หากคิดจะพัฒนาไทย ต้องกล้าวิจารณ์นิสัยของคนไทย (คุณมองอย่างไรครับ)


ลองมองแบบทั่วๆ ไปนะครับ ไม่พาดพิงตัวบุคคล แต่มองเป็นกลางแบบเปิดใจกว้างๆ แล้วมองย้อนไปยังตัวไทยเรา ตัวคนไทย ตัวประเพณี วัฒนธรรม ประกอบกับแหล่งที่ตั้ง ที่อุดมสมบูรณ์ ลองดูนะครับ ว่าจะโยงเกี่ยวกับการศึกษา หรือการพัฒนาคนได้อย่างไรครับ

สวัสดีครับทุกท่าน

         วันนี้มาคุยกันแบบสบายๆ เรื่องการพัฒนาประเทศไทย จริงๆ แล้วการจะพัฒนาได้ ก็ต้องมองถึงจุดด้อยของคนไทย คนไทยทุกคนก็อยากจะพัฒนาเมืองไทยใช่ไหมครับ ผมก็คนหนึ่งครับ ที่อยากจะร่วมพัฒนาครับ แต่ประสบการณ์แค่น้อยนิดครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมองก็คือว่า เราคนไทยต้องกล้าที่จะวิจารณ์นิสัยของตัวเรา คือนิสัยของคนไทยด้วยครับ ว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร และส่วนใดบ้างที่ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศนะครับ

        ลองมองแบบทั่วๆ ไปนะครับ ไม่พาดพิงตัวบุคคล แต่มองเป็นกลางแบบเปิดใจกว้างๆ แล้วมองย้อนไปยังตัวไทยเรา ตัวคนไทย ตัวประเพณี วัฒนธรรม ประกอบกับแหล่งที่ตั้ง ที่อุดมสมบูรณ์ ลองดูนะครับ ว่าจะโยงเกี่ยวกับการศึกษา หรือการพัฒนาคนได้อย่างไรครับ

        อย่างง่าย อีกประเด็นคือ ประเทศไทยส่งคนมาเรียน กันมานานแสนนานครับ แล้วเราจะพัฒนาอย่างไรในอนาคต ......

ลองวิจารณ์กันดูนะครับ

ขอบคุณมากๆ นะครับ

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์

หมายเลขบันทึก: 92551เขียนเมื่อ 25 เมษายน 2007 23:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม 2012 17:00 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (40)
  • คนไทยขาดความความคิดสร้างสรรค์ ไม่กล้าลองของใหม่ ๆ และไม่มั่นใจในตัวเอง ชอบคิดว่าต่างชาติทำได้แต่เราทำไม่ได้หรอก เราคงไม่สามารถสร้างหรือคิดค้นอะไรที่มันเป็นระดับโลกได้ (จากฝรั่งที่อยู่เมืองไทยมานานบอกมาครับ)
P

สวัสดีครับ อ.เก๋

  • ขอบคุณมากเลยครับผม
  • เป็นวิธีการหนึ่งเลยครับ รับฟังข้อคิดเห็นจากฝรั่งนี่ ก็ไม่ธรรมดานะครับ ได้อะไรหลายๆ อย่างเลยครับ 
  • ผมเคยได้ยินฝรั่งบอกเหมือนกันครับ ว่า คนไทยกลัวเสียหน้า
  • ขอบคุณมากๆ เลยครับ อ.เก๋
  • แล้วท่านอื่นๆ หล่ะครับ ร่วมแสดงความเห็นไว้ได้นะครับ บางทีเพราะนิสัยคนไทยก็ได้ครับ ที่ทำให้เราเป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ครับ หันมามองตัวพวกเราเองกันไหมครับ แบบเปิดใจรับในข้อเสียของเราแล้วหาแนวทางพัฒนาครับ
  • ขอบคุณมากนะครับ

สวัสดีค่ะคุณเม้ง

  • ครูอ้อยขออนุญาตแสดงความคิดเห็นในส่วนที่ครูอ้อยเกี่ยวข้องนะคะ  ในนามเป็นครูผู้สอนในระดับชั้นประถมศึกษา พูดในเรื่องของความขาดนั้น....เด็กไทย ขาดมากไปทุกเรื่องทีเดียว..
  • แต่วันนี้ครูอ้อยจะขอพูดเรื่อง....วินัย   เด็กไทยขาดมีวินัยในตนเอง   ไม่รู้สถานะของตนเอง   ขาดความเชื่อมั่น  หลงผิดและเชื่อคนง่าย  พูดง่ายๆคือ  ขาดทักษะการคิด....
  • ครูอ้อยและเพื่อนครูส่วนใหญ่ได้ตระหนักในเรื่องนี้มากทีเดียว  เด็กไทยขาดเรื่องนี้ด้วยที่จะคิด  หากจะคิดก็ชอบคิดแบบติดลบหรือที่เรียกว่า negative thinking 
  • ต้องให้ความร่วมมือกันทุกฝ่าย  ตั้งแต่สังคมเล็กคือครอบครัว  โรงเรียน  สังคม  ต้องช่วยกันในเรื่องนี้ให้มากค่ะ    .....คิด...วินัย..ขอ 2 อย่างก่อนค่ะที่จะพัฒนาคน

ขอบคุณค่ะคุณเม้ง...ที่มีบันทึกที่ดีให้แสดงความคิดเห็นกันเพื่อพัฒนา

P

สวัสดีครับคุณครูอ้อย

  • ขอบคุณคุณครูมากครับ ที่ให้ความเห็นในนามครูผู้สอนครับ
  • ทำไมเด็กไทยถึงขาดวินัยครับ เด็กเอาอย่างผู้ใหญ่ด้วยหรือเปล่าครับ หรือว่าทางโรงเรียนไม่ได้เอาจริงเอาจังครับ หรือว่าเพราะเหตุใดครับ หรือว่าทางบ้าน หรือว่าครู หรือว่าเพราะตัวเด็กเอง หรือว่าสื่อ.......
  • ขอบคุณมากครับคุณครู

คุณเม้งคะ

  • ตามความคิดและการสังเกตของครูอ้อยนะคะ  เด็กส่วนใหญ่ขาดวินัย  เพราะสื่อล่อใจ  ไม่ใช่ตัวเด็กผิดเองล่ะค่ะ  สื่อที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตเด็กมาเกินล้น   ทำให้เด็กที่ขาดสิ่งที่ครูอ้อยกล่าวมาแล้วนั้นอยู่แล้ว  ยิ่งจะอาการเป็นหนักขึ้น 
  • ครอบครัวก็มีส่วนที่ตามใจลูก  แบบเลี้ยงลูกไม่เป็น  ก็ไม่ใช่ทุกคนหรือทุกครอบครัวนะคะ 
  • ตลอดจนโรงเรียนค่ะ  บางโรงเรียนเอาจริงเอาจังมาก  สั่งให้ครูทบทวนเรื่องคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของนักเรียน  แต่ครูบางคนก็สั่งงานการบ้านให้เด็กไปสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เนต  เหมือนกับส่งให้เด็กไปพบกับสิ่งชั่วร้าย  เพราะเด็กยังขาดความยั้งคิด  ก็มีค่ะ
  • ครูอ้อยกำลังศึกษาหาข้อมูลกำลังจัดทำดุษฎีนิพนธ์ของครูอ้อย  ซึ่งก็เวียนวนกับเรื่องคุณธรรมพื้นฐาน  เรื่องวินัยด้วย  ซึ่งครูอ้อยต้องพึ่งพาคุณเม้งล่ะค่ะ

ขอบคุณค่ะ

P

สวัสดีครับคุณครู

  • พอพูดถึงเรื่องสื่อ....ผมอยากเห็นสื่อไทยเพื่อเด็ก เพื่อสร้างบำรุงหน่อจินตนาการของเด็กจริงๆครับ
  • แต่ตราบใดก็ตามที่สื่อมุ่งเน้นแต่กำไร ให้ขายได้มาก คนดูเยอะๆ เรื่องการศึกษา การพัฒนาสมอง...ก็น่าเป็นห่วงครับ
  • เรื่องของครอบครัวก็อีกปัจจัยหนึ่งครับ ที่ทุกๆคนต้องให้ความสำคัญครับ ผมว่าวิธีการเลี้ยงดูเด็กแบบไทย..สำหรับหลายๆ ครอบครัว...เช่นเรื่องการทำให้กลัวโดยไม่กล้าจินตนาการ การหวังดีจนคิดเองไม่เป็น....
  • ผมว่าเมื่อเราสร้างให้เด็กกล้าคิด กล้าทำ กล้าแก้ปัญหาแล้ว ผู้ใหญ่ก็ต้องการที่จะเป็นที่ปรึกษาให้เด็กด้วยครับ กล้าที่จะอยู่ข้างๆ กับเค้าในการพัฒนาการทางความคิดครับ
  • ขอให้คุณครูสนุกกับการเขียนงานนะครับ

ดีมากเลยค่ะคุณเม้ง เป็นบันทึกที่กระตุ้นต่อมความคิด

คนไทยในสายตาของอาจารย์พยาบาลที่ดูแลคนคลอดบ้างค่ะ...มองว่า อิทธิพลของศาสนาพุทธบวกความเชื่อจากพื้นฐานตะวันออกคือจีน อินเดีย ทำให้คนไทยมีคุณสมบัติหนึ่ง คือเวลาป่วยจะมีความอดทนอดกลั้นและ เวลาป่วยไม่ได้คิดเพื่อตัวคนเดียวแต่คิดเผื่อสามี พ่อแม่ฯลฯ ...และความกตัญญูต่อพ่อแม่ .....คนมาคลอดที่เป็นชาวบ้านจะแสดงออกชัดค่ะ คือมาคลอดจะมีคนมาส่งเป็นคันรถ มีด้ายสายสินจน์ผูกข้อมือเรียกขวัญมา ฟังคำสั่งสอนจากพ่อแม่เรื่องเลี้ยงลูกอ่อน อยู่เดือน(อยู่ไฟ)ตามคำแนะนำโบราณฯลฯ ........ดิฉันมองว่า คุณสมบัติแบบนี้ในแง่ของพยาบาล ถ้าเราเข้าใจปรัชญาชีวิตและบริบทของคนคลอด...เราจะมองคุณสมบัติแบบนี้เป็นกลาง ไม่ไปตัดสินว่า เป็นข้อดีหรือเสียค่ะ...แต่ถ้าข้อปฏิบัติไหนไม่น่าจะถูกต้องและอาจเป็นอันตรายก็ต้องชี้แจงและหาทางร่วมในการจัดการให้สอดคล้องมากกว่าไปขัดแย้งค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับ  คุณเม้ง

มาจิบน้ำชาก่อน  เมื่อวานหายไปไหนครับ

ประเด็นวันนี้ดีครับ เรา ชาว g2k คงได้แลกกเปลี่ยนกันอีกหลากหลายครับ   แล้วจะกลับมาใหม่ครับ

  • คนไทยมีนิสัยมักเกรงใจผู้อื่น เช่นเกรงใจหัวหน้า เกรงใจลูกน้อง ไม่กล้าวิจารณ์ เพราะการวิจารณ์หัวหน้าอยู๋ลำบาก
  • ไม่ค่อยกล้ายอมรับความเป็นจริง
  • กลัวเสียหน้าที่แบกอยู่บนบ่าค่ะ
  • เออ! บางที่เราก็เป็นนะ ว่าแต่คนอื่น (แต่น่าจะเป็นไม่มากนะ .....ประเมินเอง)
P

สวัสดีครับ อ.จันทรรัตน์

  • ท่านอาจารย์สบายดีนะครับ
  • ขอบคุณมากๆ เลยครับ สำหรับความเห็นในมุมมองของพยาบาลครับ
  • ทำให้ได้ประเด็นเพิ่มเติมครับ
  • ขอบคุณมากเลยครับ เข้ามาร่วมพูดคุยกันอีกนะครับ
P

สวัสดีครับคุณสิทธิรักษ์

  • ขอบคุณมากครับ
  • เมื่อวานมีแขกครับผม วันนี้มีแขกอีกเช่นกันครับผม ขอโทษด้วยนะครับ ทำให้จิบน้ำชาคนเดียวครับ
  • ยังไงก็ร่วมถกกันนะครับ ผมจะมาต่อค่ำๆ นะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับ
  • เจอกันนะครับ

สวัสดีค่ะคุณเม้ง สมพร ช่วยอารีย์ ---------> http://www.somporn.net ---------> http://www.schuai.net

ว่าจะวิจารณ์ตัวเองให้คนอื่นฟังสักหน่อย ; ) รู้สึกว่ามีคนให้ความเห็นไปหมดแล้ว ถูกเกือบหมดเลยค่ะ

อ้อเพิ่มอีกหน่อยบางทีดิฉันก็ทำอะไรผิวเผินค่ะ ไม่ค่อยลึกซึ้ง แล้วก็มีช่วงหนึ่งของชีวิตที่วัตถุนิยมพอสมควรค่ะ (ตอนนี้ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ)  ; )

สวัสดีค่ะคุณสะ-มะ-พะ-ระ

ข้อดีนะค่ะ

  • ยิ้มสยาม 
  • ลืมง่าย
  • ไม่ค่อยมีปากเสียงกับใคร
  • ชอบเมื่อมีคนชม
  • ทำอะไรตามใจฉันค่ะ
  • ฯลฯ

ข้อเสียก็มีค่ะ

  • ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง กลัวเสียประโยชน์ หรือกลัวการเรียนรู้สิ่งใหม่(คนส่วนใหญ่นะค่ะ)
  • ยึดติดค่ะ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุ หรือสิ่งของ หรือแม้แต่พวกค่ะ
  • ไม่กล้าพูดหรือแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม ประชุมเสร็จก็ออกมาพูดด้านนอกหรือคัดค้านนอกห้องประชุม
  • ไม่ค่อยยอมรับการติติง หรือไม่ค่อยยอมรับความจริง ขอเถียงไว้ก่อน คิดแบบ Negative ไว้ก่อน
  • ไม่ค่อยตรงต่อเวลา
  • เปลี่ยนใจง่ายหรือโลเล ในสิ่งรอบตัวนะค่ะ
  • อีกอันคือกลัวเสียหน้า แบบฆ่าได้หยามไม่ได้ไง อิ อิ
  • จริง ๆ ข้อดีก็เยอะนะค่ะเดี๋ยวเข้ามาใหม่ค่ะ
  • ขอแจ่มด้วยคนนะ
  • ประเทศไทยดีทุกอย่าง  เสียอย่างเดียวที่มีคนไทย  คำพูดของ  มรว.คึกฤทธิ์  ปราโมท
  • นิสัยคนไทยด้านลบ   ชอบเรื่องไสยศาสตร์  เชื่อผี  เล่นการพนัน  นับถือและเอาใจคนมีเงิน และอำนาจ  เพื่อแสวงหาประโยชน์   ขี้อิจฉา ไม่ชอบเห็นคนอื่นได้ดี  คนดีหากไม่ชอบก็หาเรื่องโจมตีได้  สังคมขี้อิจฉา   เชื่อคนง่าย  ไม่ค่อยมีเหตุผล   ชอบอิสระ (เดินแกว่งไม้แกว่งมือ)  พิทักษสิทธิของตนเอง ชอบเรียกร้องสิทธิ์  แต่ไม่ชอบทำตามหน้าทีของตน  ชอบเอาตัวรอด ไม่รับผิดชอบ
  • นิสัยคนไทยด้านบวก   ยิ้มแย้มแจ่มใส  ชอบเอาใจแขก เวลามีแขกมาบ้านจะต้อนรับ หาอาหารที่ดีให้ทาน เอื้อเฟื้อ  ขี้สงสาร  ชอบสนุกสนาน  รื่นเริง   ประจบประแจงเก่ง เอาใจเก่ง 
  • พัฒนาประเทศไทยสงสัยคนไทยต้องตายแล้วเกิดใหม่ สอนกันใหม่

เห็นด้วยกับคุณครูอ้อยนะคะ..อาจจะเพราะเป็นครูเหมือนกัน..ก็เลยพบเจอสิ่งต่างๆคล้ายๆกัน...

เด็กไทยเดี๋ยวนี้ขาดความรับผิดชอบทั้งต่อตนเอง   ครอบครัวและสังคม..โดยรวมแล้วตัวเองคิดว่าน่าจะมาจากการขาดทักษะการคิด..เพราะบางทีถึงแม้ว่าครูและครอบครัวจะกวดขัน..แต่เราต้องยอมรับส่วนหนึ่งด้วยว่าเด็กก็เป็นผู้เลือกด้วยที่จะประพฤติตัวอย่างไร

คงต้องถึงเวลาที่เราต่างก็คงจะต้องพยายามหาวิธีในวิถีทางบทบาทหน้าที่ของตนเอง...เพื่อพัฒนาเยาวชนของชาติให้เป็นคนมีคุณภาพ...โดยเริ่มจากตัวเราเอง...

มีความสุขในการดำเนินชีวิตนะคะ

ขอบคุณค่ะ..

 

สวัสดีครับ คุณสมพร

มีความยากลำบากใจเกิดขึ้นนิดหน่อย ในการตอบกระทู้นี้ (ทั้งๆที่อยากตอบ) ก็คือ ผมจะสอนนักศึกษาแพทย์เสมอ เรื่อง stereotyping หรือ การ generalization นั้น ไม่เคยสักครั้งเดียวที่จะเกิดผลดี ผมคิดว่าลักษณะดี/ไม่ดี นั้นเป็นของ "คน" คนธรรมดาๆ คงจะไม่ใช่ที่เราจะ monopolize characters อะไรที่ไม่ดี หรือที่ดี

แต่ถ้าให้วิจารณ์ว่า อะไรที่ทำให้ "จี๊ด" ในชีวิตประจำวัน จากคนรอบข้าง เอาแบบที่พบบ่อยๆ เป็นนิสัย อาจจะพอเข้ากันได้กับหัวข้อนี้รึเปล่าไม่ทราบ ก็ลองดูนะครับ

  • มักง่าย บางคนเรียก "ไร้ระเบียบ" ถ้าพูดเป็นภาษาวิชาการก็คือ "ไม่มี ไม่เน้นหลักการ" เอาความง่ายเป็นเกณฑ์ใหญ่ในการคิด การทำ ของชีวิต มีกฏก็หลีกเลี่ยง เทิดทูนศรีธนญชัย คือ เอาสีข้างเข้าถู เจ้าเล่ห์เพทุบาย ของชาติอื่นก็มี แต่ผมว่าดีกรีความ "ไม่ดี" น้อยกว่าของเรา เช่น นัสรูดิน ของตุรกี เราไม่ค่อยเห็น "คุณค่าของหลักการ" ก็เลยนิยมแหกกฏเล็กๆน้อยๆ เพราะ impact ไม่ชัด หรืออาจจะไม่มี แต่ผลของการ "ไม่เคารพกฏ" นั้นเองที่เป็น evil ตัวใหญ่ ไม่ใช่การแหกกฏเล็กๆ
  • ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ปรากฏการณ์ "ตื่นวัตถุ" เร็วๆนี้ น่าจะ sum-up หัวข้อนี้ การแลกเปลี่ยนตามกระดานข่าวเปิดต่างๆ พันธทิพย์ manager ฯลฯ เต็มไปด้วยการปลุกเร้าอารมณ์ พฤติกรรมที่อารมณ์ผลักดัน แม้แต่ถกเถียงอภิปรายก็จะเต็มไปด้วยอารมณ์ ซึ่งนับว่า ironic สำหรับประเทศที่กำลัง claim ว่าใช้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ เพราะการคิดไตร่ตรอง ศึกษาลึกซึ้งนั้น น่าจะเป็น virtue และอยู่ในพฤติกรรมของศาสนาพุมธ ที่ไม่ได้เน้น faith มากเท่าอย่างอื่นๆ เราจะเอา "คุณค่าของตัวตน" ไปผูกพันกับ "ความคิด ข้อสรุป ความเชื่อ" อย่างมากมาย จนกระทั่งไม่เอื้อบรรยากาศของความคิดที่ขัดแย้ง เพราะเมื่อความคิดถูก challenge ว่าผิด คุณค่าของตนพลอยสั่นคลอนแคลนไปได้อย่างน่าประหลาดใจ การพูดคุย มี หรือ ไม่มีสาระ สามารถกลายเป็นการทะเลาะ การเยาะเย้ย ถากถาง ประชดประชัน ท้าทาย เหยียดหยัน ได้อย่างง่ายดาย ไม่น่าเชื่อ สำนวนที่เราใช้เต็มไปด้วย sarcasm เป็นชีวิตประจำวัน เป็น aggressive traits ที่กำลังระบาดในเวทีการแสดงความเห็นหลายๆที่

เอาแค่นี้ ก้พอแก่การเข้าสมาธิ สำรวมจิตใจแล้วกระมัง?

ชอบหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าค่ะ

สวัสดีคุณเม้ง และทุกๆ ท่านนะคะ

วิจารณ์นิสัยคนไทยอ่ะ ง่ายค่ะ เพราะทุกคนเป็นคนไทย ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วล่ะ จากที่เคยคุยๆ กับเพื่อนคนไทยด้วยกัน พอพูดถึงประเด้นนี้ก็ออกมาแนวเดียวกัน (อย่างที่อ่านข้างบนก็ใช่หมดเลยค้า)

นิสัยดีๆ ที่เราก็รู้ๆ กัน และฝรั่งก็นับถือมีเยอะค่ะ แต่ถ้าจะปรับเปลี่ยนนิสัยที่แย่ๆ เนี่ย (ข้างบนยกตัวอย่างเยอะเลยค่ะ)...ทำยังไงดีล่ะคะ

บางครั้งคนที่แปลกออกไป เราก็ว่าผิด บางทีเราจะเห็นดาราที่เป็นเด็กลูกครึ่ง หรือมาจากนอก พอทำอะไรมั่นใจในตัวเองมากหน่อย ก็มักจะโดนตำหนิ

ซึ่งเป็นเพราะมันออกจะดูกล้าเกินไปสำหรับวัฒนธรรมไทย (ไม่ใช่เรื่องแต่งตัวโป๊เกินนะคะ แต่เป็นนิสัยฝรั่งเกิน แบบไม่กล้าพูด กล้าแสดงออก) แต่...เค้า use to มาแบบนั้นที่เมืองนอก และที่เมืองนอก มันดูเป็นเรื่องธรรมดา ตอนอยู่เมืองไทย มุมมองแบบไทยๆ เราก็รู้สึกแปลกๆ กับความมั่นใจเกินพิกัดของเด็กนอก

แต่พอมาเห็นเด็กฝรั่งที่นี่ ถึงเข้าใจว่า การเลี้ยงดูของฝรั่ง เค้าเป็นอย่างงั้นจริงๆ เด็กข้างบ้านร้องไห้งอแง ไม่ได้ดังใจ ร้องเพื่อเรียกร้องความสนใจ คุณพ่อหันหลังให้เลยค่ะ เพราะไม่อยากโอ๋ให้เด็กได้ใจ (แต่ยืนหันหลังอยู่ใกล้ๆนะ) สักพักเด็กจะหยุดร้องไห้แล้วพ่อจึงหันมาพูดว่าทำไม อะไร ยังไง เด็กก็จะคิดเองได้ว่าเค้าผิด หรือถูก คือไม่โอ๋ หรือตามใจ แต่ก็ไม่ปล่อยให้โดดเดียว ยังอยู่ใกล้ๆ สอนแบบฝรั่งๆ ค่ะ (แอบดูเค้าอยู่ข้างหน้าต่าง ฮ่าฮ่า)

เค้าเลี้ยงลูกให้คิดเองได้ กล้าคิด กล้าเถียง

เอาง่ายๆ เรื่องทำวิจัยเนี่ย

เด็กฝรั่งไม่ได้เก่งกว่าคนไทยเราหรอก เพียงแต่...ถ้าเค้าคิดว่าเค้าถูก เค้าเถียงอาจารย์แหลกเลย แต่คนไทย...จะถูกหรือผิดไม่แน่ใจ (ในตัวเอง) แต่...ค่ะ...ครับ...ไว้ก่อน ให้แก้อะไรก็แก้ ประมาณว่าไม่ควรเถียงผู้ใหญ่ ประมาณนั้น (หรือเพราะความรู้ไม่แน่น หุหุ) (แต่มีมาแอบบ่นในใจ และกะเพื่อน)

เอาเป็นว่า วิจารณ์นิสัยคนไทยอ่ะไม่น่าจะเป็นปัญหาค่ะ

แต่...นิสัยแบบไหนที่สงเสริมการพัฒนาประเทศชาติ แล้วทำยังไงให้ไม่ขัดแย้งกับวัฒนธรรมที่ละมุนละไมของเรา จะได้ไม่เกิดการขัดแย้ง และเดินหน้าการพัฒนาได้อย่างรวดเร็วคะ...ขอความเห็นค่ะ

^___^

ความเห็นแก่ตัวอยู่ในส่วนลึก เอาตัวเองเป็นท่ตั้ง เอาคนอื่นไว้ข้างหลัง เอาผลประโยชน์นำหน้า เอาหน้าแลกความดี  กิ่งค่ะ


สวัสดีครับญาติสนิทมิตรสหายทุกท่านครับ

  • เข้ามาทักทายรายงานตัวก่อนนะครับ ว่ากลับมาแล้วครับผม
  • คิดถึงทุกคนนะครับ เดี๋ยวจะทยอยตอบเรียงคนนะครับผม
  • ขอบคุณมากๆ นะครับ
P

สวัสดีครับ ท่านอาจารย์

  • ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ ที่เข้ามาแสดงความเห็น นั่งจิบชาก่อนนะครับ เข้ามาเสิร์ฟช้าไปหน่อยครับ
  • ข้อความเห็นของท่านอาจารย์

    ว่าจะวิจารณ์ตัวเองให้คนอื่นฟังสักหน่อย ; ) รู้สึกว่ามีคนให้ความเห็นไปหมดแล้ว ถูกเกือบหมดเลยค่ะ

    อ้อเพิ่มอีกหน่อยบางทีดิฉันก็ทำอะไรผิวเผินค่ะ ไม่ค่อยลึกซึ้ง แล้วก็มีช่วงหนึ่งของชีวิตที่วัตถุนิยมพอสมควรค่ะ (ตอนนี้ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ)  ; )

  • ผิวเผิน ฉาบฉวย มองข้ามประเด็นสำคัญไป บางทีก็ได้รับข้อมูลมาก็ไม่ได้ศึกษาให้รู้ที่มาที่ไปก่อนจริงๆ ก็เกิดกับตัวผมบ่อยๆครับ

  • เรื่องวัตถุนี่ผมจะเกิดกิเลสเวลา ไปเดินดูเทคโนโลยี อิๆ แต่กิเลสมันก็โดนดับไปเกือบทุกครั้ง ด้วยคำถามง่ายๆ ว่าจำเป็นจริงเหรอ ต้องมีให้ได้หรือ ขาดได้ไหม เอาไปแล้วต่อยอดอย่างไรบ้าง .... คำตอบออกมาจากเพื่อนอีกคนในสมอง ก็ทำให้ได้คำตอบในการตอบออกมา น่าสนใจจริงๆ เบรคตัวเองด้วยตัวเอง ห้าๆๆ

  • ขอบคุณมากๆนะครับ

P

สวัสดีครับคุณราณี

  • ขอบคุณมากๆ เลยครับ สบายดีนะครับผม
  • ยอดเลยครับ แบ่งมาเป็นข้อๆ ครับ จริงๆ แล้วไม่ว่าจะเขียนว่า ข้อดีหรือข้อเสีย หรือว่าจะพูดทางตรง หรือทางอ้อม ตรงนี้เป็นการแสดงถึงว่าเราพร้อมที่จะให้ตัวเราวิจารณ์ตัวเรา หรือเปล่า
  • หรือเราพร้อมจะให้คนอื่นวิจารณ์เราหรือยัง เราพร้อมจะทำหน้าเสีย หรือแสดงหน้าเสีย ต่อหน้าคนอื่นหรือเปล่า เราพร้อมจะเสียหน้าหรือเปล่าครับ
  • หลายๆ ครั้งที่คนต้องฆ่ากัน เพราะไม่ยอมเสียหน้าให้แก่กัน ทั้งๆ ที่แค่กล่าวคำว่าขอโทษ เรื่องก็จบ โดยที่ไม่จบชีวิตใช่ไหมครับ
  • ขอบคุณมากๆ เลยครับ
P

สวัสดีครับคุณกอบัว

  • ยินดีต้อนรับเลยนะครับผม นั่งจิบชากันก่อนครับ
  • ขอบคุณมากๆ เลยครับ เห็นแต่ละประเด็นโดนใจมากๆ นะครับ ทำให้นึกถึงเรื่องเล่าถึงเรื่องตอนสร้างโลกนะครับ ที่เค้าว่าพระเจ้าสร้างโลกมาอย่างไร
  • เช่น ที่อเมริกา ก็ใส่ความเจริญ ใส่คนไว้ แต่จะเจริญเร็วไป เลยเอาพายุไปใส่ไว้ให้ด้วย
  • พระเจ้าก็สร้างๆ ไปเรื่อยๆ จนเกือบหมดทั้งโลก แล้วเหลือบริเวณที่ตั้งของประเทศไทย แล้วก็เลยใส่คนไทยลงไป เพื่อถ่วงดุลย์ให้เกิดความสมดุล กันครับ เพราะที่สุดท้ายที่เหลือคือ อุดมสมบูรณ์มาก คือเมืองไทยเรา
  • มองๆ ดูแล้วก็น่าขันนัก แต่ขำไม่ออกเหมือนกันครับ
  • หากได้มีการบูรณาการนิสัยคนหลายๆ ประเทศ แล้วบวกกับความมีข้อดีของคนไทย ความน่ารักของคนไทย แล้วพัฒนาให้ไปในถูกที่ถูกทาง ก็คงยอดกว่าที่เป็นอยู่ครับ
  • ตอนเด็กๆ ผมเคยหิ้วน้ำจากสระน้ำไปรดน้ำต้นไม้ เดินไกลครับใช้บัวรดน้ำ เวลาหิ้วน้ำข้างเดียว มันไม่สมดุลครับ ต้องสลับมือ หรือหยุดบ่อยๆ แต่หากมีบัวรดน้ำสองข้างจะทำให้เรามีสมดุล เดินได้ไกลขึ้นครับ เพราะว่าสระน้ำ กับแปลงผักก็ไกลครับ วันหนึ่งอีกกี่รอบ
  • ดังนั้นหากสร้างสมดุลให้เกิดก็คงดีมากๆ ครับ
  • ขอบคุณๆ มากๆ นะครับ
P

สวัสดีครับคุณครู

  • ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ สำหรับข้อความเห็นดีๆ นะครับ เรื่องเกี่ยวกับเด็กๆ และการศึกษา
  • จริงๆ ผมว่าปล่อยให้เด็กคิดเอง และเรียนรู้เองก็ได้ครับ แต่หากเตลิดกันไป กว่าจะรู้ตัวก็เสียคนไปแล้ว หรือว่าเสียชีวิตไปแล้ว แบบนี้ก็คงไม่ไหวใช่ไหมครับ ดังนั้น เด็กเค้าก็ต้องการกลุ่มคนที่คอยให้ความรู้เค้า ให้โอกาสเค้าคิด ให้เค้าได้ทำ ได้สร้าง ความฝันที่เค้าอยากทำ อยากคิด ด้วยครับ
  • คุณครูทั้งประเทศก็สำคัญมากๆ ครับ ต้องช่วยๆ กันครับ สื่อต่างๆ ก็ต้องผลิตอะไรให้เค้าคิด เค้าบำรุงสมองกัน นอกจากจะบันเทิงอย่างเดียว หรือสร้างแรงจูงใจให้เกิดกับเด็กๆ ในการคิดและสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับสังคมได้
  • เด็กโตได้ก็ต้องดูสิ่งแวดล้อม และดูคนที่เค้าอยากจะยึดเป็นแบบอย่างเหมือนกันใช่ไหมครับ รับสิ่งต่างๆ ข้อมูล ประกอบกับความฝันของเค้าที่ตั้งเอาไว้ครับ
  • ผมเคยสังเกตเด็กสองสามขวบ ยืนดูทีวีอยู่คนเดียว ตอนมีโฆษณา เค้าจะมีพฤติกรรมเลียนแบบ ยืนเต้นรำอยู่หน้าทีวี แล้วก็หมุนๆ ตัวเอง จนล้มลง แล้วก็ลุกขึ้นมาเต้นๆ กันต่อ ตามเสียงเพลงในทีวี และทำท่าทางตามภาพที่เห็น
  • สื่อพวกนี้เหมาะสำหรับการเรียนรู้มากๆ ว่าแล้วก็นึกถึงทีวีที่ผมสังเกต รายการดี สำหรับเด็กบางทีก็อยู่ตอนเช้ามืด รายการพระ และศาสนาอื่นๆอยู่ตอนดึกๆ ที่ยังไม่สว่าง  ไม่แน่ใจว่ามีผู้ชมดูกันมากไหมครับ เค้าอาจจะเปิดให้ผมดูก็ได้ครับ เพราะเวลาที่ผมอยู่ตามหลังเวลาไทยอยู่ห้าหรือหกชั่วโมง เอาไว้ให้ผมขัดเกลาจิตใจตัวเองด้วย อันนี้ก็เป็นข้อดีครับ
  • แต่หากไม่มีใครดูเลย ก็เปลิงพลังงานโลกไปหรือเปล่าครับ.....
  • ผมว่าต่อไปอาจจะมีรายการทีวีและวิทยุ หรือสื่อแบบมัลติมิเดียให้เด็กๆ จัดร่วมกับคุณครูในโรงเรียนก็คงดีครับ เป็นการสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ครับ
  • หากเริ่มจากเรื่องง่ายๆ บางทีเราจะได้แนวคิดอะไรที่น่าสนใจกันเยอะครับนะครับ
  • เอผมพูดออกนอกเรื่องไปแล้วครับ อิๆ
  • ไว้จะสรุปเรื่องต่างๆ เหล่านี้ แล้วจะเอามาถกกันทีละประเด็นครับ ว่าจะหาทางแก้ร่วมกันอย่างไรนะครับ
  • ร่วมถกเรื่องจุดเด่นด้อย คนไทยไว้อีกนะครับ
  • ขอบคุณล่วงหน้านะครับ
P

กราบสวัสดีคุณหมอครับ

  • ยินดีต้อนรับนะครับ เชิญนั่งจิบชากันก่อนนะครับ ขอบคุณท่านอาจารย์ที่แวะเข้ามาร่วมจี๊ด ด้วยนะครับ
  • เรื่องของการ มักง่าย และการใช้เหตุผลน้อยกว่าอารมณ์ นี่ นับว่าเป็นเรื่องที่หนักเลยครับ
  • เพราะมักง่ายนำไปสู่การ การนิยมเรื่องง่ายๆ ทางลัด การได้มาซึ่งลัดๆ.....จริงๆ ตอนที่ตำหนิกันก็น่าจะตำหนิ หรือรับข้อตำหนิแบบง่ายๆ ตรงๆ กันก็ดีครับ ไม่ต้องพูดอ้อมค้อม ให้เลี้ยวไปเลี้ยวมานะครับ ทำให้ผมโยงไปถึง การรวยทางลัด หรือการหวังโชคชะตา เรื่องหวย เรื่องล็อตเตอรี่เลยครับ
  • สำหรับเรื่องการใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลนั้น นั่นคือลืมเรื่องวิทยาศาสตร์ทิ้งไปเลย แล้วก็ขับใจกันไปอย่างเพลิดเพลิน
  • ผมก็เคยเป็นครับ ยามใดที่อารมณ์ขึ้น แล้วคุมไม่อยู่นี่ บ้าเลยครับ คือรู้ตัวเลยว่าตัวเองโง่จริงๆ จำตอนเด็กๆ ได้เลยครับ เวลามีอารมณ์มากกว่าเหตุผลนี่....เสียคนจริงๆครับ
  • ขอบคุณมากๆ นะครับ ที่คุณหมอมาร่วมให้ประเด็นที่น่าสนใจ และตรงใจคนไทย ที่เราเป็น อาจจะไม่ใช่ทุกคน เพราะทุกคนไม่ได้เป็นแบบนี้ แต่หากท่านใดไม่ได้มักง่าย หรือใช้เหตุผลนำ ก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้วครับ ให้รักษาสิ่งดีๆ กันต่อไปครับ
  • ขอบคุณมากๆ นะครับ คงได้พูดคุยกันต่อไปครับ

บางทีก็ไม่แน่ใจนะว่านิสัยคนไทยจะมีผลหรือไม่ในทางการพัฒนาประเทศ

- เคยได้ยินมีคนพูดว่าประเทศไทยน่ะดีทั้งหมดเสียอย่างเดียว มีคนไทยอยู่

      ผมว่าพวกเราก็ก่อเกิดมาทางสายวัฒนธรรมไทยที่ทราบ ๆ กัน เราเป็นประเภทเกรงใจ คนฝรั่งงง ครับ คำนี้ไม่เคยมี

       ผมว่าเราเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ จนเกินเลย

        ผมว่าเราชอบสนุกสนานเกินขอบเขต

        ผมว่าเราไม่ชอบกฎระเบียบนัก

            แต่ยังไงซะ ข้อดีของพวกเราเยอะกว่าและผมว่าพวกเราไม่แย่เกินไปที่จะพัฒนา หากรู้ว่าจะเอาด้านจุดแข็งขึ้นมาต่อยอด

ปัญหาที่กำลังเกิดคือพวกเราขาดความเชื่อมั่นในระบบประเทศเรา

P

สวัสดีครับ คุณใบบุญ

  • ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ เชิญนั่งดื่มชากันก่อนนะครับ
  • ชอบหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าค่ะ
  • เรื่องนี้ มองๆ แล้วเหมือนว่าทั้งเป็นจุดเด่นและด้อยใช่ไหมครับ อยู่ที่ว่าเรื่องนั้นๆ จะเป็นเรื่องอะไร
  • เช่นหากการโต้แย้งแบบไร้เหตุผล การเผชิญหน้าก็ทำให้นำมาซึ่งความขัดแย้งมากขึ้นครับ
  • แต่หากเราแยกได้ว่าเรื่องนั้นที่ถกกัน เผชิญหน้ากันคือเรื่องงาน กับเรื่องส่วนตัว ก็คงดีครับ
  • แต่หากแยกออกจากกันไม่ได้ เราก็จะเหมาเป็นเรื่องเดียวกัน ในที่สุดแล้วความขัดแย้งนั้นจะฝังลึกในใจใช่ไหมครับ
  • ต่อไปก็ทำงานร่วมกันไม่ได้ครับ ก็จะเรื่อรังครับ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรมาที่ดีๆ เราจะขัดไปซะทุกอย่างเลยครับ
  • ขอบคุณมากๆ นะครับ มาถกร่วมกันต่อได้นะครับ
P

สวัสดีครับคุณอิส

  • ขอบคุณมากๆ เลยนะครับผม ดื่มชากันก่อนนะครับ
  • ผมเองก็เคยสังเกตฝรั่งเช่นกันครับ ในเรื่องของการเลี้ยงดูเด็ก ว่าเค้าจะทำเหมือนที่คุณเสนอมาเลย ทำให้ผมนึกถึงการเลี้ยงลูกในเมืองไทย เวลาเด็กเดินไปแล้วล้ม ด้วยความรักและหักห้ามใจในความเจ็บปวดของลูกไม่ได้ เลยต้องวิ่งไปรีบอุ้ม แล้วทำให้เค้านิ่งให้เร็วที่สุด คงประมาณว่าลูกเจ็บจะทำให้หัวใจแม่บาดเจ็บลึกเช่นกัน
  • ทางออกบ้านเราคือ หาแพะให้เด็ก เช่น กบไปไหนแล้วลูก โน่น วิ่งไปนั่นแล้ว แย่จริงๆ เลยนะกบตัวนี้ ทำให้หนูล้ม แล้วก็บอกว่า เดี๋ยวแม่ตีเสาให้ นี่ ตีเสาเลย อิๆๆ จากนั้นเด็กก็นิ่งเลยครับ
  • พอล้มครั้งต่อๆ ไป ก็ตีเสาอีก อิๆ แปลกไม่แปลก เชื่อไม่เชื่อ ผมก็เห็นมาแล้ว ครับ อิๆ แต่ละคนก็จะต่างๆ กันไปครับในการสอน
  • ฝรั่งนี่ผมเห็นจุดนี้ กลายเป็นจุดที่น่าสนใจครับ ที่เค้าทำเป็นไม่สนใจ ทั้งๆที่อยู่กับลูกตลอด เด็กเค้าอาจจะร้องไห้ แต่ไม่ได้ให้ความสนใจในจุดนั้น แล้วค่อยเข้าไปเวลานิ่งแล้ว
  • สำหรับเรื่องการแสดงออกในความกล้า ตรงนี้ จริงๆ เด็กไทยก็มีจินตนาการที่ดี ไม่ต่างจากเด็กฝรั่งหรอกครับ เพียงแต่หน่อจินตนาการที่ติดมากับตัวของเด็ก เราอาจจะทำให้หน่อเหล่านั้นบอดตอนที่เราสอนกันนี่หล่ะครับ แล้วแต่ว่าหน่อนั้นจะตายหรือบอดตอนอยู่บ้านก่อนเข้าโรงเรียน หรือว่าจะบอดตอนที่อยู่โรงเรียน อันนั้นแล้วแต่เหตุปัจจัย
  • เมื่อก่อนผมหน่ะ ก็ไม่กล้าถามหรอกครับ หากครูดุผมก็ไม่กล้าถาม กลัวโดนไม่เรียวเหมือนกันหล่ะครับ ไม้หวายขนาดเท่าหัวแม่โป้ง เอาดิครับ อิๆ ใครจะกล้า
  • เรื่องการวิจัยนั้นก็น่าสนใจครับ อิๆ เรื่องนี้ผลงานจะเป็นตัวบ่งบอกกันครับ หากเรามองกันจริงๆ เราจะเห็นกันครับ ว่าอะไรเป็นอย่างไรในเรื่องนี้ บ้านเราเห็นค่อนข้างชัดเรื่องวิจัยครับ
  • จะวิจัยให้ได้ดี แต่ฐานการศึกษามันยังไปไม่ถึงไหน เราจะไปหวังยอดที่งานวิจัยได้อย่างไรใช่ไหมครับ เราต้องปูฐานของงานด้านการศึกษาให้แน่นอนก่อนด้วย แล้วทำทุกๆ ระดับไปด้วยกัน ด้วย
  • เอาเป็นว่า วิจารณ์นิสัยคนไทยอ่ะไม่น่าจะเป็นปัญหาค่ะ

    แต่...นิสัยแบบไหนที่ส่งเสริมการพัฒนาประเทศชาติ แล้วทำยังไงให้ไม่ขัดแย้งกับวัฒนธรรมที่ละมุนละไมของเรา จะได้ไม่เกิดการขัดแย้ง และเดินหน้าการพัฒนาได้อย่างรวดเร็วคะ...ขอความเห็นค่ะ

  • ผมก็คิดอยู่ก่อนจะโพสต์บทความนี้ครับ ว่าโพสต์แล้วจะมีคนกล้าแสดงความเห็นกันไหม แต่เอาก็เอา ลองดูครับ ไทยมองไทยก็ต้องมองครับ ก็เรามองตัวเราเช่นกัน มองจากมุมต่างๆ ก็ได้ภาพต่างๆ กันไป บางทีต้องออกมาไกลๆ แล้วมองย้อนไปครับ ได้อะไรดีๆ เยอะเหมือนกันครับ

  • เห็นด้วยว่าเราต้องหาทางในการทำให้ไม่เกิดความขัดแย้ง ผมว่าหากเราอยู่บนเหตุผลของการโต้แย้งและถกกัน เหตุผลจะเป็นตัวทำให้เราอยู่ได้บนความเห็นที่ตรงกันได้ ใช้สติครองอารมณ์ให้เป็นไปตามเหตุผล สิ่งต่างๆ ก็คงอยู่ได้สบาย ไม่ยึดติดกับสิ่งที่ถกไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน

  • ขอบคุณมากๆ นะครับ แล้วถกกันอีกนะครับ

ไม่มีรูป
พัทยา เพียพยัคฆ์

สวัสดีครับคุณกิ่ง

  • ขอบคุณมากๆ นะครับ ที่ให้เกียรติเข้ามาเยี่ยมครับ เชิญนั่งดื่มชาก่อนครับ
  • ความเห็นแก่ตัวอยู่ในส่วนลึก เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เอาคนอื่นไว้ข้างหลัง เอาผลประโยชน์นำหน้า เอาหน้าแลกความดี  กิ่งค่ะ
  • ทำให้ผมนึกถึงปณิธาน ของพระราชบิดา ที่ให้มองกิจของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ของตัวเองเป็นกิจที่สอง และสิ่งดีๆ จะตกแก่ตัวท่านเอง
  • ขอบคุณมากๆ เลยนะครับผม มาถกกันต่อนะครับ

ขาดความมั่นใจในความเป็นคนไทย แม้แต่นักวิชาการที่อยู่แวดวงการพัฒนาผู้คนก็เหอะผมว่า   

นั่นก็คือโดยรวมประเทศเราขาดอัตลักษณ์ของตัวเอง

เทียบกับสิงคโปร์  หรือจีน  หรือมาเลก็ได้ พวกนั้นเขาแสดงออกถึงความเป็นเขาออกมาได้  ทั้งที่พวกนั้นล้วนมีความหลากหลายทางประชากรและวัฒนธรรมมากกว่าเราซะอีก

นิดเดียวผมว่าประเทศเราถ้าจะไปข้างหน้าอย่างแบบฉบับของเรา  ดูในหลวงท่านสิครับ  แสดงออกถึงความเป็นคนไทยและชาติไทย และมีความทรนงในความเป็นคนไทยชาติไทย  ท่านลงมือเกี่ยวข้าวปักดำก็ด้วยนั่นคือรากฐานของเรา  ถ้าเราจะพัฒนาเมืองไทยด้วยกัน   น้อมนำการพัฒนาของในหลวงมาเลย

     สุดท้ายที่เราโกหก โกงกินกันอยู่อย่างงี้อย่าโทษผู้มีอำนาจฝ่ายเดียว   เราเอง เห็นตังค์ได้เปล่าลอยอยู่ตรงหน้า  ผู้อื่นยัดใส่มือเรา ยังอยากได้เลย   แต่จะมีใจแข็งกล้าพอที่จะไม่รับหรือคืนประโยชน์แก่คนส่วนหนึ่งหรือส่วนใหญ่ขนาดไหน

    ผมทำงานพัฒนาท้องถิ่นร่วมกับประชาชน ตำบลหนองแปน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น  บอกได้เลย มีผลประโยชน์บางทีร้อยสองร้อยจากเงินโครงการบ้างจากอื่น ๆ บ้าง แต่ผมจะบอกเสมอว่าผมจะไม่รับ เช่นค่าวิทยากร  แต่ถ้าโครงการเขียนแล้วว่าให้  ผมก็รับแล้วบอกเอาไปซื้ออะไรมากินด้วยกันดีกว่า   บอกไว้เลยบางทีถึงเป็นเงินที่มีความชอบที่จะได้รับก็จริง ถูกกฎหมายด้วย  แต่ผม ก็เลือกที่จะดูว่าทีมงานเรา ลำบากขนาดไหน  ผมไม่ได้ยกตัวเองว่าเหนือกว่าในแง่ใดนะ   แต่บอกตรงที่คิดอย่างงี้ก็ยังน้อยกว่าผู้คนที่เสียสละให้สังคมอีกมากมาย  ผมแค่กลาง ๆ เท่านั้น

          แต่ประเด็นนี้คือ คุณกล้าพอไหมที่จะปฏิเสธผลประโยชน์แม้เล็กน้อย   นี่คือจุดใหญ่ที่ไม่ใช่นิสัยคนไทย   แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงทางค่านิยมของสังคมเราที่กำลังกลายเป็นว่า กินนิดหน่อยไม่เดือดร้อน  โกงนิดเดียว ไม่ผิด   แล้วค่านิยมนี้ก็ถูกหล่อหลอมมาช่วงหลัง ๆ ที่เรารับเอาค่านิยมทางวัตถุนิยมและความฟุ้งเฟ้อเข้ามาตอนหลัง  ผมไม่โทษใครหรอก แต่ความหรูหราฟูฟ่องที่ปรากฎทั้งในสื่อ และการแสดงออกของผู้คนทั่วไป ทำให้ชาวบ้าน ร้านเกษตรกร นอนเสื่อของเรา  ทำตัวไฮโซโดยสูญเสียความเป็นตัวเองไปแล้ว

P

สวัสดีครับคุณสุมิตรชัย

  • ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ ที่เข้ามาร่วมแสดงความเห็นกันมาตลอดครับ นั่งจิบชากันก่อนครับ
  • หากเราจะพัฒนาประเทศเราก็ต้องพัฒนาคนนี่หล่ะครับ พัฒนาการศึกษา สมอง แต่เราติดปัญหาหลายๆ อย่างนะครับ ผมว่า ซึ่งปัญหาเหล่านั้นคงมีที่มาจากนิสัยส่วนตัวหรือส่วนรวมของคนในชาตินั้นๆ ครับ ไม่แน่ใจว่าผมมองผิดหรือเปล่าครับ เพราะภัยธรรมชาติผมว่าหากนิสัยคนชัดเจนและหนักแน่นก็อยู่ได้ ญี่ปุ่นนี่ง่ายๆ เลยครับ แต่ะละปีโดนแผ่นดินไหว เกือบสองพันครั้ง แต่พัฒนาได้ดีครับ
  • ใช่เลยครับผม ผมว่าที่คุณมองนั่นก็จุดที่สำคัญเลยครับ คือ ปัญหาที่กำลังเกิดคือพวกเราขาดความเชื่อมั่นในระบบประเทศเรา
  • ขาดความเชื่อมั่นในตัวคนไทย หากเราปรับหลายๆ จุดด้อยหลายๆ จุดแล้วคงจุดแข็งที่หลายๆ ท่านกล่าวมาด้านบนแล้ว ผมว่าคงดีไม่น้อยครับ
  • เราต้องสร้างให้มีการพึ่งพากันได้ ระหว่างคนต่างสาขาอาชีพอย่างยั่งยืนให้ได้ เช่น ชาวนากับชาวไร ชาวเล และอาชีพอื่นๆ ก็ตาม
  • พึ่งพาแบบจริงๆใจนะครับ
  • คุณคิดว่าอย่างไรครับ

ดีใจจริง ๆ ที่คุณสนใจในการคิดถึงสังคมไทย และคุณก็อยู่ในบทบาทที่น่าจะขับเคลื่อนได้มากทีเดียว  และเครือข่ายของผู้คนเราที่ใช้วิชาความรู้ทำมาหากิน อย่างผมก็ด้วย  ก็น่าจะพึ่งพากันอย่างจริงจังใช่ ผมเห็นด้วย คือต้องจริงใจด้วย เพราะผลประโยชน์คือจุดเปราะบางที่ทำให้หลาย ๆ อย่างพังจริง  ๆ แม้ในกลุ่มผู้คนร่วมอุดมคติ   ผมยินดีอยู่แล้วอย่างจริงใจด้วย แคได้แลกเปลี่ยนกับคุณ มิสเตอร์ช่วยและคนอื่น ๆ ก็เป็นเกียรติ และช่วยสร้างกำลังใจกำลังความคิดให้ผมทำงานพัฒนาไปอีกเยอะ   แล้วคุยกันแลกเปลี่ยนกันไปเรื่อย ๆ ครับ  อาจเป็นไปได้สำหรับ สภาประชาชน หรือสภาวิชาการ ที่เชื่อมโยงกันได้ด้วยเครือข่ายปัญญา ไม่ใช่ เงิน และไม่แบ่งผู้มีความรู้ หรือร่ำรวย แต่พวกเราล้วนมีจุดมุ่งหมายที่ดีเพื่อส่วนรวมเท่านั้น

          เคยอ่านข้อคิดของคุณประทีป อึ้งทรงธรรม แกบอกว่าสังคมไทยทุกวันนี้ ต้องการคนดี  แต่แค่ดีอย่างเดียวไม่พอต้องการคนดีที่สามารถรวมคนดีได้ด้วยถึงจะมีพลังเพียงพอ

P

สวัสดีครับ

  • สนุกเลยครับผม หลังจากที่หายไปสองวัน ไม่ได้มาถกกันครับ
  • ผมยินดีครับ ที่ได้เข้ามาที่นี่ ได้เจอคนหลายๆ คน ที่มีประสบการณ์และมีแนวทางในการพัฒนา มองหาจุดยืนร่วมกันในการพัฒนาครับ
  • ผมเคยคิดไว้ว่า หากรัฐบาลไหนจะอยู่ได้ตลอด ทำได้ง่ายมากๆ คือไปเอาโครงการที่ดีๆ ของพระเจ้าอยู่หัวในโครงการพระราชดำริ ที่มีเยอะแยะมากมาย แล้วมาจัดลำดับความสำคัญให้เหมาะกับปัญหาตอนนี้ เน้นฟื้นฟูบางอย่างที่มีปัญหาเร่งด่วน แล้วทำตลอดไปต่อเนื่อง ชุดนั้นก็จะอยู่ได้ คนจะศรัทธาเอง
  • ค่า GDP อาจจะชี้ได้แค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น แต่ค่า บ่งชี้เรื่องคุณธรรม จิตใจคน มาตรวัดหัวใจคนไทย ว่าหัวใจคนไทย ควรจะมีหัวใจเบอร์อะไร เราได้วัดกันด้วยไหม แต่ละคนก็ต้องศึกษาและน้อมนำ สิ่งดีๆ มาปรับใช้ ทั้งในระดับตนเองและองค์กร
  • เรื่องผงเข้าตา (ผง(ผล)ประโยชน์) นี่เป็นเรื่องที่คนเรามีกิเลสเป็นที่ตั้งครับ การรู้จักหักห้ามใจคงจำเป็นครับ
  • ผมจะยกตัวอย่างคนธรรมดาคนหนึ่งให้ฟังครับ
  • วันหนึ่งคนนี้ ก็มีแนวคิดว่า เอมีคนมาทำงานแถวๆ นี้เยอะๆ เราน่าจะขายอะไรบ้างดีกว่า ก็เลยคิดว่า งั้นขายขนมจีนดีกว่า เธอก็ต้องทำขนมจีนขาย ไปซื้อขนมจีนมา แล้วก็ทำน้ำแกง น้ำยา เอง ช่วงแรกเธอก็ขายจานละห้าบาท
  • วันหนึ่งเธอขายไปได้เยอะเหมือนกัน หากนับจำนวนจาน แล้ว แต่เธอคงคิดต่อไปว่า หากขายจานละเจ็ดบาทคงได้มากกว่านี้เนอะ
  • และแล้วเธอก็ขึ้นราคาเป็นจานละเจ็ดบาท จากนั้น อีกไม่นานเธอก็ขึ้นราคาเป็นจานละสิบบาท จนในที่สุด ร้านเธอก็ร้างครับ
  • อันนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจครับ สำหรับแม่ค้า แทนที่เธอจะกินทีละน้อย แต่กินนานๆ เธอก็ฆ่าตัวเองด้วยการผูกคอตายด้วยราคาขนมจีนของเธอนั่นเอง
  • ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ

P

สวัสดีครับ

  • ตอนนี้ผมยังคิดถึงสังคมไทยอยู่ครับ ไม่รู้ว่าวันหน้าผมจะเห็นแก่ตัวหรือเปล่าครับ หรือวันหน้าจะเป็นอย่างไร วันนี้คิดอย่างนี้ ผมขอเน้นในเรื่องนี้ไปก่อนครับ
  • เพราะหากวันหนึ่งผมจะโกงกินชาติ ผมกะว่าจะต้องทำลายสถิติไปเลยครับ แต่หากทำไม่ได้ให้สุดผม อิๆๆ ผมขออยู่แบบนี้ดีกว่าครับ เพราะไม่งั้นก็ไม่เป็นที่ยอมรับใช่ไหมครับ อิๆ
  • คนเก่งหากทำประโยชน์นี่จะเกิดประโยชน์มากๆ นะครับ แต่หากได้คิดในทางกลับกันนี่ก็น่ากลัวนะครับ
  • ผมเห็นด้วยนะครับ การสร้างเครือข่ายของคนดีนี่หล่ะครับ โดยไม่ต้องแบ่งแยก ไม่มีรั้วกันครับ ให้เป็นแต่ละคนคิดประเมินตัวเอง แล้วหากสนใจก็เข้ามาร่วมพลังกัน ครับ โดยเฉพาะพลังของชุมชนครับ ทำไงให้ชุมชนเข้มแข็ง เพื่อจะต่อต้านกับกลุ่มคนที่จะเอาประโยชน์ฝ่ายเดียวได้ หากสังคมเข้มแข็งผมว่าประเทศก็อยู่ได้
  • การศึกษาเลยมีบทบาท โดยมีคุณธรรมมาคุมอีกที โดยเริ่มจากการคุมใจตัวเองครับ
  • เราทำได้โดยการเริ่มจากกลุ่มเล็กๆ นี่หล่ะครับ คนดีมีอยู่ทั่วไทยครับ แต่หากเจอคนดีๆ ที่ใจห่อเหี่ยวแล้ว ได้ปลุกฟื้นมาอีกรอบ ผมว่าคงมีชีวิตชีวาไม่น้อยครับ
  • ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ คงได้ถกและทำความรู้จักกันต่อไปครับ
  • ผมเองก็ต้องกลับไปทำงาน และมีอะไรให้ท้าทายอีกมากมายเลยครับ ในด้านการศึกษาครับ ผมอยากจะสอนเด็กที่อยากเรียน และเรียนไม่ต้องเก่งมากครับ เพราะเด็กเหล่านี้ขาดโอกาสมากๆ เลยครับ
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีครับคุณเม้ง เยอรมัน

  • มาช้าหน่อยนะครับ  รออ่านความคิดเห็นของผู้รู้ทั้งหลายก่อน  เพราะว่าผมไม่ค่อยมีความรู้  และไม่ได้อยู่ในวงการด้านพัฒนาบุคลากรของประเทศอย่างคนอื่นๆเขานะครับ ขอออกตัวไว้ก่อน
  • คิดว่าคนไทยที่เรียนมาสูงๆระดับ ดร.เมื่อกลับมาอยู่เมืองไทย ภายใต้การกำกับดูแลของนักบริหาร  ที่มาจากการลากตั้ง  ผมคิดว่าต่อให้มีดีกรีมาคนละ 3-4 ใบก็ช่วยอะไรเมืองไทยไม่ได้หรอกครับ  ถ้าการบริหารยังเป็นอยู่อย่างนี้
  • สื่อต่างๆก็มุ่งหวังแต่ผลประโยชน์ กำไร เพื่อห่ทุนไปสนับสนุนพวกพร้องให้ได้เข้ามาบริหารประเทศ  เพื่อคุ้มครองธุรกิจของบริวาร  มันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ผมเกิดแล้วละครับ 
  • เมืองไทยเดินหน้า 3 ก้าว ถอยหลัง 5 ก้าว แล้วจะมาหวังอะไรกับเด็กๆตาดำๆ ในเมื่อผู้ใหญ่ตาโตๆยังให้ความหวังกับประเทศชาติไม่ได้เลย

เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ  ขอบคุณครับ ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะสมก็ลบทิ้งได้นะครับ

P

สวัสดีครับคุณสะมะนึกะ

  • ขอบคุณมากครับพี่ มาไม่ช้าหรอกครับ ผมก็มาตอบหลายท่านช้าเหมือนกันครับ ติดภาระกิจเหมือนกันครับ
  • ผมว่าไม่ว่าเราจะอยู่ในวงการนี้หรือไม่อยู่ในวงการนี้ เราเป็นคนไทย ทุกคนมีสิทธิ์ในการเสนอความเห็นครับ
  • เรื่องจำนวน ดร. บอกได้เลยครับ ว่าไม่ได้เป็นจำนวนชี้วัดการพัฒนาอะไรได้เท่าไหร่ครับ ผมไม่เชื่อหรอกครับ ว่ามี ดร.เพียบแล้วคนจะทำงานได้เชิงพัฒนา ผมเห็นบางชุมชนเค้าไม่มี ดร.เลยนะครับ แต่ทำให้เกิดชุมชนยั่งยืนได้ครับ ไม่มีโจรผู้ร้ายเลยในหมู่บ้าน คนใจดี เอื้อเฟื้อต่อกัน แล้วดำเนินแบบเศรษฐกิจพอเพียงด้วย
  • ในทางกลับกัน หากมี ดร.แล้วขัดแข้งขาหน้าตา กัน ก็ไม่ได้ช่วยให้ดีอะไรดีขึ้นหรอกครับ
  • ผมได้รับข้อคิดอันหนึ่งจากอาจารย์ที่ผมรักและเคารพที่ภาควิชาของผม ท่านบอกว่า สมพรครูว่าในภาควิชาเราตอนนี้ยังไม่มี ดร. เลยซักคน แต่ต่อไปไปเรียนจบกันมา ดร.เต็มภาคเลย สิ่งที่ต้องระวังก็คือ ดร.แต่ละคนจะทำงานร่วมกันได้อย่างไร เพราะแต่ละคนมั่นใจในตัวเองกันสูง หากเป็นอย่างนั้น ภาควิชาก็คงบอบช้ำกันเลย การทำงานร่วมกันก็คงเจอปัญหา
  • อาจารย์อีกท่านก็บอกผมเหมือนกันครับ ว่า หากมี ดร.มาเต็มภาคแล้วทำงานร่วมกันไม่ได้ ขอแค่ มีจบ ป.โท ก็น่าจะดีกว่า หรือไม่ต้องส่งให้ไปเรียนกันดีกว่า ดังนั้นกลับมาก็ต้องช่วยกันและทำงานด้วยกันให้ได้
  • ผมว่า การทำงานในระดับการพัฒนานั้น คงต้องใช้คนทุกระดับครับ ไม่ใช่ว่า ดร.อย่างเดียวนะครับ เกษตรกรนี่สำคัญมากๆ เลยนะครับ เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ และบ้านเรารากแก้วก็เป็นเกษตรด้วยซิครับ เราจะเอาเสาปูน เสาเข็มไปแทนคงไม่ได้หรอกครับ
  •  ที่สำคัญเรื่องผลประโยชน์ก็อย่างที่ว่าครับ ต้องตามสิ่งนี้ให้ทัน ให้ทันใจตัวเอง ไม่งั้นปัญหาก็เกิดครับ ผมเห็นมาเยอะพอสมควรครับ
  • จำได้ตอนนั้นมีบริษัทหนึ่งเข้าไปซื้อภูเขาเพื่อระเบิดแล้วทำถนน ชาวนาท่านหนึ่งร่ำรวยเพราะขายภูเขา ได้เงินมาประมาณห้าล้าน แล้วลูกๆ ก็มาแย่งตัดพ้อทะเลาะกัน เพราะอยากได้เงิน คุณพ่อท่านนั้น ก็หนักใจมาก เลยผูกคอตายเก็บเอาไว้ให้เป็นตราบาปของลูกไว้สอนเตือนใจตน เพราะเมื่อก่อนรักกันดี เอาไว้ให้คนในหมู่บ้านนั้น ยกเป็นตัวอย่างในภายหลัง
  • ขอบคุณมากนะครับ

สวัสดีค่ะคุณเม้ง

อ่านแล้วนึกถึงที่คุณเม้งเคยตอบคำถามเบิร์ดว่าทำไมคนไทยถึงเก่งแบบ individual แต่ทำงานเป็นทีมไม่ได้ ?..และคำตอบก็คือเรา " เห็นแก่ตัว "

ลักษณะด้อยอันนี้ต้องกำจัดเพราะไม่ยังงั้นจะถ่ายทอดไปสู่รุ่นอื่นๆอีก..

การกำจัดก็คือ..เราต้องมีการศึกษาที่สมบูรณ์..คือให้ฉลาดแล้วมีการควบคุมความฉลาดให้อยู่กับร่องกับรอยของศีลธรรม..เอาศาสนา ( ทุกศาสนาที่มีในพื้นที่นั้นๆ ) มาเป็นฐานในการจัดการศึกษา..และจำเป็นที่ต้องมีต้องใช้ในทุกกรณีของการสร้างปัจจัยแห่งสันติภาพและวัฒนธรรมประจำชาติ..เอาให้เป็นเอกลักษณ์ไทยไปเลย ^ ^....เอกลักษณ์ไทยคือความไม่เห็นแก่ตัว ไม่ใช่ แมวไทย ชุดไทย หมาไทย หรือยิ้มสยามเท่านั้น..

I  ting .. I  tong

I  ting .. u  bong

V  ting .. V tong .. V  bong 2...

ได้เวลาหนี..แล้วค่ะ ^ ^ 

P

สวัสดีครับคุณเบิร์ด

  • สบายดีนะครับ
  • เข้าไปอ่านบทความคุณเบิร์ดอยู่เหมือนกันครับ แต่ยังไม่ได้ฝากรอยพิมพ์เอาไว้ครับ อิๆ
  • ความเห็นแก่ตัว นี่คือยาขมเขื่อนใหญ่เลยครับของคน
  • ผมสังเกตอันหนึ่งระหว่างไทยกับเยอรมัน ในการทำครัว มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้หรอกครับ แต่ผมมองไปเองนะครับ
  • คือผมสังเกตการปอกผลไม้ หรืออะไรซักอย่างด้วยมีด คนไทยเราจะหันมีดออกจากตัวครับ แต่ทางยุโรปและหลายๆ ประเทศจะหันมีดเข้าหาตัว น่าสนใจเหมือนกันครับ ลองเอาไปคิดเล่นๆ ครับผม
  • แล้วนี่จะหนีผมไปไหนครับเนี่ย อิๆๆ
  • V Ting V Tong V bong V tingtong and bong 2
  • ขอบคุณมากครับ

I  ting .. I  tong

I  ting .. u  bong

V  ting .. V tong .. V  bong 2...

ได้เวลาหนี..แล้วค่ะ ^ ^ อ่านแล้วฮาค่ะ  อิ อิ ชอบค่ะ คิดได้ไงคุณเบิร์ด

  • สวัสดีครับคุณราณีและคุณเบิร์ด คุณอาจจะได้อ่านแล้วนะครับ โชคดีนะครับ
  • บางทีนั่งคุยกับคนไทยด้วยกัน ในเรื่องประเด็นนี้ เพื่อนก็บอกว่า คนไทยมีนิสัย ปากว่าตาขยิบ อิๆ
  • ฝนฟ้าตกดีไหมครับ เมืองไทยตอนนี้ ดูภาพจากดาวเทียมแล้วเหมือนว่าจะชื่นใจกันทั่วเลยครับ
  • ผมไปเจอบทความหนึ่งของท่านบล็อกเกอร์กิตติมศักดิ์ P “โรงเรียนในฝัน” ที่เป็นความจริง และทำมาแล้ว 15 ปี ของท่านไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท