วันนี้นั่งปั่นวิทยานิพนธ์ เพื่อให้เป็นรูปร่างก่อนไปต่างประเทศ พี่สาวที่น่ารักที่ร่วมเคยทำกิจกรรมด้วยกันโทรศัพท์มาคุยว่าถูกตัดงบประมาณ ย่อยยับ ผู้บังคับบัญชาให้ไปแก้ไขเรื่องตัวเงินที่จะพานักศึกษาไปออกค่าย
ผู้เขียนมานั่งคิดถึงสมัยเป็นนิสิตปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สงขลา ผู้เขียนรับน้องรถไฟจากกรุงเทพฯไปภาคใต้(สมัยนั้นมีการเผาโรงเรียนดังมาก จำได้ว่า 35 โรงเรียนทำให้นิสิตที่สอบภาคใต้ได้สละสิทธิ์กันมากทีเดียว) สมันก่อนตำแหน่ง อุปนายกภายนอก ของมหาวิทยาลัยมีงานค่อนข้างมาก ผู้เขียนใช้เงินของมหาวิทยาลัยไปไม่มาก แต่ตอนที่ตั้งงบประมาณถูกตัดงบย่อยยับ จนไม่มีกำลังใจทำงานนั้นครั้งแรก
ครั้งที่สองเป็นประธานค่ายอาสาพาน้องไปทำค่ายสร้างโรงเรียนที่จังหวัดสุราษฎรธานี อำเภอนาสาร ทุกคนไปด้วยใจขนาดว่าผู้เขียนลงไปคุยกับชาวบ้านก่อนที่จะเดินทางก่อน ได้รับความช่วยเหลือจากชาวบ้านมาก แต่ในทางกลับกัน ทางมหาวิทยาลัยไม่ค่อยได้สนับสนุนเท่าไร เราหางบประมาณโดยการฉายหนัง ทำเสื้อคณะ (ไม่ทราบเดี๋ยวนี้มีไหม) ขอความอนุเคราะห์จากร้านในจังหวัดสงขลา(ทางร้านให้เงินงบประมาณมามากกว่าที่มหาวิทยาลัยให้) แต่กิจกรรมก็ผ่านมาได้ด้วยดี วันสุดท้ายของชาวค่ายเป็นวันที่เศร้าที่สุด ผู้เขียนได้พ่อแม่เป็นชาวสุราษฎรธานี ทุกวันนี้ยังติดต่อกันอยู่ ค่ายกิจกรรมทุกค่ายสอนอะไรดีๆเสมอ
ครั้งนี้พี่สาวผู้น่ารักโทรศัพท์มาคุยเรื่องงบประมาณ ไม่แปลกใจนัก บางทีประสบการณ์ในอดีต ได้สอนสิ่งดีให้เราได้จดจำ สิ่งที่อยากวอนขอจากผู้ใหญ่ในมหาวิทยาลัยคือ อยากให้มาดูว่าคนที่ทำกิจกรรมเพื่อสังคมเขาทำอะไรบ้าง ทางมหาวิทยาลัย ควรสนับสนุนตรงไหน ไม่ใช่อยู่แต่เพียง หอคอยงาช้างของท่าน สงสารคนทำกิจกรรมเถอะครับ ตั้งใจเขียนบันทึกนี้เพื่อให้กำลังใจผู้ทำกิจกรรมเพื่อสังคมทั้งหลาย และพี่สาวผู้น่ารัก ขอให้มีกำลังใจในการทำกิจกรรมนะครับ พวกเรามาด้วยใจ ไม่ต้องห่วงครับ อยากเห็นความคิดเห็นจากผู้ทำกิจกรรมว่ามีปัญหาแบบผู้เขียนและพี่สาวผู้น่ารักหรือไม่ ใครจะตอบได้บ้าง เหล่ามาเฟียกิจกรรมและผู้รู้ ช่วยผมหน่อยนะครับ….
หนูเข้ามาเป็นกำลังใจให้ทุก ๆ คนค๊า...แหะ ๆ
ฮือ ๆ หนูตอบไม่ถูกคะอาจารย์ขจิต แง ๆๆๆ....
ขอให้กำลังใจกับคนทำงานเพื่อสังคมนะค่ะ และเชื่อว่าการเห็นคนที่เราทำงานให้ได้รับประโยชน์หรือมีความสุขมากขึ้นเป็นกำลังใจที่มีค่ามากกว่าที่จะระบุเป็นจำนวนเงินได้
มองจากมุมมองของผู้บริหาร เราคงต้องเข้าใจว่าผู้บริหารต้องการอะไร ถ้าเราให้ในสิ่งที่เขาต้องการ เขาก็คงจะให้ในสิ่งที่เราต้องการ ถ้าเราอยากจะได้งบประมาณจากเขามากขึ้น เราก็อาจจะเพิ่มเติมข้อมูลว่ากิจกรรมนี้จะทำให้เพิ่ม KPI ของ สมศ กพร สกอ และอื่น ๆ อย่างไร
มองในด้านบวกจากปัญหาของผู้ทำงานเพื่อสังคม ก็มองในแง่ดีว่าอุปสรรคและปัญหาต่าง ๆ จะช่วยทำให้เรามีจิตใจที่เข้มแข็งมากขึ้นที่จะทำดีต่อไปอย่าไม่ย่อท้อ และเรียนรู้มากขึ้นที่จะเข้าใจผู้บริหารมากขึ้น
หนูเอง ก็ทำกิจกรรมชมรมของมหาวิทยาลัยเช่นกันค่ะ โครงการที่เสนอไป ต้องตัดงบกับชมรมอื่น ซึ่งเรียกได้ว่าตัดงบกับชมรมอื่น ก็เห็นใจเค้าเห็นใจเราค่ะ อะไรที่ให้ได้ก็ให้ อะไรที่ไม่สมควรก็คงต้องตัด และชมรมก็ต้องหาหนทางหาเงินเพื่อทำกิจกรรมกันเอง หากตั้งใจ ยังงัยก็ต้องหาทางทำโครงการเหล่านั้นจนได้ค่ะ
จำได้ว่าทำโครงการเกี่ยวกับสอนหนังสือให้น้อง ๆ ชั้นประถม งบค่าขนมก็โดนตัดไป คนในชมรมก็ต้องหางบมาเพราะอยากจะมีขนมให้น้อง ๆ ได้ทาน
เป็นกำลังใจให้ผู้ที่ทำกิจกรรมเพื่อสังคมเช่นกันค่ะ
ตอนสมัยเรียนเรียนที่บางแสน ไปออกค่ายข้างนอก ก็ต้องไปกันเอง หาทุนทำเอง แต่ยังโชคดีที่มีศิษย์เก่าช่วย
...
มหาลัยควรบันทึกในระเบียนว่าใครทำกิจกรรมอะไร
เวลาไปสมัครงาน เค้าจะได้รู้ว่าทำอะไร
มหาลัย ควรมองความสำคัญของกิจกรรม
เพราะกิจกรรมที่ไปข้างนอก มักจะไปสร้างชื่อเสียงให้กับมหาลัยอยู่แล้ว
การPR มหาลัย โดยนศ.เอง ดีกว่าให้มหาลัยทำเอง
..
เป็นกำลังใจให้ อ.ขจิตครับ
มาเยี่ยม...
เทพเจ้าชาวสวรรค์มักทบสอบผู้จะมาขึ้นบันไดสวรรค์เสมอ...
ไม่รู้ว่าจะตอบยังงัย เพราะไม่ใช่มาเฟียกิจกรรม เก่งแต่กิน
เอาเป็นว่าก็ให้กำลังใจกันและกันต่อสู้กันไปก็แล้วกันนะคะ : )
หมายเหตุ : ตกลงอาจารย์ขจิตใช้อะไรปั่นวิทยานิพนธ์อ่ะคะ ไม่ได้ใช้ปากกาเขียน หรือว่าพิมพ์คอมพ์ หรอกหรือ ????????
กิจกรรมเพื่อสังคม ตีมาเป็นตัวเงินไม่ได้...
การจะประเมินถึงประสิทธิภาพของโครงการทำได้ยาก...
ต้องมองที่ประโยชน์สาธารณะครับ...
คนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ เกิดการพัฒนา สังคมน่าอยู่ขึ้น...
ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องให้น้ำหนักในการพิจารณาเรื่องเหล่านี้ด้วยครับ...
ปัจจุบัน ผมเป็นเภสัชกร ตามอำเภอ บ้านนอก
ตอน อยู่มหาลัย
ไม่เคยเป็นเด็กกิจกรรม ไม่เคยออกค่าย
ที่ไม่บังคับให้ไป
แต่งานชุมชน งานอาสา
งานพัฒนา ออกค่าย
มุมมอง ผม ส่วนมาก จะได้ ความสามัคคี ในกลุ่ม นศ.
แต่ความรักใน งาน จะเกิด ได้
ก็ต่อเมื่อ ได้ รู้จัก เรียนรู้ ผู้คน ชุมชน
เห็น ความงดงาม ของงาม อาสา งานชุมชน
พอถึง ตรงนี้ แล้ว เรียกว่า เข้าขั้น ติดอก ติดใจ
ไม่มีอะไรมาขวางเรา จากงานได้ ครับ
ผมอยู่ บ้านนอก คนน้อย งบไม่ค่อยมี ผมก็ยังทำงานได้ น่าพอใจ
แม้ จะมีอุปสรรค ไม่น้อย และ บาดกเจ็บเล็กน้อย บ้างก็ตามครับ
ขอให้กำลัง ใจ สู้ ต่อไป
ลองเอาหนังสือ
งานคือความดี ที่หล่อเลี้ยงชีวิตมาอ่านดูสิครับ
แวะมาให้กำลังใจ อ.ขจิตคับ
หมูก็ปั่นงานจนหวัดกินแล้ว
ไม่มีเวลาป่วน พวกเรา ชาว bloger แล้ว
ปัญหาของการทำงานเพื่อคนอื่นไม่ได้อยู่ที่เม็ดเงิน เป็นตัวตั้ง การทำงานเพื่อคนอื่นหรือสังคมนั้น ก็ต้องนำคนนั้นหรือสังคมเป็นตัวตั้งในการต่อสู้กับปัญหา
และปัญหาอยู่ที่เราจะตั้งมั่นต่อสู้เพื่อคนอื่นโดยไม่หวาดหวั่นต่อปัญหานั้นได้อย่างไร
แต่ถ้าทางผู้คุมมหาวิทยาลัยยังไม่รับรู้ว่า เม็ดเงินที่จะน้ำมาเพื่อก่อเกิดประโยชน์เพียงใด ละก้อ ก็มิต้องย่อท้อ สู้ สู้ ค่ะ
แวะมาทักทายเจ้าค่า
ความลับที่ 3 ผมกลัวเมีย
ขำ- ขำ อ่ะ เอามาตรงนี้ด้วยดีกั่ว...เผื่ออาจารย์ขจิต จะเลิกเหมงสักที เพราะคุณสมบัติข้อ 3 ที่ว่า เกรงใจและมีคาถาสยบภรรยานี่แหละ อิอิ