เสียงสนทนาอันหม่นเศร้าของตุ่มน้ำใบเล็กและต้นไม้กลางทุ่งนาใกล้ตึกใหญ่


ในขณะขับรถคู่ชีพคันเก่าพร้อมคนของความรัก มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมือง   ผมเหลือบไปเห็นทุ่งนาที่เขียวอย่างไม่มีชีวิต ! รวมถึงภาพที่โอ่งน้ำหรือตุ่มน้ำใบเล็กตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ร่มใหญ่และชวนให้สนใจเป็นพิเศษ   จึงไม่รีรอที่จะทอดน่องเดินลงไปเที่ยวชม   และพลันแอบได้ยินเสียงของตุ่มใบเล็กสนทนากับไม้ต้นใหญ่สหายรัก อย่างไม่น่าเชื่อ

    <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">อย่าเอะไปนะครับ…  ผมจะพาท่านทั้งหลาย  (เสียมารยาท)  เฝ้าฟังคำสนทนาเหล่านั้นดูสักหน่อย</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>    <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ตุ่มใบเล็ก           :    เป็นยังไงบ้างต้นไม้เพื่อนยาก  พักหลังดูซึมไปนะ ?</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ต้นไม้ใหญ่         :    เออ.. นั่นสิ   ไม่รู้เป็นอะไรไป  ระยะหลัง ๆ  รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัวเลยทีเดียว</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ตุ่มใบเล็ก           :    แล้วเป็นอะไรมากไปกว่านี้บ้างหรือเปล่าล่ะ </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ต้นไม้ใหญ่         :    ตอนนี้เพลีย ๆ ยังไงชอบกล   ไม่มีเรี่ยวมีแรงพอที่จะโบกสะพัด </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">                             พัดปลิวเหมือนเคยแล้วล่ะ</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt 72pt" class="MsoNormal"></p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ตุ่มใบเล็ก           :    เอะ .. รึ จะเป็นเพราะน้ำเสียจากหอพักใหญ่หลายหลังนั่นหรือ </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">                              เปล่าที่ไหลหลากลงมาสู่ที่ดินแปลงนี้ของเรา </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ต้นไม้ใหญ่         :    เออ .. นั่นสิ   ฉันเองก็เริ่มผิดปกติตั้งแต่ตึกใหญ่เหล่านี้เปิดให้</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">                             บริการอย่างเต็มตัวเมื่อหลายเดือนก่อน</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ตุ่มใบเล็ก           :    ดูสิ   ปลาหลายตัวก็ทยอยอพยพย้ายแหล่งไปเกือบหมดแล้ว </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">                             เมื่อวานเจ้าของนาก็บ่นอย่างท้อใจว่าข้าวกำลังตาย  เพราะโดน</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">                             น้ำเสียกัดกินนี่แหละ    </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ต้นไม้ใหญ่         :    ไม่นานแปลงนาของเราก็คงเงียบร้างราวป่าช้าเป็นแน่ </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ตุ่มใบเล็ก           :    นั่นสิ !  ฉันเองก็คิดเช่นนั้น  และรู้สึกใจหายมากเลยทีเดียว</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ต้นไม้ใหญ่         :    โถเจ้าเพื่อนยาก   นายจะวิตกจริตไปทำไม   อีกไม่นานเจ้าของ</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">                              นาก็คงมายกนายกลับไปเก็บไว้ที่บ้านอยู่แล้ว  เชื่อข้าเถอะ   .. </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ตุ่มใบเล็ก           :    ให้มันจริงเถอะ ..  </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ต้นไม้ใหญ่         :    นายว่ามั๊ย  ..  ฉันต่างหากที่ไปไหนไม่ได้อีกแล้ว   คงได้แต่ยืน</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">                             ต้นตายทั้งเป็นอยู่ตรงนี้สถานเดียวแหละ</p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ตุ่มใบเล็ก           :    อย่าคิดอะไรมากเลยว่ะ  คิดไปก็ปวดหัวเปล่า ๆ   ฉันว่าเรามา</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">                              นอนพักกลางวันกันดีกว่า  ..</p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ต้นไม้ใหญ่         :    ดีเหมือนกัน   เมื่อคืนฉันก็นอนแทบไม่หลับ   เพราะ</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">                             ไอ้เจ้าเสียงจากห้องพักในตึกใหญ่เหล่านั้น  มันดังกึกก้องไม่เป็น</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">                             สรรพ  กระหน่ำหูฉันมาตั้งแต่หัวค่ำยันเช้าวันใหม่เลยเชียวแหละ</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">                             เธอเอ๋ย…</p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ตุ่มใบเล็ก           :    เมืองนี้มันช่างไม่มีกลางวันกลางคืนเลยหรือไร … ฉันเหนื่อยใจ</p><p>                              จริง ๆ    </p><p> </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal" align="left">….</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>    <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">กลับเถอะครับ  ผมไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของสหายทั้งสอง.. และผมก็เศร้าใจเกินกว่าที่จะฟังถ้อยคำใด ๆ  ได้อีกต่อไป </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> 

หมายเลขบันทึก: 113607เขียนเมื่อ 22 กรกฎาคม 2007 22:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (34)
  • สวัสดีครับพี่แผ่นดิน
  • บ่อยครั้งที่ผมใช้เส้นทางสายนี้ แล้วรู้สึกว่า
  • เป็นสถาปัตยกรรมที่ไม่สัมพันกับความเป็นตัวตนของชนชาติ
  • แต่กลับเป็นสถาปัตกรรมที่สร้างขึ้นมาเพื่อสนองต่อระบบทุน ทุนที่ทุกคนเข้าใจว่าเป็นความเจริญ ความศิวิไลของสังคมแห่งผู้มีการศึกษาที่ถูกปลูกฝังให้เก่งโดยการท่องจำ
  • ใครจำได้มากกว่าคือคนเก่ง และถือได้ว่าเป็นนักศึกษา ( รึเปล่าครับ )
  • แวะมาทักทาย ด้วยความห่วงใยครับ
  • แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ระดับปรมาจารย์อย่างไอน์สไตน์ยังเคยยกย่องว่า "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"
  • อาจเพราะพลังจินตนาการไร้ขีดจำกัด ในขณะที่อำนาจของความรู้มีขอบเขตเท่าที่ภาษาจะไปถึง
  • คนที่บูชา "ความรู้" แต่ไร้ซึ่งจินตนาการ ก็เหมือนมีดาบชั้นยอดแต่ไม่แตกฉานในเคล็ดวิชา ได้แต่ถือดาบฟันอย่างทึดๆ นอกจากจะกวัดแกว่งดาบเหมือนแบกท่อนเหล็กแล้ว ยังไร้ซึ่งสุนทรยะ ไร้ซึ่งความงดงามที่จะยังแก่ผู้ใด
  • เรื่องนี้ ให้พลังจินตนาการแก่ผมเป็นอย่างดี
  • พลังจินตนาการของคุณแผ่นดินแทรกผ่านเข้าไปอยู่ในหัวผม และเตรียมจะแปรไปสู่เด็กๆในอีกไม่ช้านี้ครับ
นึกใหญ่ๆแบบนี้มักจะเป็นทางเลือกของคนที่ไม่ค่อยมีทางเลือก. ถ้าเลือกได้คนส่วนมากก็คงอยากได้บ้านสวยๆ มีบริเวณ มีสวน มีธรรมชาติสวยงาม. จะแต่งแบบบาหลี แบบไทย มีโอ่งด้วยนี่ก็เท่เลย. 

อาคารแบบนี้มักมีจุดมุ่งหมายคือการลดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน. มีถังขยะร่วมกัน. ทางเดินร่วมกัน. ที่สำคัญคือใช้ที่ดินน้อย. ห้องก็อยู่ติดๆกัน ถ้าทำไม่นีห้องข้างพลิกตัวบนเตียงก็อาจจะได้ยิน lol. หรือว่าห้องใกล้กันชั้นล่างดูดบุหรี่ห้องข้างบนก็ต้องดมไปด้วย. ที่อยู่แบบนี้ความสวยงามด้านนอกไม่ได้มีนัยยะสำคัญอะไร เพราะว่าคนที่มาอยู่ดูที่ราคาที่น้อยที่สุดที่จะหาที่ซุกหัวนอน. 

ระหว่างบ้านหรือห้องห่วยๆ  กับการไม่มีที่ซุกหัวนอนมันต่างกันมากมายนัก. ต่อให้เขาเห็นด้วยว่าที่อยู่ของเขาเป็นมลพิษทางสายตาก็ตาม ก็คงต้องอยู่ไปอยู่ดี. 

อาจจะได้ว่าใต้ร่มไม้นั้นอาจจะเป็นที่พักหย่อนใจของคนระแวกนั้น ที่หันหลังให้มลพิษความเบียดเสียด. แล้วหันหน้าให้กับต้นไม้ใบหญ้า เพียงชั่วขณะ ก็อาจจะบำบัดจิตใจร่างกายที่อ่อนล้าอึดอัดไปได้บ้าง. แล้วค่อยกลับเผชิญความเบียดเสียดในยามที่ต้องซุกหัวนอนอีกครั้ง. 

ผมอ่านแล้ว รู้สึกเหนื่อยๆ ภาพและความรู้สึกนี้ก็เห็นได้ทั่วไปที่เชียงใหม่

:)

... ถ้อยคำรำพัน ของสองสหายอาจดูหม่นเศร้าไปบ้าง 

... แต่จินตนาการ และการถ่ายทอดของคุณแผ่นดิน เยี่ยมยอดและลึกซึ้งมากค่ะ

.... คิดว่าคู่สหายคงทำใจได้แล้วกระมังคะ ด้วยวันวัย และกาลผันผ่าน สองสหายก็มีความสุข สงบ เรียบง่าย ตามประสา กับธรรมชาติแวดล้อม

... ขอบคุณค่ะ

  • เอ...แหววผิดปกติไปรึเปล่าเนี่ย..ที่อ่านแล้วผ่อนคลาย และรู้สึกสนุกๆ ยังไงก็ไม่รู้...แบบว่าอ่านไปยิ้มไป...ได้อะไรแปลกๆ ใหม่ๆ...รู้สึกเหมือนตอนเป็นเด็ก ได้ฟังนิทาน...ที่พืชและสัตว์พูดได้ มีหลายๆครั้งที่ชอบความเป็นเด็ก...นี่เอง..ถึงได้สนุก
  • คนหลายคน อ่านเรื่องเดียวกัน ได้รสชาติต่างกันจริงๆ ด้วยหละ...และก็อาจจะไม่เหมือนกับคนเขียนอีกต่างหาก...

 

P มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่ืนเปล่าครับ? lol.

สวัสดีครับ น้องสายลม

P
  • เป็นสถาปัตยกรรมที่ไม่สัมพันกับความเป็นตัวตนของชนชาติ
  • แต่กลับเป็นสถาปัตกรรมที่สร้างขึ้นมาเพื่อสนองต่อระบบทุน ทุนที่ทุกคนเข้าใจว่าเป็นความเจริญ ความศิวิไลของสังคมแห่งผู้มีการศึกษาที่ถูกปลูกฝังให้เก่งโดยการท่องจำ
  • .....
     

    ตอนนี้แถวสารคาม  โดยเฉพาะชุมชนท่าขอนยางและขามเรียงอันเป็นที่ตั้ง "มอใหม่"   กำลังกลายเป็นเมืองใหม่ของเมืองมหาสารคาม  -  ตึกรามบ้านช่องก่อตัวสูงลิบ ,    บ้านที่เคยมีใต้ถุนสูงให้นั่งเล่น  วิ่งเล่นและเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมของคนในครอบครัว  ก็ถูกก่อด้วยอิฐบล็อกเป็นห้องหับหอพักให้นิสิตนักศึกษาเข้าพักอาศัย..  วิถีชีวิตในครอบครัวหายไปบ้างแต่ก็มีรายได้เสริม/ประจำเข้าสู่ครอบครัว

    ขณะที่ตึกต่าง ๆ ก็มีรูปทรงที่หลากหลายรูปลักษณ์  ขณะที่บางแห่งสร้างอย่างเร่งร้อนรูปทรงราวกับกล่องสี่เหลี่ยมเป็นบล็อก ๆ  ...  ไม่เอื้อต่อบรรยากาศของการพักอาศัยและเรียนรู้ชีวิต   ผู้คนอัดแน่นอยู่ในห้อง  ไม่มีโถงล่างเป็นห้อง  หรือพื้นที่ในการคบค้าสมาคมกันอย่างที่ควรจะเป็น

    กรณีนิสิตนักศึกษาเองก็เช่นกัน   จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่ตกหลุม "มายาคติ"  ที่เชื่อว่าตนเองเป็นกลุ่มคนพิเศษที่ได้รับอภิสิทธิ์ในทางสังคม   ด้วยชุดแต่งกายที่มีเกียรติ   โดยการเรียนในระบบที่สังคมตีตราความเป็น "ปัญญาชน"  ก็ยิ่งทำให้หลงลืมความเป็นบุคคลธรรมดาสามัญและขาดความตระหนักรู้ในบทบาทและหน้าที่ของตนเองไปอย่างน่าใจหาย  สิ่งเหล่านี้กลายเป็นภาพที่สะท้อนให้พบเจออย่างมากมายในสังคมไทย   .. นิสิตนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา  ควรที่จะตระหนักรู้ว่าการเรียนในมหาวิทยาลัยคือผู้ได้รับโอกาสในทางสังคม  มิใช่การได้รับอภิสิทธิ์ทางสังคม  ที่ยังไงแล้ว  พวกเขาจะต้องทำหน้าที่ในโอกาสนั้นอย่างเหมาะสมและก้าวออกไปทำประโยชน์ต่อสังคมอย่างที่ควรจะต้องเป็นสืบไป

    ....

    โชคดีกับชีวิต,  และขอให้มีความสุขกับการไล่ล่าความฝัน  นะครับ

     

     

    P ยกเลิกเครื่องแบบนิสิตนักศึกษาซะ แล้วมายาคติเหล่านั้นจะลดหรือเปล่าครับ? แต่ถึงไม่ลดก็น่ายกเลิก :-P
     
    คนที่ออกแบบตึกเขาก็คงอยากออกแบบให้มันสวยหละครับ. แต่ว่าใครที่มีอำนาจตัดสินใจ. สถาปนิค? วิศวกร? ... ผมคิดว่าสุดท้ายก็คือเจ้าของทุนครับ.

    สวัสดีครับ

    P
    คนที่บูชา "ความรู้" แต่ไร้ซึ่งจินตนาการ ก็เหมือนมีดาบชั้นยอดแต่ไม่แตกฉานในเคล็ดวิชา ได้แต่ถือดาบฟันอย่างทึดๆ นอกจากจะกวัดแกว่งดาบเหมือนแบกท่อนเหล็กแล้ว ยังไร้ซึ่งสุนทรยะ ไร้ซึ่งความงดงามที่จะยังแก่ผู้ใด

    .....

    ช่วงนี้อากาศทางเหนือเป็นยังไงบ้างครับ -

    ....

    ว่าด้วยเรื่องจินตนาการ   หน่อยก็น่าจะดีนะครับ.

    ก่อนหน้านี้ผมเคยเป็นวิทยากร   มีนิสิตถามว่า  หากต้องเลือกนิสิตมาสร้างเป็น "ผู้นำนิสิต"  ผมอยากได้ผู้นำนิสิตที่มีความรู้ความสามารถเข้าใจในเรื่องกฎระเบียบ หรือคนที่มีจินตนาการเป็นกลุ่มแรก

    ผมตอบอย่างไม่ลังเลว่า  ต้องการกลุ่มที่มี "จินตนาการ"   เพราะนักกิจกรรมที่ดีต้องมีจินตนาการ, มีความคิดสร้างสรรค์,  มีความเป็นศิลปะในทางความคิด  ไม่ใช่ติดยึดกับกรอบวัฒนธรรมอันเป็นระเบียบข้อบังคับจนไม่รู้จักที่จะบูรณการ

    เรื่องของระเบียบกฎเกณฑ์เป็นเรื่องที่สอนกันได้  .. แต่เรื่องจินตนาการเป็นเรื่องเสมือนหนึ่ง "พรสวรรค์"  นักกิจกรรมที่มีจินตนาการจึงดูมีชีวิต  เป็นต้นไม้ที่โยกไหวอย่างมีจังหวะ  ไม่ใช่ไม้ใหญ่ที่แข็งทื่อ ..

    ....

    ความวิเศษของกระบี่ก็คงต้องขึ้นอยู่กับผู้ใช้อยู่วันยังค่ำ  หากกระบี่ชั้นเลิศ  แต่ผู้ใช้ไม่รู้วิธีใช้  ไม่มีวิทยายุทธ  ไม่มีความแตกฉานในเพลงกระบี่  ผมว่ากระเปล่าประโยชน์...

    ..

    ขอบคุณครับ  และต้องขออภัยหากผมพร่ำเพ้อเข้าป่าและ ออกทะเลไปจนน่าชัง

    P จินตนาการก็อาจจะสอนได้?

    สวัสดีครับ  บ่าววีร์

    P

     

    ผมเห็นด้วยและชื่นชมก็สังเกตของบ่าววีร์เสมอ  ดูผิดแปลกไปจากคนทั่วไปไม่น้อย ,  และเป็นความคิดที่เต็มไปด้วยสีสันเสมอ  อาทิ

    อาคารแบบนี้มักมีจุดมุ่งหมายคือการลดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน. มีถังขยะร่วมกัน. ทางเดินร่วมกัน. ที่สำคัญคือใช้ที่ดินน้อย  ....  ที่อยู่แบบนี้ความสวยงามด้านนอกไม่ได้มีนัยยะสำคัญอะไร เพราะว่าคนที่มาอยู่ดูที่ราคาที่น้อยที่สุดที่จะหาที่ซุกหัวนอน.

    หรือแม้แต่ ...

    ระหว่างบ้านหรือห้องห่วยๆ  กับการไม่มีที่ซุกหัวนอนมันต่างกันมากมายนัก. ต่อให้เขาเห็นด้วยว่าที่อยู่ของเขาเป็นมลพิษทางสายตาก็ตาม ก็คงต้องอยู่ไปอยู่ดี

    ....

    เราต่างมีวันเวลาที่ใกล้เคียงกัน   แต่ในเรื่องของโอกาสนั้นผมเชื่อเหลือเกินว่า  คนเรามีโอกาสทางสังคมและเศรษฐกิจที่ไม่เท่าเทียมกัน .. ซึ่งหมายถึงคนเราเลือกเกิดไม่ได้  และยังมีโอกาสในการ "เลือก"  ที่แตกต่างกันด้วยเหมือนกัน   กระนั้น  นั่นก็ไม่ใช่สาระอันสำคัญของแนวคิดทั้งหมด   การได้ทำดีที่สุดอย่างเต็มที่ ณ จุดที่เป็นอยู่และในโอกาสที่เป็นอยู่นั้นต่างหากคือสาระอันสำคัญของการมีชีวิตอยู่..

    การรู้สึกเช่นนั้นอาจจะหมายรวมถึงความรู้สึกภาคภูมิใจต่อสถานะของตนเอง,  พอเพียง สมถะ .. ค่อยเป็นค่อยไป  ...และกว้างไปถึงการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับความเป็นสังคมอย่างมีความสุขด้วยเช่นกัน

    ....

     

    ผมสงสัยไม่น้อยว่า   เมื่อคนที่พักอาศัยในตึกใหญ่เหล่านั้นมองผ่านช่องหน้าต่าง หรือประตูหนังห้องออกมาเห็นทุ่งนาและตุ่มน้ำใบเล็ก หรือแม้แต่ต้นไม้ที่ผมกล่าวถึงนั้น  พวกเขามีความรู้สึกนึกคิดเช่นไรบ้าง  หรืออาจจะเป็นเหมือนที่บ่าววีร์กล่าวไว้จริง ๆ ก็เป็นได้  นั่นคือ

    ใต้ร่มไม้นั้นอาจจะเป็นที่พักหย่อนใจของคนระแวกนั้น ที่หันหลังให้มลพิษความเบียดเสียด. แล้วหันหน้าให้กับต้นไม้ใบหญ้า เพียงชั่วขณะ ก็อาจจะบำบัดจิตใจร่างกายที่อ่อนล้าอึดอัดไปได้บ้าง. แล้วค่อยกลับเผชิญความเบียดเสียดในยามที่ต้องซุกหัวนอนอีกครั้ง.

    ...

    ครับ,  บ้าน  และที่ซุกหัวนอน  มีความแตกต่างกันจริง ๆ ...

    ขอบคุณครับ

    สวัสดีครับ  คุณเอก

    P

    ผมเองก็เหนื่อย ๆ เหมือนกันครับ ... เรื่องที่เล่าจึงดูเนือย ๆ  ... เรื่อย ๆ  ไม่มีจังหวะจะโคนหน่วงหนัก

    ...

    ในทุกที่เป็นเช่นนี้ครับ ...  แต่ในทุกที่นั้น  จะมีเสียงสะท้อนก้องดังหรือไม่ .. นั่นคือสิ่งที่ผมเฝ้าสังเกตการณ์

    ขอบคุณครับ

     

    เห็นโอ่งกับต้นไม้ รู้สึกคุ้นๆ

    เพราะเราเป็นคนชอบโอ่งและต้นไม้มาก

    ที่บ้านโอ่งกับต้นไม้...จะอยู่คู่กันเสมอค่ะ

    และรู้สึกดียิ่งขึ้นเมื่อรู้ว่าเขา..คุยกันรู้เรื่อง

    P ผมก็ชื่นชมภาพถ่ายของอาจารย์เหมือนกันครับ (ไม่ใช่แค่บันทึกนี้นะครับ) เหมือนภาพที่ออกมาจากบทกวี เห็นแล้วชุ่มชื่นเหลือเกิน. (ตามประสาคนบ้านนอกอย่างผมหละนะ)

    ภาพตึกเบียดเสียดยัดเยียดผมแค่เห็น ก็นึกถึงประสบการณ์ของตัวเอง แล้วก็แทบสำรอกออกมาทีเดียว. 

    บางคนก็เลือกที่จะอยู่ที่ดีๆได้ครับ แต่ก็ยังเลือกไปอยู่ตึกแท่งๆ สิ่วแวดล้อมแย่ๆ. แล้วไม่นานก็ต้องออกมาเพราะทนไม่ไหว. 

    ชนชั้นกลางอาจจะมองสิ่งก็สร้างพวกนี้ว่าไร้รสนิยม เป็นมลพิษทางสายตา. เจ้าของทุนอาจจะมองว่าเป็นแหล่งทำกำไร.  คนจนอาจจะมองว่าเป็นที่กันแดดกันฝน.  ... จะมีทางออกอะไรที่ดีสำหรับทุกคนหรือเปล่าครับ?
    P เป็นอุปกรณ์แต่งบ้านที่ผมอยู่ที่ระยองทีเดียวครับโอ่งนี่ :-).

    สวัสดีครับ

    P
    poo
    ช่วงนี้ต้องขออภัยอย่างมากที่ตอบบันทึกล่าช้า  รวมถึงการไปเยี่ยมเยียนกัลยาณมิตรก้ดูน้อยลง   เพราะมีพันธกิจอันมากมายบีบรัด ..

    คิดว่าคู่สหายคงทำใจได้แล้วกระมังคะ ด้วยวันวัย และกาลผันผ่าน สองสหายก็มีความสุข สงบ เรียบง่าย ตามประสา กับธรรมชาติแวดล้อม

    ....

