ดิฉันไม่ได้ทำหน้าที่อาจารย์ที่ปรึกษานักศึกษาปริญญาตรีเสียนานแล้ว น่าจะประมาณ ๕ ปี ตั้งแต่ไปรับงานบริหารเป็นรองคณบดี อยู่ ๔ ปีเมื่อ ๕ ปีที่แล้ว
ปัจจุบันการลงทะเบียนที่สถาบัน นักศึกษาชำระเงินจะเรียบร้อยมาแล้ว โดยเฉพาะนักศึกษาโควต้า ซึ่งต้องยืนยันสิทธิ์ และวิชาปี ๑ เทอม ๑ ที่เรียนก็ค่อนข้างบังคับอยู่แล้วว่าให้เรียนอะไรบ้าง ระบบการลงทะเบียนจึงกลายเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่นักศึกษาสามารถลงเองได้เลยโดยไม่ผ่านอาจารย์ที่ปรึกษา
ตอนหลังจากเซ็นเอกสารหมดแล้ว ดิฉันได้ยินเด็กพูดคำหยาบเป็นสัตว์เลื้อยคลาน กับเพื่อนตามความคะนอง ก็ตักเตือนว่าอย่าพูดแบบนี้ในห้องเรียน พอหันหลังกลับ เดินมาอีกหน่อยก็ได้ยินเสียงลอยตามลมมาอีกว่า "กูยังไม่ทันพูด ห.. อะไรเลย..."
เรียนท่านอาจารย์กมลวัลย์
ด้วยความเคารพ
กัมปนาท
อาจารย์ครับ ตอนผมเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง สิ่งที่ผมพยายามจะเรียนรู้คือ ต้องทำอย่างไรกับชีวิตดี แต่ตอนนั้นผมได้จากอาจารย์น้อยมาก เนื่องจากผมยังไม่กล้าเข้าหาอาจารย์ เพราะคิดว่าคงต้องระวังตัวในการเข้าพบอาจารย์เหมือนตอนอยู่มัธยม ผมจึงได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่มากกว่า
แต่ตอนอยู่ปีสอง ผมเพิ่งรู้ว่า อาจารย์ที่ปรึกษาสำคัญมากสำหรับผม ถ้าในปีแรกผมได้คุยกับอาจารย์ที่ปรึกษามากกว่านี้ ผมคงมีอะไรดีๆ กว่านี้อีก
ไม่ใช่รุ่นพี่ไม่ดีนะครับ แต่รุ่นพี่ใช้ประสบการณ์ตนเองมาถ่ายทอดให้กับน้อง ในขณะที่ถ้าอาจารย์มีข้อมูลที่ถูกต้องมากกว่า แต่ไม่ยอมมาคุยกับนักศึกษา การปฏิบัติของนักศึกษาใหม่ก็คลาดเคลือนได้เยอะทีเดียวครับ
สำหรับผมในปีที่สองเป็นต้นมา ผมสนิทกับอาจารย์มากขึ้นครับ แล้วรู้ดีขึ้นว่า การจะได้ความรู้ให้มากขึ้นต้องคุยกับอาจารย์ให้มากขึ้นทั้งในห้องและนอกห้องครับ
ตอนผมเป็นอาจารย์ ผมจึงต้องสามารถพูดคุยเล่นกับนักศึกษาผมให้ได้ก่อน แล้วการให้คำปรึกษาจึงจะตามมา
สวัสดีค่ะคุณ กัมปนาท อาชา (แจ๊ค) และอาจารย์ นาย จารุวัจน์ ชาฟีอีย์ สองเมือง ที่ได้เข้ามาแลกเปลี่ยนกับดิฉันนะคะ
แน่นอนว่าดิฉันก็เคยผ่านการเป็นนิสิตมาเหมือนกัน ; ) และดิฉันเป็นประเภทกลัวอาจารย์มากเหมือนกันค่ะ เพราะฉะนั้นจะไม่ค่อยได้รู้จักกับอาจารย์มากนัก เพราะอาจารย์ก็เป็นอาจารย์ชายเสียส่วนใหญ่ในสาขาที่ตัวเองเรียน (โยธา) และเนื่องจากตัวเองไม่ค่อยมีปัญหาในการเรียนมาก ก็เลยทำให้ไม่ค่อยได้คุยกับอาจารย์ที่ปรึกษามากเท่าใดขึ้นไปอีก
ที่ดิฉันว่าแปลกก็คือ นักศึกษาปัจจุบันไม่ค่อยให้เกียรติใครเลย แม้กระทั่งกับตัวเอง อาจเป็นเพราะอยู่ในวัยนี้ ดิฉันก็พยายามจะเข้าถึง และพยายามเข้าใจ กำลังหาวิธีการอยู่ว่าจะทำอย่างไร ถึงจะรู้จักเด็กๆ มากกว่านี้ ประกอบกับ นศ.ของที่ภาควิชา ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นผู้ชายอยู่เหมือนเดิม ทำให้เข้าถึงยาก เพราะเราก็คงดูเป็นอาจารย์ผู้หญิงดุๆ
อย่างที่คุณ กัมปนาท อาชา (แจ๊ค) ว่าไว้ว่าต้องเป็นทั้งครูทั้งเพื่อน แต่ถ้าจะเป็นเพื่อนเขาต้องยอมรับระดับหนึ่ง ซึ่งต้องหาวิธีการต่อไป คงต้องมีการพบปะกันมากขึ้นเป็นอันดับแรกก่อนแหละค่ะ ถึงจะรู้จักกันได้อย่างที่อาจารย์ นาย จารุวัจน์ ชาฟีอีย์ สองเมือง ว่าไว้
ขอบคุณทั้งสองท่านอีกครั้งค่ะ ที่ให้คำแนะนำ
ขอบคุณ คุณ ข้ามสีทันดร มากเลยนะคะ สำหรับกำลังใจ ตอนนี้เตรียมแผนไว้แล้วว่าจะต้องนัด (เชิงบังคับ) นักศึกษามาพบก่อน midterm เพื่อทำความรู้จักมากขึ้น และเตือนเขาก่อน ก็พยายามจะ put myself in their shoes ดูว่าเด็กๆ ต้องการอะไร
คิดไว้แล้วว่าต้องปรับทัศนคติตัวเองก่อน ก่อนไปปรับคนอื่นค่ะ ; )