ตะลึง!! เมื่อผู้หญิงโสด เสี่ยงติดเชื้อเอดส์มากที่สุด
เมื่อผู้หญิงโสดเสี่ยงติดเอดส์มากที่สุด
ผู้หญิงโสดมีแนวโน้มติดเชื้อเอดส์มากที่สุด" หลังจากที่ได้รับข้อมูลนี้ สาวๆ ที่ยังโสดคงตกอกตกใจไปตามๆ กัน เพราะขึ้นชื่อว่า "โสด" ทำไมถึงติดเชื้อเอดส์ได้ง่าย
"ผู้หญิงโสดที่ว่านี้ ให้วงเล็บด้วยว่า หมายถึงผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานด้วย" และผู้หญิงโสดจึงไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานอย่างเดียว แต่หมายถึงผู้หญิงที่มีแฟนแล้วเช่นกัน
จากการเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้เข้ารักษาโรคเอดส์ที่คลีนิคนิรนามของสภากาชาดไทยที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดอื่นๆ เมื่อปีที่ผ่านมาจนถึงเดือนมกราคมปี 2550 พบว่า "คนไทยติดเชื้อเอดส์เพิ่มมากขึ้นเฉลี่ยปีละ 20,000 คน โดยเฉพาะผู้หญิงที่โสดแต่มีเพศสัมพันธ์กับคู่รัก"
ศ.นพ.ประพันธ์ ภานุภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย บอกว่า ผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแค่แฟน ผู้ชายจะไม่คิดลึกซึ้งผูกพันกับผู้หญิงมากนัก เพราะผู้ชายคิดว่าไม่จำเป็นต้องดูแล หรือผูกพันมากนัก
"นิสัยพื้นฐานของผู้ชายมีความเป็นอิสระสูง ดังนั้นเมื่อยังไม่มีข้อผูกมัดถึงขั้นแต่งงานกัน ยังไม่ต้องรับผิดชอบชีวิตหนึ่ง อิสระที่จะไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่นโดยที่ไม่ต้องกังวลใจว่าจะถูกจับได้จึงมีสูง และผู้ชายจะไม่ป้องกันตัวเองด้วยการสวมถุงยางอนามัยอีกด้วย เมื่อมามีเพศสัมพันธ์กับแฟนสาวที่ไม่รู้เรื่องด้วยจึงทำให้เชื้อเอดส์แพร่ขยายไปอย่างรวดเร็ว ผู้หญิงก็ไม่คิดว่าผู้ชายจะไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่น เพราะผู้หญิงจะไว้ใจและเชื่อใจผู้ชายมากกว่า และคาดไม่ถึงว่าผู้ชายจะไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่นอีกด้วย"
"ผู้หญิงโสด" จึงอยู่ในภาวะเสี่ยงในการติดเอดส์มากที่สุด เพราะความไม่รู้ และผู้ชายขาดความรับผิดชอบ ขาดการระมัดระวังตัว ขาดการป้องกัน ผู้หญิงโสดจึงเป็นเหยื่อของผู้ชายได้ง่าย นอกจากนี้หากผู้ชายที่รู้ตัวว่าติดเชื้อเอดส์จะยิ่งไม่ป้องกันตัวเอง ไม่ตระหนักถึงผลเสียระยะยาว และยังไปแพร่เชื้อให้แฟนสาวอีกด้วย
นอกจากนี้ "ผู้ชายที่ยังไม่ได้แต่งงาน" จะสามารถบอกเลิกกับแฟนสาวเมื่อไหร่ก็ได้
"เหตุผลนี้ยิ่งทำให้ผู้ชายไม่รู้สึกสะทกสะท้าน หากจะไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่น ถ้าฝ่ายหญิงจับได้และบอกเลิก ผู้ชายจะไม่รั้งไว้ เพราะผู้ชายคิดว่าสามารถไปมีใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องง้อผู้หญิง และเมื่อมีแฟนใหม่เหยื่อรายต่อไปก็จะติดเชื้อเอดส์ต่อๆ กันไป ไม่สิ้นสุด ทำให้ผู้ที่ติดเชื้อเอดส์มีสูงขึ้น"แต่ "ผู้หญิงที่แต่งงาน" แล้ว อย่าเพิ่ง "วางใจ" ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ บอกว่า ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วมีอัตราการเสี่ยงติดเชื้อเอดส์รองลงมาจากผู้หญิงโสด เพราะแต่งงานแล้วคู่สมรสจะไว้ใจซึ่งกันและกัน ไม่จำเป็นต้องสวมถุงยางอนามัย เมื่อฝ่ายชายออกไปเที่ยวผู้หญิง แล้วมีเพศสัมพันธ์กับคนผู้ที่ติดเชื้อเอดส์โดยที่ไม่ป้องกัน เมื่อมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาจึงทำให้เชื้อเอดส์แพร่กระจายและอาจแพร่ขยายไปสู่ลูกได้ง่ายอีกด้วย
"ทั้งหมดนี้กำลังเป็นวงจรที่น่ากลัว หากผู้ชายยังรู้สึกว่าอยากเที่ยวและไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่นโดยที่ไม่ป้องกัน ยิ่งเพิ่มอัตราการติดเชื้อเอดส์สูงขึ้นเรื่อยๆ และหลายองค์กรมีการทำประชาสัมพันธ์ในการป้องกันการติดเชื้อเอดส์ลดน้อยลง ความตระหนักในการป้องกันติดเชื้อเอดส์จึงลดน้อยลงด้วย ดังนั้นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุจึงสำคัญผู้ปกครองมีส่วนสำคัญในการปูพื้นฐานให้ความรู้ ให้คำแนะนำกับเด็กและวัยรุ่นในการรู้จักป้องกันตัวเอง รู้จักให้เกียรติผู้หญิง
ส่วนการสอนลูกผู้หญิงต้องให้เด็กรู้จักการปฏิเสธ แต่ไม่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างลูกกับเพื่อนต้องตัดขาดลงซึ่งอยู่ที่แต่ละครอบครัวจะมีวิธีสอนอย่างไร ที่สำคัญต้องพูดคุยสื่อสารแบบครอบครัวที่อบอุ่นอย่าไปห้ามเด็กเรื่องความรักเพราะเมื่อเด็กมีความรัก พวกเขาจะห้ามใจไม่ได้ เมื่อความรักนำไปสู่เพศสัมพันธ์ต้องเปิดใจกับเด็กให้รู้จักป้องกันไม่ให้ติดโรค หรือรู้จักปฏิเสธ มากกว่าให้เด็กลองผิดลองถูกเอง หรือดุด่าว่ากล่าว เมื่อพ่อแม่เปิดใจ เด็กจะไว้ใจและกล้าปรึกษาพ่อแม่มากขึ้น"
หากรู้จักท่องคำว่า "ป้องกัน" และ "มีจิตสำนึก" โรคเอดส์คงลดน้อยลง
"ผู้หญิงโสดที่ว่านี้ ให้วงเล็บด้วยว่า หมายถึงผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานด้วย" และผู้หญิงโสดจึงไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานอย่างเดียว แต่หมายถึงผู้หญิงที่มีแฟนแล้วเช่นกัน
จากการเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้เข้ารักษาโรคเอดส์ที่คลีนิคนิรนามของสภากาชาดไทยที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดอื่นๆ เมื่อปีที่ผ่านมาจนถึงเดือนมกราคมปี 2550 พบว่า "คนไทยติดเชื้อเอดส์เพิ่มมากขึ้นเฉลี่ยปีละ 20,000 คน โดยเฉพาะผู้หญิงที่โสดแต่มีเพศสัมพันธ์กับคู่รัก"
ศ.นพ.ประพันธ์ ภานุภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย บอกว่า ผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแค่แฟน ผู้ชายจะไม่คิดลึกซึ้งผูกพันกับผู้หญิงมากนัก เพราะผู้ชายคิดว่าไม่จำเป็นต้องดูแล หรือผูกพันมากนัก
"นิสัยพื้นฐานของผู้ชายมีความเป็นอิสระสูง ดังนั้นเมื่อยังไม่มีข้อผูกมัดถึงขั้นแต่งงานกัน ยังไม่ต้องรับผิดชอบชีวิตหนึ่ง อิสระที่จะไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่นโดยที่ไม่ต้องกังวลใจว่าจะถูกจับได้จึงมีสูง และผู้ชายจะไม่ป้องกันตัวเองด้วยการสวมถุงยางอนามัยอีกด้วย เมื่อมามีเพศสัมพันธ์กับแฟนสาวที่ไม่รู้เรื่องด้วยจึงทำให้เชื้อเอดส์แพร่ขยายไปอย่างรวดเร็ว ผู้หญิงก็ไม่คิดว่าผู้ชายจะไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่น เพราะผู้หญิงจะไว้ใจและเชื่อใจผู้ชายมากกว่า และคาดไม่ถึงว่าผู้ชายจะไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่นอีกด้วย"
"ผู้หญิงโสด" จึงอยู่ในภาวะเสี่ยงในการติดเอดส์มากที่สุด เพราะความไม่รู้ และผู้ชายขาดความรับผิดชอบ ขาดการระมัดระวังตัว ขาดการป้องกัน ผู้หญิงโสดจึงเป็นเหยื่อของผู้ชายได้ง่าย นอกจากนี้หากผู้ชายที่รู้ตัวว่าติดเชื้อเอดส์จะยิ่งไม่ป้องกันตัวเอง ไม่ตระหนักถึงผลเสียระยะยาว และยังไปแพร่เชื้อให้แฟนสาวอีกด้วย
นอกจากนี้ "ผู้ชายที่ยังไม่ได้แต่งงาน" จะสามารถบอกเลิกกับแฟนสาวเมื่อไหร่ก็ได้
"เหตุผลนี้ยิ่งทำให้ผู้ชายไม่รู้สึกสะทกสะท้าน หากจะไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่น ถ้าฝ่ายหญิงจับได้และบอกเลิก ผู้ชายจะไม่รั้งไว้ เพราะผู้ชายคิดว่าสามารถไปมีใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องง้อผู้หญิง และเมื่อมีแฟนใหม่เหยื่อรายต่อไปก็จะติดเชื้อเอดส์ต่อๆ กันไป ไม่สิ้นสุด ทำให้ผู้ที่ติดเชื้อเอดส์มีสูงขึ้น"แต่ "ผู้หญิงที่แต่งงาน" แล้ว อย่าเพิ่ง "วางใจ" ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ บอกว่า ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วมีอัตราการเสี่ยงติดเชื้อเอดส์รองลงมาจากผู้หญิงโสด เพราะแต่งงานแล้วคู่สมรสจะไว้ใจซึ่งกันและกัน ไม่จำเป็นต้องสวมถุงยางอนามัย เมื่อฝ่ายชายออกไปเที่ยวผู้หญิง แล้วมีเพศสัมพันธ์กับคนผู้ที่ติดเชื้อเอดส์โดยที่ไม่ป้องกัน เมื่อมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาจึงทำให้เชื้อเอดส์แพร่กระจายและอาจแพร่ขยายไปสู่ลูกได้ง่ายอีกด้วย
"ทั้งหมดนี้กำลังเป็นวงจรที่น่ากลัว หากผู้ชายยังรู้สึกว่าอยากเที่ยวและไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่นโดยที่ไม่ป้องกัน ยิ่งเพิ่มอัตราการติดเชื้อเอดส์สูงขึ้นเรื่อยๆ และหลายองค์กรมีการทำประชาสัมพันธ์ในการป้องกันการติดเชื้อเอดส์ลดน้อยลง ความตระหนักในการป้องกันติดเชื้อเอดส์จึงลดน้อยลงด้วย ดังนั้นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุจึงสำคัญผู้ปกครองมีส่วนสำคัญในการปูพื้นฐานให้ความรู้ ให้คำแนะนำกับเด็กและวัยรุ่นในการรู้จักป้องกันตัวเอง รู้จักให้เกียรติผู้หญิง
ส่วนการสอนลูกผู้หญิงต้องให้เด็กรู้จักการปฏิเสธ แต่ไม่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างลูกกับเพื่อนต้องตัดขาดลงซึ่งอยู่ที่แต่ละครอบครัวจะมีวิธีสอนอย่างไร ที่สำคัญต้องพูดคุยสื่อสารแบบครอบครัวที่อบอุ่นอย่าไปห้ามเด็กเรื่องความรักเพราะเมื่อเด็กมีความรัก พวกเขาจะห้ามใจไม่ได้ เมื่อความรักนำไปสู่เพศสัมพันธ์ต้องเปิดใจกับเด็กให้รู้จักป้องกันไม่ให้ติดโรค หรือรู้จักปฏิเสธ มากกว่าให้เด็กลองผิดลองถูกเอง หรือดุด่าว่ากล่าว เมื่อพ่อแม่เปิดใจ เด็กจะไว้ใจและกล้าปรึกษาพ่อแม่มากขึ้น"
หากรู้จักท่องคำว่า "ป้องกัน" และ "มีจิตสำนึก" โรคเอดส์คงลดน้อยลง
คำสำคัญ (Tags): #ย่ามแดง#ย่ามแดง พัฒนาสังคม ม.อปัตตานี
หมายเลขบันทึก: 83708เขียนเมื่อ 13 มีนาคม 2007 14:06 น. ()ความเห็น (4)
- ย้าย "บล็อก" ไปสมัครที่ www.learners.in.th นะครับ จะได้มีเพื่อนมากขึ้น
- แล้วเวลาเขียน "บล็อก" ก็จงใช้ความรู้ที่มีอยู่ในตน ถ้าในตนยังไม่มีความรู้ก็แสวงหาความรู้ แล้วก็เขียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยตัวของตัวเอง
- ได้สัก 5 บรรทัด ก็ยังดีกว่าไปลอกเขามาทั้งหน้าแบบนี้
- ลองดูใหม่นะ
ตะลึง!! เมื่อผู้หญิง"โสด" เสี่ยงติดเชื้อเอดส์มากที่สุด
วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10569