    อาจเป็นจริงตามทัศนะข้างต้นแหละครับ .. เมื่อวันเวลาล่วงมาสู่ระยะหนึ่ง   ทั้งสองพานพบและสัมผัสทุกวี่วัน  กลายเป็นความเคยชิน,  ชินกาย, ชินใจ  จนนำไปสู่การทำใจได้และจำยอมต่อภาวะเช่นนั้น  เพราะไม่อาจทานแรงรุกคืบต่อสิ่งเหล่านี้ได้เลย

    ผมสงสารก็แต่ที่นาแปลงนี้ที่ย่อมได้รับผลกระทบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลย ...  น้ำเสียที่เกิดจากสบู่, แชมพู,  ผลซักฟอก  และอื่น ๆ จิปาถะถูกถ่ายเทลงที่ดิน หรือที่นาอย่างน่าเห็นใจ  และสภาพการณ์ก้เริ่มปรากฏชัดเจนว่าต้นข้าวดูจะไม่แข็งแรง  เติบโตราวกับคนป่วย ..  ผมเองก้ไม่แน่ใจว่า  ท้ายที่สุดจะยืนระยะได้ยาวนานสักแค่ไหน

    นี่คือปรากฏการณ์จริงที่เกิดขึ้นในทุกสังคม  เป็นการเคลื่อนไหลในทางสังคม  วัฒนธรรมเก่ากับวัฒนธรรมใหม่เจอะเจอกันอย่างเลี่ยงไม่ได้  ขึ้นอยู่กับว่าใครจะยืนหยัดได้ก้เท่านั้นเอง

    หรือสิ่งเหล่านี้เป็นภาวะจำยอม  ที่ต้อง "ยอม"  และต้อง "ทน"  เลยก็เป็นได้

    สะท้อนใจ, เหนื่อยใจ....  กระนั้นก็ยังยืนยันว่า   เห็นใจและเศร้าใจอย่างไม่เปลี่ยนแปลง 

    ....

    ขอบคุณครับ

     

    .....

     

    • รู้สึกผิดจังค่ะที่ไม่ได้มาเยี่ยมเยียนกันเลย
    • หว้ายุ่งจริงๆ โครงการต่างๆก็เยอะมากเลย
    • ชื่อเราก็เป็นอันดับต้นๆที่ถูกเรียกใช้เป็นประจำ
    • ขนาดหว้าบอกว่าต้องไปออกพื้นที่   เขาก็บอกงั้นต้องหาอาจารย์มาแทน
    • อิอิ แอบบ่นนิดๆ 
    • แวะนำกิจกรรมดีๆของนักศึกษามาฝากค่ะ
    • http://gotoknow.org/blog/Kulkanit/113962

     

    สวัสดีครับ คุณแหวว

    P
    • ขออภัยอย่างมหาศาลนะครับสำหรับการตอบบันทึกที่ล่าช้า ..
    • ...
    • อ่านแล้วผ่อนคลาย และรู้สึกสนุกๆ ยังไงก็ไม่รู้...แบบว่าอ่านไปยิ้มไป...ได้อะไรแปลกๆ ใหม่ๆ...รู้สึกเหมือนตอนเป็นเด็ก ได้ฟังนิทาน...ที่พืชและสัตว์พูดได้ มีหลายๆครั้งที่ชอบความเป็นเด็ก...นี่เอง..ถึงได้สนุก
    • โลกของเด็ก ๆ .. เป็นโลกแห่งความรื่นรมย์เสมอ,  และเต็มไปด้วยความสงสัยและจินตนาการอันพิสุทธิ์ใด .. 
    • ผู้ใหญ่เองก็มักหวนคิดถึงเรื่องราวในวันวัยของการเป็นเด็กอยู่เสมอ   และหลายคนก็เปรยในทำนอง "อยากกลับไปเป็นเด็ก"  จังเลย
    • ...
    • ผมเขียนบันทึกนี้ในอารมณ์รู้สึกเหนื่อยล้า...  และอันที่จริงก็เป็นแบบฉบับตนเองที่ชอบเขียนเรื่อย ๆ  ลาก ๆ  เนือย ๆ ...  ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้อ่านจะซึมซับไปในห้วงมุมใด ...
    • ดีครับ... ที่คุณแหววอ่านแล้ว "รู้สึกดี"   ...ผมก็พลอยดีใจไปด้วยเช่นกัน
    • ขอบคุณจริง ๆ ...ครับ

    ขอบคุณครับ  บ่าววีร์..

    P

    คุณแหวว  ไม่ได้มีความสุขบนความทุกข์ของผมหรอกนะครับ  แต่มาช่วยให้ผมหัวเราะและชุ่มชื้นขึ้นเป็นกองต่างหาก...

    ว่ามั๊ย... lol

     

    บ่าววีร์ครับ ...

    P
    (๑)

    ผมค่อนข้างเห็นด้วยอย่างเต็มที่เกี่ยวกับเรื่อง "สถาปนิก, วิศวกร"  ที่ทำงานภายใต้กรอบของ "นายทุน"  หรือเจ้าของทุน ..เพราะเข้าของเงินคือผู้กำหนดในสิ่งที่อยากจะได้และอยากให้เป็น .. ผมเองยังคิดเลยครับว่าถ้ามีบุญวาสนาที่จะมีบ้านสักหลัง  ยังวาดฝันไว้หลายอย่าง  นั่นคือ  ... การกำนหดรูปแบบต่าง ๆ  เพื่อให้คนเขียนแบบและช่างได้ถอดความคิดนั้นออกมาในรูปของบ้าน

    แต่คงอีกนาน และนานเลยแหละครับ

     

    (๒)

    ส่วนกรณีการจะให้เลิกชุดเครื่องแบบนิสิตนักศึกษานั้นผมกลับเห็นว่าไม่น่าจะเป็นวิธีแก้ปัญหาเลยทั้งหมด   เอาเป็นว่าให้เขาใส่แบบไม่ล่อแหลม,  ถูกกาละ,  ไม่ฟุ้งเฟ้อ  ก็น่าจะพอไหว ..

    นี่ผมหัวโบราณหรือเปล่าครับ ... (ฮา..)

     

    สวัสดีค่ะ

  • ผมเขียนบันทึกนี้ในอารมณ์รู้สึกเหนื่อยล้า...  และอันที่จริงก็เป็นแบบฉบับตนเองที่ชอบเขียนเรื่อย ๆ  ลาก ๆ  เนือย ๆ ...  ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้อ่านจะซึมซับไปในห้วงมุมใด ...
  •  แต่พี่ว่า เขียนแบบคุณพนัสก็ดีนะ ทำให้คนอ่านไม่เหนื่อยที่จะอ่าน และมีจินตนาการร่วมไปด้วย พี่เอง อ่านไป ยังนึกว่า เจ้าต้นไม้กับตุ่ม นี่มีชีวิต โต้ตอบกันจริงๆเลย เขียนได้น่ารักค่ะ
  •  โลกมันเปลี่ยน อะไรๆมันก็เปลี่ยนค่ะ เป็นไปตามครรลองของชีวิตและสิ่งแวดล้อมค่ะ
    • อีกรอบครับ ... บ่าววีร์ ...
    • ว่าด้วยจินตนาการ นั้น
    • ผมว่าให้สอนก็คงสอนได้บ้าง .. แต่คงอยากพอตัว
    • นั่นแน่ .. ผมมีเสียงสนับสนุนอยู่ข้าง  ๆ  ถึง 2  เสียงเลยแหละ.
    • บ่าววีร์ ว่าไง ...ครับ
    P ให้เลิกใส่เครื่องแบบนักเรียน/นักศึกษา/นิสิต(ทำไมมีหลายอย่างจัง?) ก็คงไม่อยากเลิกเหมือนกันหละครับ. พอใส่เครื่องแบบแล้วคงเหมือนมีเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจอะไรบางอย่างหนะครับ. แบบนี้คงไม่ใช่หัวโบราณ. คนส่วนมากก็ดูเหมือนจะอยากมีเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจทั้งนั้น.
     
    ต่อไปผมอาจจะพบอาจารย์สอนวิธีสร้างจิตนาการอยู่ก็ได้?
     

    สวัสดีครับ

    P

    ต้นไม้ร่มรื่นเย็น,  โอ่งน้ำใบเล็กก็ฉ่ำเย็น...

    เสียดายภาพนี้ผมเข้าไปถ่ายภาพใกล้ ๆ  ไม่ได้.. ไม่งั้นคงได้ภาพที่คมชัดมากกว่านี้..

    ยืนยันครับ... ทั้งสองคุยกันอย่างน่ารักและน่าชื่นชมเป็นยิ่งนัก

    !!!!

     

    ซื้อเลนส์ซูมเลยครับ :-P.  ผมเคยคิดแบบนี้อยู่แว็บนึงนะครับตอนจะถ่ายกระต่าย. แต่นึกได้อีกทีก็รู้ตัวว่าเราไม่ใช่ช่างภาพสารคดีสัตว์โลก. lol

    สวัสดีครับ  บ่าววีร์

    P

    ทุกครั้งที่ได้อ่านทัศนบ่าววีร์  ผมมักได้เห็นมุมมองที่แตกต่างและแปลกแยกไปจากคนอื่นเสมอ  แต่เป็นมุมมองที่บังคับให้ต้อง "หยุดคิด"  ไปโดยปริยาย   และนั่นคือเอกลักษณ์และสไตล์ของบ่าววีร์ในโลก G2K ..

    ในเรื่องเดียวกัน,  คนเรามีโอกาสได้เลือกที่ต่างกัน  แต่ก็มีจำนวนมากเช่นกันที่ตัดสินใจเลือกใน "สิ่งเดียวกัน" .. 

    แต่วิถีของคนชั้นกลางกับนายทุน ,  อันที่จริงก็คาบเกี่ยวเป็นกลุ่มเดียวกันได้   มักมีโอกาสในทางสังคมที่ดีกว่าคนทั่วไปที่หมายถึงประชาชนคนยากไร้ ...

    ผมไม่แน่ใจว่าอย่างกรณีชาวนานั้น,  มีลักาณะร่วมอันเป็นสากลเหมือนกันหรือไม่  นั่นคือ "ยากจน" ...

    ....

     

    สวัสดีครับ

    P
    • คิดถึง อ.ลูกหว้าเสมอนะครับ
    • ซึ่งหมายถึงการให้กำลังใจต่อวิถีการงานอันหนักหน่วง  ...และเวลาอันน้อยนิดของการพักผ่อน
    • ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ใกล้โค้งสุดท้ายของการลงประชามติ,  เป็นธรรมดาที่ อ.ลูกหว้าจะรู้สึกหนักหน่วงและเหนื่อยล้ากับการงานเหล่านี้
    • ยังไงเสีย - 
    • ก็ยังอยากที่จะยืนยันว่า...
    • เข้าใจ, 
    • และเป็นกำลังใจให้เสมอ นะครับ ...

    สวัสดีครับ  พี่ศศินันท์

    P

    ผมเขียนบันทึกนี้ในอารมณ์รู้สึกเหนื่อยล้า...  และอันที่จริงก็เป็นแบบฉบับตนเองที่ชอบเขียนเรื่อย ๆ  ลาก ๆ  เนือย ๆ ...  ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้อ่านจะซึมซับไปในห้วงมุมใด ...

    แต่พี่ว่า เขียนแบบคุณพนัสก็ดีนะ ทำให้คนอ่านไม่เหนื่อยที่จะอ่าน และมีจินตนาการร่วมไปด้วย พี่เอง อ่านไป ยังนึกว่า เจ้าต้นไม้กับตุ่ม นี่มีชีวิต โต้ตอบกันจริงๆเลย เขียนได้น่ารักค่ะ

    โลกมันเปลี่ยน อะไรๆมันก็เปลี่ยนค่ะ เป็นไปตามครรลองของชีวิตและสิ่งแวดล้อมค่ะ

    .....

    •  ผมดีใจนะครับที่หลายท่านบอกว่า "ชอบ"  ภาษา หรือสไตล์ของผม
    • ซึ่งส่วนใหญ่ดูจะชอบในทำนองนี้มากกว่าด้าน "ความหมาย"  หรือ "แนวคิด"
    • แต่สำหรับผมแล้ว... ยินดีและดีใจในทุกกรณี ครับ
    • ....
    • โลกเปลี่ยนแปลง - ชีวิตและสังคมก็เปลี่ยนแปลงไปตามนั้น
    • G2K  ดำเนินไปอย่างไม่หยุดนิ่ง  
    • ขณะที่ผมก็ยังคงมุ่งมั่นและพยายามต่อการทำหน้าที่ "คนเล่าเรื่อง" ... สืบไป...
    • ...

    สวัสดีครับ  บ่าววีร์

    P
    वीर
    ว่าด้วยเรื่องชุดนิสิตนักศึกษานั้น :  ผมถือว่ายังมีความจำเป็นที่จะต้องใช้อยู่ในประเทศไทย
    • อย่างน้อยก็เตือนใจและเป็นเสมือนภาพฟ้องที่สะท้อนให้นิสิตนักศึกษาได้ตระหนักถึง "เครดิต" ที่สังคมมีต่อพวกเขา
    • ชุดนิสิตนักศึกษา หรือเครื่องแต่งกายประจำสถาบันการศึกษายังคงมีความสำคัญต่อการจำแนกสถานะของผู้คน  แต่ต้องไม่ใช่เครื่องบ่งชี้ "ชนชั้น"  ทางสังคม
    • ซึ่งหมายถึงการบ่งชี้ให้เห็นสถานะของความเป็นนิสิตนักศึกษาที่เป็นเสมือน "ความหวัง"  ของการพัฒนาสังคมในอนคต  แต่ต้องมิใช่การบ่งชี้ให้รู้ว่าคือ ผู้ที่ได้รับ "อภิสิทธิ์"  เหนือใครต่อใคร
    • ....

    ว่าด้วยการสอนจินตนาการนั้น ... เราน่าจะปลูกฝังกันได้  กระตุ้นกันได้ ...  แต่ก็คงไม่สมบูรณ์ในด้านของการ "สอน" ...  แต่หากพบเจอ  ก็ขอปาวารณาตนเป็นลูกศิษย์ด้วยคน  นะครับ

    ...

    ผมเคยคิดที่จะซื้อเลนส์ซูมเหมือนกัน.. แต่ท้ายที่สุดก็สรุปเองว่า  "ยังไม่จำเป็น" ...

    เลยต้อง  "เอาไว้ก่อน" ...

    ...

    ขอบคุณมากครับบ่าววีร์ ....

     

    เราไม่ได้อยากให้มันกลายเป็นชนชั้น แต่บางทีมันก็เป็นอะครับ ตามประสาดาบสองคมทั่วไป. ก็คงแล้วแต่ชั่งน้ำหนักเอาหนะครับ.

    สวัสดีครับ  บ่าววีร์ ...

    P

    บางทีในสภาพการณ์ปัจจุบัน  เราก็ทำดีที่สุดด้วยการทำความเข้าใจต่อยุคสมัย, สังเคราะห์และบูรณาการเป็นหลักสำคัญ -

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท