KM กับองค์กรขัดแย้ง


อย่าลืมว่า ชาวโลกเขาต้อนรับเฉพาะคนมีความสามารถ

   ตื่นเช้าขึ้นมาก็มีความคิดจำนวนหนึ่ง เมื่อคิดเสร็จก็เตือนตัวเองว่า อย่าลืมเอาไปบันทึกไว้ในสมุดบันทึกประจำวันด้วยล่ะ เผื่อว่าวันหนึ่งความคิดนี้จะเป็นรูปธรรมขึ้นมา หรือบางทีศักยภาพของเรายังไม่เพียงพอ เหมือนกับผลไม้ที่ยังไม่สุกงอม จึงต้องรอให้งอมก่อนดังนั้น ความคิดต่างๆ อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นก็เป็นได้ เป็นบารมีทานต่อไป

   ผมคิดวิเคราะห์องค์กร จากที่มาทำงานเป็นเวลาย่างเข้าปีที่ ๕ อันที่จริงทุกองค์กรก็เป็นเหมือนกัน เมื่อมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนสนิทจากต่างองค์กร นั้นคือ "ความขัดแย้ง" เราจะนำ KM ไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างไรด้วยเหตุที่

  • แนวคิดการทำ KM เพิ่งเข้ามาในองค์กรนี้เมื่อปีที่แล้ว และพยายามหาผู้ดำเนินงาน แต่ก็หาไม่ได้ (ฝ่ายบริหารไม่มีใครหาญกล้าพอที่จะทำ) ในที่สุดจึงมอบให้กับแต่ละคณะดำเนินการ (เพื่อให้ได้ตัวชี้วัด Km ที่ถูกบังคับให้ทำ มันก็ได้ประโยชน์อยู่เพียงแต่ไม่เท่ากับการสมัครใจทำ) สำหรับคณะมนุษย์ฯยังไม่เห็นความเคลื่อนย้ายใดๆ คณะที่เคลื่อนย้ายชัดเจนคือ คณะวิทยาศาสตร์ อันนี้ต้องยกประโยชน์ให้กับรองคณะบดี ผู้น่าเคารพอย่างจริงใจ ท่านก็เพิ่งย้ายมาอยู่ได้ปีที่ ๖ เห็นจะได้ แต่อีกไม่นานก็ ๖๐ ปี ต้องจากกันไปตามกาลเวลา
  • องค์กรนี้ จากที่สังเกต และสอบถาม (แม้ผมจะไม่ค่อยไปสุงสิงกับใคร แต่จะมีคนมาสาระภาพบาปเสมอๆ เขาบอกว่า ห้องปรัชญาก็เหมือนวัด เงียบ สงบ อันที่จริงเราไม่ได้เงียบสงบ แต่เราต่อสู้ทางความคิดอยู่กับกรัชกาย) พบว่ามีความขัดแย้งค่อนข้างดีทีเดียว (ขัดแย้งดี มันเป็นอย่างไร)
  • คณะมนุษย์ฯ ซึ่งผมรู้สึกเป็นห่วง คณบดีก็รอเกษียณ ข่าวคราวความเคลื่อนไหวกว่าสมาชิกในคณะ (เช่นคำสั่งหรือนโยบาย) จะรู้ ก็ถึงวันขีดเส้นตายทุกทีไป ฝ่ายรองคณบดีก็ดูจะไปคนละทิศคนละทาง (ผมเป็นเพียงผู้เฝ้ามอง) เมื่อเปรียบเทียบกับคณะวิทย์แล้ว ให้รู้สึกตื่นเต้นกับการทำงาน แม้จะดูเป็นฝ่าย แต่ในการทำงานของกลุ่มคณบดีเป็นปึกแผ่นดีมาก ตอนนี้เขาเริ่มดำเนินการแล้วสำหรับ Km (ยังดีที่เริ่มทำ)
  • ความคิดเห็นของผมคือ จะทำอย่างไรดี กับการนำ KM ไปใช้ในองค์กรที่ดูจะมีความขัดแย้ง แต่ละคนก็อ้างว่า จะรีบเขียนผลงาน มีงานสอนเยอะ (สอนครับเจ็ดวัน) ไม่ว่าง ก็คือไม่ให้ความสำคัญกับความแข็งเกร่งของคนอันเป็นฐานล่างของการพัฒนาความก้าวหน้าขององค์กร ได้แต่คิดว่า เราจะทำอย่างไรดี ขณะที่ ฝ่ายหนึ่งก็บอกว่า ฉันรอเกษียณ ให้น้องๆ เขาทำกัน (ถ้ามีอะไรที่เป็นอัตราตัวเลขของเงินเข้ามา คำว่าเกษียณไม่ใช่ปัญหาสำคัญสำหรับบางคน) ฝ่ายน้องๆ ก็บอกว่า รับเงินเดือนเหมือนกัน ทำงานตำแหน่งเดียวกัน ยังมาเอาเปรียบกันอีก (ภาษาโบราณเขาว่า วัดรอยเท้าผู้ใหญ่-แต่ถ้าเป็นฝรั่งก็ไม่รู้เหมือนกันเขาคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้) ฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ถ้ามีที่อื่นดีกว่าก็จะไปที่อื่น ดังนั้นหลายคนแม้แต่อาจารย์ (ลูกจ้างมหาวิทยาลัย/พนักงาน) ก็ออกไปเมื่อได้ที่ที่ดูเหมือนมั่นคงกว่า ในเมื่อความรู้สึกว่า องค์กรไม่ใช่ของฉัน การทำงานก็มีแต่มาตักตวงมากกว่ามาให้
  • คณะวิทย์จึงเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ส่วนคณะอื่นๆ ยังไม่ทราบการเคลื่อนไหว
  • ผมเฝ้าแต่คิดว่า จะทำอย่างไรดี จะทำอย่างไรดี ที่คนจะหันหน้าเข้าหากัน ทั้งนี้ต้องเริ่มที่ตัวผมเองนั่นแหละเป็นคนแรก และเตือนตัวเองว่า อย่าลืมว่า ชาวโลกเขาต้อนรับเฉพาะคนมีความสามารถ
  • คิดไปก็ไร้ประโยชน์หากไม่ลงมือทำตั้งแต่วินาทีนี้
คำสำคัญ (Tags): #บันทึกส่วนตัว
หมายเลขบันทึก: 80170เขียนเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2007 08:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 ตุลาคม 2015 10:40 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

อาจารย์ชกหมัดตรง ไม่มีแย็บเลยนะครับ

เมื่อคืนคุยโทรศัพท์กับน้องแพทย์ท่านหนึ่ง คุยเรื่อง การพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล ซึ่งหัวใจก็คือ "KM" นั่งหละครับ มีปัญหามากมาย ไม่น่าเชื่อ

ด้วยเวลาอันยาวนานที่มี Fa ดีๆอย่างน้องท่านนั้น วันนี้ที่องค์กร(ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและอัตตา) เริ่มก่อร่างสรางองค์ความรู้ ภายใต้บรรยากาศที่อบอุ่น

ผมมองที่เงื่อนไขเวลาด้วยครับ อาจารย์ บางองค์กรก็เคลื่อนเร็ว และบางองค์กรก็เคลื่อนช้า แต่ก็ขอให้คนทำงานมีกำลังใจ

 

KM กับองค์กรขัดแย้ง .... 

เข้ามาอ่านค่ะอาจารย์   ช่วงนี้ไม่ค่อยมีความคิดด้านการจัดการองค์ความรู้สักเท่าไร    เนื่องจากสภาพ ณ ปัจจุบันในการทำงานของตนที่ยังสับสน ไม่มีทิศทางที่แน่นอน

ณ ที่ทำงานอาจารย์แม้จะมีความข้ดแย้ง  แต่ก็มีการเริ่มทำ KM .. แต่ที่มนต์ทำงานนี่สิ  แม้จะมีความข้ดแย้งไม่มากนัก (เพราะคนทำงานมันน้อย)   แต่ว่า ไม่มี KM   อันนี้ก็น่าเป็นห่วง

คิดว่า บุคลากรเป็นสิ่งสำคัญมาก  อย่างที่อาจารย์กล่าวนะคะ  "ชาวโลกเขาต้อนรับเฉพาะคนมีความสามารถ"   หากในองค์กรมีบุคลากรที่มีความสามารถ เป็นทั้งคนเก่งและคนดี  และทุกคนสามัคคีกัน  ทำงานด้วยใจรัก มิใช่ทำเพราะหวังสินจ้างรางวัลตอบแทน  องค์กรนั้นคงน่าอยู่ และเจริญก้าวหน้านะคะ

ขอบคุณสำหรับแนวคิดค่ะ :)

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

จากประสบการณ์นะคะ   คิดว่าทุกที่ย่อมมีคนดีอยู่   ต้องให้กำลังใจกันและกัน    รวบรวม "คณะผู้ก่อการดี" ได้   คุยความคิดกันไปเรื่อยๆนอกห้องประชุม (สำคัญมาก)  คู่ขนานไปกับกิจกรรมและงานตามหน้าที่     ก็คงพอได้นะคะ

แม้คนไม่ดี แต่เวลาเราให้กำลังใจ ให้พลังเชิงบวกกับเขามากๆ เขาก็ดีได้นะคะ      

  • เรียนอาจารย์จตุพร ผมมองว่า องค์กรใดไร้ความขัดแย้ง องค์กรนั้นน่าจะเคลื่อนตัวเร็ว
  • เรียนอาจารย์มนต์ "การทำงานโดยไม่หวังสินจ้างรางวัล ระวังจะเป็นคนจนเงินนะครับ :-) อันที่จริงถ้าเราทำงานด้วยความสุข สามัคคีก็น่าจะพอแล้วมั้งครับ KM หรือ ไม่ KM น่าจะไม่ใช่ปัญหามั้งครับ
  • เห็นด้วยกับท่านอาจารย์ปัทม์ครับผม ทุกสรรพชีวิตมี "ธาตุดี" อยู่แล้ว
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท