สวัสดีครับทุกท่าน
บันทึกนี้เล่าความย้อนหลังประสบการณ์เฉียด สมัยเรียนปริญญาโทอยู่ที่ กทม. มาดูกันครับ ว่าเฉียดอะไร
วันนั้นจำได้ว่าเป็นวันเสาร์ ที่งานกาชาดจัดที่ กทม. ด้วยครับ เพื่อนคนหนึ่งได้นัดให้ช่วยไปดูคอมพิวเตอร์ และติดตั้งโปรแกรมที่บริษัทที่ทำงานให้ในวันเสาร์ เราในฐานะมิสเตอร์ช่วย ก็ต้องไปดูและแก้ปัญหาให้เพื่อนเพราะกะว่าดูคอมให้เสร็จแล้วก็จะไปเดินงานกาชาดด้วยกัน
ไปถึงบริษัท ก็ช่วยดูคอมพิวเตอร์ให้ พร้อมติดตั้งโปรแกรมที่ต้องการ ก็ได้เวลาเที่ยง และยังทิ้งคอมพิวเตอร์ให้ดาวโหลดโปรแกรมบางตัวอยู่ครับ แล้วลงไปทานข้าวด้านล่างของบริษัท สั่งข้าวผัดรวมมิตรมื้อนั้น กินซะอิ่มเลยครับ
ก็ขึ้นมาบนบริษัทอีกรอบ ตอนบ่ายหลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จ แล้วติดตั้งโปรแกรมจนเสร็จเรียบร้อย เตรียมกะว่าเดี๋ยวลงไปเดินงานกาชาดกัน
"ต่ายครับ มีน้ำไหม หิวน้ำจัง"
"มีอยู่ในครัวด้านหลังนะ"
ว่าแล้วก็เดินไป เปิดตู้เย็นปั๊บ คว้าขวาดน้ำออกมา เปิดฝา
หยิบแก้วน้ำมา เทน้ำใส่แก้ว ครึ่งแก้ว ส่ายๆ น้ำในแก้วแล้วทิ้งลงไปก่อน ประมาณว่าล้างแก้วก่อนนิดหน่อย (เปลืองน้ำจริงๆเลย)
รินน้ำใส่แก้วเข้าไปอีหนึ่งแก้ว ด้วยความกระหาย ก็ซัดเข้าไปหนึ่งกรึ๊บ พอเข้าปากปั๊บก็ลงคอเลย ในขณะที่
กรึ๊บแรกลงไปแล้วกรึ๊บที่สองก็อยู่ในปากแล้ว
โอ้พระเจ้า ทำไมชีวิตนี้มันช่างสั้นเหลือเกิด (ประเทศชาติขาดทุนแน่เลยคราวนี้) ทราบได้ทันที่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น บ้วนกรึ๊บในปากทิ้งทันที
"ต่ายๆ น้ำนี้มันน้ำกรดหรือ"
ออใช่พี่เค้าแช่ไว้ สำหรับการตรวจคุณภาพน้ำหน่ะ
คือว่าผมดื่มเข้าไปเต็มๆ แล้วครับหนึ่งกรึ๊บ ไหลลงไปเป็นทางเลย
ทำไงดีหนอ ดื่มน้ำกรดไปแล้ว เอาละว้า เค้าบอกให้ทานเบสเข้าไป ด้วยความกลัวมันจะสู้เอาออกมาได้หรือ จะได้ล้างซะเลย เดี๋ยวอยู่ภายร่างกายผมดูดซึมแย่เลย ไม่รู้น้ำในท่อไหน เชื้อโรคอะไรก็ไม่รู้
ต่ายๆ มีน้ำเย็นไหมครับ ขอหนึ่งขวดครับ
ว่าแล้วก็ดื่มน้ำเข้าไป ดื่มเข้าไป ดื่มเข้าไปจนพุงกางเลย ฮ่าๆ เอาละว้าคราวนี้ ไหนๆ จะตายแล้วก็ต้องดิ้นก่อนละ
จากนั้นเปิดโถส้วม ก้มหัวลงไป เอานิ้วมาสองนิ้ว ล้วงคอเลย
ซ่าๆ เลยครับ จนกะว่าหมดแล้ว ก็ดื่มน้ำซัดเข้าไปอีก แล้วล้วงออก
ทำสามรอบ จนหมดพุงเลยครับ เหลือแต่น้ำอย่างเดียวกับน้ำเปรี้ยวๆในกระเพราะ
จากนั้นดื่มนมแล้วเดินไปโรงพยาบาลราชวิถี กับเพื่อนสองคน คือต่ายซึ่งทำงานที่บริษัทวิเคราะห์น้ำ และฝนเพื่อนที่เรียนโทด้วยกัน
เดินไปที่โรงพยาบาล
คุณหมอครับ ผมดื่มน้ำกรดเข้าไปนะครับ
มานี่ๆ เลย เข้าห้องฉุกเฉิน (ทั้งๆที่ยังไม่ได้มีบัตรประจำตัวผู้ป่วย ซึ่งเพื่อนไปทำให้ในภายหลัง)
เข้าไปถึงคุณหมอให้นอนบนเตียงแล้ว ถามว่า ดื่มน้ำกรดมาเหรอ
หมอยังไม่เคยเจอผู้ป่วยดื่มน้ำกรดแล้วมานอนยิ้มอยู่อย่างนี้เลย
รู้หรือเปล่า รายหนึ่งก่อนคุณที่ดื่มไปเมื่อสองเดือนก่อน ตอนนี้ให้อาหารทางลำคออยู่นะ (อุ้ย เราจะตายไหม เอาละว้า)
ครั้งแรกที่เกิดมาในชีวิต ที่เคยโดยหมอให้น้ำเกลือ งดข้าว งดอาหารทุกอย่าง รอ 12 ชั่วโมง ก็คือประมาณเที่ยงของวันถัดไป จะขึ้นเขียง
ส่องกล้อง ทางปาก เพื่อดูว่ากระเพาะเป็นอย่างไรบ้าง
ส่วนเพื่อนสาวสองคน ก็ต้องกลับบ้านเลยต้องโทรไปหา เพื่อนเกลอ (ที่แม่ผมกับแม่เพื่อน จับให้เป็นเกลอกัน โดยไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ได้เจอกันตอนที่ มา กทม.ใหม่ๆ) ที่เรียนอยู่รามคำแหงมาเยี่ยมและเฝ้าในกลางคืน
เพื่อนๆ คนอื่นก็วุ่นเลย เพราะว่าไม่เชื่อว่าผมเข้าโรงพยาบาล เพราะว่าเพิ่งไปไหนมาไหนกันอยู่ สบายๆ กันอยู่ ก็แวะมาเยี่ยมกัน
ได้เวลาระทึกใจ แล้ว เมื่อหมูขึ้นเขียง
ได้เวลาเที่ยง ก็หมอให้นอน โอ้โหไฮเทคจริงๆ มีสายอะไรเต็มไปหมด
มีหน้าจอด้วย ว่าแล้วพยาบาลสามสี่คน คนหนึ่งก็เอายาชาฉีดเข้าไปในปาก เริ่มชาขึ้น ชาขึ้น
จากนั้นก็ใส่ท่อ คงเป็นกล้องสายสีดำเข้าไป เข้าไปเรื่อยๆ จนถึงตำแหน่งที่คุณหมอต้องการ พยาบาลคนสองคน ก็ยืนชมให้กำลังใจอยู่ข้างๆ ว่าดีมากๆ เก่งมาก อีกแปปเดียว
น้ำลายก็ไหลออกมา เพราะร่างกายคงปฏิเสธของแปลกปลอมที่เข้าไปในลำคอ
พอเสร็จก็ดึงสายกล้องออก ทำไมมันเหนื่อยอย่างนี้
เหมือนหมูขึ้นเขียงจริงๆ พยาบาลก็บอกว่า อยากทราบผลไหมค่ะ
ไปถามคุณหมอซิค่ะ คุณหมอบอกว่า ไม่เป็นไร มีรอยระคายเคืองนิดหน่อย เดี๋ยวเอาแอนตาซิลไปทาน
ผมก็กราบขอบคุณทุกท่านที่ช่วยให้หมูรอดพ้น ผมก็ไปรับยาได้แอนตาซิลมาขวดใหญ่ ไม่แน่ใจว่าครึ่งลิตรหรือลิตรหนึ่งครับ
รับค่ายาค่าตรวจ จ่ายไปประมาณ หนึ่งพันบาท
กลับบ้านไปนอนพัก หากมีอะไรก็ให้ไปหาคุณหมอได้
และแล้ว ก็รอดพ้นมาจนได้
ข่าวก็กระจายไปทั่วเลย ห้าๆๆๆ อาจารย์ มอ.ดื่มน้ำกรดแช่เย็น ห้าๆๆ
วันนั้นนั่งรถเมล์ไปมหาวิทยาลัย ช่างจริงๆ ในรถยูโร่ทู ก็เปิดเพลงผมขึ้นมา เพลงน้ำกรดแช่เย็น โอโห้ โดนจริงๆ น้องชายรุ่นน้อง ข้างๆ บอกว่า นี่หล่ะเพลงท่านพี่เลย เปิดให้ท่านพี่เลย
ฮ่าๆๆ และแล้วพี่ๆ ที่บริษัทก็ไปเยี่ยมผมด้วยครับ ก่อนจะขึ้นเขียง ผมเลยขอ ขวดน้ำกรดผสมตัวอย่างน้ำนั้นไปเก็บไว้ที่หอพักเป็นที่ระลึก เผื่อว่าครั้งหน้าใครจะดื่มเข้าไปอีก
คือในตู้เย็นทั้งตู้ มีขวดน้ำขวดนั้นขวดเดียว ผมเลยโดนแจ็กพ็อตซะเลย โชคดีที่ความเข้มข้น ประมาณ 3-4%
วันจันทร์มาเล่าให้ อาจารย์ที่ปรึกษาฟัง อาจารย์ก็ตกใจกันมากเลยครับ ผมเกรงว่าจะมีผลข้างเคียงเกี่ยวกับพวกเชื้อโรคในน้ำมากกว่า หลังจากนั้นครับ
นี่คือเหตุการณ์ ในวัยเบญจเพส กับ น้ำกรดแช่เย็น
แล้วคุณหล่ะครับ เจออะไรมาบ้างช่วงวัยเบญจเพศ ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้ที่นี่นะครับ ด้วยความยินดีทุกๆ ท่านนะครับ
ขอบคุณครับ
สมพร ช่วยอารีย์
สวัสดีครับ อ.ลูกหว้า
สวัสดีครับครับ
สวัสดีครับน้องบ่าว
สวัสดีครับพี่บ่าว
สวัสดีครับคุณย่ามแดง
เป็นประสบการณ์ที่ดีของชีวิตที่ชีวิตจะไม่ยอมกระทำซ้ำอีกเลยใช่ไหมครับ....
เดี๋ยวจะซื้อเทปเพลง "น้ำกรดแช่เย็น" ไปฝากสักวัน (555)
วัยเบญจเพสพี่หนิงก็ มีอะไรๆเกี่ยวกับน้ำค่ะ อิอิ แต่ไม่ใช่น้ำกรดนะคะ เป็นน้ำทะเลค่ะ เป็นเกลือไม่ใช่กรด แต่ก็คล้ายกันเลย
ตอนนั้นรับราชการเป็นพยาบาลแล้ว ( แต่ไม่ใช่คนที่หักอกอ.ขจิต นะคะ ) ทำงานมาตั้ง 4-5 ปีแล้ว ทำไมไม่มีใครมาขอหว่า... เอ๊ย... ไม่เกี่ยวค่ะ อิอิ ( พี่หนิงจบ ป ตรีและรับราชการตอน 20 ปีค่ะ )
ไปเที่ยวทะเลกับครอบครัวและบริษัทประกันภัย ( ตอนนั้นหลวงพ่อทำงานอยู่ ) ด้วยความซ่าส์ของสาวรุ่น ไปขับสกูตเตอร์กัน 3 สาวพี่น้อง คันละ 2 แล้วขับแข่งกัน อุบัติเหตุชนกันเอง จมน้ำสิคะ แถมสำลักน้ำทะเลเค๊มมม...เค็ม จนปอดบวม กลับมาต้องนอน admitted อยู่รพ. ตัวเองทำงานเป็นสัปดาห์เลยค่ะ
สวัสดีครับพี่หนิง