อนุทินล่าสุด


บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

        การทำงานในมหาวิทยาลัยของสายปฏิบัติ ผลงานที่จะต้องทำ นั่นคือ "คู่มือการปฏิบัติงาน งานวิจัย เรื่องที่ต้องวิเคราะห์ สังเคราะห์" นี่คือ งานที่สายสนับสนุนจะต้องส่งเป็นผลงานที่จะทำให้ตนเองมีเส้นทางที่สูงขึ้น จากการที่ไม่ได้เดินในเส้นทางของผู้บริหาร...

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

          การทำงานของฉันในฐานะ "ผู้อำนวยการกองบริหารงานบุคคล" ฉันได้ออกประกาศรับสมัครของมหาวิทยาลัย ฉันว่าฉันได้ทำหน้าที่อย่างครบถ้วน...แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันได้พบเจอ นั่นคือ พวกคุณ ๆ ทั้งหลายไม่นำเอกสารมาให้ครบตามประกาศที่รับสมัคร...นี่คือ ปัญหาอีกปัญหาหนึ่งที่ฉันได้พบและช่วยแก้ไข...(ถ้าเป็นสมัยก่อนเจ้าหน้าที่รับสมัครจะบอกว่ารับไม่ได้ เพราะว่าเอกสารยังไม่ครบ)...แต่เมื่อมีกฎ ระเบียบว่า ในประกาศรับสมัครต้องมีหลักฐานนำมาให้ครบ...เมื่อไม่ได้นำมา ฉันก็ต้องแก้ไขปัญหาด้วยการบอกว่า...อีกประมาณ ๕ วันกว่าจะถึงวันหมดรับสมัคร ช่วยกรุณาส่งเอกสารมาภายใน (ก่อนวันสุดท้ายที่จะรับสมัคร) ได้ไหมค่ะ เพราะเราก็ทำตามหน้าที่ และจะมีคณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติอีกชุดหนึ่งเป็นผู้ตรวจสอบคุณสมบัติการสมัครของคุณ...หรือไม่ก็บอกว่า ส่งมาให้กับเราทาง Fax หรือ e - mail ได้ไหมค่ะ...(นี่คือ ความยืดหยุ่นที่ฉันต้องทำในสมัยนี้) วิธีที่ฉันต้องหาให้กับผู้มาสมัคร ถือเป็นสมรรถนะหนึ่งของหัวข้อ "การยืดหยุ่นผ่อนปรน" ในการปฏิบัติงานเลยทีเดียว...

 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

       ชีวิตในวัยทำงานและประสบการณ์ทั้งหมดของฉันที่ฉันได้รับ ฉันถือว่าเป็น "ครู" ที่ดีที่สุดของฉัน ๆ ได้เรียนรู้จากสิ่งเหล่านั้น เรียกว่า "เป็นประสบการณ์ตรงที่ฉันได้รับ เป็นครูที่ดีสำหรับฉัน ฉันจะขอจำไปจนสิ้นลมหายใจ"...

 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

        ประสบการณ์ในการทำงานด้านบุคคล สอนเรื่องราวต่าง ๆ มากมายให้กับตัวฉัน สิ่งหนึ่งที่ฉันได้รู้ นั่นคือ "การเรียนรู้พฤติกรรมของคน" ฉันสังเกตเห็นพฤติกรรมของคนมีมากมายหลากหลายประเภท มีทั้งคนดี คนไม่ดี (คนไม่ดีหมายถึง จิตที่คิดไม่ดี) ทำให้ฉันอดทนเมื่อยามใดที่ฉันเจอคนที่พูดเอาแต่ได้ เข้าข้างตนเอง ประสบการณ์ที่ฉันได้พบทำให้ฉันเป็นคนที่เข้มแข็ง อดทนสามารถรับได้กับทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามา แทนที่ฉันจะโกรธกับกิริยาเหล่านั้น ฉันกลับคิดว่า "คนเราไม่เหมือนกัน เพราะเราเกิดมาต่างกัน บุญ กุศลที่ติดตัวมาก็มีแตกต่างกัน" ทำให้ฉันปลงและอภัย ๆ ให้กับคนที่ทำกิริยาที่ไม่ดี ณ ขณะนี้ เขายังคงคิดไม่ได้ แต่สักวันหนึ่งเขาคงคิดได้ว่าเขาทำไม่ดี..."อภัยเท่านั้น จะได้ไม่มีกรรมมีเวรต่อกัน"

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

วันนี้วันพระ...ณ ห้องทำงาน ที่พึ่ง ๑ คือ ตัวฉันเอง ที่พึ่ง ๒ คือ ด้านจิตใจ จิตใจที่คิดดี ทำดี สงบ เยือกเย็น สุขุม เป็นที่พึ่งให้กับผู้อื่นได้ยามที่พวกเขามีทุกข์มา ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในตัวของฉันเอง สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ รวมแล้ว คือ "ตัวฉันเอง"...

 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

        ช่วงนี้ชอบฟัง "ธรรมะ" จัง ปกติชอบฟัง "เพลง" มา ณ บัดนี้ อะไรก็สู้ตัวเราได้ฟังเสียงของการสวดมนต์ไม่ได้ เพราะทำให้ฉันไม่ต้องไปคิดเรื่องอื่น ๆ ที่ไร้สาระ ได้ยินเสียงสวดมนต์คราวใด "ใจเกิดสุขทุกครั้ง"

        เมื่อเช้าฟังหลวงพ่อเทศน์ บอกว่า "คนเราที่จะยอมหรืออดทนหรือชอบนั่งสมาธิในชาตินี้ได้นั้น...ขึ้นอยู่กับบารมีเก่าด้วย เมื่อมาเกิดในชาตินี้แล้ว บารมีดังกล่าวจึงสะสมและติดตามตัวเรามาให้คิดให้นึกที่จะได้ปฏิบัติธรรมต่อ"...ถ้าจะจริง!!!  เพราะฉันก็รู้สึกเช่นนั้น ฉันชอบเรื่องการนั่งสมาธิ ถึงแม้ฉันจะไม่ได้ฝึกนั่งสมาธิบ่อยครั้ง แต่ฉันฝึกจิตของฉันให้มีสมาธิ ให้จิตอยู่กับตนเอง ไม่คิดฟุ้งเฟ้อในเรื่องที่ไร้สาระ...ฝึกให้จิตมีสมาธิ จึงทำให้ใจของเราเป็นสุข...ไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่หลง...ในเวลาทำงานก็มีจิตที่คอยแผ่เมตตาให้กับคนที่อยู่รอบ ๆ ข้าง...ฉันฝึกปฏิบัติเข้าไว้ เผื่อว่าในภพหน้า "การปฏิบัติของฉัน ณ ชาตินี้ จะได้สะสมบุญ บารมีไปยังภพหน้า"

 

 



ความเห็น (1)

เกิดอะไรขึ้น ณ ขณะนี้ Save แล้ว เกิดอาการว่า “ไม่ประมวลผล” จึง Save ตั้ง ๓ ครั้ง ก็ขึ้น “ไม่ประมวลผล” พอมาดูอีกที โอโห!!!…มันขึ้นมาเพียบเลย ๓ ครั้ง แจ้งลบแล้วคร้า…

บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

        ช่วงนี้ชองฟัง "ธรรมะ" จัง ปกติชอบฟัง "เพลง" มา ณ บัดนี้ อะไรก็สู้ตัวเราได้ฟังเสียงของการสวดมนต์ไม่ได้ เพราะทำให้ฉันไม่ต้องไปคิดเรื่องอื่น ๆ ที่ไร้สาระ ได้ยินเสียงสวดมนต์คราวใด "ใจเกิดสุขทุกครั้ง"

        เมื่อเช้าฟังหลวงพ่อเทศน์ บอกว่า "คนเราที่จะยอมหรืออดทนหรือชอบนั่งสมาธิในชาตินี้ได้นั้น...ขึ้นอยู่กับบารมีเก่าด้วย เมื่อมาเกิดในชาตินี้แล้ว บารมีดังกล่าวจึงสะสมและติดตามตัวเรามาให้คิดให้นึกที่จะได้ปฏิบัติธรรมต่อ"...ถ้าจะจริง!!!  เพราะฉันก็รู้สึกเช่นนั้น ฉันชอบเรื่องการนั่งสมาธิ ถึงแม้ฉันจะไม่ได้ฝึกนั่งสมาธิบ่อยครั้ง แต่ฉันฝึกจิตของฉันให้มีสมาธิ ให้จิตอยู่กับตนเอง ไม่คิดฟุ้งเฟ้อในเรื่องที่ไร้สาระ...ฝึกให้จิตมีสมาธิ จึงทำให้ใจของเราเป็นสุข...ไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่หลง...ในเวลาทำงานก็มีจิตที่คอยแผ่เมตตาให้กับคนที่อยู่รอบ ๆ ข้าง...ฉันฝึกปฏิบัติเข้าไว้ เผื่อว่าในภพหน้า "การปฏิบัติของฉัน ณ ชาตินี้ จะได้สะสมบุญ บารมีไปยังภพหน้า"

 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

        ช่วงนี้ชองฟัง "ธรรมะ" จัง ปกติชอบฟัง "เพลง" มา ณ บัดนี้ อะไรก็สู้ตัวเราได้ฟังเสียงของการสวดมนต์ไม่ได้ เพราะทำให้ฉันไม่ต้องไปคิดเรื่องอื่น ๆ ที่ไร้สาระ ได้ยินเสียงสวดมนต์คราวใด "ใจเกิดสุขทุกครั้ง"

        เมื่อเช้าฟังหลวงพ่อเทศน์ บอกว่า "คนเราที่จะยอมหรืออดทนหรือชอบนั่งสมาธิในชาตินี้ได้นั้น...ขึ้นอยู่กับบารมีเก่าด้วย เมื่อมาเกิดในชาตินี้แล้ว บารมีดังกล่าวจึงสะสมและติดตามตัวเรามาให้คิดให้นึกที่จะได้ปฏิบัติธรรมต่อ"...ถ้าจะจริง!!!  เพราะฉันก็รู้สึกเช่นนั้น ฉันชอบเรื่องการนั่งสมาธิ ถึงแม้ฉันจะไม่ได้ฝึกนั่งสมาธิบ่อยครั้ง แต่ฉันฝึกจิตของฉันให้มีสมาธิ ให้จิตอยู่กับตนเอง ไม่คิดฟุ้งเฟ้อในเรื่องที่ไร้สาระ...ฝึกให้จิตมีสมาธิ จึงทำให้ใจของเราเป็นสุข...ไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่หลง...ในเวลาทำงานก็มีจิตที่คอยแผ่เมตตาให้กับคนที่อยู่รอบ ๆ ข้าง...ฉันฝึกปฏิบัติเข้าไว้ เผื่อว่าในภพหน้า "การปฏิบัติของฉัน ณ ชาตินี้ จะได้สะสมบุญ บารมีไปยังภพหน้า"

 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

โลกแห่งยุคดิจิตอลแท้ ๆ...

 

 

 

 

 

 

 

 



ความเห็น (1)
บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

โลกแห่งยุคดิจิตอลแท้ ๆ...

 

 

 

 

 

 

 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

โลกแห่งยุคดิจิตอลแท้ ๆ...

 

 

 

 

 

 

 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

          ปัญหาในการทำงานแต่ละที่แต่ละแห่ง เกิดขึ้นแตกต่างกันเสียจริง ๆ ทำไมนะ!!! คนเราเมื่อจบการศึกษาในระดับสูง ๆ กันแล้ว จึงพูดกันไม่ค่อยจะรู้เรื่องเลยอ่ะ...การประกาศรับสมัครของมหาวิทยาลัย เปิดรับสมัครตำแหน่งอาจารย์สาขาภาษาไทย คุณสมบัติก็คือ ต้องจบการศึกษาปริญญาตรี,โท สาขาภาษาไทย วรรณคดีไทย...แต่นี่ คุณเธอจบตรี โท ทางสาขาประชากรศาสตร์ แล้วจะมาขอสมัครเอกภาษาไทย แล้วมันจะตรงไหมเนี่ย!!! ถ้ามหาวิทยาลัยรับ ไม่รู้ว่าลูกศิษย์ในอนาคตที่เรียนจบจะได้รับความรู้ทางด้านภาษาไทยตรง ๆ ไหมค่ะเนี่ย!!! คำแนะนำจาก ผอ.กบค. ให้ยื่นใบสมัครทิ้งไว้ที่กอง หรือจะไปสมัครได้ที่คณะที่เกี่ยวกับประชากรศาสตร์ แต่อาจารย์ก็จะขอสมัครเอกภาษาไทยให้ได้...อืม...ทำไมนะ คนเราจบก็ถึงปริญญาโท ทำไมไม่เข้าใจบทบาท ความรู้ของตนเองเอาเสียเลย นี่คือ ปัญหาหนึ่งที่ฉันต้องเจอและต้องแก้ปัญหา ว่าแต่ว่า...ไม่ใช่คนนี้คนเดียวนี่สิ!!! มีมากมาย หลายต่อหลายรายเชียวแหล่ะ!!! ผิดกับสมัยก่อนที่พอรู้ว่าตนเองมีคุณสมบัติไม่ครบและตรงก็จะไม่สมัคร แต่สมัยนี้ทำไม? เป็นแบบนี้ล่ะ ไม่เข้าใจเลยสิน่า!!!



ความเห็น (2)

พี่ครับ ผมนึกว่า ปัญหานี้ผมจะเจอคนเดียวซะอีกครับ คนสมัยนี้ ไม่ใช่ไม่เข้าใจนะ จบกันสูง ๆ ทั้งนั้น  เขาเข้าใจแต่อยากจะทำอะไรที่ฉีกกฎ ระเบียบ ข้อกำหนด เพื่อให้ตนเองได้ในสิ่งที่ไม่ควรได้ครับ จริง ๆ เห็นได้จากการรับสมัครครูผู้ช่วยของ กทม. ที่กำลังดำเนินการครับ เหมือนกันเลย 

เห็นใจครับ และให้กำลังใจครับ

มันเป็นผลพวงของการเรียนสูงที่ไม่ใช่เรียนเพื่อสั่งสมความรู้คิดครับ ;)…

บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

     การที่เราจะได้รับการยอมรับกับใครสักคนหนึ่ง นี่มันต้องอาศัยจากการที่เขาได้สัมผัสกับเราจริง ๆ ได้เรียนรู้ความคิด ตัวตน ประสบการณ์ของเรา เราจึงจะได้รับการยอมรับในสิ่งนั้น ๆ...

 

 



ความเห็น (2)
บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

       เมื่อใดที่ท้องฟ้ามีพายุ เมฆ ฝน กำลังก่อตัวขึ้นและสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้เกิดขึ้นแล้ว หลังจากการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว สุดท้าย ท้องฟ้าก็แจ่มใส เปรียบเสมือนกับชีวิตของคนเรา เมื่อมีเรื่องร้าย ๆ ผ่านเข้ามาในชีวิต และเมื่อใดสิ่งร้าย ๆ เหล่านี้ผ่านพ้นไป ชีวิตของคนเราก็จะสดใส ดั่งเช่นท้องฟ้าเช่นกัน..."สัจธรรมเสียจริง ๆ" สำหรับชีวิตของคนเรา...

 

 

 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

         วันนี้ฉันได้มีหน้าที่ให้ความรู้ ในเรื่องการจัดทำแผนพัฒนารายบุคคลให้กับบุคลากรของมหาวิทยาลัยได้ทราบและตระหนักถึงการพัฒนาตนเองให้มาก ๆ และฉันก็นำวิทยากรที่มีความสามารถในการจัดทำวิจัยสถาบันฯ มา Share ประสบการณ์ที่เขาได้ปฏิบัติและผลงานของเขาได้ตีพิมพ์เผยแพร่ให้สังคมได้รับรู้ มาเล่าและบอกให้กับบุคลากรของ มรภ.พิบูลสงคราม ได้ทราบถึงวิธีการพัฒนาตนเองให้มีคุณภาพต่อมหาวิทยาลัยว่าควรทำอย่างไร?

         ฉันทำงานเกี่ยวกับบุคคล สิ่งหนึ่งที่อยู่ในหน้าที่ของฉัน ณ ขณะนี้ นั่นคือ "การพัฒนาคน" ครั้งแรกฉันท้อ แต่มา ณ บัดนี้ ฉันนำ "ธรรมะ" ที่พระพุทธศาสนาได้สั่งสอน นำวิธีที่ท่านได้ชี้แนะเกี่ยวกับหลักธรรมมาใช้ในการทำงาน ฉันตั้งสติใหม่ ทำจิตให้สงบ แล้วฉันก็ค่อย ๆ เริ่มใหม่ เริ่มหาคนที่มีความรู้มาให้ความรู้กับบุคลากรในมหาวิทยาลัย และฉันก็ให้ความรู้ที่ถูกทางให้กับน้อง ๆ ในมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะสายปฏิบัติ พวกเขาได้มีความรู้เพิ่มขึ้นและเข้าใจในสายวิชาชีพของตนเองมากขึ้น...นี่คือ หน้าที่ของฉันที่ฉันได้รับมอบหมายจากภาครัฐให้มาปฏิบัติต่อบุคลากรของมหาวิทยาลัย

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

           การทำงานกับคนนี่ยากแท้ ยากที่จะเดาใจถูก ยากที่สนองความต้องการที่เขาอยากได้เพราะความต้องการ ความอยากเหล่านี้มีมากมายเหลือเกิน...ใช่หรือไม่ที่สวรรค์ส่งฉันมาให้ทำงานด้านนี้...และปัจจุบันงานด้านนี้ก็ยังไม่สำเร็จ...นี่คือ "คำตอบ" ใช่หรือไม่ ที่ ณ คืนหนึ่งฉันฝันเห็นพระรูปหนึ่ง ในฝันมีฉันกับท่านเพียงเท่านั้น...ฉันเข้าไปกราบท่าน ท่านกำลังกวาดลานวัดอยู่บนภูเขา แต่งตัวเหมือนกับพระจีน ลักษณะคล้าย ๆ กับพระทางธิเบต (ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยนึกและเห็นพระที่มีลักษณะแบบนี้เลย)... มีลูกประคำคล้องที่คอ ในฝันตัวฉันนุ่งขาวห่มขาว...(กว่าจะไปถึงที่นั่น ฉันนั่งกระดานแผ่นเดียวไปบนแม่น้ำที่ใสและสีเขียวมรกต สองฝั่งมีภูเขาและควันหมอก...ในความจริงฉันว่ายน้ำไม่เป็น แต่ทำไมฉันขึ้นกระดานไปได้โดยที่ฉันไม่กลัวตกน้ำสักนิดเดียว...ในความรู้สึกนั้น น้ำสีเขียวมรกตและลึกมาก แต่ฉันไม่เคยกลัว...) ฉันฝันแบบนี้เหมือนกัน ๒ ครั้งแล้ว พระรูปนั้นถามฉันขึ้นว่า "งานที่รับปากว่าจะทำให้นั้นสำเร็จแล้วหรือยัง?" ฉันตอบออกไปว่า "ยัง" และในสมองนั้น ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันเข้าใจหรือรู้หรือเปล่าว่ามันคือเรื่องอะไร? ท่านพูดต่อว่า...ถ้างานไม่สำเร็จ ต่อไปอย่าเพิ่งขึ้นมา ถ้าขึ้นมา งานนั้นต้องสำเร็จก่อน...แล้วงานนั้นมันคืออะไรล่ะ? ใช่ที่ฉันกำลังทำอยู่นี่หรือไม่?...ฉันได้แต่สงสัย พอสะดุ้งตื่นมาตัวฉันแข็งไปหมด ทำไมมันเป็นเช่นนั้นล่ะ มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน...

          ถามผู้รู้ที่มีความรู้เรื่องภพ เรื่องชาติ ท่านก็บอกว่า...ฉันมาจากที่ที่ดี เรื่องที่อยากทราบสักวันก็จะทราบเอง แล้ววันนั้นเมื่อไรล่ะที่ฉันจะได้รู้สักทีว่า "เรื่องนั้นที่ฉันรับปากว่าจะทำนั่นคือ เรื่องใด?"...ท่านปล่อยให้ฉันคิดเป็น "ปริศนาธรรม" อีกแล้ว...

 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

สมัยที่ฉันเป็นเด็ก ๆ ฉันไม่ค่อยเข้าใจเรื่อง "ธรรมะ" แต่พอฉันเข้าสู่วัยกลางคน ทำไม? ฉันจึงเข้าใจในเรื่องของ "ธรรมะ" ฉันสามารถนำหลักธรรม คำสั่งสอนมาใช้กับชีวิตประจำวันของฉันไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวและเรื่องเกี่ยวกับการทำงาน...สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ฉันชอบฟังพระท่านเทศน์สอน ท่านชี้แนะ ให้รู้ ให้เห็น มีหลักการและเหตุผล ฉันเป็นคนไม่เชื่อคนง่าย ๆ แต่พอได้ฟังและคิดตาม ฉันได้รู้แจ้งความจริงว่า คืออะไร? ทุกคราวที่ขับรถ ฉันชอบเปิดสถานี FM 87.75 ซึ่งเป็นสถานีที่หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ (ทางเจ้าหน้าที่ได้นำเทปมาเปิดให้ฟังตอนท่านยังไม่ได้มรณภาพ)...ทำไมฉันชอบฟัง มันไม่มีเหตุผล บางคนอาจว่า...งมงาย...แต่เมื่อฉันได้ฟัง ฉันเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา และฉันก็ใช้หลักธรรมนั้นมาใช้กับชีวิตประจำวันของฉันได้...ทำให้ฉันรู้ความหมายของคำว่า "นิพพาน" มากยิ่งขึ้น จึงทำให้รู้ว่า มนุษย์เราเกิดมาเพื่อ "การเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิต"

 

 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

ใครบอก? ว่า การเรียนจบแล้วก็จบเลย ยุคปัจจุบันหาใช่เป็นแบบนั้นไม่...แม้แต่จบปริญญาเอกมาแล้วก็ยังต้องเรียนรู้เลย...ว่าแต่จะเรียนรู้เรื่องใดล่ะ?"...ยังมีความรู้อีกมากมายในโลกนี้ ที่ทุกคนที่ได้ขึ้นชื่อว่า มนุษย์ จำเป็นต้องเรียนรู้ แม้แต่สัตว์ก็ยังต้องเรียนรู้เลย"...เรียนรู้เพื่อเอาตัวรอดต่อสิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้ เรียกว่า "เรียนรู้ตลอดชีวิต" พูดง่าย ๆ ว่า "เรียนรู้จนตาย"

 

 

 

 



ความเห็น (1)

มีอยู่อย่างที่เรียนรู้แล้วจบได้ครับ…และไม่ต้องไปเรียนรู้.. “เรียนรู้ตลอดชีวิต” พูดง่าย ๆ ว่า “เรียนรู้จนตาย”..:):)

บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

การทำงานร่วมกันกับคนหมู่มาก มากคน มากเรื่อง มากความคิด เกิดการคิดต่าง ทำอย่างไรจะจูนให้เข้าหากันได้ หัวหน้างานแบบฉัน "เหนื่อย" ๆ ก็ต้องทน สอน + บอก + แนะนำ หาเรื่องราวต่าง ๆ สารพัดเพื่อให้เรื่องยุติ ทั้งหมดทั้งปวง "แก้ไขที่ต้นเหตุ" เท่านั้นก็จบ ไม่จบก็ต้องจอดทั้งสองฝ่าย...การทำงานจะให้ได้ดั่งใจเรานั้นคงไม่ใช่เพราะเราไม่เหมือนเขา เขาไม่เหมือนเรา...ไม่พูดกันแล้วมันจะรู้เรื่องกันได้อย่างไร? พูดกันซะ มันจะได้จบ ๆ ที่ที่ทำงาน ไม่ใช่นำไปสานต่อให้เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต...ทำเป็นหรือไม่ แบบที่เขาว่า "ทำงานแบบที่ผู้ใหญ่เขาทำกัน"...หมายถึงว่า...คุยกันในที่ทำงานและก็จบกันในที่ทำงาน...ไม่คุย ไม่กล้า ก็เป็นเรื่องที่อีกฝ่ายจะไม่รู้จุดอ่อนของตัวเอง เขาก็ทำแล้ว ทำเล่า (เขาอาจรู้และอาจไม่รู้ตัว) บอกไปเลยให้เขาได้รู้ เพราะเราไม่ได้มีอคติ (ข้อย้ำว่า...เราต้องไม่มีอคติต่อเขา)...มันจะได้จบเรื่อง...




ความเห็น (2)
บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

ชีวิตการทำงาน...คนเราที่ทำงานมีความเข้าใจกันบ้างหรือไม่ว่า...เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งจะให้เหมือนหรือได้ดั่งใจเรานั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้...และตัวเราจะให้เหมือนหรือได้ดั่งใจเขาก็คงเป็นไปไม่ได้...สิ่งที่จะต้องจูนเข้าหากันนั้น นั่นคือ การปรับตัว ปรับใจของเราเองให้เข้ากับเพื่อนร่วมงานนั้นคงจะง่ายกว่าสิ่งใด ๆ...




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

คำว่า "ยิ่งสูง ยิ่งหนาว" มาพิสูจน์ได้ก็ตอนที่เราขึ้นมาเป็นหัวหน้าคนนี่แหล่ะ!!! หลากหลายเรื่องราวมากมายจนบางเรื่องก็ไม่สามารถนำมาเล่าได้...




ความเห็น (5)

เรื่องของคน ปวดหัวกว่าเรื่องงานอีก จริงมั้ยคะ

จริงคร้า...เขาจึงมีคำเปรียบเทียบว่า "รบกับงานดีกว่ารบกับคนค๊า" คริ ๆ ๆ

เรื่องคนเนี่ย เหมือนกันทุกแห่งเลยนะคะ ^_^

คร้า ยิ่งทำงานกับคน ณ ยุคปัจจุบัน คริ ๆ ๆ

ต้องภูมิใจที่ได้เป็นหัวหน้านะคะ

บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เป็นวันเข้าพรรษา...ย่าตื่นตั้งแต่เช้า อาบน้ำ แต่งตัวเพื่อไปตลาดหาซื้อข้าว อาหาร เพื่อให้ "ฟ้าคราม" กับพ่อเพรียง - แม่อ้อมได้ไปใส่บาตรที่วัดกัน...ย่าอาบน้ำเสร็จ เห็นหนูตื่นแล้ว ย่าถามว่าจะไปตลาดและก็ไปวัดหรือเปล่า? หนูบอกว่า "ไป" รีบลุกขึ้นมา บอกว่า "อาบน้ำ" ให้ย่าถอดเสื้อผ้าให้ แล้วรีบไปอาบน้ำให้หนูตั้งแต่เช้ามืด เตรียมตัวไปตลาดและก็ไปวัดกับพ่อเพรียง - แม่อ้อม...ส่วนย่าต้องดูแลตาทวด เมื่อหนูกลับจากไปวัดและไปกราบกระดูกยายทวดที่วัดแล้ว พอมาถึงย่า หนูบอกกับย่าว่า..."ฟ้าฯ เอาบุญมาฝากย่าด้วยจ้า"...เก่งจริง ๆ แค่ ๒ ขวบเองจ๊ะ...





ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

เมื่อคืนมีเรื่อง "ขำ ๆ " พ่อเพรียง + แม่อ้อมกำลังเล่น i Pad กับ i Phone กันอยู่..."ฟ้าคราม" ก็เดินไป - เดินมารอบห้อง สักประเดี๋ยวคงเหนื่อยก็ล้มลงนอน...พ่อเพรียงเลยพูดเล่นกับหนูว่า..."ฟ้า ๆ มานี่สิ...มาดูอะไรนี่"...เสียงตอบจากเจ้าฟ้าคราม บอกว่า..."กำลังหลับอยู่"...ทำเอาย่า + พ่อเพรียง + แม่อ้อม ขำกันใหญ่ว่า "คนอะไร หลับแล้วพูดได้อีกเหรอ คริ ๆ ๆ"...ไร้เดียงสาเสียจริง ๆ...ไม่รู้ความหมายเอาเสียเลยเจ้าฟ้าคราม...






ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

ใคร ๆ ก็ว่า "ฟ้าคราม" ถอดพิมพ์มาจากย่าเด่ะ!!! เลย...ใช้หรือเปล่าจ๊ะ? คริ ๆ ๆ

หนูเป็นคนช่างสังเกต...วันหนึ่งย่าใส่แหวนวงเดียว เพราะรีบ...หนูเข้ามานั่งที่ตักย่า เห็นแหวนในนิ้วของย่าวงเดียว หนูก็ถามย่าว่า...อันเดียวเหรอ? หมายความว่า ทำไมย่าใส่วงเดียว...คงเห็นว่า ทุก ๆ ครั้งย่าจะใส่แหวน ๒ วง...ทำให้ย่ามีความคิดว่า...หนูเป็นคนช่างสังเกตเอาตั้งแต่อายุ ๒ ขวบเลยเชียวนะจ๊ะ...นิสัยแบบนี้ เหมือนกับลุงภัครเลยเชียวจ้า...ช่างสงสัยและก็ชอบถาม...










ความเห็น (2)
บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

กลางวันนี้ "เจ้าฟ้าคราม" โทรศัพท์มาหาย่า บอกว่า "คิดถึง" ย่าถามต่อว่า คิดถึงมากไหม? หนูตอบย่าว่า "มาก"...เท่านี้ ย่าก็ชื่นใจแล้ว...





ความเห็น (3)

ขอบคุณค่ะ พี่แก้ว + ขอบคุณค่ะ ดร.พจนา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท