เห็น


 เห็น     

 

ผมนั่งมองอาจารย์เดินกันขวักไขว่ด้วยความขบขันแกมเอ็นดูครับอาจารย์ครับ  เปิดภาคเรียนที่สองนี้เรามีน้องใหม่ (สำหรับผมต้องเรียกว่าหลานใหม่ )มาหอบหนึ่ง  ผมว่าเป็นบรรยากาศที่น่ารักมากนะครับ เรามีตั้งแต่รุ่นปูถึงรุ่นหลาน  ดูจากตอนนี้ผมว่าคงถึงรุ่นเหลน
อบอุ่นนะครับอาจารย์ครับ


       ผมเดินเล่นๆไปที่แคนทีน เด็กรุ่นใหม่เขาเรียกอย่างนั้น  แต่ผมอยากเรียกโรงอาหารมากกว่า  ผมเห็นภาพน่ารักๆมากมาย  นักศึกษาบางคนยกมือสวัสดีอาจารย์ อาจารย์ยกมือรับไหว้ สวัสดีและทักทายทุกคนโดยถ้วนหน้า ทักทายด้วยความรู้สึกที่ดีจากใจจริง  ผมว่าเป็นภาพที่น่ารักมาก เมื่อเรามองเห็นว่าไมตรีจิตเป็นสิ่งมีค่า และแบ่งปันให้ได้ทุกคน 


       ผมเห็นนักศึกษาทักทายป้าๆพี่ๆที่ขายอาหารนานาชนิด อย่างคุ้นเคย ความคุ้นเคยทำให้เกิดความผูกพันครับอาจารย์ครับ ผมว่าป้าๆ น้าๆ และพี่ๆไม่ได้ขายอาหารอย่างเดียว  แต่แถมและแจกความรู้สึกละเอียดอ่อนอย่างที่ผมทำไม่ได้


       เป็นเรื่องน่าประทับใจ เมื่อ พี่ บางคนบรรจงตักแกงราดบนจานข้าวด้านหนึ่ง ตบๆข้าวให้เข้าที่ดูพูนจานสวยงาม  ตักผัดอย่างบรรจงเต็มบรรทัดใส่ลงในจานอีกด้านหนึ่ง ปาดขอบจานให้เรียบร้อยไม่เลอะเทอะ   แถมกับข้าวให้ลองของใหม่อีกหนึ่งช้อน ท่ามกลางความยินดีของน้องผู้หิวโหย ส่งจานให้น้องที่ยืนคอยอย่างตั้งใจ  ยิ้มหวานให้อีกหนึ่งที  แล้วน้องก็จ่ายตังค์อย่างเต็มใจ


       ผมว่าผมมองเห็น ผมเห็นแล้วผมก็อิ่ม ผมอิ่มความสุขนะครับ
ผมเดินเล่นๆมาถึงลานม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ ได้ยินเด็กพูดคำทันสมัยด้วยศัพท์แปลกๆอยู่แว่วๆ  ฟังไม่ค่อยเข้าใจ  ผมเปิดพจนานุกรมไม่ทันครับอาจารย์ครับ


       คราวนี้ผมเห็นอีกอย่าง.... หลังจากที่พวกเขานั่งเป็นกลุ่มๆ แล้วทันทีที่ลุกไป  น้อยคนเหลือเกินจะเดินไปเก็บอดีตขวดพลาสติกที่นอนแอ้งแม้งอยู่กลางลานใส่ถังขยะ (ที่ยืนงงๆอยู่ติดๆกันนั้น)ผมเห็นอย่างนี้ทั้งวันธรรมดาและวันเสาร์อาทิตย์


       แสดงว่าสามัญสำนึกของคนหลายคนเปิดทำการเฉพาะวันนักขัตฤกษ์ครับ  (วันเก็บขยะโลก  วันที่ผู้หลักผู้ใหญ่มา  และวันที่ครูมายืนท้าวสะเอวสั่งให้เก็บ)


       ผมว่าผมมองเห็น  ผมมองเห็นแล้วผมก็คิดมาก    คิดมากแล้วผมก็มีความทุกข์ครับ 


       ทั้งๆที่ขยะเหล่านั้นมันไม่ได้มานอนยิ้มอยู่ในบ้านผม มันอยู่รอบตัวเด็กๆเหล่านั้นต่างหาก คนกวาดกวาดไม่ทันหรอกครับ  เพราะลืมตาตื่นยังไม่ทันแปรงฟัน  อีกฟากหนึ่งก็ทิ้งแล้ว  ผมเดินเลยไปเลยครับอาจารย์....ผมเดินไปเลย  ผมไม่อยากเห็น หรืออาจบางทีก็เป็นไปได้ว่าผมไม่ทันเห็น  หลายๆครั้งที่ผมก้าวข้ามเศษกระดาษนับสิบชิ้นบนพื้นถนนไปโดยไม่ทันคิด  เพราะมีเรื่องสำคัญกว่านี้ให้คิด

 

       ประกันคุณภาพ ภาระงาน สองขั้นและสี่ขั้น งานนอกภาคและงานในภาค  ไอเอสโอเก้าพันและไอเอสโอสองหมื่นสี่  รวมถึงโพรซีดเจ้อร์ต่างๆ   และ ควอลิตี้คอลโทรล แอ่นด์เบสท์เมเนจเม็นท์


       ผมเดินเร็วขึ้น  ผ่านนักศึกษาหญิงที่ใส่เสื้อปล่อยชาย ผ่านนักศึกษาชายที่ใส่ต่างหูข้างเดียว ผ่านควันบุหรี่ของใครก็ไม่รู้  ช่างเถิด  ไม่ใช่ของผมก็แล้วกัน  ผมต้องรีบไปตรวจข้อสอบและส่งเกรดให้ทัน ไม่ให้ภาระงานของผมเสียหาย การประกันคุณค่าต้องเริ่มจากระดับภาควิชา   ต้องเริ่มจากตัวเรา  ใช่แล้ว...  ต้องเริ่มจากตัวเราก่อน


       ผมคิดว่าผมวิ่งจะเร็วกว่า.... ผมวิ่งผ่านห้องเรียนที่มีไฟเปิดค้างไว้และมีเก้าอี้ระเกะระกะ ผมไม่เสียเวลาหยุดปิดไฟหรอก....ผมรีบ    นี่ควรจะเป็นหน้าที่จุกจิกของครูมัธยมไม่ใช่ครูอุดมศึกษาอย่างผม
และเด็กพวกนี้ก็เป็นเด็กระดับปริญญาตรี  ไม่ใช่เด็กมัธยม  ไม่ต้องพูดกันมากเสียเวลาเปล่าๆ  ....พวกเขาควรจะรู้จักกาลเทศะด้วยตัวเอง


        ผมคงรีบร้อนไปหน่อยจึงสะดุดพื้นใต้ถุนห้องโสตดังป้าบ!
นักศึกษาหญิงคนหนึ่งนั่งอยู่คนเดียวที่ม้าหิน  ผมหยุดตรงนั้นพอดีจึงมองเห็นว่าเขากำลังร้องไห้  แต่ผมรีบ  รีบเกินกว่าจะสนใจน้ำตาของใคร หน้าที่นี้ควรเป็นของอาจารย์ผู้หญิงที่มีจิตใจเมตตา และมีเวลาว่างพอที่จะฟังปัญหาของคนอกหัก  .....คงจะอกหักกระมัง....  ไม่รู้ซี        ผมรีบนี่ครับ  ผมรีบจะไปทำเรื่องของผมมากกว่า  ผมรีบวิ่งทำเวลาสุดขีด โลกไปถึงไหนๆแล้ว  สถาบันเรามีอินเตอร์เน็ต    ผมต้องรีบเล่นให้เป็น   แต่เดี๋ยวขอไปตรวจข้อสอบให้เสร็จก่อน  แล้วผมจะรีบทำผลงาน ค้นข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตและประกันคุณค่าเพื่อให้ทันมหาวิทยาลัยอื่นเขา...

 

       ผมไขกุญแจบ้านอย่างรวดเร็วที่สุดในชีวิต   วิ่งพรวดพราดเข้าไปในห้องนอน ลืมไปว่าตรงนั้นมันยกพื้นสูง


       ผมสะดุดป้าบถลาไปนั่งพับเพียบอยู่หน้ากระจก....ผมผงะ  ผลุนผลันยืนขึ้นด้วยความตกใจที่สุดในชีวิต  ....กระจกนั่น! 


       ผมเห็นผู้ชายผมหงอก ใส่ต่างหูข้างเดียว และใส่เสื้อปล่อยชาย  ยืนจ้องผมอย่างตกใจสุดขีด !.....  

 

 

 

 

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #บทความ
หมายเลขบันทึก: 80559เขียนเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2007 16:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:33 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

เรียน ท่านผู้อ่าน

เรื่องนี้จัดอยู่ในประเภทเรื่องสั้นค่ะ  แต่เพื่อให้เรื่องอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับเรื่องอื่นที่เขียน  เลยจัดเข้าอยู่ในกลุ่มคำหลัก  บทความ  ค่ะ 

ขอบคุณค่ะ :-)

ตามมาให้กำลังใจค่ะ  บอกตรงๆ ว่าอาจารย์เขียนได้น่าอ่านมากเลยย้อนไปดูของเก่า ๆ ด้วย  บอกได้คำเดียวว่าไม่ผิดหวังที่ติดตามผลงานของอาจารย์ค่ะ

ขอบพระคุณมากค่ะอาจารย์ราณี   ดิฉันก็ตามมาขอบพระคุณแบบป้ายต่อป้ายเลย......

และกำลังนึกว่าผู้อ่านที่มีกรอบประสบการณ์เดียวกันจะอ่านเข้าใจลึกซึ้งแบบได้อารมณ์มากกว่าที่ดิฉันเขียนเสียอีกน่ะค่ะ.... 

พี่แอมป์น่า ลองส่งเรื่องสั้นแบบนี้ ประกวดนะคะ

เอ หรือว่ากวาดรางวัลมา..ซะไม่อยากส่งแล้ว...

จริงใจไม่จิงโจ้นะคะ (ภาษาเดะ ๆ)

ขอบพระคุณด้วยความดีใจแบบออกนอกหน้าเช่นเคยค่ะ  สำหรับคำให้กำลังใจอย่างน่ารักของคุณหมอเล็ก   พี่แอมป์ไม่เคยส่งข้อเขียนไปไหนเลยค่ะ  ชอบเขียนเองอ่านเองสนุกเองคนเดียวจนแก่  พอแก่ก็เริ่มเขียนในบล็อกเพราะเราเขียนได้สบายใจไม่ต้องกังวลกับเงื่อนไขใดๆ  สรุปว่าเขียนเองอ่านเองสนุกเองเช่นเคย  อิอิอิ

ขอบพระคุณที่เข้ามาร่วมสนุก : ) ด้วยกันนะคะ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท