เปลือยความสุข (12) สายน้ำแห่งชีวิต : ที่นี่ ... คือ ตัวตนของผม


แต่สักวันหนึ่ง มันต้องมีบ้างล่ะที่สายลมแห่งวันเวลาจะพัดพาชีวิตเรากลับไปเยือนบ้านเกิดอีกครั้ง

(๑)

เคยรู้สึกบ้างหรือไม่ว่า  เมื่อเราโตขึ้น   การเดินทางมักจะนำพาเราออกมาจากโลกใบเล็กอันเป็น “บ้านเกิด”  ของเราเสมอ   เป็นการเดินทางสู่การใช้ชีวิตควบคู่ไปกับการเรียนรู้ชีวิตบนเส้นทางของโลกและความฝัน  และนั่นก็เป็นปรากฏการณ์อันเป็น “นาฏกรรม”  ที่เคลื่อนไหลไปตามวิถีของโลกและชีวิต  ซึ่งเราไม่อาจเลี่ยงหลบไปจากปรากฏการณ์อันเป็นวิถีหรือนาฏกรรมนั้นได้ 

นาฏกรรมดังกล่าว   เป็นภาพสะท้อนที่ฉายให้เห็นการเคลื่อนไหลของกระแสธารชีวิต  จากแม่น้ำต้นสายไปสู่ห้วยหนอง คลองบึง  หรือแม้แต่ลำธารและแม่น้ำสายใหม่ที่อาจจะทอดตัวลงสู่ท้องทะเลอันไพศาล

ารพลัดพรากจากบ้านเกิดตามเงื่อนไขโลกแห่งการงาน  ในอีกมุมมองอาจหมายถึงภาพที่ฉายให้เห็นถึงการเติบโตของชีวิต   แต่ในมุมกลับกัน   ก็สะท้อนถึงภาพแห่งการพับพ่ายของชีวิตได้เช่นกัน 


 (๒)   

ผมเข้าใจถึงนาฏกรรมชีวิตที่เกิดขึ้นในยุคโลกาภิวัตน์อยู่มากโข   ผมเข้าใจและเห็นใจต่อการเคลื่อนไหลของชีวิตที่ห่างพรากไปแสนไกลจากบ้านเกิดของตนเอง   กระนั้นผมก็ยังมองว่า   สภาพการณ์เช่นนั้น   ไม่ใช่บทสรุปของชะตากรรมที่เลวร้ายเสมอไปนักหรอก ! มนุษย์ย่อมดำเนินไปตามบทบาทและสถานะในทางสังคมอยู่เสมอ   สำคัญที่ว่า   การเคลื่อนไหลไปสู่โลกแห่งการงานเช่นนั้น   เราได้ใช้เวลากับการระลึกถึง  หรือแม้แต่การหวนกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดของตนเองบ่อยครั้งสักแค่ไหนกัน ?  

ในสังคมโลกาภิวัตน์เช่นนี้   เราต้องยอมรับว่ากระแสการไหลบ่าของวัฒนธรรมทุนนิยมเป็นไปอย่างแรงกล้า   ผมเคยตั้งคำถามอย่างมากมายกับปรากฎการณ์  หรือนาฏกรรมของ “บ้านเกิด”  ที่เคลื่อนไหลไปตามห้วงกระแสนั้นอย่างไม่มีท่าทีจะทานทัดได้   จวบจนบัดนี้   บ้านเกิดของผม  ก็ดูเหมือนจะกำลังสูญเสีย “อัตลักษณ์”  ของตนเองอย่างน่าใจหาย   หลายครัวเรือนทิ้งรกรากไปสู่เมืองใหญ่,  บ้างขายไร่นาเรือกสวนให้กับพ่อค้าจากตัวเมือง,  บ้างก็เลิกแจวเรือจับปลา  แต่หันไปซื้อปลาจากเพื่อนบ้าน ฯ  มาบริโภค 

นั่นคือ  ภาพสะท้อนที่สื่อแสดงถึงความเป็นโลกาภิวัตน์ในด้านลบอย่างชัดเจน  กระนั้นเราเองก็คงไม่ลืมในอีกมุมหนึ่ง  โลกาภิวัตน์ก็มีคณูประการต่อโลกและมนุษยชาติอยู่มากเหมือนกัน  ดังจะเห็นได้ชัดเจนจากความรวดเร็วของการสื่อสาร  ความสะดวกรวดเร็วในการจัดการกับโลก – เวลา และชีวิต  เป็นต้น

ทุกครั้งที่ผมมีโอกาสได้กลับไปเยี่ยมบ้าน  ผมมักจะหาเวลาปลีกวิเวกไปเยี่ยมเยียนสถานที่แห่งความทรงจำของผมอยู่เสมอ   นั่นก็คือ  ทุ่งนา  หรือไม่อย่างนั้นก็เป็นสายน้ำแห่งเขื่อนลำปาวที่ทอดตัวยาวเหยียดอยู่ท้ายหมู่บ้าน  



สายน้ำจากเขื่อนลำปาวที่ท้ายหมู่บ้านเราต่างก็เรียกกันว่า “แก่ง”  หรือ  “น้ำแก่ง”  -  สายน้ำแห่งนี้เป็นยิ่งกว่าสายน้ำแห่งชีวิตของผู้คนในละแวกบ้านเกิดของผม,  หล่อเลี้ยงทั้งคนและสรรพสัตว์อย่างไม่แบ่งแยก  แต่สำหรับผมแล้ว  ผมรักและผูกพันกับสายน้ำนี้ราวกับเป็นญาติมิตรของผมเอง

สมัยที่ผมยังเป็นเด็ก หรือแม้แต่ในวันวัยที่ชีวิตกำลังก้าวเข้าสู่วัยแรกรุ่นของการเป็น “คนหนุ่ม”   วิถีชีวิตของผมก็โลดแล่นและเติบโตอยู่กับสายน้ำแห่งนี้อย่างสนิทแน่น  เช้ายันเย็น,  ผมต้อนฝูงวัวของตนเองมาปล่อยเลี้ยงไปตามฟากฝั่งของสายน้ำอันยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา,  บ้างก็กระโจนว่ายไปราวกับปลาที่ได้น้ำใหม่,  แข่งขันประชันตนกับเพื่อน ๆ  ในสายน้ำทั้งการว่ายเร็วและความอึดของการดำน้ำ,  บางทีก็ผุดว่ายผุดดำลงไปเก็บหอยใต้ผืนน้ำ,  รวมถึงการวางเบ็ด,  ทอดแห,  จับปลาด้วยวิธีการอันนานาชนิดที่ล้วนแต่เป็นภูมิปัญญาพื้นถิ่นที่ทรงคุณค่า   ไม่เว้นแม้แต่การแจวเรือบนท้องน้ำอย่างรื่นรมย์



วบค่อนเดือนเมษาอันร้อนอบอ้าว,  ผมกลับไปเยือนสายน้ำแห่งนี้อีกครั้ง   หากแต่คราวนี้ผมไม่ได้ไปที่นั่นคนเดียวดังทุกครั้งที่ผ่านมา   ผมเกี่ยวก้อย “คนของความรัก”  พ่วงติดกันไปครบถ้วนทั้งแม่และลูก 

วันนั้นเป็นช่วงเย็นย่ำที่ดวงตะวันกำลังเคลื่อนคล้อยอ้อยอิ่งลับลงจากขอบฟ้า   ลมร้อนโรยตัวมาอย่างแผ่วเบา   ท้องน้ำอันแห้งขอดต้องแสงแดดอ่อนทอประกายวับวาวราวเกล็ดแก้ว   คลื่นน้ำเล็ก  ๆ  เคลื่อนตัวอยู่อย่างไม่ขาดห้วง …   ผมชี้โน่นชี้นี้ให้พวกเขาดูว่า  ณ  ที่นี่  คือสถานที่ที่หล่อหลอมและหล่อเลี้ยงชีวิตของผมมาอย่างยาวนาน

ผมบอกกล่าวเล่าความเรื่องต่าง ๆ  อันเป็นภาพชีวิตในอดีตกาล (แต่เป็นปัจจุบันเสมอในความทรงจำ)  ให้พวกเขาได้รับรู้และรับฟังอย่างจริงจังและต่อเนื่อง   ผมหวังแต่เพียงว่าพวกเขาจะรู้เห็น, เข้าใจในตัวตนของผม,  รักและเคารพต่อสิ่งอันเป็นรากเหง้าของผม …  

ผมเฝ้าสังเกตว่าพวกเขาทั้งสามคนมีความสุขกับการได้สัมผัสเรื่องราวและบรรยากาศของสายน้ำแห่งนี้เป็นอย่างยิ่ง   ต่างคนต่างก้ม ๆ เงย ๆ  ดูเปลือกหอยที่ไร้ชีวิต,  กอบกำโคลนตมที่ชุ่มน้ำ ,  วาดนิ้วไปตามสายน้ำอย่างสงบและเยือกเย็น, ย่ำเท้าไปตามสายน้ำอย่างไม่เคอะเขิน  รวมถึงการพาตัวตนของแต่ละคนสาละวนอยู่กับเรือลำเล็กที่ลอยตัวอยู่บนผิวน้ำอย่างคึกคัก

สายน้ำของวันนี้,  แห้งขอดและดูราวกับชราภาพอยู่ไม่น้อย   อีกทั้งยังดูเงียบเหงากว่าที่ผมเคยสัมผัสเมื่อในอดีต   สองฟากฝั่งไม่ปรากฏฝูงวัวควาย,  ท้องน้ำแทบไม่มีใครมาจับปลา   เรือไม้ถูกทิ้งเกยทรุดโทรมอยู่บนบก,  บางลำถูกโซ่ล่ามไว้กับตอไม้กลางสายน้ำ,  แต่ผมก็เชื่อว่าอีกไม่นาน   หลังการผ่านพ้นไปของฤดูแล้ง   สายน้ำแห่งนี้จะกลับมามีชีวิตอีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย<

ผมมีความสุขที่ได้กลับไปที่นั่นพร้อมกับ “คนของความรัก”,   มีความสุขที่ได้บอกเล่าเรื่องราวอันเป็นตัวตนของตนเองให้พวกเขาได้รับรู้ 


   


ถึงแม้วันนี้สภาพของสายน้ำแห่งชีวิตสายนี้จะเปลี่ยนรูปไปอย่างน่าใจหาย  แต่ก็ไม่สิ้นกลิ่นอายของความอาทรต่อผู้อื่น   

ถึงแม้ผู้คนจำนวนมากจะละทิ้งการจับปลาด้วยตนเอง  และเลือกที่จะซื้อปลาจากเพื่อนบ้านมาบริโภค  เพราะถือว่าสะดวกสบายกว่าการลงแรงด้วยตนเอง  รวมถึงการละทิ้งให้เรือจำนวนมาก   ผุพัง  เสื่อมทรุดไปตามเปลวแดดและสายลมอันเริงร้อน   ผมก็ยังมองว่า   มันเป็นวิถีธรรมดาสามัญที่เกิดขึ้นและเคลื่อนไปตามวิถีของโลกโลกาภิวัตน์ ….

านทีและนานครั้งของการกลับบ้านเกิดของตนเอง …  หากแต่การได้กลับไปเยือนสถานที่อันเป็นรากเหง้าของตนเองพร้อมด้วยคนของความรักอย่างพร้อมหน้า  คือ  ความปรารถนาอันสูงสุดของชีวิต   

เป็นความสุขที่อิ่มสุขอย่างล้นเหลือ.    เป็นความสุขที่ได้บอกกับคนรักของเราว่า “ที่นี่ คือ  ตัวตนของเรา !”   


ชีวิตเป็นเหมือนสายน้ำ   เคลื่อนไหลไปสู่กระแสธารใหม่เสมอ …  

แต่สักวันหนึ่ง  มันต้องมีบ้างล่ะที่สายลมแห่งวันเวลาจะพัดพาชีวิตเรากลับไปเยือนบ้านเกิดอีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย  



หมายเลขบันทึก: 98832เขียนเมื่อ 26 พฤษภาคม 2007 17:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม 2019 18:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (37)

คุณแผ่นดินคะ

  • อ่านเรื่องเล่าของคุณแล้ว  ช่างเพลิดเพลินและได้เห็น  "แง่งาม"  แห่งชีวิต
  •  คนของความรัก   ช่างน่ารักจริง ๆ
  •  ดิฉันบางครั้งก็หวลหาอดีตและมีความสุขกับสิ่งที่ได้บันทึกไว้ในลิ้นชักความทรงจำ
  •  หากแต่เดี๋ยวนี้เมื่อกลับไปบ้านเกิด กลับไม่ค่อยพบสิ่งที่หวลหาเท่าใดนัก เพราะนาฎกรรมแห่งโลกาภิวัฒน์อย่างที่คุณว่า
  •  ขอบคุณคะ เรื่องที่แชร์มาให้อ่าน ไม่ต้องไปซื้อหาหนังสือแนวนี้มาอ่าน (ศก.พอเพียงดีจัง)

สวัสดีครับ แวะมาทักทาย มาอ่าน มาชมเอาความรู้พัฒนาสมองครับ

สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน

อ่านแล้วยิ้มกับแง่งามของ " คนของความรัก "..

ภาพสายน้ำให้ความรู้สึกฉ่ำเย็นได้ทุกครั้งที่เห็นเลยนะคะ..ช่างเป็นมารดาผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่เสียจริงๆ..

กระแสธารน้ำใสที่ไหลบ่า..มีไม้ป่าไม้ขวางกลางวิถี

มีเงามืดสว่างแจ้งแสงรวี..จึงได้มีความหมายไม่จืดจาง

เปรียบกระแสกาลธารชีวิต..ถ้าราบเรียบสนิทไปทุกอย่าง

ไม่ต่อสู้ฟันฝ่าหาหนทาง...จะภูมิใจได้บ้างอย่างไรกัน..

บางทีการจากไกลก็ทำให้เวลาที่ได้อยู่ร่วมกันมีความหมายมากขึ้นนะคะ..

ขอบคุณสำหรับมุมมองที่งดงามในบันทึกนี้ค่ะ

 

 

เห็นภาพพระอาทิตย์ กำลังจะลับขอบฟ้า และมองดูสายน้ำจากเขื่อนลำปาว ช่างสวยจริงๆ และกับครอบครัวที่อบอุ่น

สิ่งที่น่าประทับใจไม่แพ้สายน้ำและเรื่องราวที่บรรยาย...

คือ...ภาพครอบครัวที่น่ารักครับ...

ความเป็นตัวตนของคุณแผ่นดินมักแฝงไว้ด้วยแง่คิดชีวิตที่งดงามเสมอครับ...

ขอบคุณครับ....

สวัสดีครับ
P
oddy 

การที่ชาวบ้านเลือกที่จะเลิกจับปลา  แต่เลือกกระบวนการซื้อจากเพื่อนบ้านมาบริโภค  ผมถือว่าเป็นอีกภาพสะท้อนหนึ่งของชุมชนที่ผันแปรไปตามการเคลื่อนไหลของกระแสโลกาภิวัตน์ เหมือนกัน

ผมเข้าใจในภาวะเช่นนั้น  จึงเพ่งมองภาพที่ไม่เหมือนเดิมของบ้านเกิดอย่างมีความสุข ...  และอิ่มสุขเมื่อหลับตานึกฝันกลับไปยังความทรงจำเก่า ๆ ที่ยังมีชีวิต..มีลมหายใจ

...

สังคมอันแดกด่วนเช่นนี้,  ก็เป็นธรรมดาที่เรามักจะเติมเต็มชีวิตด้วยการให้เวลาเล็ก ๆ กับชีวิต  ด้วยการเปิดประตูให้ชีวิตได้กลับไปท่องอดีตของตนเอง  และกลับออกมาอย่างทรนงอีกครั้ง

...

ผมขอบพระคุณมากนะครับ...ที่แวะมาเป็นสารัตถะของบันทึกแห่งความสุขของผม

อ่านจากตัวหนังสือ และดูจากภาพแล้ว ตัวตนคุณแผ่นมีความรักมากมายกับแผ่นดิน สายน้ำที่ของพื้นที่ที่เป็นถิ่นเกิด และ คนของความรัก ที่เป็นครอบครัวคุณแผ่นดินนะค่ะ ... ครอบครัวรักและอบอุ่นอย่างนี้ ลูกๆ จะเติบโตมาอย่างมีคุณภาพในทุกๆด้าน...

(ภาพก่อนสุดท้ายน้องแดนทำท่าจะตกจากเรือ...หวาดเสียว)

สวัสดีครับ
P

ขอบคุณอย่างมากนะครับที่แวะมาเติมเต็มกำลังใจ,  และเป็นเกียรติในการต่อยอดทางความคิด..

ผมขอบคุณอีกครั้งครับ 

P
 
ภาพสวยมากครับ ดูผ่านๆนึกว่าไปเที่ยว วังเวียง เหมือนเป็นภูมิประเทศที่จิตนาการ หลังจากอ่าน "ขุนช้าง ขุนแผน" หรือว่าฟังเทป น้าหมู-พงษ์เทพ ประมาณว่าเป็นภูมิประเทศในฝัน 
 
เงียบแบบนี้ก็อาจจะดีกว่า มีคนมาสร้างตึกแปลกๆ ที่ไม่กลมกลืนกับพื้นที่ มีเตียงผ้าใบให้เช่า หาดนี้ของคนนั้น หาดนั้นของคนนี้ มีเรือกล้วย ฯลฯ  
 
 
การเปลี่ยนจากการจับปลากินเอง มาเป็นการซื้อขาย แบ่งหน้าที่กันทำ อาจจะเป็นเรื่องก่อนโลกาภิวัฒน์ นิดหน่อย?
 
 
 

 
 
 
 

อ้ายแผ่นดินมีเรื่องราวชวนให้คิดถึงบ้านอยู่เรื่อยเลยนะครับ...เดี๋ยวก็หนีกลับบุรีรัมย์ซะหรอก..

สวัสดีครับ  คุณเบิร์ด
P

โดยส่วนตัวผมรู้สึกว่าคุณเบิร์ดเป็นคนที่ร่ำรวยด้วยถ้อยคำเป็นอย่างมาก  และมีมุมที่ละเอียดในการใช้ชีวิตด้วยเช่นกัน  สังเกตและซึมซับจากถ้อยคำและมุมมองที่ฉายสะท้อนอย่างโดดเด่นในบันทึก  ซึ่งผมไม่สามารถนำเสนอได้เช่นนั้นเลย...

(เรื่องจริงนะครับ)...

และทุกครั้งที่แวะมาให้กำลังใจแก่ผมก็ทิ้งรอยความคิดไว้จนผมต้องนิ่งงัน ...  เขินอายที่จะตอบต่อยอด  เพราะทุกกระบวนคิด  แจ่มชัดและมีพลังอย่างเหลือเชื่อ...

...

เช่นเดียวกับครั้งนี้  ..  "บางทีการจากไกลก็ทำให้เวลาที่ได้อยู่ร่วมกันมีความหมายมากขึ้น"   กระบวนความนี้กลับมาช่วยสรุปความในความคิดของผมให้แจ่มชัดโดยที่ผมเองก็สรุปไม่ได้

ห้วงนี้จึงขออนุญาตชื่นชมอย่างเป็นทางการ  โดยไม่ต่อยอดใด ๆ นะครับ

ผมขอบคุณ - คุณเบิร์ดมากครับ ..

  •  พี่ชอบคำว่า .....ผมเกี่ยวก้อย คนของความรัก  พ่วงติดกันไปครบถ้วนทั้งแม่และลูก
  • ถึงวาระเปิดเทอมมาลุยงานกันต่อนะคะ
P

เห็นครอบครัวที่อบอุ่น อย่างนี้แล้ว อยากให้ครอบครัวอื่นๆ เป็นแบบนี้บ้าง ปัญหาสังคมจะน้อยลงมากค่ะ

ครอบครัวเป็นแรกที่เล็กที่สุด แต่สำคัญที่สุดสำหรับทุกคน

ถ้าสถาบันครอบครัวเข้มแข็ง ประเทศชาติก็เข้มแข็ง

P

ครอบครัวเป็นสังคมที่เล็กที่สุด แต่สำคัญที่สุดสำหรับทุกคน

ขอโทษค่ะ พิมพ์ผิด

·       เห็นหัวข้อแล้วมีกิเลสอยากอ่านมากๆเพราะเรื่องของสายน้ำเสมือนเรื่องของตนเองเหมือนกัน (สมัยเด็ก วันๆ จะอยู่แต่ในแม่น้ำลพบุรี ที่หน้าบ้านจนตะไคร่น้ำติดตามตัวและโดนแม่ตีในทุกวันหยุดค่ะ)·       อ่านบันทึกพร้อมภาพนี้แล้ว มีอาการปิติ นิ่งแบบสงบลึก ขนลุก เป็นระยะๆ และน้ำตาซึมอ่านจบต้องปาดน้ำตา..เป็นไปได้อย่างไร!!! ทุกครั้งที่คิดถึงความยิ่งใหญ่หรือพระคุณของแม่ ของแผ่นดิน..น้ำ...พระมหากษัตริย์... พระพุทธเจ้า...เป็นอย่างนี้ทุกทีเลย...·       ได้ดื่มด่ำกับภาพความสุข..จิตวิญญาณของความรักทั้งชีวิตครอบครัว...สายน้ำ..ความรักและชีวิตคือความงาม ภาพที่ออกมาจึงงดงามเกินที่จะกล่าว...·       ได้ดื่มด่ำกับบทกวีที่ลึกซึ้งเพราะเป็นความจริง...ความงามด้วยคุณค่าจากภายในโดยแท้·       ขอบคุณสำหรับบทเรียนรู้บทนี้เนื่องจากได้สร้างสมาธิ และสุขภาวะขณะอ่านได้ดียิ่งกับผู้อ่าน เมื่อได้อ่าน (แหววค่ะ) โดยไม่ต้องหาเวลาปลีกวิเวก ...
มาเยี่ยม...คุณ
P

 

เห็นสายน้ำมีชีวิตชีวาจริง ๆ ครับผม...

ทำไมเรียกว่า ...ลำปาว...

จากคนเกิดในลุ่มแม่น้ำโขงมาเรียนอยู่ในลุ่มน้ำเจ้าพระยาก่อนไปจบการเรียนรู้ที่ริมฝั่งลุ่มน้ำพระแม่คงคา  และมาทำงานอยู่ในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา...

ฮา ๆ เอิก ๆ

          น้อยคนนักที่ได้จะได้รู้จักคำว่า  " สายน้ำ....สายธายแห่งชีวิต "   ผมได้อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นไปด้วยความรักความผูกพันธ์ของความเป็นตัวตนของคนที่ชื่อ พนัส  ปรีวาสนา  บุคคลที่ไม่ลืมรากเหง้าแห่งชีวิตอันน่าทึ่งคนนี้  และผมต้องขอบูชาสายน้ำแห่งนี้ด้วยความนอบน้อมที่สามารถปลูกจิตสำนึกให้กับคนๆนี้และทำให้คนนี้ไม่ลืมที่จะนำเอารากเหง้า  วิถีชีวิต ของตนเองมาสอนบุคคลที่อยู่ทั้งเบื่องหน้าและ     เบื่องหลังได้เป็นอย่างดี  ถึงสายน้ำจะมีความเปลี่ยนแปลงเพียงใดแต่ผมชื่อว่า คนที่ชื่อ พนัส  ปรีวาสนา คนนี้จะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ และความคิดในวิถีชีวิตของ นักแรงงานแห่งกิจกรรม

      " ทุ่งนา สายน้ำ : รากเหง้าของ พนัส  ปรีวาสนา "

สวัสดีครับพี่อนงค์

P

ผมเกิดและเติบโตจากสายน้ำ..  ผมว่าผมใจกว้างเหมือนสายน้ำอยู่บ้างเหมือนกัน  เพียงแต่ผมมีลักาณะของสายน้ำที่เชี่ยวกราดและไม่ราบเรียบ

พี่เองก็เป็นอีกคนที่ให้ความสำคัญต่อสถาบันครอบครัวมาก...และผมก็แอบชื่นชมอยู่ลึก ๆ ...แต่ต้องขออภัยที่สื่อสารออกมาไม่ชัดเจน

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ
P

ระลึกถึงเสมอนะครับ  ถึงแม้ระยะหลังจะไม่ได้ฝากรอยคิดไว้ในบันทึกของกันและกันอย่างสม่ำเสมอ

บันทึกนี้   เป็นการบันทึกอดีต สู่ปัจจุบัน  และอนาคตที่กำลังจะบอกให้ลูกได้รู้ว่า  "ที่นี่คือตัวตนของพ่อ"  และเมื่อเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่เขาจะได้รู้รากเหง้าของเขาด้วยเช่นกัน  และไม่หลงลืมที่จะอาทรต่อสายน้ำผู้เป็นประหนึ่งมารดาอีกคนของเขา....

ผมยังกินข้าวเหนียว...เป็นเสี่ยวอีสาน เว้าลาวอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง

...

 

เป็นการดำเนินชีวิตที่ดีจริง ๆ อ.มีโอกาส เอาภาพอย่างมีภาพอีกนะคะนกชอบมากเลยทำให้ไม่อยากอยู่กทม.นะคะหนิ
สวัสดีครับ   อ.แป๋ว
P
paew 

ภาพสุดท้ายนั้น  น้องแดนออกอาการสำแดงเล่นกับพี่ชายเฉย ๆ หรอกครับ  ไม่ใช่การสุ่มเสี่ยงต่อการตกเรือ..

....

ผมให้ความเคารพต่อสิ่งที่เป็นรากเหง้าของตนเองอย่างไม่รู้ลืม  และปรารถนาที่จะให้คนของชีวิตของผม  เข้าใจและรับรู้ถึงเรื่องราวที่มาและที่ไปของผมบ้าง....

ขอบพระคุณครับ

ขอบคุณบ่าววีร์  มากครับ
P

ให้แง่คิดและจุดประกายทางความคิดที่ดีเสมอ..

ขุนช้างขุนแผน...คือวรรณคดีในดวงใจของผมเลยทีเดียว  ชอบอ่านและท่องจำได้หลายวรรคหลายตอน

..

เงียบแบบนี้ก็อาจจะดีกว่า มีคนมาสร้างตึกแปลกๆ ที่ไม่กลมกลืนกับพื้นที่ มีเตียงผ้าใบให้เช่า หาดนี้ของคนนั้น หาดนั้นของคนนี้ มีเรือกล้วย

ผมสนับสนุนแนวคิดท่านเต็มที่... !

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ อ.ขุน
P

ผมดีใจมากที่บันทึกนี้ชวนให้ใครหลายคนหวนรำลึกคิดถึงบ้านได้ไม่น้อย...อย่างน้อยก็จะได้โทรไปถามข่าวคราวว่า  ฝนตกหรือเปล่า...ข้าวกล้าไปถึงไหนแล้ว

ลูกผู้ชาย  หน้าที่การงาน  บ้านเมืองต้องมาก่อน..ขืนหนีกลับบุรีรัมย์มีหวังโดนจับขังเหมือน "ขุนแผน"  นะครับ...

รำลึกถึงชีวิตที่งดงามได้ซึ้งมากค่ะ

พี่อัมพร ครับ

P

การงานในปัจจุบัน  เป็นงานที่หันกลับมารับผิดชอบหลังจากว่างเว้นไปร่วม 3  ปี  แต่กลับมีสิ่งต้องปลูกสร้างใหม่อย่างมากมาย  ราวกับเรื่องเหล่านี้รอให้เรากลับมาดำเนินการ  ไม่ว่าจะเป็น ทรานสคริป,  ข้อบังคับกิจกรรมนิสิต, 

ขณะที่งานใหม่...ก็โหมทะลักมาอย่างหลากล้น...

กระนั้น,  ก็ยังมีความสุขกับการที่จะอยู่กับน้องนิสิตต่อไป

 

แวะมาอ่านค่ะ...บันทึกนี้มดกัด...ถ่ายรูปได้อารมณ์..อ่านแล้วมีความสุขตาม....
สวัสดีครับ
P
ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับคำกล่าวที่ว่า

ครอบครัวเป็นสังคมที่เล็กที่สุด แต่สำคัญที่สุดสำหรับทุกคน

...

ซึ่งหมายรวมถึงการที่ครอบครัวเป็นรากฐานของสังคมนั่นเอง, ขอบพระคุณครับ

สวัสดีครับ
P

ผมดีใจที่บันทึกของตนเอง  ชวนให้ผู้อ่านได้หวนรำลึกถึงอดีตกาลอันเป็นความทรงจำที่เป็นปัจจุบัยของตนเอง

คนโบราณกล่าวไว้ชัดเจนว่า "คนไทยผูกพันกับสายน้ำ"    และเมื่อโตขึ้น  ผมก็เรียนรู้และรับรู้ในแนวคิดเช่นนั้น   และยังเชื่อว่า  ไม่แต่เฉพาะคนไทยเท่านั้นหรอก  แต่มนุษยชาติต่างก็ผูกพันกับสายน้ำเช่นเดียวกัน

การได้รำลึกความทรงจำอันอิ่มสุขของตนเอง  ผมถือว่านั่นคือสิ่งอันเป็นที่ยึดเหนี่ยวของจิตใจตัวเองเหมือนกัน   ช่วยให้เราได้รื่นรมย์และมีชีวิตชีวา  รวมถึงแรงพลังในการขับเคลื่อนชีวิต

ขึ้นชื่อว่าแม่น้ำ, สายน้ำ  หรือแม้แต่แหล่งน้ำ  ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่  กว้าง ลึก  และตื้นเขินสักปานใด  ผมก็เชื่ออย่างแรงกล้าว่า  คุณค่าของสายน้ำยิ่งใหญ่เสมอ

ขอบคุณนะครับที่แวะมาให้กำลังใจ...

สวัสดีครับ 
P
umi 

เหตุที่เรียกว่า "ลำปาว"  เพราะว่าเขื่อนลำปาว ถือกำเนิดจากลำน้ำในจังหวัดกาฬสินธุ์ที่ชื่อว่า "ปาว"  หรือ "น้ำปาว"  (แต่ไม่ถือว่าเป็นแม่น้ำ)   รวมถึงยังมีชื่อหมู่บ้านที่เรียกเป็นภาษาปากกันอย่างกว้างขวางว่า "บ้านปาว"  ด้วยเหมือนกัน

....

ประเทศไทย  คือ  บ้านของทุกคนครับ...

สวัสดีครับ  เจ้าอามร์ม  (น้องสภา)

เรียกพี่สะเก๋เลยนะ  "นักแรงงานแห่งกิจกรรม"  แต่ก็ชอบ, ชอบคำนี้มากครับ...

การทำกิจกรรมก็คงอารมณ์เดียวกับบันทึกนี้ คือ  การให้ความสำคัญกับตัวตนของตนเอง  มหาวิทยาลัยของเราก็มีรากเหง้าที่ชัดเจน   นิสิตจึงต้องไม่หลงลืมที่จะเรียนรู้รากเหง้าและวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัย  เพื่อให้สามารถจัดกิจกรรมได้อย่างมี "ตัวตน"  บนพื้นฐานของการรับรู้และเข้าใจการเลื่อนไหลของวัฒนธรรมด้วยเช่นกันนะครับ....น้องรัก

 

สวัสดีครับ
P

ผมมีภาพทำนองนี้อยู่มาก  โดยเฉพาะในมิติของความทรงจำ  ผมเองเวลาไปราชการที่กรุงเทพฯ  ก็ชอบที่จะเค้นมองหาภาพทุ่งข้าว หรือธรรมชาติของคนภาคกลางเสมอ ๆ  ...

รวมถึงการไปเยือนภาคอื่น ๆ  ก็ไม่ละเลยที่จะทำเช่นเดียวกัน

ประเทศไทยของเราน่าอยู่เสมอ, ใช่ไหมครับ ?

สวัสดีครับ
P

ขอบคุณนะครับที่แวะมาให้กำลังใจ

ผมมีความทรงจำอันหลากหลายเกี่ยวกับบ้านเกิดของตนเอง  ทั้งสุขและทุกข์  แต่ทุกครั้งที่ได้หวนรำลึกก็เป็นเสมือนการเติมเต็มพลังชีวิตให้กับตนเองเสมอ

สวัสดีครับ 

P
ผมถ่ายภาพเหล่านี้ในยามที่พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า   และบันทึกภาพอย่างมีความสุข  ราวกับกำลังได้ทำหน้าที่ในการเขียนภาพของดินแดนอันเป็นที่รักของตนเอง...
เป็นบันทึกที่คิดไว้นาน,  แต่ใช้เวลาอันยาวนานกว่าจะลงมือเขียนได้สักครั้ง...
มีความสุขที่ได้บอกเล่า  และดีใจเป็นอย่างยิ่งที่มีคนชอบบันทึกนี้...
ผมขอบพระคณมา ณ โอกาสนี้  นะครับ
 

สวัสดีครับ

P
ขอบคุณนะครับ..ในถ้อยคำแห่งกำลังใจที่ลอดผ่านมาตามคลื่นโทรศัพท์,
เห็นทีผมต้องรับผิดชอบซื้อยาไปทาแผลที่มดกัดแล้วกระมังครับ...!

สวัสดีครับ...lloulnw

ขอบคุณนะครับที่แวะมาทักทาย...

ความสุขเหล่านี้เป็นโลกส่วนตัวก็จริง  แต่ผมกลับคิดว่าการแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ สู่ผู้อื่นนั้นเป็นการจรรโลงสังคมอีกทางหนึ่งได้เหมือนกัน

ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท