The Sleeping Gypsy: Final Chapter


แสงจันทร์พลันกระจ่างสดใสขึ้น ประกายสีเหลืองทองฉาบอาบทาไปทั่วทั้งสองร่างท่ามกลางทะเลทรายอันไพศาล เป็นภาพอันงดงามที่แต่งแต้มสร้างความอบอุ่นแห่งไอรักและทำลายความรู้สึกโดดเดี่ยวมลายจากไป เกิดเป็นความรู้สึกแห่งภราดรภาพเกิดขึ้นมา

<div align="left" style="text-align: center">         ผมขออนุญาตร่ายตอนต่อไป นัยว่าเป็นภาคจบอย่างสมบูรณ์ของ The Sleeping Gypsy ก็แล้วกัน
                                                                                                       </div>
The Sleeping Gypsy: Final Chapter
 
        ต้องขออภัยที่เงียบหายไปนานครับ ตั้งแต่ก่อนปีใหม่ไทยสงกรานต์บ้านเฮาที่เชียงใหม่กลายเป็นสงครามสาดน้ำระดับอินเตอร์ จนผมต้องลี้ภัยสงครามชั่วคราวไปอยู่กับลูกสาวที่กรุงเทพเมืองอมร รอจนเทศกาลสาดน้ำแห้งเหือดจนกลายเป็นความร้อนผ่าวขึ้นมาแทนจึงกลับมา ผมอ่านดูคอมเม้นท์ของศิษย์ทั้งหลายทำให้นั่งอมยิ้มไปคลายร้อนลงได้บ้าง
        

       
ผมขออนุญาตร่ายตอนต่อไป นัยว่าเป็นภาคจบอย่างสมบูรณ์ของ
The Sleeping Gypsy ก็แล้วกัน

        เอ้า
! ล้อมวงเข้ามา เสื่อสาดก็ปูไว้แล้ว ค้างแต่หมอนเท่านั้นที่ไม่แจก กลัวลูกศิษย์ส่งเสียงกรนแข่งเสียงเล่าของอาจารย์
 
 
           นางฝันไปว่า….

           แสงจันทร์ค่อยๆเปล่งประกายแสงสีทองให้เรืองรองขึ้นมาทีละน้อย ประกายของแสงสีทองนั้นเล่าก็ขับสีผิวของนางให้ดูงดงามอย่างประหลาด คล้ายกับนางมิใช่นาง สีบนเสื้อผ้านางนั้นพลันแพรวพรายที่ถูกฉาบทาด้วยแสงสีจันทร์ ร่างของนางทั้งร่างจึงเป็นจุดเด่นสดใสกระจ่างท่ามกลางแสงจันทร์ ที่แต่งแต้มสีสันให้ทะเลทรายนั้นงามขึ้นอย่างน่าพิศวง

          ในฝันนั้น เสมือนนางยืนดูตัวนางอยู่และงวยงงในสิ่งที่ตานางเห็น นับเป็นครั้งแรกที่นางได้มีโอกาสพินิจตนเองอย่างจริงจัง นางดูเหมือนจะเคลิ้มไปกับสิ่งที่นางเห็น บรรยากาศอันสวยงามแต่อ้างว้างโดดเดี่ยว เสียงทำนองดนตรีที่นางเล่นก่อนนิทราแว่วขึ้นมาอีกประสานกับเสียงร้องของแมลงแห่งราตรีและสายลมทะเลทราย นางยืนสงบนิ่งฟังดังต้องมนต์

          ในฝันนั้น นางยืนมองดูตนเองท่ามกลางสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นานแสนนาน จนจู่ๆสรรพเสียงทั้งหลายพลันเงียบลงอย่างกะทันหัน สร้างให้เกิดความสงัดที่ไร้เสียงและบรรยากาศลึกลับแทรกเข้ามาแทนที่

          นางได้กลิ่นสาบของสัตว์ใหญ่แฝงโชยมากับสายลมอ่อนที่ดูเหมือนหยุดนิ่งไปพร้อมกับสรรพเสียงของราตรี กลิ่นนั้นทำให้นางรู้สึกขนลุกชัน นางหันศีรษะดูไปรอบๆ แต่แสงสว่างของจันทร์เพ็ญกลับสลัวแสงลงทำให้นางไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ชัดเจนเลย  ทำให้นางเกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ

          ในฝันนั้น นางเห็นเงาทมึนร่างหนึ่งเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา ทำให้นางรู้สึกเสียใจแว่บหนึ่งขึ้นมาว่า คงเป็นเพราะรสชาติของไวน์รสดีและบรรยากาศเป็นใจเมื่อคืนนี้ที่ทำให้นางหลงเพลินไปกับเสียงดนตรีและมนต์เสน่ห์แห่งคืนจันทร์เพ็ญที่ทำให้นางผล็อยหลับไปก่อนก่อกองไฟขึ้นมาเพื่อป้องกันสัตว์ร้ายเข้ามาก่อนนอนตามปกติวิสัย

        ขณะนี้ สิ่งเดียวที่นางกระทำได้คือ นอนนิ่งๆ พยายามกลั้นลมหายใจที่เริ่มมีจังหวะหายใจรัวเร็วขึ้นมา ด้วยเกรงว่าเสียงหายใจนั้นจะดังก้องขึ้นมา  หัวใจของนางเต้นระทึกดังอยู่ในทรวงอก นางใช้มือข้างซ้ายที่งอทาบอยู่กับทรวงตรงหัวใจนั้นกดลงแน่นเพื่อหวังว่าการเต้นระทึกนั้นจะน้อยลงบ้าง

        นางพึมพำเรียกชื่อตนเอง อลิสซ่าเบลล่า…อลิสซ่าเบลล่า อย่ากลัว อย่ากลัว  โดยหวังว่าจะทำให้ใจของนางหายตื่นตระหนกลงไปบ้าง

         นางได้ยินเสียงพลิกตัวของก้อนกรวดเล็กๆบนเนินทรายด้านปลายเท้าของนาง นางขยับตัวเล็กน้อยด้วยความประสงค์จะผงกศีรษะขึ้นมาดูให้ชัดว่าอะไรที่ทำให้เกิดเสียงนั้น แต่ร่างกายอันแข็งทื่อของนางไม่ตอบสนอง เสียงนั้นเงียบหายไป…นางพยายามเงี่ยหูตั้งใจฟังแต่เสียงหัวใจเจ้ากรรมดันมาเต้นดังกลบเสียงที่นางหวังจะได้ยิน นางพยายามผ่อนลมหายใจเข้าออกให้ช้าลงบ้าง

         นางพยายามตั้งสติ เพื่อนำสัญชาตญาณแห่งความเป็นนักรอนแรมเผชิญภัยตื่นตัวขึ้นมา มือข้างขวาของนางกระชับแน่นอยู่กับไม้เท้าคู่กาย ประสาทที่นิ้วมือของนางส่งความรับรู้ถึงความเย็นและแข็งของผิวไม้ที่ด้ามจับ ดูเหมือนว่าความแข็งของไม้เท้าจะปลุกเร้าจิตใจของนางให้เข้มแข็งขึ้นมา


         นางได้ยินเสียงนั้นอีกแล้ว!เป็นเสียงย่างเหยียบของสัตว์ใหญ่แน่นอนที่บดย่ำลงมาบนพื้นทรายที่อ่อนนุ่มบางจุด นางได้ยินอย่างชัดเจนถึงเสียงของมวลทรายไหลยุบตัวลงตามจังหวะการย่างของสัตว์ที่นางยังไม่รู้จักนั้น ความเย็นวาบก่อตัวขึ้นมาจากไขสันหลังส่งผลให้เกิดอาการขนลุกขึ้นมาทั่วตัวอีกครั้งหนึ่ง

        เสียงอะไรนั่น
!…ที่แท้ฟันของนางเริ่มสั่นกระทบกันเป็นเสียงดังแทรกขึ้นมา นางขบฟันแน่นหลับตาลงพยายามภาวนาสวดมนต์ออกมาบ้าง แต่ก็ไม่สามารถระลึกถ้อยคำใดใดได้เลย ความสั่นของฟันและริมฝีปากสงบลงแต่กลับกลายเป็นอาการกระตุกของกล้ามเนื้อที่บริเวณช่วงท้อง ที่หดตัวเกร็งขึ้นมาเป็นระลอกๆ ทำให้นางรู้สึกปวดมวนที่ท้องจนอยากจะอาเจียนแต่นางก็เม้มปากข่มใจกลั้นไว้

        นางอยากขยับขาแต่ไม่กล้าขยับ คงมีแต่ดวงตาเท่านั้นที่เบิกโพลงขึ้นมาแม้ว่าจะมองไม่เห็นสิ่งใดเลย

        ทันใดนั้น! เลือดทั่วกายของนางพลันเย็นเฉียบจนร่างกายแข็งทื่อ เมื่อนางรู้สึกว่ามีสิ่งหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่บริเวณปลายเท้าของนาง กลิ่นสาบสางที่ไม่เคยคุ้นจมูกตลบทั่วบริเวณ นางได้ยินเสียงคำรามเบาๆในลำคอมีเสียงหายใจฟืดฟาดระคนอยู่ด้วย จนนางรู้สึกว่ามีลมไออุ่นๆกระทบที่ปลายเท้า ขนทั่วตัวของนางลุกโพลงขึ้นมาชูชันพร้อมกัน ผิวหนังบริเวณใบหน้าและต้นคอเห่อบวมขึ้นมา พร้อมกับเกิดความรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลย

        ลมหายใจร้อนผ่าวนั้นไล่สูงขึ้นมาเรื่อยๆ จากปลายเท้า… ปลีน่อง… หัวเข่า…นางอยากอ้าปากกรีดร้องจนสุดเสียงแต่ริมฝีปากสูญเสียการควบคุม ตาของนางเท่านั้นที่เหลือกกว้างเห็นแต่ตาขาวโพลน…

        นางพยายามหลุบตาลงเพื่อจะมองให้เห็นภาพได้ชัดเจน…นางเห็นเงาดำใหญ่ก่อนแล้วจึงเห็นตาสีเหลืองคู่ใหญ่วาวโรจน์อยู่ตรงบริเวณขาอ่อนของนาง เสียงคำรางในลำคอคราวนี้ดังชัดขึ้นเต็มสองหู…สิงโต!!

        ใช่แล้ว! สิงโตตัวใหญ่ในวัยฉกรรจ์ ร่างกายกำยำเต็มไปด้วยพละกำลังและมีรูปร่างสง่างามสมกับสมญาราชาแห่งส่ำสัตว์ มันเป็นสิงโตที่แตกแยกมาจากกลุ่มเพื่อความอยู่รอดและเพื่อสะสมประสบการณ์ชีวิตเพื่อแสวงหาความเป็นใหญ่ในอนาคต มันกำลังสำรวจดูนางอยู่ มันประหลาดใจเหลือเกินที่ในอาณาจักรของมันมีสิ่งมีชีวิตที่หาญกล้าเข้ามาล่วงล้ำ

        มันได้ยินเสียงคล้ายลมอันแปลกประหลาดมาตั้งแต่ตอนต้นราตรี ที่เป็นสิ่งกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของมัน ทำให้มันเดินออกมาจากที่พำนักเพื่อหาที่มาของเสียงนั้น ในท้องทุ่งทะเลทรายอันกว้างใหญ่และว่างเปล่าไม่เป็นการยากที่จะเสาะหาสิ่งที่เป็นเป้าหมาย มันแหงนจมูกขึ้นสูงเมื่อมีกลิ่นประหลาดลอยตามกระแสลมมา กลิ่นนั้น ต่างจากกลิ่นสัตว์ทุกชนิดที่มันเคยรู้จัก

       มันเห็นร่างนางแต่ไกล

       มันรู้สึกตื่นเต้น ฉงนและระแวดระวัง การเคลื่อนไหวตัวของมันช้าลง มันก้าวอย่างช้าทีละก้าวในท่าย่อตัวจนกระทั่งถึงระยะใกล้ที่จะถึงตัวร่างที่มันหมายตา มันย่อตัวลงต่ำจนอยู่ในท่าหมอบ กล้ามเนื้อทุกมัดในกายมันเกร็งตัวจนขนทั่วกายมันลุกชัน หางของมันปัดไปมาอย่างช้าๆและเริ่มม้วนขดงอเข้ามา เตรียมพร้อมที่จะกระโจนพุ่งตัวเข้าใส่ หากร่างนั้นขยับตัว

         มันนอนหมอบอย่างนั้นอยู่นาน แต่ร่างที่มันจับตาอยู่ดูนั้นไม่ไหวติง ความประหลาดใจเกิดขึ้นมาในจิตของสิงโต มันจึงนิ่งอยู่นานก่อนที่จะตัดสินใจเข้าไปสำรวจดูร่างนั้นอย่างใกล้ชิด มันค่อยๆเขยิบตัวโดยใช้เท้าหน้าสืบย่างไปก่อนอย่างระมัดระวัง เมื่อเท้าหนึ่งวางอยู่บนพื้นเรียบร้อยแล้วมันจงค่อยยกเท้าอีกข้างหนึ่งตามไปอย่างเงียบกริบ จนในที่สุดมันย่างเข้าไปใกล้จนถึงปลายเท้าของนางยิบซี

         ความอยากรู้ทำให้มันเอาจมูกจรดลงเพื่อดมกลิ่นของสิ่งนั้นให้ชัดเจนขึ้น สิ่งนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มันไม่เคยพบในระยะใกล้ขนาดนี้ มันเพียงเคยได้กลิ่นคล้ายๆอย่างนี้ในระยะไกลที่ลอยตามลมมาเท่านั้น มันเพียงรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าสิ่งมีชีวิตนี้แตกต่างออกไปจากส่ำสัตว์ที่เคยตกเป็นเหยื่อของมัน

         มันขยับการดมสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ร่างนั้นยังคงนิ่งอยู่ไม่ขยับ มันให้มันเริ่มคลายความระมัดระวังลงไปบ้าง มันขยับและยืดตัวขึ้นสูงจนยืนเต็มร่าง มีแต่หางของมันยกชี้ไปในอากาศตามสัญชาตญาณของการระวังตัว สายลมของท้องทะเลทรายอันกว้างใหญ่พัดกรูเข้ามาจนขนที่แผงคอของมันลู่ไปตามลม มันสำรวจสูงขึ้นไปทุกที หนวดทุกเส้นของมันส่งปฏิกิริยาตอบสนองว่าสิ่งที่มันกำลังสำรวจอยู่นี้กำลังสั่นเทิ้มอยู่ด้วยความหวาดกลัว ทำให้มันส่งเสียงคำรามเบาในลำคอด้วยความพึงใจในอำนาจในตัวของมันและเพื่อข่มขวัญศัตรู

          ฝ่ายนางยิบซีนั้นเล่า ขณะที่เกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างสูงสุดในชีวิต นางเริ่มทอดอาลัยตายอยากและหมดความหวังที่จะมีชีวิตรอดในครานี้

       
อลิสซ่าเบลล่า…นางครางอยู่ในใจ

       
ชีวิตของเจ้าจะจบสิ้นแล้วในคืนนี้ นางกล่าวย้ำกับตัวเอง

        แล้วนางจึงตั้งจิตรำลึกถึงชีวิตของนางที่ผ่านมาว่าได้เคยกระทำสิ่งใดมาคุ้มค่ากับการเกิดและการตายของชีวิตนี้หรือยัง

         ภาพในอดีตปรากฏขึ้นมา สิ่งที่นางเคยทำ…สิ่งที่นางเคยพูด ล้วนปรากฏชัดขึ้นมาคล้ายมีภาพเคลื่อนไหวตั้งอยู่เบื้องหน้า เกิดให้เห็นภาพเหตุการณ์ในอดีตชัดเจนแล้วดับไปและเกิดภาพใหม่เข้ามาแทนอย่างรวดเร็วเป็นสายเหมือนระลอกคลื่นของทะเลยามพัดเข้ามาสู่ฝั่ง ทุกภาพนั้นล้วนเป็นสิ่งที่ดีงามของพฤติกรรมที่นางเคยทำให้แก่สัตว์และบุคคลอื่นทั้งสิ้น

         นางเห็นภาพที่นางเคยเอาน้ำนมแพะไปป้อนลูกแมวตัวจ้อยที่พลัดหลงแม่…

          นางเห็นภาพของนางที่เฝ้ารักษาพยาบาลเข้าเผือกให้แก่อูฐขาหักตัวหนึ่งที่เจ้าของทอดทิ้งให้มันนอนรอความตายตามยถากรรมเพราะเพียงเห็นว่ามันมีชีวิตที่ไร้ค่าแล้ว…

         นางเห็นภาพของนางที่กำลังป้อนอาหารและน้ำแก่หญิงชราที่นอนซมด้วยพิษไข้ หมดกำลังไม่สามารถเดินทางเดินทางต่อไปกับคณะได้…

         นางเห็นภาพสิ่งที่ดีงามที่นางเคยทำในอดีตอีกมากมายที่ไหลออกมาจากความทรงจำ ทุกความทรงจำนั้นสร้างให้เกิดรอยยิ้มอันเปี่ยมสุขเกิดขึ้นมาบนใบหน้าของนาง กลบความรู้สึกหวาดกลัวและหมดหวังท้อแท้ในชีวิตไปจนหมดสิ้น

          นางจึงตั้งจิตขึ้นส่งความปรารถนาดีไปยังสัตว์ตัวใหญ่ที่กำลังสำรวจตัวของนางอยู่ในขณะนี้ จิตของนางเป็นจิตที่ชุ่มเย็นระคนไปด้วยความอิ่มเอิบแห่งปีติสุข ทำให้นางส่งกระแสจิตนั้นออกไป

        เจ้าสัตว์ผู้ยากไร้และโดดเดี่ยว หากเจ้าประสบกับความทุกข์ร้อนด้วยหิวกระหายใดใดก็ตาม จงมาระงับดับทุกข์ของเจ้าด้วยเรือนร่างของข้าเถิด แม้ชีวิตของข้าจะโดดเดี่ยวเฉกเช่นเจ้า แต่ข้าก็ได้กระทำสิ่งที่ข้าพึงใจ ข้าได้สร้างความสุขให้แก่สัตว์และบุคคลอื่นมาเพียงพอแก่เวลาและคุ้มค่าในชีวิตร่อนเร่พเนจรของข้าแล้ว


        สิ่งสุดท้ายที่ข้าจะกระทำได้ในขณะนี้ คือการอุทิศร่างของข้าให้แก่เจ้าเพื่อสืบต่อชีวิตของเจ้ายาวนานต่อไป

        เชิญเข้ามาลิ้มชิมรสเถิด…อย่าได้รีรอ

         สิงโตผู้เป็นเจ้าแห่งทะเลทรายชะงักงัน ด้วยรับรู้ความรู้สึกใหม่ที่แผ่วูบเข้ามา เป็นกระแสที่เยือกเย็นและอบอุ่นพร้อมกัน ที่ข่มความรู้สึกระแวงและเกรงภัยของมันดับลงหมดสิ้น ขนที่หยาบแข็งทั่วตัวของมันคล้ายได้รับกระแสพลังอันประหลาดซ่านเข้ามาสร้างความนุ่มนวลให้ขนของมันนุ่มลงจนฟูฟ่องทวนลม จิตที่เคยหยาบกระด้างตามสัญชาตญาณของมันสัมผัสกับความรู้สึกอ่อนโยนที่แทรกเข้ามา

          มันงันไปชั่วครู่เพื่อจับความรู้สึกนั้นให้ชัดขึ้น เป็นความรู้สึกใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในจิตของมัน มันรับเอาความรู้สึกนั้นเข้ามามากยิ่งขึ้น มันรู้สึกถึงความเยือกเย็นที่ซึมซ่านเข้ามาทำให้กล้ามเนื้อมันผ่อนคลาย ตาอันวาวโรจน์ด้วยความแข็งกร้าวแห่งการเป็นผู้ล่า ค่อยๆจางลงจนหายไปกลายเป็นดวงตาที่สงบอันมีแววแห่งความการุญอันนุ่มนวลเข้ามาทดแทน

           แสงจันทร์พลันกระจ่างสดใสขึ้น ประกายสีเหลืองทองฉาบอาบทาไปทั่วทั้งสองร่างท่ามกลางทะเลทรายอันไพศาล เป็นภาพอันงดงามที่แต่งแต้มสร้างความอบอุ่นแห่งไอรักและทำลายความรู้สึกโดดเดี่ยวมลายจากไป เกิดเป็นความรู้สึกแห่งมิตรภาพและภราดรภาพเกิดขึ้นมา

            ณ ท้องทะเลทรายแห่งนี้ สิ่งที่มีชีวิตสองสิ่งมาบรรจบพบกัน แม้ว่าทั้งสองสิ่งนี้จะมีความแตกต่างทางกายภาพอย่างมากมายแต่ก็มีจิตวิญญาณมลายคล้ายคลึงกัน นั่นคือความปรารถนาในความสุขสงบของชีวิตเสรีเฉกเช่นเดียวกัน

            ท้องทะเลทรายอันไพศาล ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป

            ชีวิตทั้งสองกำลังศึกษาและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

            เป็นภาพแห่งความสวยงามของชีวิตที่ควรชมและเล่าขาน

            นางยิบซี…สิงโต… ทะเลทราย และคืนแห่งจันทร์เพ็ญ    <p style="text-align: center" align="left"> </p>

หมายเลขบันทึก: 92672เขียนเมื่อ 26 เมษายน 2007 16:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (94)

ว้าว!ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ

มาตามเปิดดูเป็นระยะๆว่าอาจารย์เงียบหายไป ที่แท้มาซุ่มเขียนภาคจบนี่เอง อ่านจบนั่งซึมไปนานเลยค่ะ อาจารย์เล่นหักมุมกลายเป็นความรักเมตตาที่เชื่อมยิบซีกับสิงห์โตเข้าด้วยกัน

คิดไม่ถึงค่ะ...จับใจมาก

  • ตามมาอ่าน
  • นึกว่านางสิงโต ไปสอนสมาธิที่พิษณุโลกครับ
  • ฮ่าๆๆๆ
ตามมาอ่านค่ะอาจารย์  แต่เสียดายจังค่ะ ฮือ ๆ ไม่ได้เจออาจารย์เพราะต้องมากรุงเทพค่ะ  เรื่องมันเศร้า อุตส่าห์คุยกับอาจารย์ทิพย์สุดาอย่างดิบดี สุดท้ายแห้วค่ะ

หนูไปอ่านบันทึกของพี่อ.ลูกหว้า เห็นรูปอาจารย์หน้าใสปิ้งกับพี่อ.ลูกหว้าด้วย

อยากได้ตุ๊กตาน่ารักมาก อิ อิ ถึงไม่ได้แข่งเปตองขอได้มั้ยค่ะ

สวัสดีหนูนา

อาจารย์พักร้อนน่ะ...เลยหายไปบ้าง

และไป Shut in ตัวเองเพื่อประจุพลังใหม่

กลับมาอ่านคอมเม้นท์ของพวกเรา ส่วนใหญ่นึกถึงเรื่องร้ายๆของนางยิบซีกับสิงโต จึงเกิดมุมมองใหม่เป็นแนวบวกครับ ขอบคุณที่เข้ามาเป็นคนแรก ปกติน่าจะเป็นกามนิตหนุ่มคุณขจิต

สวัสดีครับคุณขจิต

  • พูดถึงก็มาเลยสมสมญานามเจ้าแห่งความเร็ว หลายคนสงสัยว่าคงเรียนปริญญาเอกสาขาจเรเวบศาสตร์กระมัง
  • ไปสอนกรรมฐานที่พิษณุโลก ผมไปกับนางยิบซีครับ ส่วนสิงโตให้เฝ้าบ้าน
  • ยิ้ม ยิ้ม

หนูราณี

     อาจารย์ก็เสียดายเหมือนกัน ที่ไม่ได้มีโอกาสพบหนูดังตั้งใจไว้ เห็นอาจารย์ทิพย์สุดาเล่าว่าพบกันแล้ว นัดกันแล้ว แต่มีอันแคล้วคลาดกันไป

    ไม่เป็นไรครับ โอกาสหน้ายังมี ผมเองไปพิษณุโลกบ่อยเหมือนกัน งานประชุมบ้าง งานสอนกรรมฐานบ้างครับ

    วันนั้น หนูลูกหว้ามีลาภใหญ่ครับ ทั้งของฝากทั้งลาภปากอาจารย์ตุ่มคั้นน้ำผลไม้สูตรพิเศษให้ทาน จนหนูลูกหว้าสวมวิญญาณปอบหยิบชมพู หยิบเอาๆกินจนแก้มกางยุ้ยออกมาอย่างที่เห็นในภาพ

   เสียดายหนูราณีไม่มา ไม่งั้นคงสวยแบบอ้วนพองามบ้างแล้ว

   ส่วนไอ้ที่ร้องฮือๆนั้น จะเอาอะไรครับ?

หนูนา

      ตุ๊กตานั้นเป็นสิทธิพิเศษของคนที่กรากกรำงานหนักต้องไปแข่งกีฬาถึงเชียงใหม่ จนซูบผอมแบบอ.ลูกหว้านี่แหละ

      ที่จริงอยากให้หนูเหมือนกันพอดีหมดแล้ว อาจารย์ตามไปเก็บไว้ได้สองตัวสุดท้ายจริงๆ

     ขอบคุณที่ชมว่าหน้าใส อ.ลูกหว้านั้นเขาหน้าใสแบบธรรมชาติ ส่วนอาจารย์นั้นใสแบบมีเคล็ดลับสนใจครีมหน้าเด้งสูตรพิเศษไหม?(แอบกระซิบ)

     สนใจเอียงหูมา...ซุบซิบ ซุบซิบ ซุบซิบ...

     เช้าทา เย็นทา โบ๊ะเข้าไปใสปิ้งอย่างที่เห็นแน่

อาจารย์ขา...

  • หนูไม่สนใจตุ๊กตาค่ะ....แต่สนใจสูตรหน้าเด้งค่ะ...
  • อาจารย์คะ...ภาพที่เห็นแล้วเราจินตนาการไปได้ต่างๆนาๆนี่หมายถึง....คนวาดรูปวาดได้เก่ง...สวย...หรือเราตีความ....เก่งคะ
  • ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะอาจารย์

โอ้วว อ่านแล้วจินตนาการเห็นภาพ ได้อารมณ์ ติดตามสะกดลมหายใจ ฮ่าฮ่าฮ่า เกร็งลมหายใจไปด้วย

อาจารย์สบายดีนะคะ ที่เชียงใหม่เป็นสงครามน้ำขนาดต้องลี้ภัยเลยนะคะ ฮิฮิ

ตอนนี้อากาศร้อนแค่ไหนแล้วคะ รักษาสุขภาพนะคะ (ที่นี่กำลังเริ่มหนาววววว แล้วค่ะ)

^____^

บันทึกที่รอคอย..อิอิ

อาจารย์คะ อ่านแล้วขอยกสิบนิ้วประนมกรกราบคารวะค่ะ (และขออนุญาตดำหัวขอสูมาลาโทษเนื่องในปี๋ใหม่เมืองโตยเจ้า)

อ่านแล้วซาบซึ้งในกระแสเมตตาของนางยิบซีเลยค่ะ เคลิบเคลิ้มนึกว่าไปอยู่ในทะเลทรายมีแสงจันทร์อาบหน้า(ไม่เด้ง)ไปด้วย..

ขอเรียนถามเลยค่ะ ว่า กระแสจิตเวลาที่แผ่เมตตานี่อยู่ไกลใกล้แค่ไหนคะถึงจะรับได้ คะ..

สวัสดีครับคุณกฤษณา

     มัวแต่แวะไปแซวลูกศิษย์ กลับมาจึงเห็นมาตอบอยู่ที่นี่เอง ว่าแต่นึกมุกใหม่แซวชาวเขาออกแล้วยังครับ

    สนใจสูตรหน้าเด้งเหรอ อืมมม...ตกลงบอกก็ได้ แต่มีเงื่อนไข ๒ ข้อ คือ

    ๑.ห้ามเอาไปทำขาย ๒.ต้องทำทุกวัน

สูตรส่วนผสม  

นมสดหนึ่งส่วน โยเกิตสองส่วน แคนตาลูปครึ่งลูก ข้าวเหนียวนึ่งร้อนๆ ๑ จาน(พอประมาณขนาดพูนจานรองกาแฟ) หากได้ข้าวเหนียวดำยิ่งดี

วิธีใช้

ผสมนมสดและโยเกิตเข้าด้วยกัน เตรียมแคนตาลูปไว้ใกล้ๆตัว พอกินนมสดผสมโยเกิตแล้ว ให้กินแคนตาลูปตามไปอย่ารอช้าเดี๋ยวโยเกิตในท้องจะบูด

ส่วนข้าวเหนียวนึ่งร้อนๆนั้น รอให้เย็นหน่อยค่อยนำมาแผ่ให้ขนาดพอดีกับหน้าเรา สวดนโมพุทธายะแล้วโป๊ะคลุมไปที่หน้า รอ ๑ ชั่วยามจึงล้างออกครับ

ตอนดึงออกให้สังเกตดูว่า ข้าวเหนียวนึ่งจะดึงเอาสิวเสี้ยนและเซลล์ตายใฝฝ้าหลุดออกมาเกลี้ยง หากยังไม่เกลี้ยงเป็นที่พอใจ  ให้โบ๊ะใหม่อีกครั้งหนึ่ง

แฮ่ะ แฮ่ะ หากสนใจสูตรอื่นก็ยังมีอีกนะครับ

ส่วนเรื่องคนเขียนรูปเก่งหรือตีความเก่งนั้น เป็นไปได้ทั้งคู่ครับ หากคนเขียนรูปเก่งก็มีแง่คิดมากลึกซึ้งจุดประกายให้คิดต่อได้มากครับ ส่วนตีความเก่งนั้นต้องฝึกอย่างที่ผมนำฝึกนี่ไงครับ

 

หนู is

 ดีใจจังที่เจอหนูอีกครั้ง นึกงานเรียนหนักจนต้องเครียด...รวย...กินข้าว...จนไม่มีเวลามาท่องเวบเสียแล้ว อ้อ!เปลี่ยนรูปใหม่แล้ว แต่ยังคงดำรงความเป็นปริศนาธรรมอยู่ ทุกคนได้แต่เดาโหวงเฮ้งของหนูอยู่ในใจ

อ่านแล้วอย่าเกร็งมากนะครับ ท้องจะผูก

เชียงใหม่ตอนนี้กำลังร้อนจัด จนอาจารย์คิดจะกินน้ำแข็งเป็นอาหารเช้าแล้ว น้องแพรวก็ส่งข่าวมาจากPerth ว่าเริ่มหนาวแล้วเช่นกัน

หนู is ระวังตัวดูแลสุขภาพเช่นกันนะครับ เขาว่าหน้าหนาวให้ระวังชายหนุ่มนะครับ ๕๕๕

หวัดดีปี๋ใหม่เมืองคุณจันทร์รันต์ครับ

       เริ่มมีบรรยากาศเหมือนกลิ่นดอกมะลิ ข้าวตอก น้ำปรุงหอมโชยมาอีกแล้ว...ตอนอยู่สำนักงานคณะ ลูกศิษย์มาดำหัวต้องสวมดอกมะลิล้นคอเป็นสายัณห์สัญญาเลย เสร็จพิธีแล้วมีอาการแพ้จามทั้งวันเพราะในดอกมะลิถ้าจะมียาฆ่าแมลงหรือฟอร์มาลีน

     เรื่องเมตตาธรรมเป็นธรรมที่คุ้มครองโลกครับ ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่ามีอานุภาพจริงๆ กระแสจิตของผู้มีเมตตาจะสามารถแผ่ไปใกล้หรือไกลได้ขึ้นอยู่กับอำนาจของกุศลจิต คือพลังของเมตตาและสมาธิผสมผสานกันครับ

     ไปได้หลายทิศทาง ใกล้ไกล ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของการแผ่เมตตา ว่าแผ่แบบเจาะจงหรือไม่เจาะจงการแผ่เมตตาให้กับสัตว์บุคคลแบบเฉพาะเจาะจงนั้น ไปได้เฉพาะจุด เหมือนมีโฟกัสเฉพาะ ส่วนผู้รับนั้นต้องมีสภาพจิตที่เหมาะสมด้วย เหมือนเครื่องรับวิทยุที่พร้อมสภาพและมีประสิทธิภาพในการรับคลื่นครับ

     ส่วนการแผ่ไม่เฉพาะเจาะจง เช่นคำที่ขึ้นต้นว่า...สัพเพสัตตา นั้นเป็นเมตตาอัปปมัญญาคือ แผ่กว้างไพศาลออกไป โดยไม่เลือกเฉพาะในสัตว์บุคคลใดใด แต่ต้องฝึกโดยลำดับ จนมีพลังเมตตาที่เกิดขึ้นภายในจริงๆ ไม่งั้นเป็นการแผ่เฉพาะลมปาก พูดออกไปก็หล่นปุอยู่ตรงข้างไปไม่ถึงไหนครับ

     อย่างผม แผ่ให้ลูกศิษย์ลูกหาทุกวัน ขอให้เป็นสุข เป็นสุข ปราศจากทุกข์และเวรภัย

     ตั้งเครื่องรับไว้นะครับ

 

 

ขอรับพลังเมตตาก่อนค่ะ สาธุ สาธุ  สาธุ

โอ้โฮ อาจารย์เล่นใช้ "เมตตา" ขับเคลื่อนเรื่องราวยิปซีและสิงห์โตจากภาพ เยี่ยมมาก ทำให้เห็นพลังแห่งเมตตาจิตได้ดีจริงๆค่ะ

แสดงว่านางยิปซีนี้ได้ฌานขั้นอัปนาใช่มั้ยคะ

สวัสดีอีกรอบค่ะอาจารย์

ไม่ได้อยากได้อะไรหรอกค่ะ แค่อยากเจอค่ะ อยากคุยด้วยนาน ๆ ค่ะ เสียดายคลาดกันไว้อาจารย์มาคราวหน้าราณีจะทำอาหารมังสวิรัติให้ทานนะค่ะ ขอบคุณค่ะ ไม่ได้อยากได้ของหรอกค่ะ รับรองได้

โอ้ย!!! 555555 ขำกลิ้งสูตรหน้าใสเด้งของอาจารย์

หนูนาขอเอาเฉพาะส่วนแรกคือนมสดและโยเกิตแถมแคนตาลูป แต่ข้างเหนียวนึ่งเนี่ยขอบายค่ะ

สวัสดีครับ อ.พัชรา

สาธุรับบุญครับ...

ผมเขียนเป็นเรื่องแนวคิดด้านบวกครับและเป็นอุทธาหรณ์ให้รู้ว่าเวลาเดินทางในแดนไกลแปลกและเปลี่ยว การแผ่เมตตาเป็นเครื่องมืออย่างดีครับทำให้ปราศจากศัตรูและภยันตรายใดใดมากรายใกล้

ผู้ที่เจริญเมตตาอยู่เป็นนิตย์...จะเดินทางไปในที่ใดปลอดภัยในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ เพราะอานิสงส์ของเมตตาทำให้เป็นที่รักของมนุษย์และอมนุษย์ทั้งหลาย

นี่ขนาดเป็นยิบซีนะ หากเป็นคนไทยเช่นอ.พัชราล่ะก้อสิงโตมาล้อมหน้าล้อมหลังแน่ๆ

เมตตาแบบนางยิบซี ใช้สมาธิไม่ต้องถึงขั้นอัปนาดอกครับ เป็นเพราะมีฐานกุศลจิตอันเกิดจากกรรมดีที่นางสั่งสมมาเป็นเหตุให้เกิดพลังเมตตาแผ่ออกไปได้ง่ายและเป็นแบบเฉพาะเจาะจง คือแผ่ให้เฉพาะสิงโตเท่านั้น

ส่วนเมตตาอัปปมัญญานั้น หมายถึงเมตตาที่ประมาณมิได้ เพราะแผ่กว้างออกไปไม่เจาะจงถึงเฉพาะผู้ใด และไม่จำกัดอาณาเขต อาจแผ่ได้ไปถึงภพภูมิอื่นๆได้ผู้ที่ฝึกระดับนี้ได้ต้องผ่านการฝึกการเจริญเมตตากรรมฐานมาก่อนและเคยแผ่เมตตาในระดับต้นได้ผลดีมาแล้ว จึงจะเจริญเมตตาอัปปมัญญาได้ครับ

อานิสงส์ของเมตตาอีกข้อหนึ่งคือ หลับก็เป็นสุข ตื่นก็เป็นสุข

หนูราณี

  •  อาจารย์ก็อยากเจอหนู อยากคุยด้วย
  • ขอบคุณสำหรับอาหารมังสวิรัติ ผมอุบอิบจดไว้แล้ว
  •  ถึงไม่อยากได้ของฝาก แต่คราวหน้าผมมีของฝากถูกใจแน่ รับรองว่าไม่ใช่หนุ่มชาวเชียงใหม่แน่นอน...รึอยากได้

หนูนา

สูตรของอาจารย์ต้องทำครบเครื่อง จึงจะได้ผล เพราะเป็นยาที่มีสูตรสรรพคุณสองทาง

คือ กินก็ได้ ทาก็ดี

รอไว้เห็นสิวเสี้ยนที่หลุดออกมาเพราะฤทธิ์ข้าวเหนียวดำโบ๊ะหน้าก่อนเถิด...จะหนาว

ทำใจนิ่งคำนึงแต่กุศล   อุทิศผลแผ่เมตตาให้ไพศาล

สยบราชสีห์ซึ้งซึ่งผลทาน   ไม่ระรานยำยีนางยิปซี

สังคมไม่เร่าร้อน..หากผองเรา 

น้อมนำเอาเมตตามาชูจิต

ละทิษฐิด้านลบกลบให้สิ้น

ทุกชีวินเป็นสุข..อยู่ร่วมกัน...

ปล.สูตรหน้าเด้งของอาจารย์นี่เป็นการผสมผสานตะวันออกกับตะวันตกดีจริงๆเลยนะคะ..เสียดายหนูเลยวัยสิวเสี้ยนไปซะแล้วได้แต่คิดว่าจะเอาข้าวเหนียวหนึ่งช้อนโต๊ะนั้นมากินกะหมูปิ้งได้สักกี่ไม้ดีหนอ...

m(*o*)m   ด้วยรักและเคารพค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

ตั้งเครื่องรับความเมตตาจากอาจารย์ค่ะ

ขอบพระคุณค่ะ

อาจารย์คะ สัตว์กับคนนี่ ใครรับคลื่นความเมตตาได้เร็วกว่ากันคะ

หวัดดีหนูseangja 

ขอบคุณสำหรับกลอนสรุปเรื่อง

อย่างว่าสูตรหน้าเด้งของอาจารย์ใครใช้เป็นประจำ เดินออกจากบ้านเห็นเด้งออกมาตั้งแต่ท้ายซอย...

เอ? ดูจากรูปแล้วอาจารย์ว่าหนูน่าจะยังอยู่ในวัยที่มีสิวอยู่นะ... รึหากเลยวัยไปจริงๆอาจารย์ก็ยังมีสูตรกระชับหน้าสำหรับคนย่างเข้าวัยทอง สนใจบอกมานะครับ... ฮะ ฮะ

*(<๐>)* ด้วยรักและเมตตา

เรียนท่าน อ.พิชัยค่ะ

  • ขอบคุณสำหรับสูตรหน้าเด้งค่ะ...หนูจะไหวไหมคะเนี่ย...ที่สำคัญ..ตอนข้าวเหนียววางที่หน้าเนี่ยค่ะ...สงสัยอดใจเอามาจิ้มแจ่วไม่ได้...
  • ....ถ้าหนูทำได้.....มันน่าจะเด้งได้...ใช่ไหมคะ...อิ..อิ...
  • ...จากบันทึกของอาจารย์.....ตอนนี้หนูพยายามหัดมองอะไรๆเป็นศิลป์มากขึ้นค่ะ....เริ่มที่ กล้วยไม้ที่บ้านหนูก่อนเลย...แฮ่ๆ...พอไหวไหมคะ...หรือยังห่างไกล(ฝันเป็นศิลปินของหนู)คะอาจารย์
  • ขอบพระคุณอาจารย์อย่างยิ่งค่ะที่กรุณา..สูตรหน้าเด้ง...นี้หนูจะเก็บเป็นความลับ...ไม่บอกใครค่ะ...รับรอง.....
  • ขอบพระคุณค่ะ

สวัสดีอีกรอบ หนูกฤษณา สำเร็จ

     ชอบใจสูตรหน้าใสเด้งของอาจารย์ล่ะซี...แนะนำว่าหลังจากโป๊ะหน้าแล้ว เอามาจิ้มแจ่วต่อก็ไม่ผิดกติกาใดใด อาจเข้าข่ายสนับสนุนเศรษฐกิจพอเพียงด้วยซ้ำไป แต่ใช้แล้วจะเด้งหรือไม่...หนูต้องรายงานผลครับ

     เดี๋ยวจะเข้าไปอ่านบันทึกศิลป์ของศิลปินอย่างหนูนะครับแล้วจะตามไปคอมเม้นท์

      สูตรนี้ห้ามเก็บเป็นความลับ ใช้แล้วดีต้องเผยแพร่จ๊ะ

        เอ่อ ขอสูตรกระชับส่วนสัดแถวๆพุงมีไหมคะ

         ปล.นางยิบซีของอาจารย์ท่านกำลังเดินทางกลับบ้านนะคะ

หมอนิดครับ

     ก่อนอื่นอาจารย์ขอขอบคุณที่ตรวจสุขภาพให้อาจารย์กับนางยิบซี เอ้ย! อาจารย์ศิริพร

     ชอบใจมากที่พบว่าไขมันอาจารย์น้อยกว่า จะได้คุยทับไปได้ทั้งปี หมดสิทธิ์เบรดอาจารย์เมื่อจะกินทุเรียน

    สูตรลดพุง แบบลดขั้นตอน ลงบันใดสามขั้น

    อะแอ้ม! ขั้นตอนบันใดขั้นที่ 1 ให้ถอดเสื้อออก ไปยืนหน้ากระจกเงาชั้นดีเกรดA แบบไม่หลอกตา ยืนพิศดูพุงตัวเองรอบทิศทางแบบเซนเซอร์ราวน์ด เพื่อปลงสังเวช เป็นเวลา 30 นาที เพื่อให้เกิดอสุภกรรมฐาน เรียกว่าหลับตาทีไร เห็นพุงรอบทิศทางขึ้นมาเป็นนิมิตติดตา

   บันใดขั้นที่ 2 เวลาหิวเกิดเวทนาปรารถนาจะกินขึ้นมา เมื่อพบว่าตนเองจะเปิดตู้เย็น ให้ยืนกำหนดนิมิตอสุภตนเองหน้าตู้เย็นก่อนเปิดเป็นเวลา 30 นาที เพื่อลดกระแสอยาก

    บันใดขั้นสุดท้าย หากพบว่าแม้แต่อสุภกรรมฐานของตัวเรา ยังห้ามจิตใจไว้ไม่ได้ ก็จงยินดีเถิดเชิญเปิดตู้เย็นสวาปามไปให้เต็มที่ โดยไปยืนกินหน้ากระเงาบานนั้น กินไปหมุนตัวไปดูหุ่นอันงดงามของตน โดยตั้งจิตปรารถนาไปเริ่มไดเอทใหม่ในชาติภพหน้า

    ปล. เขียนติดตู้เย็นว่า "ชาติหน้ายังไม่สาย"

     ทั้งสามขั้นตอน อาจารย์ปฏิบัติมาแล้ว จนมีพุงอย่างที่หมอเห็นนั่นแหละ ฮิ ฮิ

555555555555555555555555

ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

       อาจารย์คะ หมอเคยทำบันไดขั้นที่1 และ 2 แล้วไม่สำเร็จค่ะ  แต่ตอนไปปฏิบัติเดือนกพ.ตอนนั้นรู้สึกว่าการกินช่างเป้นทุกข์เหลือเกิน  แต่ปัจจุบันการกินกลับสุขมากกว่าทุกข์

        (บางครั้ง กลับเกิดวิปลาส มองพุงตัวเองว่าเป็นความงามไปซะงั้นด้วยค่ะ  แฮ่ๆ)

         เขียนว่า ชาติหน้ายังไม่หาย แทนได้ไหมคะ

  • โอโห้! อาจารย์บรรยายได้เด็ดขาดจริงเห็นภาพหมดทุกฉาก เห็นถึงจิตนางยิบซี จิตสิงโต และการแผ่เมตตาเป็นวิธีเอาตัวรอดตอนสุดท้ายแบบหักมุม ขึ้นต้นเป็นตะวันตกแต่จบแนวพุทธ
  • ผมอยากทราบวิธีแผ่เมตตาเห็นอาจารย์ว่ามีหลายแบบ แบบเจาะจงไม่เจาะจงอะไรเนี่ย ขออธิบายตั้งแต่เบสิคเลยได้ไหมครับ

เมื่อผมกลับไปดูภาพใหม่ จึงเห็นคล้อยตามที่อาจารย์บรรยายไปหมด รู้สึกว่าบรรยากาศของภาพเป็นไปตามบรรยายทุกอย่าง มีทั้งโดดเดี่ยวและมิตรภาพ

หมอนิดครับ

     เรียกว่าเกิดวิปลาส ๓ ครับ คือ

     ๑.สัญญาวิปลาส เมื่อส่องดูพุงตนทุกวันจึงเกิดความจำได้ว่าพุงตัวนั้นงามเป็นหนึ่งไม่มีสอง

    ๒.จิตตวิปลาส เมื่อinput ไปทุกวัน จึงเกิดจิตรู้ว่าพุงตนนั้นงามไปด้วย...จะว่าไป พุงเรานี่ก็งามเหมือนกันเนาะ

    ๓.ทิฏฐิวิปลาส เมื่อใครถามหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับพุง ก็จะมีความเห็นผิดๆว่า พุงที่ว่ากันว่างามนั้น ต้องมีรูปร่างลักษณะอย่างพุงเรา

วิปลาสทั้งสามจะติดตามไปถึงชาติหน้า ตามสโลแกนหน้าตู้เย็นครับ

ขอบคุณที่ชมครับ อนุชิต

  เรื่องของเมตตา มีพื้นฐานมาจากจิตกระทบกับอารมณ์ทุกข์ที่มาเกิดเฉพาะหน้า เช่นเห็นสัตว์บุคคลเกิดทุกข์... เรียกว่า เมตตามีทุกข์เป็นอารมณ์

 เมื่อประสบกับอารมณ์ทุกข์ จิตจึงเกิดเมตตา คือความรักและสงสาร ก่อให้เกิด กรุณา คือความอยากช่วยให้สัตว์บุคคลนั้นพ้นไปจากทุกข์

 การแผ่เมตตา คือการส่งความรักและความปรารถนาดีไปยังสัตว์บุคคล

 การแผ่เมตตามี ๒ แบบ

๑.แผ่เมตตาแบบเฉพาะเจาะจง คือส่งความรักและปรารถนาดีนั้นไปยัง

ก. ตัวเอง ข.บุคคลที่เรารัก ค.บุคคลที่เป็นศัตรู

๒.แผ่เมตตาแบบไม่เจาะจง คือการแผ่ความรักและปรารถนาดีไปยังสัตว์บุคคลตั้งแต่ใกล้ตัวออกไป กว้างออกไปจนทั่วจักรวาล จึงเรียกว่าเมตตาอัปปมัญญา เมตตาที่มีอานุภาพสูงไม่มีประมาณ(ขอบเขตและจำกัดสัตว์บุคคลใดใด)

ส่วนการฝึกต้องเริ่มเป็นไปตามลำดับ จากฝึกแผ่ให้ตนเอง-บุคคลที่เรารัก จนชำนาญดีล้ว จึงฝึกแผ่ให้คนที่เราไม่รักไม่ชอบใจหรือศัตรู หากจิตเมตตามีกำลังดีแล้วสามารถแผ่ได้ทั้งหมดดังกล่าว ค่อยฝึกแผ่แบบไม่เจาะจงเป็นอัปปมัญญาได้ภายหลังครับ

เฮ้อ! เล่นเอาเหนื่อย เอาไว้วันหลังค่อยเขียนเรื่องนี้โดยตรงดีกว่า

อืมมมมส...ลองมองดูภาพใหม่ ไปเรื่อยๆนานๆ ก็จะเข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้นครับ

การฝึกดูภาพ คือการดูความคิดของผู้อื่นครับ จนเกิดความคิดของตน

สวัสดีอีกรอบค่ะอาจารย์

ขอบคุณนะค่ะสำหรับหนุ่มเชียงใหม่ ราณีจะไม่ลืมเลย ฮ่าๆๆๆๆๆ อาจารย์มาเมื่อไรบอกล่วงหน้านะค่ะ รับรองไม่อิ่มไม่ให้ออกจากบ้านแน่นอนค่ะ   มาเชิญอาจารย์ลองไปอ่านบล๊อกราณีด้วยนะค่ะ อย่าตาลายนะค่ะ คราวนี้ปรับวิธีเขียนแล้วค่ะที่ http://gotoknow.org/blog/Ranee/92066   เรื่องต่างมอง..ต่างมุม(การคิดดี ทำดี เป็นเรื่องล้าสมัยจริงหรือ?)

หนูราณี

อาจารย์กำลังคัดเลือกบ่าวเจียงใหม่ให้หนูอยู่

ลองบอกspec หนูมาหน่อยซิ

tall dark ตี๋...รึว่า... เตี้ย..ขาว...รวย

โหด...เลว...หล่อ

เลือกซะรายการหนึ่งก็แล้วกัน

พี่ราณี

หนูว่าเอา โหด..เลว...ฮา

ดีกว่า อิ อิ

ตามมาก๊าก ๆๆๆค่ะ ฮาจริง ๆค่ะ ชอบสูตรหน้าเด้งกับสูตรลดความอ้วน เจ๋งจริง ๆ โอ้โหคิดได้ไง ข้าน้อยขอคารวะ หนึ่งจอกนะค่ะ (น้ำชา)

ส่วนน้องที่ไม่แสดงตน พี่ว่าต้องเป็น สเป๊กหนูแน่ ๆ เลย อิ  อิ

หนูราณี

อาจารย์ตามไปเสนอหน้าที่บันทึกหนูแล้วนะ

ส่วน spec นั้นยังไม่ตัดสินใจเหรอ?

อย่าไปสนใจที่น้องเลือกให้เลย

แน่ใจว่าเลี้ยงจนอิ่มนะ อาจารย์กินไม่จุหรอก ทุเรียนกับข้าวเหนียวคือของโปรด กินเป็นของว่างครับ

พี่ราณีขา

หนูลืมพิมพ์ชื่อค่ะ ใจร้อนไปหน่อย

สเปกหนู เตี้ย..ตี่...ฮา ค่ะ

ขอโทษที่บังอาจแซวพี่นะคะ 

ขอบพระคุณอาจารย์มากครับที่กรุณาอธิบายให้เข้าใจแจ่มแจ้ง

อยากให้อาจารย์เขียนเป็นบันทึกเลยครับ

สวัสดีค่ะ อ.พิชัย กรรณกุลสุนทร

แวะตามมาอ่านและลงทะเบียนเป็นลูกศิษย์เรื่อง

๑. การแผ่เมตตา

๒. สูตรลับหน้าเด้ง โดยเฉพาะ ส่วนของโยเกิรต์ นมสด กับแคนตาลูป

๓. แต่สูตรลดพุง บันได ๓ ขั้น ดิฉันมิอาจปฏิบัติตาม ขั้นที่ ๑ และ ๒ ได้ ขอเรียนลัดไปทำขั้นที่ ๓ เลยนะคะ

55555  ดิฉันได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งธรรมที่ซ่อนอยู่ในความบันเทิงของบันทึกและข้อคิดเห็นของชาว G2K ค่ะ ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ

อาจารย์ขา

หนูอยากปฏิบัติสูตรหน้าเด้งพร้อมกับลดพุงตามสูตรของอาจารย์...ว่าแต่ได้อนุญาตจาก อย. หรือยังค่ะ อิอิ

อย่าห่วงเลย หนูนา

อาจารย์จะรอผลของการทดลองใช้ เพื่อไปขออนุญาต อย. นี่แหละ...ขณะนี้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญพิเศษเฉพาะกิจของ อย. ก็กำลังทดลองใช้อยู่อย่าง กระตือรือล้นบวกกระวนกระวายใจ...แฮ่ะ แฮ่ะ

อาจารย์ขา

หลังจากใช้สูตรของอาจารย์แล้ว หนูคงต้องเปลี่ยนชื่อเป็นหนูตะเภาแน่ๆเลย

ขอบคุณครับดร..กมลวัลย์

รับเป็นลูกศิษย์แต่ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนเป็นเข้ามาแวะเวียนแลกเปลี่ยนนะครับ

เรื่องแผ่เมตตาและสูตรลับยังจะมีภาคต่อไปครับ

 

 

หนูนา

     อาจารย์ว่าเปลี่ยนเป็น "อลิสซ่าเบลล่าหนูนา" ดีกว่าไหม? เพราะ เบลล่า แปลว่าสวย

     หลังจากใช้สูตรลับของอาจารย์ครบทุกสูตรแล้ว ไมเชื่อก็ดูนางยิบซีเป็นตัวอย่างก็ได้ นางใช้สูตรของอาจารย์ครบทุกสูตรแล้ว... แฮ่ะ แฮ่ะ

อาจารย์ขา

  ฮิฮิ ขอบพระคุณ หนูนาไปพิจารณารูปนางยิบซีอีกทีแล้ว ตัดสินใจไม่ขอลองสูตรนี้แล้วค่ะ

 หากได้ลิขสิทธิ์และอย.แล้ว ชื่อจะเป็นฉลากนางยิบซีหรือค่ะ อิอิ

ตามมาขำหนูนา  อิ อิ  อย. แปลว่า อดอยากค่ะ (แปลเล่นๆค่ะ ฮ่า ๆๆๆ)

555 ตามมาขำหนูนา  ว่าแต่ว่า อลิสซ่าแปลว่าอะไรคะ  อาจารย์ขา  ตอนแรกหมอเข้าใจว่า เบลล่าแปลว่าคล้ายๆระฆังซะอีกค่ะ

   ปล.สูตรลับหน้าเด้งนั้น หากใส่เฮลบลูบอยและน้ำแข็งจะครบสูตรหน้าเด้งและอ้วนนนน ค่ะ ฮิฮิ

     

หนูนา

        บอกข่าวดี อย.เพิ่งโทรมาหาอาจารย์ว่า ผลของการทดลองได้ผลดีมากระดับ 5 ดาวบวกหนึ่งสะเก็ดดาว กำลังจะออกหมายเลขทะเบียนให้

        อย่าเพิ่งเปลี่ยนใจ นางยิบซีเป็นตัวอย่างของชนเผ่าผิวสี ว่าใช้แล้วยังเด้งขนาดนี้ (ขนาดสิงโตงัน) มิได้หมายถึงใช้แล้วดำเหมือนยิบซี

        ต่อไปอาจารย์จะให้สูตรเพิ่มความเด้งเป็นสองเท่าอีกครั้ง โปรดอดใจรอ

หนูราณี

    ห้ามขำหนูนา เพราะเธอกำลังจะแปลงร่าง เอ้ย! แปลงโฉม เป็นสาวสวยสุดขอบจักรวาล

    อย.มิได้แปลว่าอดอยาก แต่แปลว่า อย่าเยี๊ยะ (เยี๊ยะเป็นคำเมือง แปลว่าทำ)

    ฮ่า! ฮ่า!

  

หมอนิดครับ

    อลิสซ่าเบลล่า เป็นชื่อที่มีที่มาลึกลับซ่อนเงื่อนยิ่งว่าโมนาลิซ่าโค้ดเสียอีก

    อาจารย์ต้องโทรไปปรึกษา โรเบริ์ด แลงดอน จึงได้ความมาดังนี้

    อ = ไม่

    ลิ = ถอดเอารหัสเฉพาะพ้องเสียงมาใช้ คือคำว่า    " ริ " ในภาษาไทย

   ซ่า = คำนี้แลงดอนเกาหัวอยู่นาน จนร้องไชโยเมื่อบังเอิญเดินผ่านเซนเตอร์พ้อยส์ ได้ยินวัยรุ่นพูดกัน จึงได้ความว่าหมายถึง " ซ่า" ในภาษาวัยรุ่นไทย

   ส่วนคำว่า "เบลล่า" มาจากลาติน แปลว่าสวย

    รวมความ อลิซ่าเบลล่าหนูนา แปลว่า อย่าริซ่าสวย(นะ) หนูนา ...แฮ่!แฮ่!

5555555555

สูตรหน้าใสเด้งยกกำลังสองน่าลองค่ะ เพราะเพิ่งรู้ว่าขนาดนางยิบซียังดำใสเลย

หัวเราะไม่ออกแล้วค่ะ เมื่ออ่านลงมาถึงที่มาของชื่อ

มิน่า หนูถึงรู้สึกแปลกๆว่า ทำไมอาจารย์ยกให้หนูชื่อเหมือนนางเอกยิบซี ...ที่แท้จะเตือนว่าอย่าริซ่าทำสวยนี่เอง

คำชมอาจารย์เนี่ย ลึกซึ้งมากนะค่ะอาจารย์ขา

 

ตามมาขำ ฮ่า ฮ่า

อย. = อย่าเยี๊ยะ = อย่าทำ

อย่าทำริซ่าว่าสวย

คิดได้ไง? แลงดอน?

so^ok   อาจารย์พิมพ์ชื่อหนูนา ลืมเปลี่ยนแป้นเป็นภาษาอังกฤษออกมาเป็นอย่างนี้ แปลกดีเนาะเอาไหม?

อาจารย์เป็นคนใสซื่อบริสุทธิ์ ไฉนหนูหาว่าอาจารย์คิดลึกซึ้งว่าหนูริซ่าอยากสวยอย่างนั้น แฮ่ะแฮ่ะ!

 

อนุชิต

อย่าเยี๊ยะจะงั้น...แลงดอนอุตสาห์อดหลับอดนอนถอดรหัสให้นะเนี่ย

ดีกว่า อย.แปลว่า  อะหยัง(อะไร)

อาจารย์ขาสวัสดีค่ะ

เห็นรูปอาจารย์จากบล็อก อ.ลูกหว้า โอ้โหหน้าเด้งมกเลยค่ะ...ตามมาเอาสูตรหน้าเด้งค่ะ...อิอิอิ

คืนนี้นอนฝันว่าสวยเด้งไปก่อนนะค่ะ

อาจารย์ขา ... 28-30 กค อาจารย์สะดวกมารวมพลกับเราที่สวนป่าครูบาฯ ที่ จ.บุรีรัมย์ได้มั้ยค่ะ...อยาก f2f กับอาจารย์ค่ะ

ด้วยความเคารพค่ะ

หนูแป๋ว

           หายไปนาน ชักคิดถึง ไปเที่ยวทะเลมาตัวคงดำหมดแล้ว สูตรลับหน้าใสเด้งของอาจารย์คงช่วยได้ครานี้

          อืมส์...น่าสนใจขอบคุณสำหรับคำเชิญ อาจารย์จะดูก่อนว่าช่วงนั้นไม่ติดอะไรยังพอมีเวลานะ...แต่อาจารย์เคยตามไปอ่านเห็นว่าคุณแผ่นดินถูกทำมิดีมิร้ายจนเหลวกลายเป็นน้ำแล้ว... อาจารย์ชักสยอง ยิ่งเราอยู่ในวัยน่ารักใสใสอยู่ด้วย ฮิฮิ

สวัสดีอีกรอบค่ะ

หนูชอบที่อาจารย์ตั้งชื่อให้ใหม่โดยบังเอิญ เลยหายดกรธที่ถูกว่า ริซ่าอยากสวย แล้วค่ะ

แต่...ยังไม่ค่อยแน่ใจ so^ok นี่มีความหมายอื่นซ่อนเร้นอยู่หรือปล่าวค่ะ

หนูเสียวๆทุกที กับลูกเล่นอันล้ำลึกของอาจารย์ ตั้งแต่สูตรหน้าเด้ง ชื่ออลิสว่าเบลล่า และ อย.

หนูเลยพยายามตีความตามที่อาจารย์แลงดอนสอน

โซ^โอเค...ว่าแต่เจ้าเครื่องหมายนี้ ^ มีความหมายว่าอะไรค่ะ?...ถามไปเสียวไปค่า

 

หนูนา

อย่าโกรธอาจารย์เลย จงชอบใจเถิดที่มีหลายชื่อ จะได้เอาไว้ใช้หลายสถานการณ์ยามขบขัน เอ้ย!คับขัน

เช่น อลิสซ่าเบลล่า และ so^ok (อ่านว่า โซ ^ โอเค) อย่างที่เข้าใจน่าจะถูกต้องแล้ว แต่อย่างไรก็ตามรอให้อาจารย์ปรึกษาคุณแลงดอน(อีกแล้ว) เสียก่อนเพื่อความชัวร์

ระหว่างรอ...ให้หนูกำหนดเสียวหนอ เสียวหนอพลางๆไปก่อนก็แล้วกัน

อาจารย์ขา สวัสดีค่ะ ... มาสัญญาว่าถ้าอาจารย์ไปร่วมงานได้จะดูแลปกป้อง ยุงไม่ให้ไต่ไรมิให้ตอมเลยค่ะ...เกรงแต่อาจารย์จะน้อยอกน้อยใจว่าไม่มียุงไต่ไรตอมมากกว่าค่ะ....

สูตรหน้าเด้งของอาจารย์ กลับบ้านเย็นนี้จะลองดูบ้างค่ะ ไม่แน่ใจจะหาข้าวเหนียวได้รึปล่าว...อิอิอิ

พร้อมกับ กำหนด สวยหนอ สวยหนอ สวยหนอ ไปคงสวยสมใจคราวนี้นะค่ะ......

หนูแป๋ว...

อาจารย์ไม่กลัวยุง เพราะแผ่เมตตาครบสามจักรวาลแล้ว...แต่กลัวไม่มีใครเข้าใกล้แบบคุณแผ่นดิน แฮ่

เดี๋ยวจะเสียชื่อคนเหนือหมด(คนเหนือน่ารัก)

อยากไปร่วมมากครับ จะพยายามหาเวลา

สูตรลับหน้าใสเด้ง หนูแป่วไม่ต้องทำก็ได้ เพราะอย่างไรก็หน้าผ่องแป๋วแหววสมชื่ออยู่แล้ว...เอาสูตรอื่นมั้ย?

    หมออ่านที่อาจารย์เขียนแล้ว  รู้สึกฝ่อหนอ ฝ่อหนอค่ะ  โห อาจารย์เขียนซะอ่านแล้วตื่นเต้นหนอเหมือนจะถูกกินซะเองเลยค่ะ  แต่พอนึกถึงว่าถ้าเราเป็นสิงโตเราก้คงหวาดๆว่าเอ สัตว์ตัวนี้จะกินได้ไหมหนอ.....ว่าแล้วก็อยากไปเปิดตู้เย้นหนอค่ะ 

     ขำหนูนา so ok หมออ่านว่าสุกแหนะค่ะ ฮิฮิ  หนูนาเกือบสุกให้กินได้อีกแล้ว

      ปล.หมอขอเปลี่ยนชื่อเป็น อนิศเบลล่ามั่งดีกว่า โฮะโฮะ  เกิดวิปลาสทั้งสามอีกแล้ว(สัญญาวิปลาส จิตตวิปลาส และทิษฐิวิปลาส ว่าเรานั้นงามหลังกินทุเรียนทุกครั้งไป) 

 

 โอ้ย!อาจารย์ขา

ชักไม่แน่ใจใหญ่แล้วค่า ยิ่งคุณหมออนิศเบลล่าอ่านว่า "สุก" หนูเลยใจแป้วว่าถูกอาจารย์หลอกต้มเสียสุกอีกแล้ว ขอชื่อดีดีหน่อยค่า

สวัสดีครับ หมออนิศเบลล่า

รู้สึกดีและรู้สึกว่าชื่อนี้เข้ากับหมอที่สุดเหมือนเหงือกกับฟันปลอมเลยทีเดียว (คือไม่มีสะดุดกับอะไร ไม่เจ็บ)

ที่จริง...หมอนั้นงามทั้งสามกาล คืองามในเบื้องต้น(ก่อนกินทุเรียน) งามในท่ามกลาง(ขณะกินทุเรียน)และงามในเบื้องสุดท้าย(หลังจากกินทุเรียนแล้ว) ก็ยังแลดูงามอยู่เสมอ แม้ว่าจะมีคราบทุเรียนเลอะปากเลอะมืออยู่ก็ตาม

จึงถูกเรียกขานว่า... อนิศะเบลล่า ฮะ ฮะ!

 หนูสุก (so^ok) เอ้ย !หนูโซ^โอเค้

ยังไม่สุกดอกค่า ยังต้องรอคำวินิฉัยจากแลงดอนอยู่ เห็นว่าติดสัมมนาที่ปรากนี่แหละ...รอหน่อยครับ

         หนูนา หมอพิมพ์ใหม่ดีกว่า หนูนาสุข ดีกว่าหนูนาสุกเนอะ

         เหงือกกับฟันปลอมเนี่ย มันกระทบกระทั่งกันบ่อยไม่ใช่เหรอคะ เห็นสาว(เหลือ)น้อยหลายคนบ่นว่าฟันปลอมเจ็บเหงือก  แต่ช่างเถิดค่ะ  หมอเพิ่งงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลางและงามในเบื้องสุดท้ายมาหยกๆ ท่ามกลางหมู่มวลมะม่วงน้ำดอกไม้บนจานเมลามีนลายดอกไม้ค่ะ  เสียดายไร้ซึ่งข้าวเหนียวมูลมิฉะนั้นแล้ว คงจะงามกว่านี้อีกหลายกิโลเลยค่ะ

         ว่าแล้วพวกเรามาแผ่เมตตาให้ทั้งโลกกันดีกว่า เอหรือว่าเริ่มที่ประเทศไทยก่อนดีคะ  

สวัสดีครับ อาจารย์

ตามมาอ่าน Final Chapter โอ้วว...สุดยอดครับอาจารย์ สุดท้ายนางยิปซีผู้นี้ ผู้ที่ยอมอุทิศเลือดเนื้อและร่างกายเป็น ภักษาหารให้แก่สิงโต (ถ้ามันหิวโซ) ผมเลยคิดต่อไปว่า ถ้านางยิบซีเกิดเมตตาจิตขนาดอุทิศร่างกายให้เป็นอาหารแก่สัตว์ผู้หิวโหย โดยไม่อาลัยไยดี อนาคตนางยิปซีผู้นี้ถ้ามีโอกาสมาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน นางคงได้บรรลุถึงซึ่งพระนิพพานในเวลาไม่เนิ่นนานแน่นอนเอยย......

เอ้อ...ขอบอกคุณหนูนาโซ ^ โอเค (หนูนาโซนี่หิวโซหรือเปล่าครับ) ตอนนี้คุณแลงดอนไม่ได้ไปสัมมนาที่กรุงปรากหรอกครับ ข่าวล่ามาเรือเอี้ยมจุ้นของผมบอกว่า แกหนีไปพักร้อนที่เกาะช้างกับบรรดาลูกศิษย์แกและไม่ลืมหอบเอานางยิปซีไปด้วยครับ ป่านนี้คงนอนผึ่งพุงอยู่ชายหาดไก่แบ้อยู่แน่ ๆ เล้ยย.

หนูนา

ระหว่างรอแลงดอน เอาชื่อ สุกดีดี(ตามคำขอ)ไปใช้ก่อน ก็แล้วกัน

สวัสดีทุกท่านครับ เพิ่งกลับจากเกาะช้างตอนตีสอง ยังเพลียอยู่เล็กน้อยถึงปานกลาง แล้วจะเล่าให้ฟังครับ

สวัสดีครับหมออนิศซ่า  เบลล่า

อาจารย์ไปเที่ยวสนุกมาก เอาความสุขใจมาฝาก ส่วนหนูนานั้นปล่อยให้สุกคาต้นไปก่อน

คุณโมทย์ครับ

การเสียสละมี สามระดับ  สร้างบุญได้สามระดับเช่นกันครับ

หนึ่ง  เสียสละเงินทองข้าวของปัจจัย เรียกว่าปกติบารมี

สอง เสียสละอวัยวะ เลือดเนื้อบางส่วนของร่างกายให้แก่ผู้อื่น เรียกว่า อุปจารบารมี

สาม เสียสละแม้นชีวิต เพื่อผู้อื่นได้ เรียกว่า ปรมัตถบารมี จัดเป็นกุศลทานบารมีสูงสุดครับ

ว่าแต่คุณโมทย์ลองทำทานระดับที่สามหรือยัง? ว่ากันว่าเป็นทานบารมมีของคนที่จะเป็นพระโพธิสัตว์ครับ

เย้!อาจารย์กลับมาแล้ว ไปเที่ยวสนุกมากมั้ยค่ะ มีข่าวกรองสอดแนมบอกว่าอาจารย์ไปเกาะช้างแถมยังพาแลงดอนกับนางยิบซีไปด้วย เลยทำให้แควนๆแฟนคลับรออ่านแหง่กเลย

แต่หนูว่า... รออ่านตอนตะลุยเกาะช้างดีกว่าและอาจารย์ขา หนูนาสุกดีดีก็ไม่เอาค่ะ ฟังแล้วช่วยคนมารุมทึ้งกินยังไงก็ไม่รู้ ฮิฮิ

ผมจะรออ่านแลงดอนกะนางยิบซีตอนตะลุยเกาะช้างอย่างใจจดจ่อด้วยคนครับ

สวัสดีค่ะ อ. P พิชัย กรรณกุลสุนทร

แวะมาตอบ เอ๊ย..จ่ายค่าลงทะเบียนเป็นศิษย์ค่ะอาจารย์   ; )

นั่งอ่านข้อคิดเห็นข้างบนแล้วก็นั่งหัวเราะ กิ๊กๆ อยู่คนเดียวหน้าจอ (อาจเข้าข่ายวิปลาส ดีว่านั่งอยู่ในห้องทำงานคนเดียว ไม่มีใครเห็น) ขำตั้งแต่เรื่องสูตรลับหน้าเด้ง รหัสลับแลงดอน จนกระทั่งเรื่องการเสียสละระดับ ๓ ปรมัตถบารมี เด็ดค่ะอาจารย์ คราวนี้จำแม่นเลยค่ะ 5555

จะรออ่านเรื่องเกาะช้าง(ภาคพิสดาร) นะคะ ขอบคุณค่ะ...

หนู so^ok

ขอบคุณที่รอคอยและติดตาม ตั้งแต่ยังห่ามอยู่ จนสุกคาจอ

อาจารย์ถามอีตาแลงดอนแล้วล่ะ ถึงการถอดรหัสลับชื่อของหนู ซึ่งก็เกรงใจแกเหลือเกินที่ยังวุ่นอยู่กับการถอดรหัสลับจอกศักดิ์สิทธิ์ 100 piper อยู่ เห็นว่าชื่อนี้มีเค้ามาจากเป็นรหัสดิจิตอลชอบกลอยู่นี่แหละ...

พอเห็นชื่อหนู แกก็ทำตาโตเท่าลูกมะพร้าวบนเกาะ แล้วบอกว่า เจ้าเครื่องหมาย ^ นี้มีที่มาจากนกฟีนิกซ์ขณะหุบปีกร่อนลงมาจากสวรรค์ แล้วบินไปไปทางขวา เจอพระอาทิตย์ เลยหุบปีกบินสูงขึ้นแล้วร่อนลงมาคำนับพระอาทิตย์อีกที แล้วบินจากไปทางซ้ายมือ กลายเป็นที่มาของสัญลักษณ์นี้ >๐^๐<

แต่ตัว SกะK นี่ แกยังงงงงอยู่ว่าเกี่ยวกับนกฟินิกซ์รึปล่าว อาจารย์ว่ารอแกหายมึนจากถอดรหัส 100 piper แล้วค่อยถามต่อนะ

ตอนนี้ก็เป็นหนูนาผู้สุกคาต้นไปก่อน...ฮะ ฮะ

สวัสดีครับ อ.กมลวัลย์

เอาความสุขของลมทะเลและเสียงคลื่นมาฝาก แถมกลิ่นทุเรียนปนมังคุดจากสวนสุภัทราด้วยครับ

ค่าลงทะเบียนแบบนี้ต้องผ่อนจ่ายบ่อยๆนะครับ

ผมไปตามอ่านที่บันทึกธรรมของอาจารย์หลายรอบแล้ว พบประเด็นที่น่าสนใจแต่ยังไม่มีเวลาแสดงความเห็น เอาไว้จะโฉบไปทีหลังครับ

มาเยี่ยมบล็อกผมแล้วหัวเราะกิ๊กๆอยู่คนเดียวดีต่อสุขภาพจิต...ดีกว่ามีกิ๊กหลายคนครับ

อนุชิต

ใครว่าอาจารย์จะเขียนเรื่องนี้?

อืมส์...แลงดอนกะนางยิบซีบนเกาะช้าง

รึว่าเขียนดี?

ขอบคุณค่ะ อ.P พิชัย กรรณกุลสุนทร สำหรับลมทะเล เสียงคลื่น แต่กลิ่นทุเรียนปนมังคุดเนี่ย...ขอคิดดูก่อนได้ไหมคะ ; )

ส่วนเรื่องกิ๊กๆ เนี่ย หลังๆ มีอาการบ่อยมาก (ตั้งแต่เป็นสมาชิก G2K) สงสัยจะเป็นสัญญาณว่าจะได้หลายกิ๊ก..เมื่อวันก่อนภาควิชาก็เพิ่งให้มา 80กิ๊ก(กาไบท์)..ยังไม่รู้จะเอาไปเก็บข้อมูลอะไรได้หมดเลยค่ะ 5555

ถ้ามีเวลาเชิญอาจารย์ให้ข้อคิดเพิ่มเติมที่บันทึกดิฉันได้เลยนะคะ ขอบคุณอาจารย์มากค่ะที่แวะไปอ่าน ..... : )

 

  • เอาเคียวมาเกี่ยวความรู้ครับ :-)
  • เห็น Blog ของท่านอาจารย์แปะอยู่หน้า gotoknow ก็เลยอดใจไม่ไหวที่จะเข้ามาเกี่ยว
  • วันนี้มาเกี่ยว วันหลังมาปลูกนะครับ
  • ขอบคุณครับ :-)

โอโฮ้! ชื่อที่อาจารย์ตั้งให้หนู มัมีความลึกลับซับซ้อนขนาดเทพนิยายกรีกเจียวหรือค่ะนี่

สัญลักษณ์ ^ มาจากนกฟีนิกซ์บินหุบปีกร่อนลง... ฮ่า ฮ่า เข้าเค้า เข้าเค้าค่ะ

บินหลบดวงอาทิตย์แล้ววนไปขวาทีซ้ายที กลายเป็นสัญลักษณ์ o^o คงค้างแต่ ความหมายของตัวอักษร s และ k ซึ่งรอให้ความหมายรวมทีหลัง

ไอ้ทีหลังนี่ล่ะค่ะเสียว...ว่าจะเป็นเหมือนอลิสซ่าเบลล่าอีก ฮิฮิ!

ฝากบอกอีตาแลงดอน อย่าดวด เอ้ย! อย่ามัวถอดรหัส 100 piper นานไป

หนูจะรอคำตอบอย่างจดจ่อค่ะ

 

       ขอถอดรหัสให้หนูนานกฟีนิกส์มั่งค่ะ

        s อาจจะมาจาก so so เอ so cute มั๊งคะ 

        k นี่น่าจะมาจาก kindly รึป่าวคะ

         แปลว่า หนูนาผู้ซึ่งน่ารักและเปี่ยมไปด้วยสิเหน่    ปล.คนถอดรหัสไม่ได้เมา 100 piper นะจ๊ะ แต่อาจเมาทุเรียนอยู่

         ว่าแต่ว่า อีตาแลงดอนนี่ ดวด 100 piper กะแม่มดบนเกาะช้างหรือป่าวคะ ป่านนี้ช้างเอ๊ยกระต่ายโดนจับมาปิ้งหมดเกาะแล้วมั๊ง  และก็แม่มดชื่ออลิสซ่าเบลล่าใช่ไหมคะ  เอิ๊กงามไปสามกาลแหงๆคืองามขณะเริ่มเมา  งามขณะเมาน้อย และงามขณะเมากลิ้ง  พูดแล้วแม่มดเอ๊ยหมอขอลาไปกำหนดก่อนนะคะ

          อาจารย์คะ ฝากบอกอีตาลอนแดงด้วยว่า ผิดศีลข้อ 5 เนี่ย การถอดรหัสมีสิทธิ์ผิดพลาดสูงมากค่ะ เห็นหนูนาสุกไปซะได้

สวัสดีครับ คุณนรินทร์(นม.)

หายไปนานเชียวนะครับ...ออกคิดถึง ผมแวะไปอ่านที่บันทึกเพราะเข้าแพลนเน็ตไว้แต่ไม่ค่อยได้ออกความเห็นครับ

ขอบคุณที่แวะมาเกี่ยว เชิญมาปลูกบ้างนะครับ

so^ok ครับ

รออีกนิ้ดหนึ่ง แลงดอนกำลังพักฟื้นเพราะตาลายดูฉลาก 100 piper เพลินไปหน่อย เห็นพึมพัมหลุดปากออกมา S คำแรกออกมา เป็น Super อะไรทำนองนี้ล่ะ

สำหรับตัว K ต้องรอแกหายตาลายก่อนนะครับ

สวัสดีหนูอนิศาเบลล่า

ฮะฮะ หมอพยายามถอดรหัสของชื่อหนูนา เป็น หนูนาผู้ซึ่งน่ารักและเปี่ยมไปด้วยสิเหน่...so cute so kindly อืมส์...อาจารย์เห็นแลงดอนส่ายหัวแฮ่ะ บอกว่าขืนถอดแบบนี้หนังสือขายได้ไม่ถึงล้านเล่มแน่

หมออย่าได้กังวล แลงดอนแค่ดูฉลากเท่านั้น พยายามถอดรหัสอยู่นาน แค่นี้ก็ตาลายแล้วล่ะ ส่วนนางยิบซีก็ออกจะหงุดหงิดนิ้ดหนึ่ง เพราะบนเกาะช้างไม่ค่อยมีอะไรให้เกาะ เอ้ย! ให้ช้อบ

แม่มดยังไม่มา กระต่ายเลยยังอยู่ครบอวัยวะสามสิบสองครับ

หมออนิศาเบลล่าขา

เฮ!ขอบคุณที่กรุณาตั้งชื่อน่ารักๆให้ หนูว่าคุณหมอถอดรหัสได้ดีกว่าแลงดอนเสียอีก

อาจารย์ขา ตกลงไม่รออีตาแลงดอนแล้วค่ะ หนูว่าเอาที่คุณหมอถอดรหัสมาน่าจะปลอดภัยและเหมาะสมกับหนูแล้ว..

จากหนูนา(ผู้จวนจะสุกเพราะการรอคอย)

แวะมาสวัสดีอาจารย์ค่ะ...กิ๊ก..กิ๊ก...กิ๊ก....ล่อซะ 3 กิ๊กเลยค่ะ....มากไปไหมคะอาจารย์

หนูกมลวัลย์

สายลมมีปกติพากลิ่นไปฉันใด นอกจากพัดพากลิ่นไอของทะเลแล้ว ยังมีลมหายใจของอาจารย์ตามไปด้วยฉันนั้น

ของฝากจากอาจารย์จึงครบถ้วนบริบูรณ์ เพราะความรักและปรารถนาดี

ไปเที่ยวไปกินอะไรที่ไหน ก็อยากให้รับรู้ด้วยเหมือนมาเอง

ดังนั้น อย่าได้รังเกียจ กลื่นทุเรียนปนมังคุดเลย...ฮึฮึ

สัญญาณกิ๊ก กิ๊ก เริ่มออกมาหลายกิ๊กแล้ว อย่ากั๊กไว้ก็แล้วกัน มีข้อแนะนำว่า เมื่อเริ่มรู้สึกกิ๊ก ก็ให้ปล่อยใจตามรับอารมณ์นั้นเข้าสู่ใจ จนกิ๊กๆๆๆๆๆแล้วรอยยิ้มก็จะติดตามมา แรกๆจะปรากฏเป็นรอยอมยิ้ม หากกิ๊กรุนแรงขึ้นก็จะแย้มยิ้มครับ เป็นกิ๊กที่เบิกบานใจ...หายเครียดครับ

หงุดหงิกเอ้ย!หงิด ใจคราใด เชิญมากิ๊กได้บ่อยๆนะครับ

สวัสดีครับ คุณกฤษณา

เห็นชื่อก็หอมมาแต่ไกล

๓ กิ๊กน้อยไปหนู ควรสักสี่ห้ากิ๊ก แล้วตามด้วยคิกๆสักสองครั้ง เป็น กิ๊ก กิ๊ก กิ๊ก กิ๊ก คิก คิก...หากลมหายใจสะดุด คัก คัก ก็ตามมาเอง

เป็น หนูกฤษณาผู้ กิ๊ก คิก คัก

อรุณสวัสดิ์ค่ะ  อาจารย์

  • หนูชอบมากๆเลยค่ะ "หนูกฤษณาผู้ กิ๊ก คิก คัก"...ดูหนู(แก่ๆตัวนี้)วัยรุ่นดี... ทำให้มีแฮงทำงานละค้า....เอ้า..หุย  เล...  หุย....
  • ขอบคุณอาจารย์ค่ะ

        บรรยากาศกิ๊กกั๊กกันมากเลย  ขอแวะมาถอดรหัสหนูนาต่อค่ะ  กลัวหนูนาจะถอดใจรอมิสเตอรแลงดอนไม่ไหว   k  สงสัยจะมาจาก kig kug 

        หนูนาผู้ so kig so kug  สุขจนเกือบสุกแล้ว

ฮ่า ฮ่า "หนูกฤษณาผู้ กิ๊ก คิก คัก"...ชอบใจ

หมอนิด(เบลล่า)

จะเอาดีทางถอดรหัสแทนแลงดอนแล้วหรือ ระวังอีตาแดน บราวน์ จะค้อนเอานะ

อืมส์....so kig so kug  หนูนาเอารึปล่าว?หรือสุกจนไหม้ไปหมดแล้ว ฮึฮึ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท