ภาษาต่างด้าวที่ผมถูกบังคับเรียน และต้องเรียน


เรื่องเล่าแลกเปลี่ยนเพื่อการเรียนรู้ร่วมกันสบายๆในวันหยุดของคุณครับ

ผมตัดสินใจแล้วว่าตัวผมเองจำเป็นต้องฝึกฝนภาษาอังกฤษอย่างหนัก เพราะภาษาต่างด้าวนี้ จะเป็นทางที่ทำให้ผมเดินทางต่อในอาชีพการงานข้างหน้าได้เป็นอย่างดี

เพราะเหตุว่า จะทำอะไรในปัจจุบันก็ต้องเรียกผล TOEFL ตลอด หากไม่มีผลภาษาอังกฤษนี้ ก็ขาดคุณสมบัติ ผมก็ยังมองว่าพื้นฐานภาษาที่พอไปได้ช่วงเรียนปริญญาโท ก็จะเป็นฐานให้ผมเรียนต่อเนื่องเพื่อพิชิต TOEFL ได้ แต่ก็คงยากพอดู

ผมจึงเสาะหาที่เรียนเพื่อเพิ่มพูนความสามารถด้านภาษา ทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน ทุก Version ให้เก่ง พร้อมที่จะสอบ เพราะก่อนหน้านี้นอกจากภาษาไทยที่เชี่ยวชาญแล้ว เพราะเป็นภาษาแม่ ก็มีภาษาชนเผ่าที่พอที่จะพูดได้ เพราะพลัดหลงได้มีโอกาสทำงานกับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์

พอพูดถึงภาษาอังกฤษผมก็ขอ Say NO !!!  ความสามารถทางภาษาของผมดีกว่าคำว่า เลวร้าย นิดหนึ่ง  เพราะผม อู้บ่จ้าง แถมยังชอบอายม้วนต้วนเวลาฝรั่งทักทายที ผมพลันเกิดอาการปวดหัว ตัวร้อน เหมือนจะเป็นไข้จับสั่น...แล้วผมจะเชี่ยวชาญภาษาต่างด้าวนี้ได้อย่างไร?

ผมคัดเลือกสถาบันเพื่อจะฝึกฝนภาษาให้เก่ง ได้ ๒ ๓ แห่งในเชียงใหม่ เพื่อนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกัน แต่ละแห่งก็มีดีแตกต่างกัน ราคาก็ไม่ห่างกันมาก (แพงพอสมควร) แต่ผมก็พยายามจะเลือกที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่หัดเก่งอย่างผม

สถาบันที่ ๑ เป็นของเอกชน ราคาค่าเรียน (ฟัง พูด อ่าน เขียน) แพงเอาการ (เหงื่อไหลตามขมับเมื่อเขาบอกราคา) เขาบอกว่าของเขาเรียนได้ เรื่อยๆ จนกว่าสอบผ่านเกณฑ์ที่พอใจ สอบไม่ได้ตามที่ใจต้องการ ...เรียนใหม่ได้ค่า(จนท.หญิงสาวบอกผม) เรียนจนครบปี  แต่สืบข้อมูลในเบื้องลึกแล้ว ไม่ Work เพราะอาจารย์ที่สอนเป็นฝรั่งนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว และก็มาสอนเปลี่ยนหน้าเรื่อยๆ นักศึกษาที่มาเรียนก็เรื่อยๆ

สถาบันที่ ๒ เป็นของเอกชน ราคาถูกกว่าแห่งแรกนิดหน่อย แต่เรียนโดยอาจารย์คนไทย มีเพื่อนๆ การันตีว่า ที่นี่เขาสอนดีนะ เจาะลึก...คะแนนสอบเป็นที่น่าพอใจ (เพื่อนเคยสอบผ่านแล้ว ที่เรียนที่นี่) แต่เขาให้เรียนรวดเดียวจนจบคอร์ส และสอบได้ไม่ได้ไม่รับรองผล...น่าสนใจดีครับ แต่ก็อีกหละ ตอนแรกผมตัดสินใจแล้ว ว่าจะเรียนที่นี่แน่นอน ขอเป็นเสาร์อาทิตย์ ปรากฏว่าทางสถาบันเลื่อนวันเรียนมาเรื่อยๆ ตอนนี้ก็เดือนกว่าแล้ว คนเรียนไม่ครบมีเพียง ๓ คน (ต้องมี ๖ คน) ผมชักจะหงุดหงิดให้ผมร้องเพลงรอต่อไปได้ไง

สถาบันที่ ๓ เป็นของมหาวิทยาลัย (อาจไม่โดยตรง) แต่อยู่ในสถาบันการศึกษา เจ้าหน้าที่บอกผมว่าต้องสอบ Level เพื่อวัดผลก่อน ก่อนที่จะเรียนคอร์ส TOEFL มีการสอบก่อนดังนั้น หากได้ Level ที่ต่ำๆก็เรียน เตรียมความพร้อมก่อน Level ละ ๓ เดือน (มี ๓ Level) เกิดผมสอบได้ต่ำสุด เรียนครบสาม Level เกือบปี กว่าจะเรียนคอร์ส TOEFL จริงๆ   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ตอนแรกผมตั้งใจเลือกสถาบันที่ ๒ แต่ก็รู้สึกโดนเอาเปรียบ เพราะเขาเลื่อนมาแล้ว ๑ เดือน(ผมเสียเวลา) เลยตัดสินใจไม่เรียนแล้ว ก็กลับมาที่ สถาบันที่ ๓ อีกครั้ง และจะสอบ Level อีกวันสองวันนี้ …ผมบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า …ผมอาจจะรู้สึกเขินมากๆ เมื่อผมสอบได้ Level ที่ต่ำสุด เจ้าหน้าที่เธอบอกว่า ไม่เป็นไร คุณก็จะได้แน่นภาษาอังกฤษ มากๆไง  </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">อืมม์…จริงครับ   ผมบอกเธอเบาๆ (แต่แฝงด้วยความเขินนะครับ)</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">คิดไปคิดมาก็ดีครับ เพื่อจะได้รู้ระดับความสามารถด้านภาษาต่างด้าวของตนเอง หากพร้อมก็มั่นใจ ไม่พร้อมก็เรียนกับเด็กๆ ก็ไม่แปลก…</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ผมตกลงเลือกสถาบันที่ ๓ ครับ เป็นคำตอบสุดท้าย!!!!</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">และเพื่อเป็นการเชิดชูภูมิปัญญาไทยล้านนา ผมกำลังคิดจะไปสมัครเรียน วรรณกรรมล้านนา ดนตรีพื้นเมือง สะล้อ ซอ ซึง ที่วัดสวนดอกอีกด้วย(ที่นี่เรียนฟรี) ควบคู่กัน ในช่วงเวลาที่ต่างกัน เพราะผมเห็นว่ารู้อะไรก็มาก แต่เรื่องล้านนาซึ่งเป็นเรื่องของตนเอง กลับไม่รู้…นี่ก็อายเขาอีก เพราะเป็นคนล้านนาแท้ๆ</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">งานนี้เป็นไปเพื่อการเรียนรู้อย่างแท้จริงเลยนะครับ</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>เรื่องเล่าแลกเปลี่ยนเพื่อการเรียนรู้ร่วมกันสบายๆในวันหยุดของคุณครับ

หมายเลขบันทึก: 74783เขียนเมื่อ 27 มกราคม 2007 13:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (90)
มาเป็นกำลังใจให้นะค่ะ อยากเรียนเหมือนกันค่ะแต่ยังไม่มีโอกาสค่ะ

ขอบคุณครับ คุณ เกศนี วัณณกุล  เรามาเรียน Level ด้วยกันดีกว่าครับ

ผมกำลังจะไปสอบเพื่อวัด Level อีกสองวัน จะได้รู้ว่าผมจัดอยู่ในระดับที่ "เลวร้าย" ขนาดไหนของการเรียนภาษาต่างด้าว 555

โอ๊ย ! โดนใจ อ่านแล้วนึกถึงตัวเอง เหมือนทุกอย่าง บอกตามตรงเคยได้ทุนเรียนภาษาอังกฤษเขาให้วัดระดับ ถ้าจำไม่ผิด จะเป็น level 2 เฮ้อ ! แต่ก็ใจชื้นนิดหนึ่งที่ไม่ได้ level 1

คุณ ศิริ ครับ

หากผมได้ level ๒ก็น่าจะดี ไม่มากไป น้อยไป และที่สำคัญไม่ค่อยเขินสักเท่าไหร่

ผมชอบอะไรที่กลางๆครับ

น้องเอกขา  งั้นเราก็อาการเดียวกันสิคะ  ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงอย่างยิ่ง  โดยเฉพาะการสนทนาซึ่งหน้า  555

พี่หนิง DSS@MSU ( หนิง )

ผมเคยพูดฝรั่งแบบที่ว่า ออกเสียงเลียนแบบที่คิดว่า เป็นฝรั่งมากที่สุด เขายังไม่รู้เรื่องเลย  สุดท้ายก็เมื่อยมืออีกตามเคย

ผมสูญเสียความเชื่อมั่นมากเลย

 

 

ตอนที่เรียนที่มช.  ก็มีเรื่องที่ทำให้เสียself ไปเยอะเหมือนกันค่ะ  ก่อนนี้เคยคิดว่าภาษาอังกฤษเราใช้ได้หนะ   ช่วงเรียน anatomy เราจะมี atlas ใช่ป่าว  ก็หอบ atlas ภาษาต่างด้าวเล่มเบ้อเริ่มไปเรียน ยืนรอรถสี่ล้ออยู่  เจอฝรั่งเดินมาถามทาง  เขาตรงดิ่งมาถามพี่เลยนะ  สงสัยเห็นหอบตำราภาษาต่างด้าวอ่ะ  หารู้ไม่ว่าเราเอาไว้ดูรูปเฉยๆ  555

คุยกันอยู่สักพักยังไม่ get ในที่สุดพี่เลยคว้าสมุดกับดินสอ เขียนคุยกัน  สุดท้ายเลยรู้ว่าเขาจะไปสถาบันวิจัยชาวเขา  อิอิ เลยเรียกรถสี่ล้อ  อ้ายเจ้าไปส่งตี้สถาบันวิจัยชาวเขาเท่าไดเจ้า  ...แล้วค่อยกลับมาบอกฝรั่งว่า ขึ้นรถเลย 10 บาท  เฮ้อ...  แม้ว่าสิ้นสุดภารกิจช่วยชาติได้  แต่เสีย self นะคะ เพราะฝรั่งคนนั้นเขาบอกว่า เขาเป็นคนอังกฤษ  แย่มั๊ย..เรานะเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งกะ 3 ขวบกว่าๆ ยังคุยกับเจ้าของภาษาไม่รู้เรื่องเลย  เฮ้อ...

สวัสดีค่ะ คุณจตุพร...ดีใจที่คุณจะเรียนภาษาอังกฤษค่ะ..แล้วอีกหน่อยพี่จะอ่านบันทึกคุณรู้เรื่องไหมเนี่ย...อ้อ..แล้วพี่ติ๋วสงสัยคำว่า "อู้บ่จ้าง"...แปลว่าอะไรคะ

ผมขอแนะนำทางเลือกที่ 4 โดยการ "เรียนเอง" ครับ

ก่อนผมไปเรียนต่อผมสมัครเรียนไปหลายที่ แต่สุดท้ายสิ่งที่ได้ผลที่สุดคือเรียนเองครับ

การเรียนเองจะมีต้นทุนบ้าง แต่ก็น้อยกว่าและผลจะดีกว่าแน่นอนครับ โดยเฉพาะเดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีช่วยเยอะ ผมเชื่อว่าจะได้ผลดีและเร็วกว่าครับ

ภาคการฟัง ให้ซื้อ iPod มาฟัง postcast รายการต่างๆ ที่มีทั่ว Internet ครับ เลือกรายการที่สนใจแล้วฟังทั้งวันเลย รู้เรื่องไม่รู้เรื่องไม่เป็นไร เปิดไปเรื่อยๆ ตลอดเวลาเดี๋ยวจะฟังรู้เรื่องโดยไม่รู้ตัวครับ (อย่าเอาไปฟังเพลงหรือรายการเพลงนะครับ)

ภาคการอ่านและไวยกรณ์ เรื่องนี้ผมแนะนำให้อ่าน blogs ที่เป็นภาษาอังกฤษเยอะๆ ครับ blogs น่าสนใจในแง่ว่ามีเนื้อหาที่เราสนใจและเป็นบันทึกสั้นๆ สามารถอ่านให้รู้เรื่องได้เป็นช่วงๆ ไป ถ้าเราพยายามอ่านไปเรื่อยๆ เดี๋ยวการอ่านจะดีขึ้นและไวยกรณ์ก็จะตามมาครับ

เรื่องไวยกรณ์นี่เป็นเรื่องแปลก ถ้าอ่านเยอะจะได้ไวยกรณ์โดยไม่รู้ตัว แต่ถ้าตั้งใจจำกฎเกณฑ์ต่างๆ จะจำไม่ได้ครับ เพราะไวยกรณ์ในความเห็นผมนั้นเป็นเรื่องไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่ครับ

ทดลองดูนะครับ ถ้ามีคำถามก็สามารถถามผมมาได้เลยครับ

พี่หนิง  DSS@MSU ( หนิง )

นึกภาพออกเลยครับ!!!

ฝรั่งเขาคาดหวังคนไทยที่ดูว่าพอจะพูดกับเขาได้ แต่ก็พยายามที่จะเข้าใจเรานะครับ

เพราะที่สังเกตฝรั่งนักท่องเที่ยวจะตรงรี่มาหาผม โดยที่ผมหลบไม่ค่อยทัน เพราะดูท่าทางว่า ผมคงสปีกได้แน่ๆ (ผมคงดูอินเตอร์) เขาเดินเข้ามาดีๆยิ้มๆ แต่ผมกลับมองเห็นฝรั่งย่างสามขุม เข้ามาเหมือนอาฆาต อุอุ...หนีก็ไม่ทัน เลยส่งสำเนียงภาษาอังกฤษแบบเหนือๆ ซะ นานสองนาน

ผมเคยนั่งรถและคุยไปกับฝรั่งตลอดทาง เชียงใหม่ ปาย คุยกัน ๔ ชม. รู้เรื่องครับ เพราะเขาเขาใจเราแม้ว่าเราพูดได้แบบคาราโอเกะ เขาก็ยังเข้าใจ

แถมยังแลกอีเมลล์กันอีกด้วย

ดีใจจัง   มีเพื่อนอ่อน (ภาษา) ตั้งหลายคน
แต่..สงสัยว่าจะ "อ่อน"  แบบถ่อมตัวล่ะมั๊ง
เนอะ..

พี่ติ๋ว กฤษณา สำเร็จ

"อู้บ่จ้าง" เป็นภาษากำเมืองของหมู่เฮาครับ แปลว่า "พูดไม่เป็น"

ผมจะเกิดอาการคล้ายหอบหืด และมีอาการเหมือนไข้จับสั่น หน้าแดง ปากคอสั่น เวลาฝรั่งมาทักทายครับ

ผมก็อยากจะเก่งนะครับ...เพื่อที่ว่าอาการไม่พึงประสงค์เวลาผมเจอกับเพื่อนต่างชาติ จะหมดไป

เอาใจช่วยผมนะครับ

อีกหน่อยผมจะเขียน Blog ภาษาต่างด้าว 555

ไม่แข็งแรงจริงๆค่ะคุณนิดหน่อย   ตอนได้ทุนไปอบรมของAPCD อ่ะค่ะ ในครอสมีคนไทยแค่ 2 คน ใช้เวลา 20 วัน    ผ่านไป 2 วันจับไข้เลยค่ะ  นอนซม จนทางผู้ดูแลเค้าเป็นห่วงจะพาไปหาหมอ  ก็ดีที่มียาติดตัวไป  ก็นอนพักพอทุเลาได้ค่ะ  /สงสัยว่า สมองคงประมวลผลทั้งเนื้อหาและภาษาหนักไปหน่อย  ไม่คุ้นชิน  555

อาจารย์ ดร.ธวัชชัย

ผมนึกไว้ว่าผมจะเรียนเองดีกว่า เพราะสุดท้ายแล้วอยู่ที่ผมเอง หากผมไปเรียนติวแต่ผมไม่มีวินัยในตนเอง ผมก็คงไม่ต่างอะไรกับการเรียนคนเดียวที่ไร้วินัย

ตอนนี้ตำราก็เยอะ และเครื่องมือที่ช่วยให้เก่งก็เยอะ ผมก็มีพื้นตอนเรียนป.ตรี  ป.โท มานิดๆ(นิดส์หนึ่ง)

เมื่อวานซื้อหนังสือร่วมพันกว่าบาท มี CD พร้อมครับ

พี่ที่รู้จักบอกให้ผม ดูหนัง UBC และ ดูข่าว New line ด้วยพร้อมกันไป

ขอบคุณอาจารย์ครับ คิดว่า แนวทางแบบอาจารย์เหมาะกับคนอิสระอย่างผมมาก (มากที่สุด) จริงๆผมกำลังหาคนที่มา Comment สนับสนุนแนวทางนี้พอดีเลยครับ

ผมน่าจะมีคำถามถามอาจารย์บ่อยขึ้นนะครับ...

 

 

พี่ nidnoi

ผมจะพยายามครับ คิดว่า ไม่มีอะไรที่ Blogger  Gotoknow ทำไม่ได้ (นอกจากข้อสอบ)

ดูท่าทางพี่ DSS@MSU ( หนิง )  อาการหนักเอาการอยู่นะครับ

จ้าง นี่คงมาจากคำว่า ช่าง อ่ะค่ะพี่ติ๋ว  สำเนียงเหนือจะออกเสียงเป็นจ.จาน  อู้บ่จ้าง  หนิงเข้าใจว่า  พูดไม่เก่งค่ะ

ขอบคุณที่พี่หนิงมาเติมเต็มให้พี่ติ๋วครับ ภาษาเหนือไม่ต่างกับภาษาอีสานเท่าไหร่ครับ...สำเนียง คือ กั๋น

ในความคิดผม "ต้องเรียนแบบไม่มีวินัย" แต่ "เรียนแบบชอบ" ครับ

ฟัง podcast ก็เลือกเจ้าที่เราชอบอยากจะฟังให้ได้ลื่นๆ จะได้ฟังสนุกครับ

อ่าน blogs ก็เลือกอ่านเจ้าที่เราชอบครับ จะได้อ่านสนุกและติดตามอ่านประจำครับ blogs ด้านที่เราชอบนี่จะมีให้อ่านเยอะจนอ่านไม่ไหว คุณจตุพรก็จะอ่านเร็วขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัวครับ

อาทิเช่น TreeHugger และ WorldChanging อย่างนี้คุณจตุพรต้องอยากอ่านเป็นประจำแน่ๆ เป็นต้นครับ

น้องเอกค่ะ  พี่หนิงเป็นเฉพาะสนทนาซึ่งหน้าอ่ะค่ะ  ส่วนการ chat พิมพ์สนทนากันเนี่ย พี่สามารถchat คุยกับเพื่อนๆทั้ง เกาหลี ญี่ปุ่น อเมริกัน ฟิลิปปินส์ และอังกฤษได้รู้เรื่องกันดีค่ะ  chat กันทีลืมนอน  และที่เคยสอบของสถาบันภาษาก็เป็นชั้นกลางอ่ะค่ะ 

ขอบคุณ อาจารย์ ดร. ธวัชชัย

ผมชอบประโยคนี้ของอาจารย์ครับ

"ต้องเรียนแบบไม่มีวินัย" แต่ "เรียนแบบชอบ"

ผมเห็นด้วยครับผม 

ผมคิดว่าความชอบเป็นพื้นฐานในการเรียนให้สำเร็จ เมื่อผมเด็กผมชอบวิชาวาดเขียนมาก และผมก็ทำได้ดีทุกครั้งที่วาด

เรื่องอ่าน Blogs ผมคิดว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากนะครับ ส่วน Blogs ที่อาจารย์แนะนำผมจะเข้าไปอ่านและคิดว่า ด้วยความที่ผมชอบอ่านและเขียน น่าจะเป็นคุณสมบัติที่ทำให้ผมเก่งภาษามากขึ้น

ผมลองนั่งนึกดู หากผมจับผลัดจับพลูไปเรียนที่ต่างประเทศ ...ผมจะทำยังไงดี???

ดังนั้นภาษาอังกฤษคงไม่ใช่แค่ผ่านเกณฑ์ที่ตั้งไว้ สำคัญที่สุดคือการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริงๆจังๆ

ยืนยันแนวทางของอ.ธวัชชัยค่ะ เป๊ะเลย พี่เองก็เรียนได้ พูดได้ เขียนได้เท่าที่เป็นอยู่เพราะเรียนเองค่ะ ทั้งอ่าน เขียนนั้นเราทำได้ดีแน่นอนเมื่อทำสม่ำเสมอด้วยเรื่องที่เราชอบ แต่พูด เอาเท่าที่สื่อสารได้ก็พอ เพราะยากที่เราจะทำได้ดีเหมือนเด็กๆค่ะ เป็นกำลังใจนะคะ มีอะไรให้ช่วย เล่ากันมาได้เลย

ภาษาเป็นเครื่องมือสื่อสารครับ ถ้าเราสนุกที่จะสื่อสาร เราก็ใช้ภาษาในฐานะเป็นเครื่องมือครับ

ตอนผมไปเรียนใหม่ๆ มี roommate เป็นไต้หวัน ใช้ภาษาอังกฤษแย่ทั้งคู่ แต่นิสัยเหมือนกันเลยสื่อสารกันได้เป็นตุเป็นตะเหมือนกับรู้จักกันมาเป็นสิบปีครับ

ในอีกประเด็นหนึ่ง คนไทยเราสำเนียงทำอย่างไรก็จะไม่เหมือนเจ้าของภาษาครับ เรื่องสำเนียงเป็นเรื่องยาก ไม่งั้นคนใต้ (อย่างผม) คงไม่หลุด "ทองแดง" บ่อยๆ ทั้งๆ ที่ฟังภาษาไทยกลางอยู่ทุกวันครับ

พี่หนิง DSS@MSU ( หนิง )

พี่สาวขาแชต ที่ลืมวันลืมคืน...ดูแลสุขภาพด้วยครับ

ผมก็แซวๆพี่หนิงไปอย่างนั้นหละครับ เข้าใจว่าพี่มีพื้นฐานภาษาดี และเรื่องการประจันหน้า เป็นปกติที่เราจะตื่นเต้นนะครับผม

 

คุณจตุพร...

  • เจอปัญหาเดียวกันค่ะ  อาจารย์ที่ม.ช.บอกว่าถ้าจะต่อสาขาเดิมต้องผ่าน TOEFL  550   โอย...แค่ลองสอบของ CU - TEP ก็ร่อแร่แล้ว     แต่ก็พยายามชอบวิชานี้นะคะ
  • ตอนนี้เขียนบล็อกอยู่ที่เว็บหนึ่ง  มีชาวต่างชาติแวะมาบ่อยๆทำให้เราต้องพยายามตอบเขาให้ได้มีดิคอยู่ใกล้ๆตัวง
  • อย่างไรมาเรียนรู้ไปพร้อมๆกันดีมั้ยคะกับเพื่อนๆในเว็บ  จะได้ไม่รู้สึกว้าเหว่  สู้...สู้ค่ะ
  • อ้อ...มีคำแนะนำค่ะ  วิธีลัด หาแฟนฝรั่ง

วันก่อนหลังไปทำบุญ มหาวิทยาลัยแล้ว กำลังขึ้นรถพ่วงไฟฟ้าใน มช  แถวๆ ศาลาธรรม เพื่อชมทัศนียภาพ มช ที่ท่านอธิการบดีจัดให้ประมาณว่าให้สิษย์เก่ารำลึกอดีต(ที่นานมาแล้ว)

มีฝรั่ง 2 คนวิ่งตามขึ้นรถด้วย..คนขับก็หันมาขอความช่วยเหลือ เพื่อนๆก็คาดหวังเหลือเกินว่าจะช่วยพูดกู้หน้ากันได้...แต่กว่าจะอธิบายให้รู้เรื่องว่า ตรงนั้นคือ มช ไม่ใช่ flower fair และรถพ่วงนี้จัดเฉพาะศิษย์เก่าที่ไปเยือนและร่วมทำบุญ.....สงสารฝรั่งมากเลยค่ะโดยเฉพาะตอนเห็นเขาพยายามอ่านปาก และดูมือที่โบกไปมา ..คิดๆ เหมือนกันว่าจะต้องไปเรียนอีกค่ะ

  • คุณจตุพร ครับ
  • เรียนแบบผมไม๊ ซื้อแบบที่เป็นเทป แล้วก็ตั้งหน้าตั้งฟัง ฟัง ฟัง และก็ ฟัง
  • รับรองทำข้อสอบได้สบาย ครับ
  • ผมทำมาแล้ว ไม่ต้องไปเรียน

เห็นด้วยค่ะ เรียนด้วยตนเองประหยัดที่สุดค่ะ

 พี่โอ๋ โอ๋-อโณ

ยิ่งพี่โอ๋มาสนับสนุนตามแนวทางของ อาจารย์ ดร.ธวัชชัย ผมก็มั่นใจมากขึ้น เพราะลูกชายพี่ที่เก่งภาษาจนผู้ใหญ่แบบผมกระเด็นตกคูน้ำไปเลย

และประสบการณ์ที่พี่ไปอยู่ที่ Aus ก็น่าสนใจมากนะครับ

 

อาจารย์ ดร.ธวัชชัย ครับ  

ผมก็สำเนียงเหนือครับ เวลาพูดไทยกลางก็ยังมีกลิ่นอายของเหนืออยู่มากครับ

ประสบการณ์ที่อาจารย์เรียนต่างแดนนั้น หากได้ถ่ายทอดผ่าน Blog น่าจะสนุกดีนะครับ ผมคิดๆดูว่าต่างบ้านต่างเมือง และใช้ภาษาเขา คงมีอะไรสนุกๆปนอยู่มากมายแน่ๆครับ

 

  • พี่ยังดิบๆๆ สุกๆๆ ค่ะ  ไม่เคยสอบกะเค้าค่ะ
  • แต่พี่อ่านๆๆๆ ไปเรื่อยๆ ค่ะ  พูดๆๆๆ ไปเรื่อยๆ ค่ะ
  • สถานการณ์เค้าสอนให้พี่พัฒนาขึ้นค่ะ
  • ทำงานกะเจ้านายมาเลเซีย/ ทำงานกะฝรั่ง/ ลูกค้าก็ฝรั่ง/ สิ่งแวดล้อมก็ฝรั่ง พูดได้ เขียนได้ อ่านได้ 
  •  แต่ไม่แน่ใจสอบ  TOEFL สงสัยตกน็อคเลยค่ะ เพราะพี่สนใจเป็นเรื่องๆ ไปค่ะ อยากศึกษาเพิ่มเหมือนกันค่ะ

อาจารย์ ลูกหว้า

ได้เพื่อนร่วมชะตากรรมมาอีกท่านแล้ว...สู้ๆครับ

Comment ของอาจารย์หลายๆท่านในบันทึกนี้ ผมเชื่อว่าเป็นแนวทางในการวางแผนเพื่อการเรียนภาษาเป็นอย่างดี

ดีที่สุดเพราะมาจากประสบการณ์ตรงของท่านเองทั้งนั้นครับ

เรามาเริ่มต้นกันดีกว่าครับผม

อาจารย์ จันทรรัตน์

ตอนนี้หากเรียนเพื่อการสื่อสารมีหลายๆจุดที่สอนครับ ผมมองว่าหลายๆท่านมีปัญหามากเวลาประจัญหน้าคนต่างด้าว(ฝรั่ง) เราไม่รู้จะเริ่มยังไงดี คิดได้ก็เมื่อยมือไปหมด

เราคงต้องมั่นใจ ...จริงๆผมอยู่ปาย และเป็นเมืองท่องเที่ยวน่าจะได้สัมผัสใกล้ชิดมากกว่า แต่กลับเป็นว่าเราจะเดินห่างๆนักท่องเที่ยวเพราะไม่มั่นใจ

มาเรียนด้วยกันมั้ยครับท่านอาจารย์

อาจารย์หมอ สมบูรณ์ เทียนทอง

วิธีการของอาจารย์ก็คือเรียนด้วยตนเอง ตอนนี้ผมตัดสินใจแล้วครับ ว่าน่าจะเป็นไปตามแนวทางนี้ แต่จะไปสอบ level เพื่อดูฐานตัวเองก่อนครับ

ผมมี CD ที่เรียนเกี่ยวกับ TOEFL ครับผม แต่ไม่ได้เปิดสักที

ขอบคุณอาจารย์ครับ

 

คุณ เกศนี วัณณกุล

เรียนด้วยตัวเอง ประหยัดและพอเพียงดีนะครับผม

 

พี่อร Bright Lily

สิ่งแวดล้อมพี่อยู่ เอื้ออำนวยให้พี่ชำนาญเรื่องการใช้ภาษาในการสื่อสารมากขึ้น ...เป็นเรื่องที่ดีครับ

มีหลายท่านแนะนำให้หาคู่ฝรั่ง...

ผมคิดว่า "ยาก" เอาการกว่าครับ เพราะผมชอบคนไทยครับ

 

  • ผมก็แย่ไม่น้อยกับภาษาอังกฤษ ! มีทัศนคติไม่ดีเกี่ยวกับภาษาอื่นมาตั้งแต่เล็ก เลยไม่ใส่ใจใคร่เรียน  ยิ่งชอบเรียนสังคมมาก พอมาอ่านเรื่องลัทธิเมืองขึ้น เลยยิ่งปฏิเสธมากขึ้น...
  • ยิ่งมาเจอวัฒนธรรมการเรียนในชั้นที่ลูกขุนมูลนายถูกยกยอปอปั้นในวิชานี้... ผมเลยกระเจิงไปจากการเรียน...ผ่านพ้นมาจนบัดนี้เสียดาย..และเสียใจกับทัศนคติของตนเอง
  • ปัจจุบันก็ปลอบๆ ตนเองอยู่บ่อย ๆ ว่า "ไม่สายจนเกินเรียน"  ... ปลอบตนเองทุกวัน ๆ ๆ
  • เป็นกำลังใจ...นะครับ

คุณ แผ่นดิน

ผมก็เลยต้องสู้เพื่อภาษาต่างด้าวตัวนี้ครับ ด้วยตระหนักว่ามันจำเป็นเป็นอย่างมาก ด้วยเป็นภาษาสากล อะไรที่เป็นมาตรฐานเขาก็วัดตรงนั้น เราอยากไปก็ไปไม่ได้ เพราะมาตรฐานเราไม่ถึง...เหนื่อยดีนะ

เลยต้องเลือกที่เรียนติวจนวุ่นวาย สุดท้าย มีความเห็นหลายๆท่านบอกว่าเรียนเองดีกว่า

ผมก็คิดว่าจะเรียนเองครับ

เรียนและสอบด้วยกันครับ

สู้ๆเช่นกันครับ

สวัสดีค่ะ ...คุณจตุพร

ตะกี้กะว่าจะไปสะสางงานที่คั่งค้าง  เห็นบทความนี้แล้ว ก็น่าสนใจดี  ก็ขอแจมด้วยคนล่ะกันค่ะ

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2549 ได้ไปสอบ CU-TEP ที่จุฬาฯ  แต่ไปสอบแบบจำเป็นต้องสอบนะคะ  ไม่ได้อ่านหนังสือ  ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากนัก 

สำหรับตัวเองแล้ว  ยังไม่ค่อยเห็นคุณค่าของการวัดผลแบบการสอบมากนัก   เพราะคิดว่า คนเราจะเก่ง หรือจะมีความสามารถด้านใดนั้น  จะต้องดูที่การประยุกต์ใช้    มิใช่เพียงการผ่านการทดสอบ  แต่อย่างไรก็ตามใช่ว่า การทดสอบจะไม่มีความสำคัญ  การทดสอบก็เป็นเครื่องมือหนึ่ง  ที่จะช่วยวัดความรู้ความสามารถ

สำหรับตัวเองแล้ว  ความรู้ด้านภาษาอังกฤษตอนนี้ มันแย่ลงมาก   ซึ่งเรารู้ตัวเราเอง และสาเหตุก็รู้ว่า เป็นเพราะเราไม่ได้ใช้มัน    แม้แต่คำศัพท์เก่าก็มีลืมไปบ้าง  คำศัพท์ใหม่ก็ไม่ได้ศึกษาเพิ่มเติม     การอ่านบทความภาษาอังกฤษก็ไม่ได้อ่าน  ฟังเทปภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ฟัง    สนทนากับเพื่อนต่างชาติก็ไม่ได้ทำ  ..... 

แต่ก็ใช่ว่าเราจะรื้อฟื้นกันไม่ได้นะคะ     ตอนนี้เมื่อตั้งใจที่จะเรียนต่อ   ป.เอก  ก็รู้ว่าภาษาอังกฤษจำเป็นที่จะต้องใช้  ก็จะต้องเริ่มศึกษามันแล้วล่ะ   ก็คงจะศึกษาตามความเหมาะสมของตัวเอง  

อย่างที่ อ.ธวัชชัย และที่หลายคนแนะนำว่า  การเรียนด้วยตัวเองดีที่สุด    ก็เห็นด้วยนะคะ    สำหรับตัวเอง ที่ไปสอบ CU-TEP ก็รู้ตัวว่า  ตัวเองยังไม่มีฉันทะเต็มที่กับการเตรียมตัวสอบ  เพราะวันๆ มัวยุ่งสาละวนอยู่กับการทำงาน  กลับถึงบ้านก็ไม่ได้หัดอ่าน หัดฟังภาษาอังกฤษเลย

แต่ยังไง ก็จะพยายามเปลี่ยนนิสัยตัวเองใหม่  ต้องเริ่มอ่าน เริ่มใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตให้มากขึ้น

ตอนนี้ กะว่าจะสมัครเรียนที่ ม.นเรศวร (พิษณุโลก) ค่ะ  ซึ่งภาษาอังกฤษที่สอบได้นั้น  รู้สึกว่าจะสามารถใช้ในการสมัครสอบได้แล้ว

แต่หลังจากนั้น ก็อยู่ที่ตัวเราเอง    ก็ยังเชื่อแน่ว่า หากเรามีความสนใจ  ตั้งใจอย่างจริงจังแล้ว   ก็ไม่มีสิ่งใดที่เกินความสามารถที่จะเรียนรู้ได้ค่ะ

--- ยังไง  ก็เป็นกำลังใจให้ทำได้ตามมุ่งหวังนะคะ ---

เป็นกำลังใจให้ประสบผลสำเร็จ   ครับ

  • มายืนยัน แนวทางของอาจารย์ธวัชชัยครับ
  • การเรียน ต้องเริ่มต้นจากความชอบก่อนครับ เมื่อชอบก็จะตั้งใจ เมื่อตั้งใจก็จะอยากเรียนครับ ไม่ว่าจะมีคนสอน หรือเรียนเองก็ไม่ต่างกันครับ ขอให้ตั้งใจจริงเท่านั้น
  • การหาเทป CD หรือ IPod มาฟัง PodCast เป็นการเอาภาษาอังกฤษ กรอกหูครับ ใหม่ๆ ยังไม่คุ้นเคย ก็จะยังฟังไม่รุ้เรื่อง ไม่ต้องสนใจเรื่องที่ไม่รู้เรื่อง เพียงแต่พยายามตั้งใจฟังว่าเขาพูดว่าอะไร ฟังไปฟังมา ก็จะค่อยๆดีขี้นเองครับ
  • ฝึกโต้ตอบ ก็เป็นอีกเรื่องที่น่าฝึกฝนครับ เคยมีฝรั่งสอนบอกวิธีนี้กับผมเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนที่ผ่านมา เขาแนะนำว่า ให้เราดูทีวี แล้วแปลทุกอย่างที่ได้ยินเป็นภาษาอังกฤษ แปลได้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร พยายามไปสักพักก็จะดีขึ้นเอง
  • ส่วน grammar คงต้องอ่านจากหนังสือสอนภาษาอังกฤษครับ ฝรั่งเขาชอบชมคนไทยว่าท่องเก่ง เขาไม่ห่วงเรื่อง grammar ของคนไทยสักเท่าใดหรอกครับ ในขณะที่คนไทยออกจะห่วงการใช้ grammar และ tense มากกว่าฝรั่งหลายเท่าตัว

มาเป็นกำลังใจให้นะครับ ภาษอังกฤษก็แย่สำหรับผมเหมือนกัน ทั้งเรียนด้วยตนเองยังคุยไม่ได้เลย แต่ก็สู้ สู้ มาตลอดครับ สอบพอผ่านไปได้ แต่ระดับก้ไม่เท่าไร level2 ครับ

  • สังคมทุกวันนี้เป็นสังคม 2 ภาษา
  • สู้ ๆ  นะครับทั้งเพื่อตนเองและกลุ่มคนอันไกลโพ้นจากสังคมเมือง

 

คุณ ปทุมารียา

ช่วงที่เรียนปริญญาโทก็มีการวัดผลภาษาอังกฤษเช่นเดียวกัน แต่ทางมหาวิทยาลัยก็ยังอนุโลมให้เรียนซ่อม แล้วสอบ แล้วก็ผ่านหมด ผมทำแต้มได้ดีทีเดียว หลังจากเรียนเป็นคอร์ส

ผมอิจฉาคนหลายๆคนที่พูดภาษาคล่องปร๋อ เป็นไฟ เขามีพรสวรรค์มาก ...ไม่ใช่สิครับ เขาเก่งมากที่พยายามเรียนรู้ และพูดจนได้เหมือนภาษาตัวเอง

อึดอัดอยากจะคุยกับคนต่างชาติ เพราะมีเรื่องมากมายเหลือเกินที่จะแลกเปลี่ยน ก็ได้แต่ yes  NO   O.K  ไปตามเรื่องสุดท้ายก็ Thank you ได้เท่านี้ อายเด็กมันจริงๆ

อาชีพที่ต้องทำต่อไปข้างหน้าภาษาอังกฤษสำคัญมากครับ โอกาสที่จะได้ไปไหนไกลๆและใช้ภาษามีมากขึ้นด้วย หากไม่เริ่มก็นับวันจะสายไปทุกที

อาจารย์ เม็กดำ 1

เมื่อเรียนรู้ชุมชน จำเป็นต้องเรียนรู้โลก ดังนั้นภาษาจึงเป็นเครื่องมือที่จะเป็นสะพานข้ามผ่านพรมแดนความรู้เหล่านั้น

ผมอยากจะอ่าน text เล่มใหญ่ๆใจแทบขาด เมื่อเรียนสูงขึ้นไป เพราะอยากจะรู้นักว่าภายใต้หนังสือหนามีอะไรซ่อนอยู่ ทำไมถึงหนาขนาดนี้ เขาเขียนอะไร ...

แต่อ่านได้น้อย ไม่เข้าใจเพราะภาษาอังกฤษเราแย่นั่นเองครับ

ถึงเวลาแล้ว...ต้องเรียนจริงๆจังๆซะที

พี่ Mitochondria

ทุกวันนี้ผมดูหนังจาก UBC ครับ และฟังข่าว New line  พร้อมกับอ่านเอกสารที่เป็นภาษาอังกฤษที่เคยไม่สนใจ ...และเพิ่มเติมจากท่านอาจารย์ธวัชชัยบอกก็คือ Blogs ต่างๆที่น่าสนใจ

เริ่มต้นด้วยความชอบ เป็นการเริ่มที่ถูกต้องครับ ผมเองยึดถือความพึงพอใจของตนเป็นสำคัญ เมื่อผมเลือกผมก็ทำให้ดีและรักมันด้วยครับ

ผมก็พยายามฟื้น Grammar ไปด้วยจากหนังสือที่มีอยู่ และหนังสือที่ผมซื้อมาราคาแสนแพงครับ

เมื่อพี่ไมโตมายืนยันว่าเรียนเองดีกว่าผมเชื่อตามนั้นครับ...

แล้วผมจะนำคะเเนน TOEFL มาอวดครับผม

ขอบคุณครับ

 

น้อง Mr_Jod

ก็ต้องพยายามเช่นกันนะครับ เพราะยังต้องเดินทางไปอีกยาวไกล ในเส้นทางการเรียนรู้อันไพศาล

สู้ๆครับ

 

คุณ แผ่นดิน

อ่าน Comment ของคุณแผ่นดินเมื่อใด เลือดรักถิ่นผมระอุ อก เสมอ ...

เมื่อมีการกำหนดกฏเกณฑ์มาตรฐาน เราก็ต้องทำให้ได้ใช่มั้ยครับ

จะยากเท่าไหร่กันเชียว (ให้กำลังใจตนเอง)

หากคิดจะเดินทางอีกยาวไกลสายวิชาการและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาชนบทของเรา เราก็คงต้องพัฒนาตนเองให้รอบรู้เสมอ

คุณแผ่นดินเองเช่นกันครับ...สู้ต่อไป

  • ดีใจด้วยจริงๆ ที่ตัดใจเรียนได้ เพราะดิฉันยังตัดสินใจเรียนไม่ได้สักที
  • พูดฝรั่งที่ไรจะเป็นไข้ทุกที เมื่อยมืออีกตะหาก
  • เอาใจช่วย เอาใจช่วยอย่างแรงนะคะ

Thank you very much ครับ คุณKawao

เพราะอาการออกประหม่ามากๆเวลาคุยกับต่างชาติ ทำให้ผมอยากเอาชนะอาการเหล่านี้ เรียกความมั่นใจให้ตนเองเวลาคุยกับคนต่างชาติ

ถือว่ามีโอกาสที่เราอยู่ในแวดวงที่สามารถเรียนรู้ได้ (แหล่ง,บุคคล)

ขวนขวายกันเต็มที่ครับ

ให้กำลังใจครับผม

Thank you very much

That's my plesure.

น้าน...  ตอบกันเป็นภาษาต่างด้าวซะแล้ว

เขียนน่ะพอได้  (มันได้คิดนานหน่อย) แต่อย่าให้พูดกันแบบ f2f นะ ตายคักๆ

Thank you หลายๆเด้อ คุณKawao

ผมก็คิดนานหน่อยเวลาเขียน  อ่านก็พอเดาๆไป แต่เผชิญหน้านี่ต้องให้มั่นใจกว่านี้ครับ

  • คุณอุทัยชาวนน้องมาเรียนที่ม.อุบลสาขาบูรณาการศาสตร์สนใจไหมเอย
  • อยากให้ได้ทุนก่อนนะน้อง
  • ขอให้มีความสุขกับการเรียนภาษานะครับ

สวัสดีครับ อ.ขจิต ฝอยทอง

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงต้องได้ทุนก่อนนะครับ

สาขา "บูรณาการศาสตร์" มีพี่นักพัฒนาคนหนึ่งเคยแนะนำให้ดูรายละเอียดนานมาแล้ว และพี่กำชับอีกว่า "น่าสนใจ" มาก

เรื่องภาษาเหมือนกับยาขมของคนไทย (อย่างผม)มันยากครับ แต่วันนี้ผมชักอยากทำในสิ่งที่น่าท้าทายเสียแล้วสิครับ

 

 

ขอบคุณ คุณจตุพรและคุณหนิงค่ะ....

  • ที่บอกเรื่องความหมายของ..."อู้บ่จ้าง"...
  • ที่ถามเพราะในห้องผ่าตัดเอามาพูดกันบ่อยค่ะ...เลยได้เอาไปต่อยอดใน http://gotoknow.org/blog/nurseanaesthjoke/74813  ค่ะ
  • ขอบคุณเป็นอย่างสูงค่ะ
  • แวะมาทักทาย ครับ 
  • กำลังใจเยอะจริงๆ
  • ผมว่าถ้าเรียนแทนได้ คงมีบางคนช่วยเรียนแทนแน่ๆ เลย น่าอิจฉาจริงๆ

พี่  กฤษณา สำเร็จ

"อู้บ่จ้าง" เป็นคำเหนือที่ใช่บ่อยกรณีต้องคุยอะไร พูดอะไรยากๆ ตัดบทเลยว่า "อู้บ่จ้าง"

แต่ก็พ้องเสียงกับ "อู้งานแล้วไม่จ้าง " พี่กฤษณาเข้าใจเล่นคำนะครับ

ผมตามไปอ่านแล้วครับ..

สวัสดีตอนสายๆครับ

 

อาจารย์หมอ สมบูรณ์ เทียนทอง

กำลังใจล้นหลามครับ พิเศษโดยเฉพาะใน Gotoknow ครับ

ดีใจครับ ประเด็นเล็กที่ผมเขียน หลายๆท่านก็กำลังสนใจ ที่จะสอบจะเรียนเช่นกัน

ก็ถือว่าเป็นการแชร์ความรู้กันไปนะครับ ได้ประโยชน์มาก

ผู้ให้ข้อคิดเห็นหลายๆท่านได้ให้ข้อคิดเห็นผ่านประสบการณ์ตนเอง อันนี้หละครับ สิ่งที่ผมต้องการ และเชื่อว่าหลายๆท่านที่กำลังจะเตรียมตัว กำลังจะสอบก็เก็บเกี่ยว TK. เหล่านี้ไปใช้ได้เลย

ไม่เฉพาะว่า  คนไทยเราจะไม่ถนัดภาษาสากลนี้หรอกค่ะน้องเอก  เพื่อนๆพี่ที่เป็นญี่ปุ่น  กับภูฐาน เค้าก็พอๆกับพี่แหละ  (อิอิ มีเพื่อน) พี่ว่าเพราะ เราไม่ได้ใช้บ่อยๆต่างหาก   ถ้าถึงคราวที่เราจำเป็นต้องใช้เราก็ทำได้นะคะ  พี่เชื่อว่าน้องเอกจะทำได้ดีด้วยหละ 

 ฝึกฝนบ่อยๆ เป็นกำลังใจให้  สู้ๆ นะคะ

สวัสดีครับ พี่ DSS@MSU ( หนิง )

น่าจะเป็นแบบนั้นครับ เพราะเรามีเอกราชและใช้ภาษาของตนเอง สิ่งที่เราควรภูมิใจ

ส่วนภาษามันเรียนรู้กันได้อยู่แล้ว และเมื่อถึงคราจำเป็นก็ทำได้ สื่อสารได้ เป็นเครื่องมือในการสื่อสาร

ผมจะฝึกฝนบ่อยๆครับ

ขอบคุณครับ

อ่านมากๆ ครับ จำ Tense ให้ได้พี่  ผมอาศัยจำ Tense เอา  ถ้าจำได้ 12 Tense รับรองสบายมาก  แต่จะว่าไปแล้วผมลืมหมดเลย  เดี๋ยวว่าจะกลับไปทบทวนเห็นพี่ขยันเลยพลอยอยากขยันฝึกภาษาต่างด้าวด้วย  ด้วยหวังว่าจะได้ไปแอ่วเมืองนอก...อีก

สวัสดีครับ น้องปริวัตร เขื่อนแก้ว

ก็คงต้องอ่านให้มากขึ้นครับ...

๑๒ Tense นี่ก็เรื่องใหญ่ครับ  ..

ดีใจครับที่บันทึกนี้ มีส่วนส่งเสริมให้น้องเก่งมีแรงฮึดที่จะฝึกภาษามากขึ้น

แอ่วเมืองนอก จะได้ไม่เมื่อยมือครับ

  • ตามมาจากบันทึกครูบา ถ้าได้ทุนจะมาเรียนใช่ไหมครับ
  • ต้องลองฝึกฟังและทำข้อสอบบ่อยๆครับน้องเอก

อาจารย์  ขจิต ฝอยทอง

ตอนนี้ผมก็อยู่ในช่วงของ "กงล้อแห่งโชคชะตา" ที่ อ.ลูกหว้า บอกผมว่า กำลังจะเริ่มมีสิ่งดีๆเกิดขึ้น

ผมพยายามหาทุนเรียนอยู่ครับ และคิดว่าตอนนี้ก็พร้อมค่อนข้างมากหากมีโอกาสเรียนตอนนี้ก็คิดว่า ลงตัวครับอาจารย์

TOEFL ก็เป็นการเตรียมตัวของผมอย่างหนึ่ง

ผมไปดูทุน สกอ. ยังไม่เปิดครับ คิดว่ารอๆไปก่อนครับ

ผมชอบกิจกรรมที่อาจารย์ไปทำที่ บ้าน ครูบาครับ มีคุณค่าและทำด้วยใจอย่างแท้จริง ผมขอให้กำลังใจนะครับ

ให้อดรนทนไม่ไหวกับบันทึกนี้

  • จตุโชคคือโชคชุ่มอุดมพร
  • โชคที่ ๑ บวรอายุขวัญ
  • โชคที่ ๒ ผิวพรรณเปล่งปลั่งดั่งเรือนจันทร์
  • โชคที่ ๓ สุขอนันต์สนานแน่นทั่วแดนใด
  • โชคที่ ๔ มีกำลังต่อสู้สุด
  • เหนือมนุษย์เหนือพรหมเหนือเทพไท้
  • มีพลังกายจิตเจนจัดใน
  • สรรพศาสตร์ปราดเปรื่องใจมิกังวล
  • พร คือสิ่งสรรพ์อันประเสริฐ
  • พรสวรรค์เลิศบวกแสวงแจ่มแจ้งกมล
  • พรจากผู้พบประสบพิตร์รู้จิตตน
  • พรอวยชัยบนสำเร็จเสร็จประสงค์
  • วิศิษฎ์ วิเศษสุทธิ์ศุภมงคล
  • โชติ ช่วงดั่งเทพดลอลง-
  • กต อังกูร สุคตปัญญาพิบูลย์ฯ

---------ขอเป็นกำลังใจอย่างยิ่งครับ----------

ด้วยความนับถือในความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณที่มั่นคง

---------รีบครับ ต้องไปก่อน

เรียน อาจารย์นมินทร์ (นม.)

ผมรู้สึกปลื้มใจจนบอกไม่ถูก อ่านซ้ำไปซ้ำมา

ผมชอบกวีที่อาจารย์แต่งมอบให้เป็นกำลังใจมากครับ

สวยงามและภาษาที่วิจิตรจริงๆครับ เป็นของขวัญสำหรับการก้าวไปทุกวันของผมเลย

 

ผมขออนุญาตขอยกมาอีกครั้งเพื่อซึมซับ...

..........................................................................

  • จตุโชคคือโชคชุ่มอุดมพร
  • โชคที่ ๑ บวรอายุขวัญ
  • โชคที่ ๒ ผิวพรรณเปล่งปลั่งดั่งเรือนจันทร์
  • โชคที่ ๓ สุขอนันต์สนานแน่นทั่วแดนใด
  • โชคที่ ๔ มีกำลังต่อสู้สุด
  • เหนือมนุษย์เหนือพรหมเหนือเทพไท้
  • มีพลังกายจิตเจนจัดใน
  • สรรพศาสตร์ปราดเปรื่องใจมิกังวล

 

  • พร คือสิ่งสรรพ์อันประเสริฐ
  • พรสวรรค์เลิศบวกแสวงแจ่มแจ้งกมล
  • พรจากผู้พบประสบพิตร์รู้จิตตน
  • พรอวยชัยบนสำเร็จเสร็จประสงค์

 

  • วิศิษฎ์ วิเศษสุทธิ์ศุภมงคล
  • โชติ ช่วงดั่งเทพดลอลง-
  • กต อังกูร สุคตปัญญาพิบูลย์ฯ

 ...................................................................

ผมขอคารวะด้วยจิตศรัทธาครับ

                                           จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร

  • มาเสริมพลังใจอีกคนครับ
  • เจ้า TOEFL สมัยผม เป็นภาษาเฉพาะ ไม่เหมือนที่ใช้จริงในชีวิตประจำวัน  ไม่รู้เดี๋ยวนี้ยังเป็นอยู่หรือเปล่า ?
  • สนับสนุนให้เรียนจาก CD ครับ ถ้าเพื่อการสอบผ่าน
  • ผมโชคดีได้ทุนไปเรียน UK เลยไม่ต้องสอบ TOEFL แต่ก็ต้องสอบ BC แทนครับ ผ่านแบบต้องไปเรียนภาษาต่อที่ London ครึ่ง เดือนครับ....(*_*)
  • มาเป็นกำลังใจอีกคน
  • เคยเรียนที่คณะวิทย์ของมหิดลแล้วไปสอบก็ โอ เค
  • อีกทีก็ลองไปสมัครสอบที่กรมวิเทศฯบ่อยๆลองดู จะได้ทราบว่า 3 ส่วน เราอ่อนส่วนไหน555555
  • แต่ที่แน่ๆอิจฉา กำลังใจ...สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ
  • สงสัยอนาคตของผมคงจะคล้ายของอาจารย์นะครับ
  • ไม่เก่งภาษาอังกฤษเหมือนกัน และจำเป็นต้องรู้เหมือนกัน
  • ซักวันผมคงมีเรื่องเล่าในลักษณะนี้ ขอบคุณครับ
  • เวลาเรียน TOEFL บางครั้งเหมือนไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษนะครับ เพราะเค้าเรียนเพื่อให้สอบผ่าน ไม่ได้สอนให้พูดได้ อ่านได้จริง ๆ แต่เป็นการสอนเทคนิคทำข้อสอบมากกว่า
  • เมื่อก่อนเคยเรียนที่กรุงเทพครับ สอบ TOEFL ผ่านแต่เขียนตอบข้อสอบเวลาเรียนจริง ๆ ไม่ได้ครับ :>

ผมก็ถูกบังคับแต่ก็ไม่ได้เรื่อง

จนผมไปฝึกเองจึงพอใช้ได้มากกว่าที่ถูกบังคับครับ

การบังคับใช้ไม่ได้ครับ แต่ก็แค่สอบผ่านอยู่ครับ

นอกนั้นไม่มีประโยชน์เลยครับ

อาจารย์ Panda

ถ้าหากพูดตามเกณฑ์แล้ว ก็ถูกต้องว่าสอบให้ผ่านเกณฑ์เพื่อเอาเกณฑ์ไปประกอบการเรียน การทำงานต่อไป หากจริงๆจังๆ คิดว่าจะต้องฝึก-เรียน เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันอีกทีครับ

ขอบคุณกำลังใจจากท่านอาจารย์ครับ

คุณ kead

ได้แสดงความคิดผ่านบันทึก ก็มีการให้ข้อคิดเห็นหลากหลายดีครับ ถือเป็นกำลังใจ

เราเพิกเฉยกันมากสำหรับภาษา ผมคิดว่าควรต้องเริ่มต้นกันจริงๆจังๆนะครับ

เพราะโอกาสมีให้คนที่ตั้งใจเสมอ

ขอบคุณครับ

น้อง บีเวอร์

น้องได้เปรียบครับ ...ก็ไม่ต้องรออนาคต เริ่มตั้งหน้าตั้งตาเรียนเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารเลย สอบ TOEFL เพื่อเกณฑ์เขากำหนดมาเท่านั้นเองครับ

ขอบคุณครับผม

อาจารย์ Kae

ขอบคุณครับ

สำหรับ TOEFL ผมก็อยากให้ผ่านตามเกณฑ์ ส่วนการใช้งานภาษาผมก็อยากจะได้ด้วย หมายถึง ใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วยครับ

คิดว่าต้องเรียนเสริมเพื่อให้ใช้งานได้จริงๆด้วย

TOEFL หากได้สัก ๕๕๐ ก็เป็นเกณฑ์มาตรฐานที่ผมต้องการครับ แต้มขนาดนี้ก็สามารถนำไปประกอบการทำงาน การสอบได้เลย

คงได้ปรึกษาอาจารย์อีกในโอกาสต่อไป

อาจารย์ดร. แสวง รวยสูงเนิน  ครับ

อย่างที่ อ.ธวัชชัย บอกว่า พื้นฐานเริ่มจากความชอบครับ ดังนั้นหากชอบที่จะเรียนรู้ ชอบที่จะใช้ภาษาเป็นเครื่องมือในการสื่อสารจริงๆก็จะไปได้ดี

 

ผมชอบแนวการเลี้ยงดูลูกของท่านอาจารย์ครับ ผมมองว่าผู้ปกครองควรให้ความสำคัญเรื่องการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเหมือนที่อาจารย์ปูแนวทางให้ลูกอาจารย์ จะได้ไม่มีปัญหาเช่นผม

แต่ผมนี่ก็ต้องขวนขวายเอาตอนที่ต้องใช้ผลภาษาอังกฤษ ก็อาจจะช้าไปนิดครับ

คุณจตุพร..

เข้ามาอ่าน 2-3 ครั้งแล้ว เพราะเพื่อนๆ ตอบเยอะ ...สงสัยพวกเราจะมีปัญหาด้านนี้เหมือนๆ กัน จึงทำให้คนสนใจเรื่องนี้เยอะ ...หรือเพราะอัธยาศัยเจ้าของบันทึกมีน้ำจิตน้ำใจดี จึงมีคนเข้ามาคุยเยอะ..นะครับ...

หลากหลายแนวทาง มีผู้รู้บ้างไม่รู้บ้าง เชี่ยวชาญบ้างไม่เชียวชาญบ้างแนะนำไปแล้ว ...รู้สึกสนุก็ต้องแนะนำในสิ่งที่ยังไม่มีใครแนะนำ 5 5 5

ไม่ต้องเรียนแล้วครับ ใช้เลย ใช้ได้แค่ไหน ก็เอาแค่นั้น ...แต่ถ้าจะสอบ เพื่อสิทธิบางอย่างก็ขอเอาใจช่วยครับ

เจริญพร 

ภาษาต่างด้าวย่ำแย่เหมือนกันค่ะ กำลังหาที่เรียน ภาษา เพื่อสอบ TOEFL อยู่พอดี งานนี้คงต้องเรียนเอง อย่างที่หลายๆท่านบอก มีเวลาเรียน 1 ปี น่าจะทัน มั้ยคะ อิอิ เอ่อ แล้วจะหา postcast รายการต่างๆ ที่มีทั่ว Internet  มาได้งัยอะคะ สงสัย ไม่รู้จะไปโหลดมาจากที่ไหน

นมัสการ ครับ ท่าน พระคุณเจ้า BM.chaiwut  

ก็เพราะสิทธิบางอย่างครับ ท่านอาจารย์ ผมจึงต้องขวนขวายและทำให้ผ่านเกณฑ์

ผมก็เข้าใจว่า การสอบ TOEFL หรือที่เกี่ยวข้องภาษาอังกฤษ คนไทยเราส่วนใหญ่มีปัญหาครับ

ที่เข้ามาตอบกันมากๆก็อาจเพราะประเด็นที่คนสนใจ และผมมองเช่นเดียวกับท่านอาจารย์ว่า "เรามีปัญหาคล้ายๆกัน"

ผมคิดว่าไม่เรียน(ตรงๆ) ครับ ผมอ่านเอง ใช้เอง ใช้เรื่อยๆ

ท่านอาจารย์เอาใจช่วยผม...ผมถือว่าผมได้รับพร ครับ

คุณ PAN

อยู่ที่สงขลาผมมองว่ามี ผู้ให้คำแนะนำมากมาย จาก มอ. (ทั้ง อ.ดร.ธวัชชัย อาจารย์พี่โอ๋ พี่ไมโต) หลายๆท่านที่มีโอกาสร่ำเรียนจาก ต่างประเทศ ท่านเหล่านี้มีประสบการณ์ตรงครับ

ผมขอใช้เวลา ๓ เดือน สำหรับการเตรียมตัวครับ

ขอสามเดือนเท่านั้นครับ

ท่านผู้รู้กรุณาช่วยบอกรายละเอียดหน่อยครับ...เรื่อง postcast

  • อยากได้คำว่า "คุณ" มากกว่าคำว่า "อาจารย์" เพราะคำว่า "อาจารย์" มันเป็นอะไรที่ไม่ใช่เรื่องง่ายกับการจะเป็น
  • เนื่องจากเมื่อวานรีบเร่งไปมาก กับธุระแบบด่วนพิเศษ  จึงมาตรวจดูสิ่งที่ออกจากใจ พบสิ่งที่บัณฑิตแยกให้ใคร่ครวญ ขอมาแก้ไข ขออภัย ให้ละอายใจจริงๆ กับสี่บรรทัดสุดท้าย
    • พร คือสิ่งสรรพ์อันประเสริฐ
    • พรสวรรค์เลิศบวกแสวงแจ่มแจ้งกมล
    • พรจากผู้พบประสบพิตร์รู้จิตตน
    • พรอวยชัยบนสำเร็จเสร็จประสงค์
  • วิศิษฎ์ วิเศษสุทธิ์ศุภมงคล
  • โชติ ช่วงดั่งเทพดลบันดาลอลง-
  • กต / อังกูร สุคต / ปัญญาจำนงค์
  • จตุรงค์เสนาภิบาลวิบูลย์

------------------------------

 

อาจารย์ นมินทร์ (นม.)

เรียนมาด้วยความเคารพครับ เรื่องสรรพนาม เป็นสิ่งที่ผมเคารพและขออนุญาต

กวีที่อาจารย์เขียน ถึงยังไงในตอนแรก ผมก็ดีใจมากที่เห็นถ้อยคำที่สวยงาม และเรียบเรียงเป็นกวีครับ

ขอบคุณท่านอาจารย์มากครับ

สวัสดีเจ้า

หัวข้อนี้ Hot จังเลยเจ้า เลยแวะมาตอกย้ำว่าเมืองไทยไม่ใช่เมืองขึ้นของชาติใดๆ หุหุ แต่ภาษาไทยที่พูดอยู่ทุกวัน ก็ยังไม่เคยสอบได้เกรด 4 เลยเจ้า

จะว่าไปการเรียนในสถานที่สอนภาษา ต้องเลือกจริงๆ แหละค่ะ เคยไปเรียนบางที่ เค้าจับให้สอบ แล้วก็ต้องไต่ระดับแบบที่คุณเอกว่าแหละ แต่เหมือนใช้เวลายาวนานจัง

ถ้าจะต้องเรียนและสอบในช่วงเวลาจำกัด ต้องหยุดว่างๆ สักอาทิตย์ ตะลุยเข้มอย่างเดียว เอ้า...จริงๆ เพราะถ้าทำงานไป อ่านไป วันๆ ต้องคุยกะคนโน้นคนนี้ ต้องทำงานโน้นงานนี้ อ่านได้ไม่เต็มที่ แต่ถ้ามีเวลาพอควร ก็อีกเรื่อง ค่อยๆ ก่อพื้นให้แน่นๆ

ของแนนไม่ใช้ผลสอบ TOEFL แต่ใช้ผลสอบ IELTS ซึ่งจะต่างกันอยู่พอควร แต่เทคนิคการฝึกฝนด้วยตนเองคงจะเหมือนกัน

ที่อาจารย์ธวัชชัยว่านั้นก็ใช่เลย

แต่ขอเสริมตรงที่ตัวเองคิดว่าได้ผลเพิ่มเติมล่ะกันนะคะ

การเขียน
แนะนำว่าให้เขียนไดอะรี่ทุกวัน เขียนไปเลย ตื่นเช้ามาทำอะไร กินอะไร เดินไปไหน เขียนตอนแรกๆ คงจะนึกไม่ออกว่าได้ผลยังไง แต่พอเขียนไปนานๆ จะรู้ว่าเขียนง่ายขึ้น นี่ไม่ได้พูดถึงว่า Grammar จะถูกหรือไม่นะคะ แต่เป็นการสร้างความคุ้นเคย และความเร็วในการเขียนตามใจสั่งนึก (ได้มาจากตอนเรียนเอแบค ที่โดนบังคับเขียนอยู่สี่เทอม)

การอ่าน
อ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ อ่านข่าวที่สนใจ อย่างน้อยเราจะรู้แล้วว่าข่าวมีเนื้อหาอะไรบ้าง ฉะนั้นการอ่านซ้ำเป็นภาษาอังกฤษ เราจะค่อนข้างสร้างกำลังใจให้ตนเองได้ และเป็นการดูดซับ Grammar ไปด้วย เปลี่ยนจากเรื่องที่ถนัด เป็นเรื่องอื่นๆ ด้วย เพราะ TOEFL ถามทุกเรื่อง (ตัวเองยังทำไม่ได้ดี หนังสือพิมพ์ฉบับนึง กว่าจะอ่านหมดทุกเรื่อง ใช้เวลาเป็นเดือน)

การฟัง
แน่นอน ต้องเป็นวิทยุภาษาอังกฤษที่ไม่เน้นเพลง ข่าวจาก True visions ไม่นับหนังที่มีพูดอังกฤษ และแปลเป็น subtitle ไทยนะคะ เพราะเราจะมองคำแปล จนไม่ได้ทักษะการฟัง แต่ถ้าให้ดี เช่า DVD แล้วเลือกเป็น Sound & Subtitle เป็นอังกฤษ เปิดซ้ำไปมาได้ถ้าชอบ อันนี้จะได้ทั้งฟัง พูด และอ่านเลย

การพูด
ทุกวันนี้แนนยังไม่ค่อยได้เรื่องเลย เพราะเพื่อนคนไทยเยอะ ไม่ได้พูดมันจะทำให้ลิ้นแข็ง อันนี้แนะนำยาก แต่ถ้าคุณเอกสามารถหาเพื่อนต่างชาติมาสนทนาได้ จะเยี่ยมเลย ขอแค่คุยไปเรื่อยๆ นึกถึงเรื่องโน้นเรื่องนี้ เราจะรู้เองว่าคำศัพท์ที่เรายังไม่รู้ และต้องไปหามันมีอะไรอีกบ้าง ถ้าให้เยี่ยมนะ ต้องมีแฟนต่างชาตินะคะ ได้พูดคุยได้ in love

คิคิ

^____^

สวัสดีครับ คุณ Nanny

นี่ถือว่าเป็น Comment ที่ยาวที่สุดของคุณแนนเท่าที่ตอบผมมา และมีเนื้อหาเป็นจริงเป็นจัง ที่สำคัญไม่มีข้อความที่แซวผม...แบบเจ็บๆคันๆ ^___^

ต้องขอบคุณในข้อแนะนำครับ ผมคิดว่าผู้ที่ได้อ่าน ข้อเสนอแนะที่มีประโยชน์ครั้งนี้ก็จะได้ความรู้จากการถ่ายทอดประสบการณ์ตรงของคุณแนนนะครับ

ผมเคยใช้ MSN กับ อ.ป๊อบ เขาพิมพ์ภาษาอังกฤษแต่ผมพิมพ์ไทยเฉยเลย คุยกันได้นานสองนานครับ

ขอบคุณหลายๆครับ

ขอบคุณนะคะ

วันนี้โชคดีที่ได้เจออ.ธวัชชัย เลยได้คำตอบทุกอย่างที่อยากรู้ค่ะ

คุณ PAN

รบกวนช่วยนำคำตอบจากท่าน อ.ธวัชชัย ลงใน Comment นี้ด้วยครับ ..เผื่อท่านอื่นๆจะได้เรียนรู้ร่วมกันครับ

ขอบคุณนะครับ

ผมรออยู่ครับ...อย่าลืมครับ

  • แวะมาชื่นชมกับกำลังใจ
  • ถึงจะเยอะขนาดไหน ถ้าไม่เริ่มต้นเอง ก็จะไม่ได้อะไรเกิดขึ้น
  • จงเริ่มต้นทันทีที่ทำได้ ครับ

สวัสดีครับ อาจารย์หมอสมบูรณ์ เทียนทอง

แน่นอนว่า กำลังใจและมีข้อคิดเห็นที่หลากหลายที่พร้อมใจกันแลกเปลี่ยนในประเด็นนี้

ทั้งหลายเหล่านี้ ประมวลได้ว่า ทุกอย่างล้วนอยู่ที่เราเองทั้งสิ้น อยู่ที่ผมเอง อยู่ที่ผู้อ่านซึ่งอยู่ในสถานการณ์เดียวกับผม

ทำทันที ทำในเวลาที่ทำได้ ตามที่อาจารย์ได้บอกมา

ขอบคุณท่านอาจารย์มากครับ

  • Chatting with the foreigners is a way to improve your English…umm I think like that…
  • ถ้าชอบฟังเพลงสากล ..ก็เป็นอีกทางเลิอกหนึ่งนะคะ ทีี่จะทำให้เราอยากจะเรียนภาษาอังกฤษ ก็เพราะว่า...เวลาฟังเพลงเพราะๆ ถูกใจทีไร เราก็อยากตะกายหาความหมายให้ได้ทุกที
  • และสุดท้าย.. ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ต้อง เริ่มอ่านเรื่องง่ายๆ ที่เราสนใจก่อน เรียนเพราะชอบอย่างที่ ดร. ธวัชชัย ว่าไว้แหละค่ะ
  • ขอเป็นกำลังใจให้นะคะCheer up!
น้องเอกคะ
น่าจะรวบรวมความคิดเห็นเรื่องการฝึกฝนภาษาอังกฤษเหล่านี้  เขียนเป็นบันทึกใหม่ซักหนึ่งเรื่องค่ะ
***
ดีมั๊ย...น่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นๆ ด้วย
(คือตามอ่านแล้วมันยาวๆๆ)

อ้าว...

พอเขียนจริงจัง ไม่แซวมีการแซวกลับอีกนะเนี่ย ก็แหม ลุ้นๆๆ ด้วยคนไงคะ อยากให้สอบผ่านไง o_+

 

เอาไว้คุณเอกเผื่อเมื่อไหร่จะแซวเองค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง 555

^___^

นิ๊ดนึงค่ะ

เพิ่งเห็นว่าเขียนป้ายผิดนะคะ

จาก TUTER ต้องเป็น TUTOR นะคะ

^____^

เดี๋ยวผมจะเขียนบันทึกแนะนำการฟัง podcast นะครับ ตอนนี้ขอแปะไว้ก่อนนะครับ :-)

ที่จริงถ้าที่แถวเชียงใหม่มีวิทยุภาคภาษาอังกฤษคุณจตุพรเปิดฟังไปเรื่อยๆ ก็จะง่ายกว่า podcast อีกครับ

เรื่องการฟังนี่แปลก ประสบการณ์ตรงของผมคือตอนผมไปเรียนผมเปิดวิทยุไปเรื่อยๆ ไม่ได้ตั้งใจฟัง ตอนแรกก็ไม่รู้เรื่องหรอกครับ พอถึงเวลาหนึ่งมันก็รู้เรื่องไปเอง ไม่รู้ตัวว่าฟังรู้เรื่องตั้งแต่ตอนไหนเหมือนกัน

เรื่องทักษะการเขียนการอ่านนี่น่าจะต้องอาศัยการฝึกฝน แต่เรื่องทักษะการพูดและการฟังนี่ผมมีความรู้สึกว่าต้องอยู่ในสภาวะแวดล้อมของภาษานั้นๆ (ซึ่งสร้างได้ด้วยการฟังวิทยุตลอดเวลา) แล้วดึง "สัญชาติญาณทางภาษา" ออกมาใช้แล้วจะพูดและฟังได้อย่างไม่รู้ตัว

ตัวอย่างเรื่องการพูดภาษาอังกฤษนี่นะครับ ผมไม่ได้พูดนานๆ นี่จะลิ้นแข็ง เวลาเจอฝรั่งถ้า "นึก" ว่าจะพูดภาษาอังกฤษนี่จะพูดไม่ออก แต่ถ้า "ไม่นึก" นี่จะพูดไปเฉยๆ อย่างนั้นล่ะ

ผมคิดว่ามนุษย์จะมีสัญชาติญาณทางการสื่อสารด้วยภาษาอยู่มากครับ โดยเฉพาะเด็กๆ นี่จะเยอะมาก ผมเห็นเด็กตัวเล็กๆ ตามครอบครัวไปโดยพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย แต่พอเอาไปเข้าโรงเรียนกับฝรั่งภายในเดือนเดียวจะพูดและฟังได้เหมือนฝรั่ง (แต่อ่านและเขียนไม่ได้ตามประสาเด็ก)

ผมเชื่อว่าผู้ใหญ่ก็มีสัญชาติญาณนี้เหลืออยู่ไม่น้อยทีเดียว เพียงแต่ว่าทำอย่างไรจะดึงออกมาใช้ได้เท่านั้นเอง

เท่าที่ผมมีประสบการณ์คือใช้ "ความไม่ตั้งใจ" (แต่สร้างสิ่งแวดล้อมในภาษานั้นให้รอบตัว) เป็นวิธีดึงสัญชาติญาณทางภาษามาใช้ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นวิธีที่ถูกที่สุดหรือเปล่า ท่านอื่นๆ อาจมีแนวทางที่แตกต่างกันครับ 

พอดีผมไปเที่ยว หลายๆจังหวัดมาครับ เลยเข้ามาอ่าน Comment ในวันนี้

ต้องขอบคุณทุกท่านมากครับ โดยเฉพาะอาจารย์ดร. ธวัชชัย ปิยะวัฒน์   รู้สึกว่าที่เชียงใหม่จะมีรายการภาคภาษาอังกฤษอยู่ครับ ที่พักผมก็มี UBC แต่ก็มีไม่ค่อยได้ดูจริงๆจังๆ ส่วน Podcast นี่น่าสนใจมากครับ ผมคิดว่าหลายๆท่านที่เข้ามาอ่านสนใจกันมากครับ คงต้องอดใจรออาจารย์เขียน บันทึกนี้  คิดว่าอาจารย์คง "แปะ" ไม่นานนะครับ

คุณ lioness

ยินดีมากครับ ผมคงได้ปรึกษาหารือบ่อยๆเรื่อง "ภาษา"นะครับ

ผมชอบฟังเพลงครับ ดังนั้นจึงเป็นคำแนะนำที่ถูกใจครับ เรื่องการสนทนาผ่าน โปรแกรมออนไลน์ก็ไม่เลวครับ ...ขอบคุณมากครับ

 

พี่ nidnoi

คิดว่ารวบรวมจากข้อคิดเห็นเป็นแบบ How to ฉบับคนเริ่มๆ น่าจะดีนะครับ

ผมเห็นด้วยครับ

ขอแปะไว้ก่อนครับ

 

คุณแนนนี่

ขอบคุณมากครับ...ผมแก้ไขศัพท์ที่ผิดเรียบร้อยแล้วครับ

สอบผ่านเมื่อไหร่...จะแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน :)

 

ประกาศครับ!!!

 หลังจากที่ผมได้เขียนบันทึกนี้ออกมาแล้ว และได้เข้าไปสอบเพื่อเตรียมตัวเอง เพื่อทราบว่าตนเองอยู่ในระดับไหน

ผมเข้าสอบ Pre TOEFL ที่มีการสอบทั้ง Lisening,Structure,Reading,Writing โดยที่ผมไม่ได้มีการเตรียมตัวก่อน ที่ศูนย์นานาชาติเชียงใหม่ (IC) 

ผล Pre  TOEFL   ออกมาแล้วครับ

ผมได้ระดับคะแนนที่ 350 ของ paper based  TOEFL ครับ งานนี้ต้องพยายามอีกมากครับ

 

 

ไม่มีรูป

ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมครับ คิดว่าจะมีประโยชน์ต่อสมาชิก gotoknow มากครับ

ผมเองก็เป็นเหมือนอย่างที่คุณพบครับ ซื้อหนังสือมามากมาย แต่ไม่ค่อยได้เปิดอ่าน

ต้องพยายามแล้วละครับ

เรียนภาษาอังกฤษ, เตรียมสอบ TOEFL , หาข้อมูลศึกษาต่อต่างประเทศ คลิกที่นี้ !!! http://www.ToeflThailand.com

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท