คนไทยต้องปรับทัศนะคติให้เปิดกว้าง


ความรู้อยุ่ในทุกที่ อยู่ที่เราจะคว้าเอามาหรือไม่
     หายไปหลายวันเพราะไปศึกษาดูงานในต่างประเทศ ตามหลักสูตร นบส. การไปดูงานมีประโยชน์มาก เป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กว้างไกล ทำให้รู้ว่าคนในประเทศต่างๆ นั้น ล้วนมีวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง การที่สังคมใดจะจเริญรุ่งเรือง จนถึงในระดับพอดี พอเพียงได้นั้น คนในสังคมต้องมีระเบียบวินัย มีความรู้และใช้ศักยภาพของมนุษย์สร้างความเจริญให้กับสังคมของตนอย่างเต็มที่
หมายเลขบันทึก: 98887เขียนเมื่อ 27 พฤษภาคม 2007 02:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 10:29 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

อาจารย์คะ ติดใจตรงประโยคนี้ค่ะ

 "การที่สังคมใดจะจเริญรุ่งเรือง จนถึงในระดับพอดี พอเพียงได้นั้น คนในสังคมต้องมีระเบียบวินัย มีความรู้และใช้ศักยภาพของมนุษย์สร้างความเจริญให้กับสังคมของตนอย่างเต็มที่"

ขอเรียนถามความเห็นของอาจารย์ค่ะว่า

"ส่วนใญ่แล้วประเทศที่มีอารยะมีระเบียบวินัย มาจากการที่มีระเบียบมาก่อนจึงค่อยเปิดประเทศให้ชาติอื่นเข้าไป ..หรือว่า ถูกจัดระเบียบจากชาติอื่นที่เข้าไปจัดการคะ "

ขอบคุณค่ะ

P
เรียนคุณจันทรรัตน์ครับ
ตามความเห็นของผมนะครับ มนุษย์เป็นทั้งผู้นำและผู้ตาม โดยมีผู้ตามเป็นส่วนใหญ่
การที่สังคมใดจะเป็นไปอย่างไร ขึ้นอยู่กับผู้นำ ที่จะนำหลักการที่ตนเห็นว่าดี เหมาะสมสำหรับชุมชน สังคม มาใช้  .......... เพื่อประโยชน์ของสังคมตน ซึ่งก็หมายความว่าคนต้องมีระเบียบวินัยภายในสังคมและประเทศก่อนครับ
ในประเทศสังคมนิยมที่ได้ไปเห็นมา พบว่าที่มั่นคงมาได้ทุกวันนี้เป็นเพราะคนดำเนินชีวิตตามที่ผู้นำกำหนด โดยเฉพาะการเปิดกว้างในเรื่องการศึกษา ผมพบว่าวิทยาการต่างๆ ได้รับการถ่ายทอดและถ่ายเทอย่างกว้างขวางมาตั้งแต่ในอดีต ทำให้สังคมในยุโรปมีความเจริญทางวิทยาการทัดเทียมกัน ซึ่งก็คงเป็นเพราะในแต่ละประเทศในยุโรปมีผู้นำที่ดี มีวิสัยทัศน์ จึงได้วางรากฐานและสร้างสิ่งต่างๆ ได้มากมายในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา
เมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเรา หรือสยามก็เริ่มวางรากฐานและสร้างสิ่งต่างๆ ไม่น้อยหน้าประเทศในยุโรปเลย กล่าวได้ว่าสยามในขณะนั้นถูกจัดให้เป็นประเทศที่เจริญมากประเทศหนึ่งในเอเชีย.........วิทยาการต่างๆ ได้ถูกถ่ายทอดมาจากยุโรปหลายอย่าง แต่คงเป็นเพราะการศึกษาที่ไม่ลงลึกจึงทำให้คนไม่สามารถเป็นทุนสนับสนุนการพัฒนาประเทศได้อย่างเต็มที่ 
มนุษย์มีธรรมชาติในการทำลายและการสร้างในขณะเดียวกัน การสร้างความเจริญในประเทศที่เจริญแล้วที่เราเห็นในปัจจุบันส่วนใหญ่มาจากการทำลายก่อนแล้วจึงสร้าง ทำลายความคิด ความเชื่อดั่งเดิม ทำลายลัทธิดั่งเดิม ทำลายความอดอยากที่มีอยู่  ทำลายขีดจำกัดของธรรมชาติที่ประสบอยู่.....จึงสร้างสังคมขึ้นมาใหม่ ที่มนุษย์จะมีระเบียบวินัย มีความรู้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น........โดยรักษาศาสนาประเพณีและวัฒนธรรมดั่งเดิมเอาไว้ได้....อย่างน่าชื่นชม
สำหรับผม จะเป็นคนในประเทศจัดกันเองก่อนหรือต่างชาติมาจัดระเบียบให้ ก็ไม่ต่างกัน เพราะความรู้นั้นเป็นสากล ไม่จำเป็นต้องเป็นเมืองขึ้นถึงจะเรียนรู้วิทยาการเหล่านี้
ด้วยความปรารถนาดี 

สวัสดีครับ ท่านอาจารย์

ผมแวะมาเติมเต็มความคิดจากบันทึกของอาจารย์ก่อนออกเดินทางไปราชการในเช้าสาย ๆ ของวันนี้

ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการสร้างสังคม  โดยสร้างคนให้ตระหนักถึงภาวะต่าง ๆ  อันได้แก่  คนในสังคมต้องมีระเบียบวินัย มีความรู้     ซึ่งโดยเฉพาะประการแรกในทางระเบียบวินัยดูเหมือนประเทศไทยจะอ่อนด้อยในเรื่องนี้อยู่มาก  รวมถึงกลไกการทำงานในองคืกรที่ยึดติดบุคคลและพรรคพวกมากจนเกินควร  โดยการมองข้ามการใช้คนให้ตรงกับศักยภาพที่ควรจะเป็น   จนส่งผลให้การขับเคลื่อนองค์กรและสังคมดำเนินไปอย่างไม่เต็มที่

อีกประการ คือ ..เราต้องเปิดใจ เปิดรับวัฒนธรรมของตนเองเป็นอันดับแรก  ไม่ใช่ปฏิเสธว่าล้าหลัง  เราควรต้องทำความเข้าใจกับรากเหง้าวัฒนธรรมและวิถีชวิตความเป็นไทยให้มากที่สุด  เพื่อบูรณาการให้สอดรับกับความเป็นปัจจุบัน หรือให้ร่วมสมัยกับสังคมโลก

ขอบพระคุณครับ

P เรียนคุณแผ่นดินครับ
ขอบคุณสำหรับข้อคิดเห็นครับ ผมเห็นด้วยโดยเฉพาะที่ว่า เราต้องเปิดใจ เปิดรับวัฒนธรรมของตนเองเป็นอันดับแรก  ไม่ใช่ปฏิเสธว่าล้าหลัง  เราควรต้องทำความเข้าใจกับรากเหง้าวัฒนธรรมและวิถีชวิตความเป็นไทยให้มากที่สุด  เพื่อบูรณาการให้สอดรับกับความเป็นปัจจุบัน หรือให้ร่วมสมัยกับสังคมโลก
ผมจึงสะท้อนใจทุกครั้งที่ ได้ไปเห็นสังคมในต่างประเทศรักษา เชิดชูศิลปะ วัฒนธรรมของเขาอย่างเหนียวแน่น ไม่ว่าประเทศเจริญก้าวหน้าเพียงใด  ทั้งหมดนี้ ก็หากนำกันดีๆ ก็เหมือนทำให้ทั้งประเทศของเราเป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ที่มีชีวิตนั่นเอง หากความรู้เปิดกว้างและเข้าถึงง่ายจากสาธารณชน จะทำให้คนทั่วไปสามารถเรียนรู้ความรู้เหล่านั้นและพัฒนาตนเองได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ความรู้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในตำราหรืออยู่ในห้องเรียนเท่านั้น หลายคนรู้ซึ้งดี โดยเฉพาะผู้มีความรู้ในเว็บ G2K สังคมไทยก็อ่อนอีกเหมือนกันในเรื่องนี้ เด็กฝรั่งพอวันหยุดต้องไปพิพิธภัณฑ์ และไปอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต .......
ความรู้เกี่ยวกับรากเหง้า วัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่เป็นไทยนี้ เป็นทุนที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะสามารถเป็นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่จะนำรายได้และความอยู่ดีกินดีได้อย่างง่ายดาย ประเทศในยุโรปแทบทุกประเทศได้ประโยชน์จากรากเหง้าของตนมาแล้ว อาทิ นักท่องเที่ยวปีละ 6 ล้านคนเลี้ยงคนในประเทศที่มีเพียง 10 ล้านคนได้อย่างสบายๆ นี่ก็พราะความรู้ในการรักษารากเหง้า วัฒนธรรมของตัวเอง
การเปิดประเทศเป็นสิ่งจำเป็นครับ และดังที่คุณแผ่นดินได้กล่าวไว้ บูรณาการให้สอดคล้องกับโลก......ดีมากครับ
ด้วยความปรารถนาดี
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท