ

คุณอนงค์ศิริ

  • เกิด-ดับ ตลอดเวลา นั้นใช่แล้ว ทุกสรรพสิ่งมีเวลาของตน
  • เก็บมาคิดใย เพื่อเตือนใจตน มิให้ประมาทมัวเมา
  • ปล่อยวางได้ คือธรรมสูงสุด โดยเริ่มวางในสิ่งที่เรายึดอยู่ที่ละอย่างที่ละบทเรียนแห่งชีวิต
  • ที่วางได้ยากที่สุดคือการยึดว่าเป็นเรา

คุณ is

  • ผมอัศจรรย์ในความคิดและมุมมองของคุณ
  • วิธีคิดและวิธีเขียนสื่อถึง ความเป็นคนที่มีประสบการณ์ชีวิตเกินอายุ รู้จักเก็บรายละเอียดมาเสริมความคิดตน
  • มีวิธีการมองที่แตกต่างออกไป ในเรื่องของลำดับเวลาและการมองย้อนไปมา
  • คุณเป็นคนมองทบทวนในสิ่งที่คุณทำเสมอ และได้แง่คิดดีๆจากการกระทำนั้น
  • ผมภูมิใจที่มีข้อคิดของคุณอยู่ในบันทึกผม
อย่างแรก เห็นไม้ขีดไฟทั้ง ๕ แท่งค่ะ แต่แท่งแดงเด่นที่สุด ถัดมาเห็นอันที่ติดไฟอยู่ ถัดมาเห็นอันริมขวาสุดที่โค้งลงมาแล้ว เห็นรอยไหม้ดำที่ไล่ตามกันมา  ดูให้ละเอียดอีกทีก็เห็นเงาของไม้ขีด ทีนี้เลยเกิดสงสัยว่า ไม่ขีดทั้งหมดนี้ตั้งไว้ได้อย่างไร โดยไม่หล่นแล้วเขาจัดการให้ไฟดับยังไง เพราะถ้าเป่าลมไม้ขีดก็จะดับไป 

นึกถึงชีวิตคนค่ะอาจารย์ เห็นความเป็นวัฎจักรของไม้ขีดที่วนเวียน เช่นเดียวกับวัฏจักรของชีวิต มีทั้งช่วงชีวิตที่กำลังรุ่งโรจน์ คือไม้ขีดที่ติดไฟ ช่วงที่กำลังรอจะรุ่ง คือไม้ขีดที่ยังไม่ได้จุด รอเวลาที่เหมาะสมที่จะถูกจุด ช่วงที่ผ่านความรุ่งโรจน์ไปแล้ว คือไม้ขีดที่ดับไปแล้ว รวมทั้งช่วงที่เข้าสู่โค้งสุดท้ายของชีวิต คืออันที่ดับไปแล้วทิ้งรอยโค้งไว้ให้จดจำถึงความรุ่งโรจน์ที่ผ่านไป

สวัสดีครับหนูกันยามาส

หายไปนานนะครับ ไม่ค่อยได้สนทนากัน

วัฏจักรของชีวิต น่าจะเป็นสิ่งที่หนูเห็น ไม้ขีดจึงแสดงธรรมให้หนูมองย้อนเข้าไปในชีวิตของตนเอง

ดูหนังดูละคร แล้วย้อนดูตนครับ

เรียนอาจารย์ที่เคารพ

ผมเห็นอะไร

   ๑. ผมเห็นไม้ขีดไฟ ๕ ก้าน โดย ก้านที่ ๑ ยังไม่ได้จุด ก้านที่ ๒ ไฟกำลังติด ก้านที่ ๓ มีร่องรอยไฟไหม้เพิ่งจะดับ ก้านที่ ๔ มีร่องรอยไฟดับไปก่อนก้านที่ ๓ ก้านที่ ๕ มีร่องรอยไฟดับไปนานแล้ว พร้อมกับคงถูกไฟไหม้หนักถึงกับโน้มงอ

   ๒. ผมเห็นเงาของไม้ขีดไฟแบ่งเป็น ๒ คือ เงาอันเกิดจากแสงส่งเป็นเงาสีเทา-ดำ และเงาที่ฉาบลงบนโต๊ะมีสีตามคุณสมบัติของไม้ขีด

   ๓. ไม้ขีดก้านที่ ๒ ไฟที่แลบขึ้น ระหว่างไฟสีเรืองรองกับปลายไม้ขีดมีช่องว่างที่มองเห็นยาก

เมื่อเห็นแล้ว ผมนึกถึง

   ๑. สรรพชีวิตมุ่งไปสู่ความย่อยสลายจากภาวะความกดดันของสิ่งต่างๆที่ทำให้ต้องเป็นไป

   ๒. ไฟบนไม้ขีดไฟก้านที่ ๒ (จากซ้าย) ช่างงามแท้ แต่ความงามนั้น หากเราใช้นิ้วเข้าไปสัมผัสเราจะพบความร้อน แม้ช่องว่างระหว่างแสงสีนวลกับปลายไม้ขีด เราอาจเห็นว่าว่าง แต่ในความเป็นจริงเป็นไปได้ว่า เมื่อเราสัมผัสมัน มันจะทำให้ผิวหนังของเราไหม้ได้ เฉกเช่นกับสิ่งเพลิดเพลินน่าหลงไหลบนโลกนี้ หากเราเข้าไปสัมผัสมัน มันก็จะไหม้จิตวิญญาณของเราได้ เมื่อไหม้แล้วก็เหมือนกับไม้ขีดไฟก้านต่อไป ที่มีแต่โน้มคอลงสู่พื้นล่างซึ่งยากแท้กับการกลับคืนขึ้นมาอีก ยังแต่จะเหลือก้านไม้ขีดน้อยลงทุกที.....

   ๓. เรามีเงาอยู่ ๒ ส่วนคือ เงาที่เป็นภาพจริงสีเดียวกับตัวเรากับเงาที่เป็นภาพจากแสงทำให้เป็นสีเทา-ดำ ทำอย่างไรให้เราอยู่เหนือความเป็นเงาทั้ง ๒ นั้น

เหตุผลของการคิด

   ในข้อนี้ ผมยากที่จะตอบ เพราะมันไม่มีเหตุผลใดๆ เห็น - นึก อันที่จริงน่าจะมีเหตุผล ในเมื่อทุกอย่างเกิดจากเหตุ ผมก็น่าจะคิดว่า ๑) เกิดจากการเห็น ๒) เกิดจากการอบรมตน

จัดไม้ขีด ๕ ก้าน ตั้งเรียงราย

ก้านที่ ๑ คงไว้อย่าจุดมัน

ก้านที่ ๒ จุดไฟให้ลุกพลัน

ก้านที่ ๓ ไฟดับไปไม่ทันเท่าไรเอง

ก้านที่ ๔ รอยไหม้เกือบครึ่งก้าน

ก้านที่ ๕ ถูกไฟผลาญเกือบหมดตัว

ก้านที่ ๖ คือฉันช่างน่าหัว (เราะ)

ถูกไฟไหม้หมดตัวมิรู้ตน

---------------------ด้วยความยินดียิ่งครับผม--------

สวัสดีครับ คุณนมินทร์(นม.)

ขอบคุณที่ร่วมแสดงความคิดครับและขอแสดงความยินดีที่มุมมองและข้อคิดที่ลึกซึ้งในธรรม

  • สรรพสิ่งย่อมเกิดขึ้นและเสื่อมสลายไป
  • ขณะที่เกิดขึ้นมีความสดใสและมีพลังแห่งชีวิต
  • เมื่อชีวิตดำเนินไป มีพลังสองด้าน ด้านหนึ่งสร้างสิ่งดีงามให้ตนและผู้อื่นดุจแสงสว่างของไม้ขีด ในขณะเดียวกันรอยไหม้ดำนั้นคือความเสื่อมไปของพลังแห่งชีวิตหรือวิบากของกรรมนั้น
  • มุมมองเรื่องเงานั้น หลักแหลมครับ เพราะชีวิตนั้นอุปมาเป็นมายาหรือเงาลวงแห่งอวิชชา
  • ชอบใจในก้านที่ ๖ ครับ (ขอยิ้มเยาะด้วยคน)

คนเยอะดีจัง

เพิ่งเข้ามาครั้งแรก

ยินดีที่ได้รู้จักครับ

 

สาตุ๊....แวะมาขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ

ตอบคุณขจิต--หนูไม่ค่อยกล้ารับคำให้เกียรติใด ๆ เลยเพราะหนูถือว่าหนูคือผลงานของคุณพ่อคุณแม่ครูบาอาจารย์ล้วน ๆ  สิ่งที่เป็นของตัวเองนั้นหามีไม่ แหะ ๆ

 โดยเฉพาะถ้าทางธรรม นอกจากคุณแม่ ซึ่งเป็นครูคนแรกทั้งทางโลกและทางธรรมแล้ว  ก็ต้องยกให้อ.พิชัย และ อ.ศิริพร กรรณกุลสุนทร รับเครดิตไปเต็ม ๆ เลยน่ะค่ะ

ว่าแล้วก็ขอยกมืออนุโมทนาสาธุการอาจารย์อีกครั้ง

สวัสดีค่ะ, 

ณัชร

ป.ล. คุณแม่หนูก็ฝากสวัสดีอาจารย์ค่ะ เลยเอามาแปะเสียเลยรูปนี้ รู้แล้วรู้รอด แหะ ๆ

 

 

  • แวะมาอ่านอีกรอบ โอโหคุณNash เธอไปเอารูปใครมาก็ไม่ทราบ น่ารักดี
  • ยิ้ม ยิ้ม

อ่านเพลิน

ได้สาระท่วมท้น หนูว่ารวมทุกมุมมองล้วนเปิดโลกแห่งชีวิตและโลกแห่งธรรมให้หนู

อ่านสนุกมีสาระต้องยกให้บล็อกอาจารย์ค่ะ

แถมแต่ละท่านที่เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นล้วนเฉียบแหลมคมคายและมีหลากหลายรสดีค่ะ

รูปเด็กใครค่ะ ขอเดาว่าเป็นคุณณัชรใช่หรือปล่าวเอ่ย

จ้ำหม่ำน่าฟัดจริงค่ะ

สวัสดีครับท่านอาจารย์พิชัย
ผมติดตามอ่านเรื่องของอาจารย์มาตั้งแต่แรกเข้า G2N ครับ เพราะมีข้อคิดดีๆ เยอะครับ แต่ไม่ได้เข้าแลกเปลี่ยนเลย พอมาอ่านเรื่องนี้แล้วเกิดความอยากร่วมขึ้นมาทันทีครับ
ผมชอบชื่อ "ไหม้" ของคุณณัชร ครับ เพราะชื่อสั้นดี รู้สึกถ้าแนว tist เขาจะชอบชื่อสั้นๆ เพราะทำให้คิดฟุ้งซ่านได้เยอะ อีกอย่างหนึ่งคือคำนี้มันล้อกับคำว่า "ไม่" ซึ่งผมคิดว่าก็สื่อภาพนี้ในระดับภาษาธรรมได้เหมือนกัน คือ คนเรามักจะปฏิเสธธรรมชาติ ไม่ยอมแก่ ไม่ยอมเจ็บ ไม่ยอมตาย ไม่ยอมดับ ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ฯลฯ เรียกว่าสื่อได้ทั้งภาษาคนและภาษาธรรม

ภาพนี้เป็นภาพของการเผาผลาญ ทำให้เกิดความรู้สึกถึงการสูญสิ้น ซึ่งคนเราจะหวั่นไหวกันมาก ไม่อยากเป็นกัน นี่ก็เป็นที่มาของความทุกข์อย่างหนึ่ง

อีกภาพที่น่าจะมีล้อกันไปคือภาพของความสมบูรณ์ การเกิด การเฟื่องฟู ซึ่งนี่ก็เป็นที่มาของความอยาก ที่เป็นความทุกข์อีกแบบหนึ่ง

เขียนยาวหน่อยครับ เพราะหัวข้อและเรื่องของอาจารย์ดีเหลือเกินครับ เลยอดไม่ไหว :)

สวัสดีค่ะ คุณหมอมาโนช,

 

แหะ ๆ ไม่ทราบจะดีใจดี หรือว่าเสียใจดี

 

เอาเป็นว่า ดีใจก่อนแล้วกันค่ะ  เพราะว่าจริง ๆ แล้วตอนตั้งชื่อ "ไหม้" นั้น นึกถึงเสียงพ้องคำว่า "ไม่" ด้วย 

 

แล้วก็ถูกอกถูกใจเป็นอันมาก กับเสียงที่มันล้อกันในหัวนี้  แต่ไม่ได้คิดไปลึกซึ้งในเชิงธรรมเท่าคุณหมอ

 

เพราะกิเลสยังหนาเตอะ  เลยคิดไปแบบ Soundtrack ตามภาษาคนทำหนังว่า "...ไม่...ไม่...ไม่.." (Oh..no..)  แหะ ๆ  

 

แถมมีภาพขึ้นมาในหัวเสร็จสรรพ กะว่าจะเอามาแปะส่งพร้อมคำตอบเสียด้วยซ้ำตอนแรกแต่ยังหาไม่เจอ 

 

คือ เป็นภาพโฆษณากระเป๋าถือแบรนด์เนมของฝรั่งเศสยี่ห้อหนึ่ง เข้าใจว่าสักสองสามปีได้แล้ว  เป็นผู้หญิงสองคนมั้งคะ  ท่าทางจะร้อน ๆ หน่อย  เหงื่อกาฬแตกพลั่ก

 

ทำท่า "ไหม้" ดีมากค่ะ

 

กะแค่จะแย่งกระเป๋ากันนี่น่ะนะ

 

เข้าใจว่าราคากระเป๋าก็คงจะแพงมากด้วย  ไม่กล้าคิดราคาย้อนจากยูโรมาเป็นเงินบาท  กลัวจะเป็นลมไปเสียก่อน 

 

มาเห็นคุณหมอเขียนอย่างนี้  ก็เกิดให้อดใจไม่ไหว  ต้องมาสารภาพว่า  รู้สึกเป็นเกียรติมากค่ะ  ที่คุณหมอก็อุตส่าห์นึกถึงคำว่า "ไม่" ด้วย

 

ถึงแม้ว่าจะคิดได้ลึกซึ้งกว่ามากก็ตาม แหะ ๆ

 

อ้อ, แล้วสรุปว่ามีล้อภาพของ "ความสมบูรณ์" ไปด้วยอีกต่างหาก 

 

มันก็เป็นทุกข์จริง ๆ น่ะนะคะ

 

แต่ข้อดีของทุกข์ก็คือ   ยิ่งมีเยอะ มันก็จะเหมือนมีแบบฝึกหัดให้เยอะน่ะค่ะ

 

ซึ่งถ้าได้อาจารย์ดีช่วยแนะแนวให้แล้ว  ก็ได้แต่หวังว่า สักวันคงจะสามารถทำแบบฝึกหัดนี้เสร็จหมด

 

และสอบผ่านเสียที  ฮี่ ๆ ๆ

 

ทุกวันนี้ยังสอบตกอยู่เลยค่ะ 

 

 ว่าแล้วก็ไปทำแบบฝึกหัดต่อไป

 

สวัสดี และ ขอบคุณค่ะ,

 

ณัชร 

สวัสดีหนูนา

ขอถามซ้ำคำเดิมๆ เมื่อไหร่จะเขียนบล้อก

เก็บเกี่ยวกินผลไม้สวนอื่นแล้ว ย่อมปลูกต้นให้มีผลเจือจานผู้อื่นบ้าง...นะครับ

ส่วนเรื่องหนูณัชรนั้น อาจารย์เห็นด้วยว่าน่ารัก โดยเฉพาะอาจารย์ชอบอุ้มและจับเด็กตัวอ้วนๆโยนเล่นอยู่ด้วย

คุณไม่ประสงค์จะออกนาม

แสดงว่าประสงค์จะออกรูป (เพราะคนเรามีรูปกับนาม)

แต่พอดูรูปที่คุณประสงค์จะออก กลับเป็นรูปมาดเท่เห็นเฉพาะข้างหลัง

จึงขอเรียกใหม่ว่าคุณประสงค์จะออกรูปเฉพาะข้างหลัง ที่จริงผมมีรูปที่ศิลปินเขียนในแนวนี้...

คือให้คนดูเห็นเฉพาะข้างหลังไว้หลายรูป วันหลังจะเอามาให้ดูครับ

ขอบคุณที่แวะมาครับ

สวัสดีครับ คุณหมอมาโนช

ดีใจที่แวะมาร่วมคิดด้วย

ชื่อภาพ"ไหม้"และ "ไม่" นั้น ลึกซึ้งและแยบคายดีมาก

พ้องเสียงและพ้องธรรม นำให้คิด

โดยส่วนใหญ่คนเรามัก ปฏิเสธไม่ค่อยยอมรับในความจริงที่ชีวิตเราล้วน "ไหม้" ไป อย่างที่ว่า จึงปล่อยให้ตนถูกกิเลสในใจเผาจนไหม้ ด้วยราคะ โทสะ และโมหะ อยู่เนืองๆ

พบเห็นธรรม"ไหม้"คราใด ร้อง "ไม่" ครานั้น

จึงไม่ประสบพบธรรม...ปล่อยตน"ไหม้"เป็นจุลไป

ป.ล.ผมเข้าไปอ่านประวัติคุณหมอแล้วน่าสนใจมากครับ ส่วนใหญ่พบว่าเป็นคอเดียวกันทั้งเรื่องหนังสือ เพลงและภาพยนต์ ...ไม่เหมือนอยู่อย่างเดียวคือ อาชีพ ผมรักษาแต่ได้แต่โรคทางใจครับ

ขอรบกวนถามอาจารย์ค่ะ

ถ้าเราจะลบบล๊อคที่เราสมัครไปจะต้องทำยังไงคะ

พอดีเขียนผิดไปน่ะค่ะ  ขออาจารย์ช่วยกรุณาแนะนำวิธีให้ด้วยเถอะค่ะ

ขอขอบพระคุณค่ะ

     คุณณัชรคะ 555 ดูรูปแล้ว มัวเมาในอาหารตั้งแต่เด็กเหมือนกันเลย จากปล้องๆมาเป็นห่วงยางมิชลิน อาจารย์โยนแล้วรับไหวหรือคะ ฮิฮิ คุณณัชรคะ ตอนนี้กำหนดเหมือนหมอไหม อึดอัดหนอๆ คับพุงหนอๆๆๆๆๆ

เอ!?...ถ้าจะต้องสวมวิญญาณ อ.ดร.จันทวรรณ น้อยวัน เสียแล้วคราวนี้

  • ผมสงสัยว่าคุณไม่อยากลบบันทึกทั้งหมด แต่อยากเฉพาะแก้ไขในสิ่งที่เขียนผิดไปเท่านั้น
  • หากเป็นอย่างผมว่า สามารถทำได้ง่ายๆครับ
  • ไปที่แผงควบคุมในหน้าบล็อกของคุณ (อย่าลืมที่จะเข้าระบบก่อนนะครับ)
  • แล้วดูบันทึกที่ต้องการแก้ไข จะเห็นว่ามีคำว่า(แก้ไข)อยู่ข้างท้ายบันทึก
  • เข้าไปคลิกแล้วลบที่ผิดและแก้ไขใหม่ได้ทันที เสร็จแล้วบันทึกใหม่จัดเก็บอีกครั้งครับ
  • หากต้องการแก้ไขในส่วนของประวัติ เช่นเขียนผิดหรือเผลอไปเอารูปตอนขี้เหร่มาลง ก็ทำได้เหมือนกันครับ ดูที่(แก้ไข)
  • หากไม่เข้าใจ หรือยังทำไม่ได้ อย่าทิ้งไว้นาน อันตรายรีบไปถามดร.จันทวรรณ ดีกว่าครับ

คุณหมอ

  • หนูณัชรอาจไม่ใช่มัวเมาในอาหารตั้งแต่เด็กนะครับ อาจมัวเมาในสะสม(ไข)มันในอารมณ์
  • อาจารย์เองก็มันเขี้ยว เพราะเห็นยางมิชลิน... เอ้ย! ขาหนูณัชรเหมือนกัน
  • แต่...พูดก็พูดเฮอะ นินทาเขาแล้วพอก้มเห็นพุงตนเอง ของอาจารย์ก็ไม่เบา รอบเอวที่หาไม่เจอนั้นมีห่วงยางอยู่สามห่วงแล้วเวลานั่ง
  • แต่ พาลปลอบใจตนเองว่า เป็นเพราะความรู้เราเยอะ เพราะเก็บไว้ที่พุง จน"กั๊ดขี้ปุ๋ม"

 

อาจารย์พิชัยครับ ผมดีใจและรู้สึกเป็นเกียรติครับที่ผมมีความสนใจคล้ายๆ กันกับอาจารย์ 
ผมสนใจธรรมมะมากครับ  แต่ด้วยนิสัยเสียของผมที่เป็นคนขึ้นๆลงๆ ทำให้ทำอะไรไม่ต่อเนื่อง เลยเข้าไม่ถึงธรรมด้วยประสบการณ์สักกะที
ตอนนี้ผมมีความตั้งใจอย่างหนึ่งว่าถ้ามีเวลาพอระยะหนึ่งจะขออนุญาตไปเยี่ยมอาจารย์พร้อมเข้าปฏิบัติธรรมครับ

สวัสดีค่ะ อาจารย์,

ขออนุญาตตอบคุณหมออนิศราตรงนี้หน่อยนะคะ เห็นเธอมาถามถึง...

 

คุณหมอนิดที่รัก คุณหมอใจร้ายมากเลยนะคะ ฮิ ๆ ที่จะมาชวนกันกำหนด อึดอัดหนอ น่ะค่ะ

 

นั่นมัีนรูปตอนอายุไม่ถึงขวบนะคะ  อย่ามาลักไก่ซิคะว่า ตอนนี้ยังอึดอัดหนอเหมือนในภาพ แหะ ๆ (แต่ความจริงก็ใกล้เคีึยง)

 

ฮือ ๆ ต้องโทษพวกอาชีพหมอสมัยก่อนนี่ล่ะค่ะ (เริ่มไม่โทษกรรม) สมัยนู้นเขาฮิตเด็กสมบูรณ์กัน  คุณหมอที่มารักษาที่บ้านยังขอคุณแม่เลยจะให้ไปประกวดเด็กสมบูรณ์ที่กาชาด  คุณแม่ไม่ยอมค่ะ  (ไม่งั้นคงคว้ามงกุฎตั้งแต่ขวบนึงแล้ว ฮิ ๆ)

 

 ว่าแต่ว่า  หนูอาจารย์คงจับหนูโยนไม่ขึ้นหรอกค่ะ  คุณแม่บอกว่าหนูหนักมาก  ตอนอายุเก้าเดือน  ต้องใส่เสื้อผ้าเด็กสองขวบแล้วมั้งคะ  เมืองไทยก็ไม่มีไซส์  วุ่นวายไปหมด   ในคอร์สปฏิบัติธรรม วันพระในบ้าน หนูถึงซึ้งมากเป็นพิเศษ เพราะคุณแม่คงเหนื่อยมากในการเลี้ยงหนู  เพราะแค่คุณแม่ที่เป็นผู้หญิงร่างเล็กต้องแบกท้องลูกตัวเบ้อเร่อนี่  ก็สงสารคุณแม่ แย่แล้วค่ะ

 

สวัสดีค่ะ,

ณัชร 

เรียน อาจารย์ที่เคารพ

   ขออนุญาต (ดื้อๆ) หากได้รับการอนุญาตก่อน ๑๕.๐๐ ของวันนี้ งาน "การศึกษาเข้าสู่ตัว" ด้วยก้านไม้ขีด จะเข้าสู่ห้องบรรยายในเวลา ๑๘.๓๐ น. (อันที่จริงเมื่อวานมาขออนุญาตแล้วแต่ net ไม่เดิน)

 

ตอบคุณ นมินทร์(นม.)

ด้วยความยินดี รู้สึกเป็นเกียรติยิ่งครับ

เป็นส่วนหนึ่งของ KM อยู่แล้วครับ ที่สามารถขยายผลไปได้

คุณหมอมาโนช

ยินดีครับ เมื่อมีโอกาส ธรรมะคงจัดสรรให้ได้พบกัน

ผมจะรอวันนั้นครับ...

หนูณัชรและคุณหมอนิด

อาจารย์ขอตัดสินว่า สองคนสองไซส์

น่าจะกำหนดพองได้ดีกว่ายุบกระมัง?

แต่...อย่าสนใจเลย รูป(ทำ) เกิดขึ้นเพราะ นาม(ทำ)

ภาษาอภิธรรมเรียกว่า ได้ กัมชรูป คือรูปเกิดจากกรรม

ทั้งสองท่าน

กรรมวิจิตร เพราะตัณหาวิจิตร

ตัณหาวิจิตรเพราะวิบากวิจิตร

เมื่อวิบากวิจิตร ภพ ชาติ และรูป นาม จึงวิจิตร

เห็นภาพแล้วนึกถึงชีวิตของคนนะคะ

ภาพแรก ไม้ขีดหัวแดงยังใหม่และสด คงเพิ่งออกจากกล่อง :: เปรียบเหมือนหนุ่มสาว ที่เรียนจบมาใหม่ๆ พกเชื้อเพลิง พลังงานมาเต็มที่

ภาพที่สองลุกติดเป็นเปลวไฟ::~  ไฟแห่งฝัน ไฟที่จะทำสิ่งต่างๆ มันลุกโชติช่วง มันดูสว่างไสว และเป็นช่วงที่มีชีวิตดูค่า

ภาพที่สามไฟมอด แต่ยังคุเป็นถ่านแดงอยู่ :: ช่วงนี้คือไฟที่จะทำอะไรต่างๆมันมอดแล้ว แต่เชื้อเพลิงที่ยังเผาไหม้ไม่หมด มันสามารถที่จะลุกขึ้นมาใหม่ได้ หาก  อย่างไรก็ตาม แม้มันใกล้จะดับ แต่ก็สามารถนำไปจ่อกับไม้ขีดอันใหม่ พร้อมที่จะจุดติดไฟให้คนอื่น ต่อไปอีกได้  ช่วงนี้ ต้องแนะนำไม้ขีด ให้ทำ KM แล้วล่ะค่ะ เพื่อเอา tacit k. ออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์.... (ฮ่ะ ฮ่ะ ชักจะคิดฟุ้งไปเรื่อยแล้วล่ะค่ะ)

 ภาพที่สี่ ::มันมอดแล้วค่ะ ไม่สามารถจุดติดให้ไม้ขีดอันอื่นได้อีก แต่ทว่าความร้อนที่ยังมีอยู่ในตัวเอง กำลังเผาไหม้ตัวเองต่อไป จนไหม้งอ  ไปสู่ภาพที่ห้า

ภาพสุดท้าย :: อนิจจัง เถ้าถ่านที่ไร้สภาพ ไร้ประโยชน์ น่าสงสารจังเลยค่ะ

 

รึว่า ชีวิตคนก็เป็นเช่นนี้ ?

มีช่วงเวลาเยาว์ที่เต็มปรี่ด้วยพลังและเชื้อเพลิง พร้อมที่จะลุกไหม้ สร้างความสว่างไสวให้ชีวิต

 

ไม้ขีด... แม้มีช่วงเวลาติดไฟสั้นๆ ก่อนที่มันจะมอด  แม้ทุกอย่างจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วกลายเป็นสิ่งไร้ที่ประโยชน์อย่างรวดเร็ว  แต่ชีวิตของไม้ขีดก็มีค่า และมีประโยชน์มากมายต่อโลกนี้

อย่างน้อย ช่วงชีวิตสั้นๆก็มัน ก็เคยมีโอกาส ได้จุดแสงไฟขึ้นมา  แม้ว่าจะเป็นไฟขนาดเล็กๆ แต่ถ้าไม่มีมัน ก็คงไม่มีคบไฟที่สว่างไสวเจิดจ้าขึ้นมาหรอกนะ จริงไหม ^___^

 

 

คิดถึงการอาบน้ำกรดครับ สมมติ มีน้ำกรดอยู่ 5 ขัน

ขันแรก ก่อนจะราดยังไม่รู้สึกอะไร

ขันสอง เมื่อราดลงไปแล้งจึงรู้สึกว่าเย็นรึว่าร้อนเพียงใด

ขันสาม นึกถึงหรือจำได้ถึงความรู้สึกนึกคิดต่างๆที่ ได้รับจากการ ราดน้ำ ขัน ที่สอง และก่อน จะราดในขัน ที่ หนึ่ง จำได้แล้วว่ามันร้อน ไม่อยากจะราดลงไปอีก แต่ไม่รู้จะทำยังไง

ขันสี่ คิดได้ว่า ไม่มีประโยชน์เลยกับการ ราดน้ำลงไปแต่ละครั้ง เพราะมันร้อน จึงคิดจะทิ้ง ขัน

ขันห้า เมื่อ ทิ้ง ขันที่สี่ได้ ขันที่ห้าก็ดับไปเอง

...พิมพ์จนจบนึกขึ้นได้ว่าเราพิมพ์เกี่ยวกับไม้ขีดตรงไหนนี่...

 

คุณ k-jira

มีอุปนิสัยทางศิลปะครับ มองสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วลงท้ายมองดูชีวิตเรา

ครับเป็นเฉกเช่นคุณว่า

อย่างน้อยไม้ขีดก็สอนธรรมให้เราได้

โอ้ย!?...สะดุ้ง เพราะเล่นแรงเปรียบกับน้ำกรดรดไม้ขีด แค่น้ำกรดขันแรกก็แย่แล้ว นี่เล่นตั้ง 5 ขัน

แต่คงเป็นปริศนาธรรมเช่นกัน เพียงแต่ผู้น้อยด้อยปัญญา ยังคิดไม่ออก แต่ขอบอกว่ามีมุมมองแหวกแนวดีครับ

กราบอาจารย์ครับ ก็เป็นปริศนาธรรมแต่ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรนะครับ ขันธ์5 ธรรมดาครับอาจารย์ เพราะธรรมะในตัวทั้งหมด ก็ได้ท่านอาจารย์เป็นคนแนะนำสั่งสอนครับ

สวัสดีครับ

ขอบคุณที่แวะมา ธรรมทั้งหลายก็มีทั้งง่ายและยาก

ดุจดั่งความลาดลุ่มลึกของมหาสมุทร ย่อมเป็นไปตามลำดับครับ

อาจารย์ลองเปิดบันทึกเกี่ยวกับธรรมปฏิบัติล้วนๆดู ว่าจะมีคนสนใจขนาดไหน

ชอบความเรียบง่ายและการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาของภาพและผู้อยู่เบื้องหลังครับ
ผมเผลออ่านความเห็นของคนอื่นก่อน เนื่องจากรูปขึ้นช้า อันนี้ไม่ใช่นิสัย ชอบลอกข้อสอบนะครับ
จึงมีความรู้สึกคล้ายๆหลายๆท่านที่แสดงความเห็นแล้ว

พอดูนานๆเข้า ความคิดเริ่มฟุ้งซ่าน เกิดความเห็นที่ดูจะต่างไปจากคนอื่นนิดนึง คือ
ผมรู้สึกว่า ภาพนี้เน้นในเรื่อง การดับ คือเบ้มาทางขวาไปนิด
ถ้ามีไม้อีกซักแท่งที่ไม่มีหัว เติมอยู่อันซ้ายมือสุดจะบ่งถึง การเกิด ที่สมดุลย์กันมากขึ้น


เอ มันจะรกไปมั้ยนี่ ห้าแท่งก็ดีแล้วนะครับ

ขอบคุณอาจารย์และคุณณัชรมากครับ สำหรับการเปิดมุมมองของผมให้กว้างขึ้น

ขออนุญาต เอาบันทึกนี้ไปไว้ใน รวมบันทึก ของผม ที่นี่ นะครับ  


อ.เต็มศักดิ์ครับ

        ขอโทษที่ตอบช้าครับ ไม่ทันเห็นว่ามี comment ของอาจารย์อยู่

        ครับการสื่อสารของภาพนี้ตรง ชัดและซ่อนสาระไว้เป็นเอกภาพดีมากครับ

       ผู้ถ่ายเป็นคนที่เข้าถึงธรรม ในเรื่องของวัฏฏะชีวิต อันมีนัยสองนัย จะดูวัฏฏะทางเกิดก็ได้ หรือจะดูวัฏฏะทางดับก็ได้ครับ

      ทั้งสองทางมุ่งไปสู่ความเกิดดับของชีวิตเหมือนกัน เพียงแต่ผู้ชมจะเข้าใจผ่านทางไหนเท่านั้น

 

ชอบอ่านเรื่องแนวนี้ครับ ขอบคุณอาจารย์มาก
  • อาจช้าไปหน่อยแต่ขอแสดงความคิดเห็นครับ
  • ขอตอบสั้นๆ นะครับ
  • ผมเห็น การเกิดขึ้น  ตั้งอยู่  แล้วก็ดับไปครับ

ธรรมะสวัสดีครับ

 

ไม้ขีด ๕ ก้าน เปรียบได้กับมนุษย์ ๓ จำพวก

ไม้ขีดก้านแรก เปรียบได้กับมนุษย์ที่มีศักยภาพพร้อมที่จะทำงานให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม

ไม้ขีดก้านที่ ๒ (ที่กำลังติดไฟอยู่) เปรียบได้กับมนุษย์ที่กำลังทำประโยชน์ให้กับสังคม

ไม้ขีดก้านที่ ๓,๔,๕ เปรียบได้กับมนุษย์ที่หมดโอกาสที่จะรับใช้สังคมแล้ว แยกได้ตามระดับของวิบากกรรม ดังนี้ 

ก้านที่ ๓ มีวิบากกรรมมากที่สุด ยังทำงานได้ไม่ทันไร ก็ถูกทำให้หมดโอกาส  เช่นเดียวกับก้านที่ ๔ และ ๕ ก้านที่ ๕ ถึงจะติดไฟนานกว่าก้านอื่น (ความจริงยังไม่หมดอายุขัย เพราะยังมีเชื้ออยู่) แต่ก็ถูกวิบากกรรมทำให้ไม่มีโอกาสทำหน้าที่จนวาระสุดท้าย

สรุปว่า  ต่างกรรม...ต่างวาระ...ต่างวิบาก...ครับ

คุณธรรมาวุธ

เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นสรุปคำและความหมายของภาพนี้อย่างดียิ่งครับ

สวัสดีครับ อ.ศิริศักดิ์

อาจารย์สรุปผลของภาพที่มีไม้ขีดเป็นตัวละครได้ดีครับ กรรม ชาติ วิบาก จึงนำเวียนเกิด เวียนตาย เป็นวัฏฏะทุกข์อย่างยาวนาน

คำสอนของพุทธองค์จึงมีค่าตรงที่ชี้ให้เราเห็นความจริงแห่งทุกข์และทางหลุดพ้นครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท