beeman 吴联乐
นาย สมลักษณ์ (ลักษณวงศ์) วงศ์สมาโนดน์

อนุทินล่าสุด


beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๕๙> : วันพฤหัสบดีที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓

  กักตัวอยู่ที่หอพัก จากสถานการณ์ Covid-19 และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินวันแรก ว่างมากเลยนึกถึง G2K : Run อนุทินต่อ หลังจากไม่ได้เขียนมาเกือบ ๓ ปี ต้องมาเคาะสนิมเพื่อเขียนอนุทินใหม่


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๕๘> : วันจันทร์ที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๐

  • วันนี้เป็นปกติธรรมดาเหมือนทุกวัน ดูรายการ "เจาะใจ" จากข้อมูลที่ส่งมาทางไลน์

  • พอถึงตอน ๔ โมงเย็น จะ post เรื่องของ "คน" ที่มาบวช เป็น "พระ" มีแบบต่างๆ ซึ่งเป็นคำโบราณ นำมากล่าวอ้างถึงโดย "พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ " ดังนี้
    1. จุดประสงค์จริงๆ ของการบวชก็คือ เพื่อละ เพื่อสละเพื่อนิพพาน ในยุคแรกๆ ของการบวช จิตของพระแต่ละท่านมุ่งมั่นที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์ เลยตัดสินใจสละเครื่องพะรุงพะรังหลายส่วนเข้ามาสู่วิถีนี้ เรียกว่า “บวชไกลกังวล”
    2. สมัยนี้มีการบวชมีหลายประเภท บวชหาเงินใช้หนี้ บวชหนีตำรวจ บวชสวดพระมาลัย (บวชเพื่อไปสวดตามงานศพแล้วรับซองเงิน)  บวชไกลกังวล (บวชเพื่อสละเครื่องพะรุงพะรังของชีวิต ที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์) บวชบุญเจ้าพ่อ (พวกบวชแก้บน)  บวชล่อข้าวเย็น บวชเล่นสีกา บวชผลาญข้าวสุก บวชสนุกตามเพื่อน บวชเปื้อนศาสนา 
    3. ยังมีอีก คนที่บวชเพราะ อกหัก หลักลอย คอยงาน สังขารเสื่อม(หัวเราะ)
  • นึกได้ว่า วันนี้คล้ายกับวันเริ่มต้นรับราชการครบรอบ ๓๐ ปี (๒๕๓๐-๒๕๖๐)


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๕๗> : วันเสาร์ที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๐

  • ค้นเรื่อง "ทีมพากย์อินทรี" ได้พบวีดีโอเรื่อง "ฟ้องระบบการศึกษา" (ที่พากย์เสียงโดย "อินทรี") จึงนำมาบันทึกไว้

อีกเสียงพากย์หนึ่ง (จึงนำมาบันทึกไว้)

เสียงภาษาอังกฤษ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๕๖> : วันเสาร์ที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๐

  • เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๙ นำเงินบริจาคของนิสิตจำนวน 1,264 บาท ไปหยอดใส่ตู้ไถ่ชีวิตโค+กระบือ ที่วัดราษฎร์บูรณะ พิษณุโลกเงินจำนวนนี้ได้ขอให้นิสิตซึ่งเรียน Lab ผ่าตัดกบกับ beeman ๓ กลุ่ม คือ สัตววิทยา 94 คน, ชีววิทยาเบี้องต้นกลุ่ม 10 และ กลุ่ม 4 รวม 70 คน บริจาคตามกำลังศรัทธา จุดประสงค์เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร (กบ)


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๕๕> : วันจันทร์ที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐

  • ติดตามละคอน "พ่อครัวหัวป่าก์"ความหมาย บทประพันธ์ "กนกเรขา" ซึ่งดูเหมือนจะเป็นละครไร้สาระ แต่ก็สามารถหาสาระได้ จากพ่อของทองตรา (นำแสดงโดยทูล หิรัญทรัพย์) ที่พูดแฝงเรื่องธรรมมะ และพูดถึงเด็กในยุค "บริโภคนิยม" สอนพระเอก (นายมลคนครัว นำแสดงโดยหลุยส์ สก๊อต) ให้เข้าใจเรื่องการเข้าวัด
  • ในเรื่องมีแก่นแท้อยู่อย่างหนึ่ง คือ "จะทำอะไรให้ดี ต้องเริ่มจากใจ"
  • วันหนึ่งขณะติดตามละครย้อนหลัง เกิดอยากรู้ว่า "นายมลคนครัว" ที่นางเอกโทรหา และโชว์เบอร์ว่า 080-0211778 นั้นมีตัวตนจริงหรือไม่
  • เช็คก่อนว่าเป็นเบอร์เครือข่ายไหน=คำตอบคือเป็นเบอร์เครือข่าย AIS ซึ่งพอโทรไปหาจริงก็มีสัญญาณเรียกส่าย และรอสักพักก็มีคนรับสาย...ถามว่าเป็นเบอร์นายมลคนครัวจริงหรือไม่ (รู้ว่าคำตอบคงไม่ใช่อยู่แล้ว)
  • คำตอบก็คือ "เป็นเบอร์กองถ่ายละคร" และขอขอบคุณที่ติดตาม...จึงมาบันทึกเรื่องราวไว้กันลืม


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๕๔> : วันจันทร์ที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙

  • เมื่อคืนหลับๆ ตื่น เพราะดูฟุตบอล แต่จิตคิดเรื่องหนึ่ง "ธัมมุทเทศ 4 ข้อ" ซึ่งเรียนมาเมื่อตอนอยู่ ม.ศ.๓ ซึ่งคัดลอกข้อความที่เคยท่องได้มาดังนี้

ธัมมุทเทศ ๔ ข้อ ที่พระศาสดาผู้รู้เห็นเป็นอรหันต์ทรงแสดงแล้ว

ซึ่งอาตมาภาพ (พระรัฐปาลเถระ)ได้รู้เห็นแล้วจึงออกบวช ธัมมุทเทศ ๔ ข้อคือ

๑. โลก คือหมู่สัตว์ อันชราเป็นผู้นำ นำเข้าไปใกล้ ไม่ยั่งยืน

๒. โลก คือหมู่สัตว์ ไม่มีผู้ป้องกัน ไม่เป็นใหญ่ เฉพาะตน

๓. โลก คือหมู่สัตว์ ไม่มีอะไรเป็นของของตน จำต้องละสิ่งทั้งปวงไป

๔. โลก คือหมู่สัตว์ พร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา

ตอนเรียนก็เข้าใจความหมายไม่หมดทุกข้อ วันนี้ไปค้นมา เห็นว่า ที่อธิบายได้เข้าใจดี อยู่ที่นี่

ว่างๆ จะนำไปเรียบเรียงใหม่ เป็นบันทึก

และ web ที่น่าสนใจ web หนึ่งคือ http://www.tripitaka91.com/index.php

ซึ่งเรื่องราว" ธัมมุทเทส 4" สามารถค้นหาได้ ที่นี่



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๕๓> : วันเสาร์ที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙

  • วันพฤหัสบดีที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๙ มีเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย xx,xxx เขาเรียกว่า "เงินอุดหนุนสวัสดิการค่าอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศ รอบ ๓/๒๕๕๘" ลองไปดูว่ามีใครได้บ้างในรอบนี้ที่ round3-58(2) 31-05-2559.pdf
  • วันจันทร์ที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๙ มีเอกสารส่งลงทะเบียนมาจาก "กองบริการการศึกษา" มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นใบรับรองว่า "ลูกสาวบีแมน" เรียนจบศิลปศาสตรบัณฑิต คณะมนุษย์ศาสตร์ เอกภาษาญี่ปุ่น อนุมัติโดยสภามหาวิทยาลัยเมื่อ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙
  • ที่ขำๆ หน่อย คือ คนที่ได้เกียรตินิยมอันดับ๑ แต่ยังไม่มีงานทำ (อย่างเป็นทางการ) ส่วนที่อันดับรองๆ ลงไป ได้งานกันเกือบหมดแล้ว




ความเห็น (2)

คนที่ได้เกียรตินิยมอันดับ๑ คงเลือกอย่างระมัดระวังไหมคะ อาจารย์

คือ ลูกสาวไปฝึกงานที่กรุงเทพ ค่าใช้จ่ายส่วนตัว, ค่าเดินทาง, ค่าที่พัก ตกเดือนละ 12,000 บาท ทีนี้พอสมัครงาน เขาให้เงินเดือน 12,000 บาท คิดแล้วต้องกระเบียดกระเสียร อย่างมาก...

จึงคิดว่า "ทำงานที่บ้านดีกว่า" แบบที่เรียกว่า freelance ในที่นี้คือ นักแปลนวนิยายหรือการ์ตูนภาษาญี่ปุ่นให้สำนักพิมพ์..ซึ่งถ้าได้ค่าจ้างเกินเดือนละ 5,000 บาท ก็คุ้มแล้ว เพราะรายจ่าย Absorb จากคุณพ่อบีแมน

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๕๒> : วันเสาร์ที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙

  • วันที่ 2-3 มิถุนายน 2559 ไปทำแผนปฏิบัติการประจำปี 2560 ที่ภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก
  • พฤหัสบดีที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๙ ออกเดินทางตอน 7 โมงเช้า โดยรถตู้ของบริษัทรังทองทัวร์..แวะระหว่างทางกว่าจะได้เข้าห้องประชุมตอน 10 โมงเช้า (แผนกะว่า ๙ โมง) เมื่อหัวหน้าภาควิชา (ดร.สุริศักดิ์) กล่าวเปิดประชุม แล้วก็ดำเนินการ นำแผนปฏิบัติการปี 59 มาพูดคุย แล้วจัดลงแผนปี 60 ซึ่่งส่วนใหญ่คงแผนเดิม และปรับงปม.บางตัว และเพิ่มงบไปเที่ยวซึ่งปี 59 ได้ตัดไป พร้อมทั้งมีงบซ่อมครุภัณฑ์และซื้อแอร์ใหม่ปีละ 2 ตัว...งบโดยรวมมีประมาณปีละ 2.8 ล้านบาท
  • วันศุกร์ที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๙ มีบรรยายพิเศษ เรื่อง ลิขสิทธิ์กับสิทธิบัตร และหลักคิดในการขอ ทั้ง ๒ แบบ ได้ความรู้ดีครบถ้วน ภายใน 3 ชั่วโมง วิทยากรนั้นเป็นเพื่อนกับดร.ศรีสังวาลย์
  • ที่ครัวรังทองนั้น จัดอาหารมังสะวิรัติให้ 2 ที่ รวมทานทั้งหมด 4 มื่อ อร่อยทุกมื้อ เจ้าของร้านแซวว่า ถ้าอยู่ที่นี่ ๗ วัน รับรองน้ำหนักขึ้นแน่ๆ เลย


ความเห็น (2)

ลิขสิทธิ์กับสิทธิบัตรต่างกันยังไงคะ อาจารย์

ทรัพย์สินทางปัญญา ในที่นี้แบ่งเป็น 1. ลิขสิทธิ์ (การแสดงออกซึ่งความคิด) 2. ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม (ผลงานทางปัญญาที่อาจนำไปใช้ประโยชน์ในการผลิตทางอุตสาหกรรม)

ผลงานที่มีลิขสิทธิ์ ได้แก่ งานวรรณกรรม, งานนาฏกรรม,งานศิลปกรรม, งานดนตรีกรรม, งานโสตทัศนวัสดุ, งานภาพยนตร์, งานสิ่งบันทึกเสียง, งานแพร่เสียงแพร่ภาพ เป็นต้น

ผลงานที่ขอสิทธิบัตร เช่น สิทธิบัตรการประดิษฐ์ ซึ่งจะต้องมีลักษณะเป็นงานใหม่ เป็นการประดิษฐ์ขั้นสูง ใช้ได้ในเชิงพาณิชย์ และอุตสาหกรรม...มีอายุการคุ้มครอง ๒๐ ปี

ถ้าเป็นการประดิษฐ์ที่ไม่ใช่ขั้นสูงนัก ก็ขออนุสิทธิบัตร ซึ่งคุ้มครองให้ สูงสุด 10 ปี

นอกจากนี้ยังมี สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ คุ้มครอง 10 ปี

และยังมีปลีกย่อย ได้แก่ เครื่องหมายการค้า, แบบผังภูมิของวงจรรวม เป็นต้น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๕๑> : วันเสาร์ที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙

  • วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลาประมาณบ่ายโมง นิสิตปี 5 (จบแล้ว) คณะศึกษาศาสตร์เอกชีววิทยา ๒ คน ชื่อ อี๊ฟ (นิศารัตน์ โพธิ์ศรี) กับ ปุ้ย (ชณิดาภา เหล่าแช่ม) มาเยี่ยมเยียน หลังจากจบการศึกษา พร้อมนำขนมไดฟูกุ แม่กุหลาบ มาบรรณาการ 2 กล่อง
  • บีแมน ก็พูดติดตลกว่า เพิ่งดู คลิป พระบอกว่า พระรับเงินเป็นอาบัติปาจิตตีย์ แต่นี่เป็นของกินหนึ่งในปัจจัย 4 จึงรับได้..อิอิ
  • ปุ้ยนั้นเรียนเก่ง ทำงานเก่ง มีระเบียบวินัยมากกว่า จึงได้เกียรตินิยมอันดับ ๑ ส่วนอี๊ฟนั้นคุยเก่ง มีมนุษย์สัมพันธ์ดี เด็กนักเรียนน่าจะรักและศรัทธา มันก็เก่งไปคนละอย่าง
  • หลังจากเทศน์ให้ฟังสัก 10 นาที เรื่องการจะไปใช้ชีวิตต่อไป แล้วก็ให้ศีลให้พร ขอให้ได้งานเป็นครูมืออาชีพใกล้ๆ บ้านแล้ว นิสิต2 คนจึงลากลับ


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๕๐> : วันเสาร์ที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙

  • ลองเข้าไปดูสถิติ ของตัวเอง ของเมื่อวาน

  • มีความคิดเห็นตั้ง 11,567 เฉลี่ยปีละ พันกว่าความคิดเห็นเลย


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๔๙> : วันอังคารที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙

  • ผลพวง จากการขึ้น you tube ทำให้คนมาปรึกษาเรื่องผึ้งเยอะขึ้น อยากให้ไปสอน ส่วนมากก็จะเป็นคนมีสตางค์ อยากได้อะไรเร็วๆ พอไม่ได้ดังใจ ก็เปลี่ยนไปหาคนอื่น
  • วิธีที่จะดูว่าเขา จริงใจกับเราไหม ก็คือ ทำแบบดร.อาจอง คือ ให้เขารอคอยหรือติดต่อหาเราบ่อยๆ ภายใน ๒ เดือน ถ้าใครหายไป แสดงว่าไม่จริงใจกับเรา เราก็เลิกคบหา
  • มีอยู่เจ้าหนึ่งอยู่ลำปาง เคยติดต่อมาก่อนหน้านี้แล้วก็รอเรา อยากเลี้ยงผึ้งโพรง ซึ่งวันนี้ติดต่อมาอีกครั้ง
  • ชื่อจริงชื่อ "ณรินทร์" ชื่อ เล่น ชื่อ "เล็ก" อยู่ใกล้ๆ วัดหลวงพ่อเกษม
  • เราก็นัดว่าจะไปเที่ยวลำปาง ช่วงต้นเดือนมิถุนายน ไปให้ความรู้กับคน "นอก" หน่อย
  • เราก็ลงทุนเอง ถือว่าไปเที่ยว แล้วได้ที่พักฟรี (เขาบอกให้บอกก่อนล่วงหน้าสัก ๓ วัน)
  • งานนี้น่าจะลงทุนสัก ๒ พันบาท ถือว่า "การให้" คือ "ความสุข" อย่างหนึ่งก็แล้วกัน
  • เราให้ความรู้ เขาให้ที่พักและอาหาร ถือว่า เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างหนึ่ง


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๔๘> : วันอังคารที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙

  • ผลพวงจากการเดินทางไปต่างจังหวัด (ราชบุรี) ผิดน้ำ ผิดอากาศ กลับมาเป็น "ผื่นลมพิษขึ้นตัว" เต็มไปหมด คันด้วย เกิดทุกขเวทนา พอสมควร นี่อาจจะเป็นเจ้ากรรมนายเวร ตามมาเตือนอะไรบางอย่าง
  • เมื่อเดือนตุลาคม กลับจากหาดใหญ่ ก็เป็นผื่นขึ้นแบบนี้เหมือนกัน แต่อาจจะน้อยกว่านี้
  • ไม่อยากไปหาหมอ เลยแค่เอายา "คาลาไมล์" ทาตามบริเวณผื่น ถ้าเป็นสมัยก่อน ก็ใช้ปูน (กินหมาก) ผสมเหล้าขาวทาบริเวณที่เป็น


ความเห็น (1)

ผมใช้เหล้าขาว กับ ใบพลูครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๔๗> : วันอังคารที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ (เงินเดือนกรมบัญชีกลางเดือนพฤษภาคม)

  • วันนี้ลองเข้าระบบ Pay Slip ของมน. (กระดาษคาร์บอน) ปรากฏว่า ตัวเลขทางบัญชีขึ้นแล้ว (แต่เงินยังไม่เข้าบัญชี)
  • โทรถามกองคลัง ว่าทำไมหักภาษี ณ ที่จ่าย ๒ เดือน (เม.ย,พ.ค.) เขาบอกว่า ข้อมูลของกองคลัง กับ กบค.ไม่ตรงกัน และกรมบัญชีกลางยึดของ กบค.เป็นหลัก
  • ถามว่า เมื่อมีเงินโอนเข้าบัญชี ธนาคารกรุงไทย ที่โอนมาจากกรมบัญชีกลาง (กรุงเทพฯ) จะต้องเสียค่าธรรมเนียมไหม คำตอบคือ ถ้าโอนครั้งแรกไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม แต่ถ้ามีการโอนครั้งที่ ๒ จะต้องเสียค่าธรรมเนียม (ซึ่งหักจากบัญชีเรา) แต่ไม่ทราบว่าเท่าไร เราต้องไปถามธนาคาร
  • การตั้งคำถามที่เราอยากรู้เป็นเรื่องสำคัญที่จะได้ "คำตอบ" เมื่อได้คำตอบแล้วต้องรู้ว่า จะเอา "คำตอบ" นั้นไปใช้ "อะไร" และ "อย่างไร" ต่อไป นี่คือวิธีการเรียนรู้จากผู้รู้ ที่ยินดีจะหาคำตอบให้เรา ต้องขอบคุณ งานการเงิน เกี่ยวกับเรื่อง เงินเดือน
  • เงินเดือน...แต่ละเดือนต้องทำเร็วขึ้น โดยกบค. ต้องส่งข้อมูล ในวันที่ ๕ ของ เดือน เป็นเรื่องเกี่ยวกับ เงินเดือน, แล้วกบข.ไป คีย์ข้อมูล แล้วกองคลังไปดึงข้อมูลมา หัก ด้วยหนี้ต่างๆ ให้เสร็จก่อนวันที่ ๑๒ ของเดือน แล้วส่งข้อมูลไปให้กรมบัญขีกลาง...กรมบัญชีกลางจะโอนเงินที่เป็นหนี้ภาพรวมกลับมาที่กองคลังเพื่อนำไปชำระหนี้เรียกเก็บจากหน่วยต่างๆ
  • แล้วกรมบัญชีกลางโอนเงินส่วนที่เหลือทั้งหมด เข้าบัญชีของแต่ละคน
  • ทางที่ดี เปิดบัญชีกรุงไทย ๑ เพื่อรับโอนเงินจากกรมบัญชีกลาง และเปิดบัญชีกรุงไทย ๒ เพื่อรับเงินโอนจาก กบข.ดีที่สุด เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอน




ความเห็น (1)

ไปถามธนาคารมาเรื่อง ค่าธรรมเนียม ธนาคารตอบไม่ได้ เพราะมันเป็นข้อตกลงของผู้บริหารธนาคารกับหน่วยงาน แต่คาดว่าจะ 10 บาท ต่อรายการ (เหตุการณ์ต้องเกิดขึ้นก่อน เราถึงจะเรียนรู้ได้จากบันทึก)

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๔๖> : วันอังคารที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙

  • เกรดวิชาวิทยาศาสตร์ประจำวัน มีสอน ๑๐ ห้อง ผู้สอน ๙ คน ลงทะเบียนรวม ๕๒๘ คน ได้เกรด A=243 คน, B+=150 คน, B=78 คน, C+=39 คน, C=15 คน, D+=2 คน, F=1 คน
  • เกรดวิชาสัตววิทยา สอน ๒ ห้อง (ปฏิบัติการ) ผู้สอน ๔ คน ลงทะเบียนรวม ๙๒ คน ตัดเกรด ๘๗ คน ได้เกรด A=11 คน, B+=18 คน, B=24 คน, C+=22 คน, C=10 คน, D+=1 คน, D+=1 คน
  • เกรดวิชาการเลี้ยงผึ้ง ลงทะเบียนรวม ๖ คน ผู้สอน ๑ คน ได้เกรด A=3 คน, B+=3 คน มีช่องกรอกคะแนน ๑๑ ช่อง


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๔๕> : วันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙

  • วันนี้มีงานเรื่อง "ตัดเกรด" ๒ วิชาด้วยกัน
  • ตอนเย็นมีปัญหาต้องไปปรึกษาหารือกันด้วยเรื่อง "คอนโด" เป็นเรื่องทางกฎหมาย
  • บางครั้งต้อง "ขอบคุณ" ปัญหา เพราะมันทำให้เราได้ "เรียนรู้" อะไรใหม่ๆ (เก่าของคนอื่น) ให้ได้เรียนรู้
  • คนเราอยู่ในวัฏจักรของ "กิเลส" (โลภ โกรธ หลง) ทำให้เกิดปัญหา หรือ เกิดทุกข์ให้กับคนอื่น ซึ่งจะทำให้เกิด วัฏฏะ 3 คือ "กิเลส กรรม วิบาก" (เรามักมองไม่เห็น-เพราะเกิดความมืดบอดทางปัญญา"
  • อีกเรื่องหนึ่ง เมื่อวันเสาร์ มีข่าวเรื่อง อาจารย์ มน. ผูกคอเสียชีวิต ดังข่าวนี้


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๔๔> : วันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙

  • ตื่นเช้ามาก็โอนเงินจาก ME มาเข้ากสิกร..เตรียมไปใช้หนี้บัตรเครดิต
  • บางคนอาจนึกว่า "เป็นหนี้บัตรเครดิต" นี้ไม่ดี แต่ความจริงมันเป็นเรือง "การบริหาร" บัตรเครดิต..คือเราใช้ประโยชน์จากการเป็นหนี้ได้ระยะเวลา 45-50 วัน ในวงเงินที่เขาให้ เราก็มีสิทธิ์ใช้ให้เต็มวงเงิน (ใช้เพียงใบเดียวที่เต็มวงเงิน) แล้วสุดท้ายคือ เมื่อถึงกำหนดเราต้องจ่ายคืน 100%
  • อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต 20% ต่อปีนั้น ใครๆ ก็รู้กัน แต่เมื่อไปดูในสัญญา เขาจะเขียนว่า ดอกเบี้ย 15%+ค่าทำเนียมการใช้วงเงินอีก 5% (เวลาคิดดอกเบี้ย ธนาคารจะคิดเป็น ๒ ยอด)
  • สิ่งที่ต้องมีคือ การมีความรู้ทางด้านการเงิน, รู้จักศึกษาพฤติกรรมของตนเอง, และหมั่นจดบันทึกความรู้ (ที่เราเรียนรู้ทั้งจากการอ่านและได้มาจากการปฏิบัติ)
  • สิ่งที่ได้คือ ได้ฝึกฝนการมีวินัยทางการเงิน (บริหาร Timing ทางการเงิน) ว่าเมื่อไรถึง "กำหนดจ่าย" เป็นเงินเท่าไร และ จะเอาเงินมาจากไหน ต้นทุนเท่าไร..วินัยคือ "ต้องตรงต่อเวลา" (ซึ่งเขาเผื่อให้ 3 วัน)


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๔๓> : วันเสาร์ที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙

  • ราว 7 วันก่อน ไปซื้อกางเกงขาสั้นแค่เข่า มีกระเป๋าข้าง ข้างละ 3 กระเป๋า และกระเป๋าหลังอีก ๒ กระเป๋า รวมเป็น 8 กระเป๋า สนนราคาแค่ 69 บาท
  • ปีก่อนซื้อกางเกงขายาว 2 ตัว ตัวละ 100 บาท
  • สัปดาห์หนึ่งอย่างน้อยใส่กางเกงซ้ำตัว ตัวละ 1 ครั้ง ปีละ 52 ครั้ง เท่ากับจ่ายวันละ 2 บาท แต่ตัวหนึ่งใช้ได้ 10 ปี เท่ากับใส่ 500 ครั้ง ต้นทุนวันละ 20 สตางค์ (ไม่คิดค่าซัก) ดังนั้นเสื้อผ้า เป็นปัจจัยสี่ที่ราคาถูกที่สุด (สงสัยว่าทำไมไม่เลือกอากาศที่เราหายใจเป็นปัจจัย 4 ด้วย) ตกวันละไม่เกิน 1 บาท (ใส่ 4 ชิ้น)
  • บ้าน 1 หลัง ราคา 5 แสน อยู่ได้ 4 คน เป็นเวลา 30 ปี (ไม่คิดค่าน้ำค่าไฟ) คิดแล้วตกคนละ 11 บาทต่อวัน
  • ค่าอาหาร ถ้าซื้อเขากินหรือซื้อมาทำกิน 3 มื่้อ น่าจะคนละ 50 บาทต่อวัน
  • ยารักษาโรค ขึ้นอยู่กับว่าเป็นโรคขนาดไหน กินยาเบาหวาน วันละ 2 เม็ด ตกวันละ 2 บาท
  • สรุปว่า ปัจจัย ๔ นั้นค่าอาหารแพงสุดๆ แต่ถ้าผลิตเองได้ไม่ต้องซื้อก็จะต้นทุนต่ำมาก


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๔๒> : วันเสาร์ที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙

เรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ลองศึกษาเรื่องนี้ย้อนหลังไปถึงเมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2558 ดอกเบี้ยนโยบายเป็นไปดังนี้

  • 28 ม.ค. 58 2.00 %
  • 11 มี.ค. 58 1.75 %
  • ตั้งแต่ 29 เม.ย. 58-11 พ.ค. 59 1.50 %

อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยในตลาดจริงได้ กล่าวคือ หากธนาคารกลางลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง สถาบันการเงินต่าง ๆ จะสามารถกู้เงินกับธนาคารกลางได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ําลง สถาบันการเงินจึงปล่อยกู้ในอัตราที่ต่ำากว่าเดิมได้เพื่อดึงดูดลูกค้าโดยไม่กระทบกับผลกําไรมากนัก ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดจริงลดต่ำลงด้วย

มารู้จักอัตราดอกเบี้ย "บางตัว" เมื่อเราไปติดต่อธนาคาร จะมี

  • MLR (Minimum Lending Rate) เป็นอัตราเงินกู้ที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ที่ความเสี่ยงต่ำ
  • MRR (Minimum Retail Rate) เป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เก็บจากลูกค้ารายย่อย ซึ่งจะมีอัตราที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละราย

ตัวอย่าง : เมื่อ 2-3 วันก่อนไปถามดอกเบี้ยเบิกเงินเกินบัญชีกรุงไทยธนวัฎ เขาคิด MRR+3.5% โดยที่ MRR=8% รวมเป็นดอกเบี้ย 11.5% ต่อปี และคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน..โดยมีค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินปีละ 200 บาท



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๔๑> : วันอังคารที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙

  1. ผลพวงจากสังคมผู้สูงอายุ วันนี้ต้องโอนเงินไปช่วยพี่สาวในเรื่องค่ารักษาพยาบาล ๓,๐๐๐ บาท
  2. ไปตามเรื่องที่คณะเรื่องเบิกเงินค่าเล่าเรียนบุตร ๑๗,๖๐๐ บาท เรื่องที่ฏีกาออกวันที่ ๒๔ เมษายน วันนี้ได้เช็คแล้ว (ใช้เวลา ๑๖ วัน) ส่วนพวกที่ฎีกาออกวันที่ ๒๙ เมษายน (ต่างกัน ๔ วัน) จะได้รับเช็ควันที่ ๑๙ พฤษภาคม (ใช้วเลา ๒๐ วัน) ผลพวงจากวันหยุดมาก จึงเป็นแบบนี้
  3. ต้องการใช้เงินวันที่ ๑๖ พฤษภาคม เพื่อไปเคลียร์หนี้บัตรเครดิต แต่เมื่อเงินออกช้า กำลังคิดหาวิธีแก้ไขอยู่ ถ้าส่งเงินช้าจะถูกปรับประมาณ ๔๐๐ กว่าบาท
  4. มีโทรศัพท์จาก บัตร (Telesale) Scb platinum เสนอเงื่อนไขเงินกู้มาให้ว่าเงินคงเหลือในบัตรอีกเป็นแสน จะนำมาใช้ไหม โอนเงินเข้าบัญชีไม่ต้องเสียค่ารูด ๓% และคิดดอกเบี้ยรายเดือนแค่ 0.93% (ถูกสอนว่าถูกมาก) เมื่อเป็นดังนี้สมองต้องคิดเร็ว ว่าดอกเบี้ยเป็น 11.76% ต่อปี แต่ดอกเบี้ยต้องคิดแบบ flat rate
  5. ถามต่อไปอีกว่า เสนอเงื่อนไขอย่างไร เขาว่าเอาเงินออกมาขั้นต่ำ ๑ หมื่น และผ่อนรายเดือนขั้นต่ำสุด ๔ เดือน เราก็เลือกแบบนี้เลยคือ ขอกู้ ๒ หมื่น (เพื่อให้ clover เงิน ๑๗,๖๐๐ บาท-อยู่ดีๆ หมุนเงินไม่ทันก็ต้องเสียดอกเบี้ย-กรุงไทยธนวัฏ จะเสียดอกเบี้ยรายวันเท่ากับ 11.5% ไว้ใช้ยามฉุกเฉินแต่เสียค่าเปิดวงเงิน ๒๐๐ บาทต่อปี)
  6. เราจะต้องส่ง ๔ เดือน เดือนละ ๕,๐๐๐ + 186 บาท รวมดอกเบี้ยที่เสียไป ๔ เดือนเท่ากับ ๗๔๔ บาท ซึ่งมันคิดมาจาก 0.93%*20,000*4 เท่ากับ ๗๔๔ บาท หรือ คิดเป็นอัตราดอกเบี้ย 3.72% ตอ ๔ เดือน..
  7. ดูเหมือนมาก แต่ถ้าเราเอาเงินนี้ไปหมุนเร็ว ก็จะได้ผลตอบแทนคุ้มกับดอกเบี้ยที่เสียไป เพราะหนี้นี้ ไม่ได้เป็น"หนี้จน" เนื่องจากเราจะทำให้เป็นหนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ ไม่ได้เป็นแค่หนี้บริโภค...ได้เงินก้อน ๒ หมื่นวันที่ ๑๐ พฤษภาคม แต่เราจะไปจ่ายงวดแรก ๕,๑๘๖ บาท วันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๙ คือมีเวลาให้เราหมุนเงิน ๔๕ วัน..


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๔๐> : วันอังคารที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙

  • เมื่อวานเป็นวันจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นวันหยุดราชการ แต่ที่ภาควิชาชีววิทยา มีการสัมมนานิสิตสหกิจศึกษา ซึ่งมีงานวิจัย มินิโปรเจคด้วย เป็นพี่ปี ๔ นำเสนอ ให้น้องปี ๓ ฟัง..เป็นงานที่รุ่นพี่สอนรุ่นน้องภาคบังคับ โดยที่น้องปี ๓ เป็นคนจัดงาน พี่ปี ๔ นำเสนอ และคณาจารย์เป็นผู้ร่วมฟัง ซึ่งผลงานออกมาโดยภาพรวมก็เป็นที่พอใจ..และทำได้ดี
  • วันที่ ๑๓ พฤษภาคม พี่ปี ๔ ที่ถูกคัดเลือก ต้องไปนำเสนอในภาพรวมของคณะวิทยาศาสตร์ด้วย


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๓๙> : วันเสาร์ที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙

  • ลองคิด (ส่วนของเงินต้น) เงินสะสมในกบข. ซึ่งสะสมมาตั้งแต่ 27/03/2540 เป็นเวลา 19 ปี 1 เดือน มีเงินสะสมอยู่ 205,555 บาท (3%) ของรายได้ แสดงว่า 19 ปี ที่ผ่านมา (อายุราชการจริงเท่ากับ 29 ปี มากว่าท่านอาจารย์ธวัชชัยราว 7 ปี) มีรายได้รวม 6,851,840 บาท (คิดย้อนกลับไป 100% เป็นคณิตศาสตร์ที่เรียนมาตอนชั้นประถมปีที่ 4....ความเห็น จริงๆ การศึกษาภาคบังคับ เรียนถึง มัธยมศึกษาปีที่ ๓ ก็เหมาะสมแล้ว เพราะสามารถเอาความรู้มาใช้ในชีวิตประจำวันได้เกือบหมด)
  • ทำงาน ๑๙ ปี ยังมีรายได้รวมไม่ถึง 7 ล้าน ถ้ารวมอีก 10 ปี ก่อนหน้านั้น ก็น่าจะรวมกันอีกสักหน่อย เป็น 8.5 ล้านบาท..เท่านั้นเอง
  • ถ้าเงินเก็บ 30% ของ 8.5 ล้านบาท ก็ตกราวๆ 2.5 ล้านบาท...ซึ่งถ้ารวมทุกตัวที่เป็นเงินออม+เงินลงทุน ก็น่าจะใกล้เคียง กับ 2.5 ล้านบาท นับได้ว่าสามารถทำได้ตาม แผนวงจรการเงิน คือ
  • มีสินทรัพย์ 5 ล้าน หนี้สิน 1.5 ล้าน...ผลต่าง 3.5 ล้าน แต่เป็นเงินฝากคนอื่นๆ ราว 1 ล้าน ผลจึงเป็น 2.5 ล้านบาท (มีแนวคิดที่พี่ชายบอกมา คือ ตอนเราเกิดมา มีแต่ตัวเปล่าขาวๆ แล้วทุกวันนี้ เรามีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน มีปัจจัย ๔ ครบถ้วน ไม่ขาดแคลน นับว่าเป็นกำไรชีวิตแล้ว ชีวิตจะเอาอะไรกันนักหนา..อย่าโลภ และดำเนินชีวิตอย่างมีสติ เมื่อ "ได้" อย่าดีใจจนเกินไป และ เมื่อ "เสีย" ก็อย่าเสียใจจนเกินไป ทำชีวิตให้สมดุล ทุกวัน อยู่แบบพอเพียง)
  • เงินบำนาญอีก 30 ปี เป็นเงิน 11 ล้านบาท...เป็นชีวิต ที่ "เกษียณสุข" ครับ


ความเห็น (3)

จริงครับอาจารย์ เขาว่าสะสมความสุขดีกว่าสะสมทรัพย์ครับ

ผมคิดว่่า ท่านอาจารย์ธวัชชัย คงมีความสุขมาก..ณ เวลานี้ ชีวิตสบายๆ อยู่กับครอบครัว และได้ไปปั่นจักรยานตอนเย็น..ขอให้ท่านอาจารย์มีความสุขมากๆ ครับ
คิดถึงท่านอาจารย์ธวัชชัยและอาจารย์จันทวรรณเสมอครับ..รวมทั้งต้นไม้ด้วย

ขอบคุณครับ ขอให้อาจารย์มีความสุขมากๆ เช่นเดียวกันครับ

ปล. อาจารย์ครับ ผมจะทำให้ L3nr เป็น "archive mode" (อ่านได้อย่างเดียว) แล้วนะครับ รบกวนอาจารย์ใช้ ClassStart แทนนะครับ ตอนนี้ผมใช้กลยุทธ์โฟกัสงานให้เหลือเพียง GotoKnow กับ ClassStart แล้วจะได้มีเวลามุ่งทำให้ได้ดีมากขึ้นครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๓๘> : วันเสาร์ที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙

  • ประกาศแบดมินตันหญิงเดี่ยว น้องเมย์ รักชนก ตกมาเป็นมือ 2 ของโลก หลังจากขึ้นมือ 1 ไป 2 สัปดาห์ แต่ทำนายว่าน้องเมย์จะขึ้นเป็นมือ 1 ของโลกยาวนานติดต่อกันมากกว่า ๓ ปี (ระหว่างอายุ 21-24) ซึ่งจะนับว่าเป็นมือ 1 ของโลกที่ครองอันดับติดต่อกันยาวนานที่สุด (ของชายคือลีชองเหว่ย ที่เป็นมือ1 ของโลกยาวนานติดต่อกันเกือบ 6 ปี)
  • น้องเมย์ จะครองแชมป์โอลิมปิค 2 สมัย คือ ในปี 2016 และ ปี 2020 และจะเป็นแชมป์โลกรวม 3 สมัย
  • สิ่งที่น้องเมย์ เหนือแชมป์โลกคนอื่นๆ คือ การฝึกสมาธิทุกคืนก่อนนอน ทำให้จิตสงบเวลาแข่งขัน...สิ่งที่ต้องทำต่อไป คือ ไม่ดีใจจนเกินไปเมื่อชนะ และไม่เสียใจเมื่อแพ้ เป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด และเก็บเงินไว้ใช้หลังเกษียณอายุ..


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๓๗> : วันเสาร์ที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙

    เมื่อ ๓ วันก่อน ลมจากพายุฤดูร้อนพัดเอาเศษไม้ และใบไม้ไปกองบนถนนข้างทางออกหอพัก...และเมื่อวานเย็นใช้ถนนเส้นนี้สัญจร รู้สึกว่ามันไม่ค่อยสะดวกในการใช้...ได้บอกลูกสาวตั้งแต่ก่อนเมื่อวานว่าจะไปกวาดถนนตอนเช้า แต่ก็ลืม..ลูกสาวจึงบอกว่าให้ไปกวาดวันนี้แทน (ทำตนให้เป็นตัวอย่าง..ให้ลูกเห็น..แต่ลูกไม่เห็นเพราะนอนตอนเช้ามืด ตื่นหลังเที่ยง-ใช้ชีวิตที่ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ)
    • วันนี้ตื่นมาก็ 6 โมง 10 นาทีเข้าไปแล้ว (เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย) ล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็หยิบไม้กวาด เดินไปจากหอราว 250 เมตร เก็บกิ่งไม้ข้างทางโยนออกไปนอกทาง...
    • พอรปภ.หน้าประตู 3 เห็นเราไปกวาดถนน ก็หยิบไม้กวาดมาช่วยกวาด (รีบมาช่วย) ก็แบ่งกวาดถนนคนละข้าง รปภ.กวาดมา 100 เมตร แต่ของเรากวาดไป 150 เมตร ใช้เวลาราว 25 นาที เหงื่อออกซึมเลย...ผลดีทางด้านร่างกาย คือ ร่างกายได้ขับสารพิษออกทางเหงื่อเป็นผลดีต่อสุขภาพ...ผลดีทางด้านจิตใจ คือ ได้ฝึกตนให้เป็นคนมีจิตอาสา โดยไม่ต้องมีใครมาบอกหรือสั่งให้ทำ (คือเราเป็นคนคิดที่จะทำตั้งแต่แรกแล้ว..แต่ว่าช้าไป ๑ วัน..อิอิ) ขณะเมื่อกวาดทำความสะอาดสิ่งภายนอก มันก็ฝึกปัดกวาดความสะอาดให้กับจิตใจไปด้วย..จิตใจสงบสบาย
    • ระหว่างกวาดถนน ก็มีนักวิ่ง วิ่งผ่านมา ๑ คน..ขับจักรยานผ่านมา ๑ คน และรถเก็บขยะที่มีพนักงาน ๓ คน..คนเก็บขยะ ๒ คน ก็ทักทายพูดอะไรกับเรา แต่ก็ฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็เห็นยิ้มๆ แบบชื่นชม..(อาจจะคิดไปเอง แต่ก็รู้สึกว่า ทำดีเล็กๆ ก็ยังมีคนเห็นบ้าง)
    • แต่ก่อนนี้ เคยไปเก็บขยะระหว่างรอรถทัวร์ที่สถานนีขนส่ง มีแต่คนมอง แต่ไม่มีคนช่วย เพราะเขาไม่รู้จักเรา, ตอนไปชายหาดหลังน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ไปเก็บขยะริมชายหาด 100 เมตร ก็มีคนเห็น แต่ไม่มีใครมาช่วย คิดว่าไม่ใช่หน้าที่..
    • คนเรามักจะเรียกร้องให้คนโน้นคนนี้มาช่วย แต่ไม่เคยคิดช่วยตัวเองก่อน ดังนั้นสวรรค์คงไม่ช่วยอะไรเราได้หรอก
    • คิดว่า คนไทยเราไม่ค่อยได้ฝึกวินัยกันทั้งประเทศ อนาคตจะลำบากกันทุกเรื่อง รวมกันเกินครึ่งค่อนประเทศแน่นอน..




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๓๖> : วันศุกร์ที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙

  • วันนี้ในปฏิทินเขียนว่า "เป็นวันหยุดพิเศษ" ...ซึ่งตีความได้มากมาย แต่ชีวิตจริงๆ และนาฬิกาชีวิต ต้องเดินต่อไป "หยุดไม่ได้"

เช้านี้ท่านอาจารย์ JJ ส่งข้อความมาให้ เป็นการใช้ชีวิตของมหาเศรษฐี "วอร์เรน บัพเฟตต์" กับสรุปสัจธรรมการใช้ชีวิตซึ่งมีปัจจัย ๔ อย่างเพียงพอ เป็น "ที่สุดของชีวิต" ดังนี้

  • มหาเศรษฐีหรือยาจก กินข้าวแล้วก็อิ่ม 1 มื้อ เท่ากัน
  • มหาเศรษฐีหรือยาจก มีเสื้อผ้ากี่ชุด ก็ใส่ได้ทีละชุด เท่ากัน
  • มหาเศรษฐีหรือยาจก มีบ้านหลังใหญ่แค่ไหน พื้นที่ที่ใช้จริงๆ ก็เหมือนกันคือ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว เหมือนกัน
  • มหาเศรษฐีหรือยาจก จะมียารักษาโรคดีแค่ไหน ยื้อชีวิตไปได้นานเพียงไร สุดท้ายก็ต้องตาย เหมือนกัน

เมื่อคืนฟังเรื่องราวจาก VDO ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมเข้าร่วมอบรมสัมมนาของ กบข. ได้คาถาทางการเงิน 6 ข้อ มาฝากนักอ่าน/นักเขียน อนุทิน ดังนี้

คาถาทางการเงิน 6 ข้อ ของคุณ จักรพงษ์ เมษพันธุ์

1. สภาพคล่องดี

2. ปลอดหนี้จน

3. พร้อมชนความเสี่ยง

4. มีเสบียงสำรอง

5. สอดคล้องเกณฑ์ภาษี

6. บั้นปลายมีทุนเกษียณ



ความเห็น (4)

ขอบคุณคาถาวิเศษสุดค่ะ

เอาไว้จะขยายความกันอีกครั้ง..ทีแรกผมถอดจากการฟังเทป แต่ผมเพิ่งเข้าใจความหมายครบทุกข้อ..ขอบคุณครับ

เพิ่งอ่าน "คนไทยฉลาดการเงิน" ที่คุณจักรพงษ์ ๑ ใน ๓ ผู้เขียน อ่านจบวันนี้เองค่ะ ทำตามได้ เกษียณสุข แน่ ๆ ค่ะ

ทำได้ "เกษียณสุข" จริงๆ ครับ

ตอนนี้บีแมนกำลังปรับเรื่องสภาพคล่อง คาดว่าปีหน้า สภาพคล่องจะดีมากครับ (ผลพวงมาจากเรื่องปรับลดหย่อนภาษีปี ๒๕๖๐ ด้วย (ข้อ ๕)

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
beeman 吴联乐
เขียนเมื่อ

<อนุทิน ๓๓๕> : วันพฤหัสที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙

  1. ไม่ได้เขียนอนุทินมา ๗ เดือน ๑๐ วัน...เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน เป็นวันที่เงินเดือนเข้า เดือนนี้มาแปลกๆ คือ ใบแจ้งเงินเดือนเข้า เป็นใบขาว ยาวๆ แทนที่จะเป็นใบกระดาษคาร์บอน..และเดิมเคยเอาเงินเดือนเข้าสหกรณ์ฯ แต่คราวนี้กลายเป็นธนาคารกรุงศรีอยุธยา..มีที่สังเกต ๒ เรื่องแล้ว ไม่นับที่เขาขึ้นเงินครองชีพให้เท่ากับค่าเช่าหอพัก..
  2. วันที่ ๒๘ เมษายน เอาสมุดบัญชีธนาคารกรุงศรีฯ ไปปรับ ปรากฏว่าเงินเดือนเข้าจริงๆ จึงเบิกออกมาเกือบหมด เพื่อนำไปฝากสหกรณ์ดังเดิม (สหกรณ์ให้ดอกเบี้ยร้อยละบาทต่อปี..ธนาคารกรุงศรีให้ ๔๐ สตางค์ต่อปี..ตึ๋งหนืด)
  3. ไปถามฝ่ายการเงิน (เงินเดือนและสวัสดิการ) ว่า ทำไมถึงต้องเปลี่ยนรูปแบบใบแจ้งเงินเดือน ได้รับคำตอบว่า เป็นการนำเงินเดือนมาจ่ายตรงจากกรมบัญชีกลาง (ภาคบังคับ) โดยเอาเงินเดือนของเรา แล้วหักด้วยรายจ่ายต่างๆ แล้วกรมบัญชีกลางจะโอนเงินส่วนที่เหลือจากหักค่าใช้จ่ายแล้วเข้าบัญชีเราโดยตรง...ส่วนตรงค่าใช้จ่ายนั้นเขาจะโอนให้มหาวิทยาลัยโดยภาพรวม แล้วก็ไปแยกไปตัดจ่ายเป็นรายการของแต่ละคน เช่น เงินเข้ากบข., ค่าหอพัก,ค่าไฟ เป็นต้น..เป็นที่น่าสังเกตว่า ในเดือนนี้ยังไม่หักภาษี ณ ที่จ่าย อีกเกือบ ๓๐๐ บาท


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท