โดยกรมส่งเสริมการเกษตร ประกาศเป็นนโยบายและแนวทางที่ชัดเจนให้ทุกหน่วงานย่อย นำ KM ไปใช้ในการพัฒนาคน งาน และองค์กร รวมถึงการผลักดันKM ให้มีการวัดถึงระดับหน่วยงานย่อย (เป็น KPI ในทุกระดับ) และการสนับสนุนงบประมาณในการขับเคลื่อนเวทีเรียนรู้ของเจ้าหน้าที่ตามระบบส่งเสริมการเกษตร
ในปี 2550 นี้ นับว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี ของการจัดการความรู้ของกรมส่งเสริมการเกษตร
เนื่องจาก ในปีนี้ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร (ทรงศักดิ์ วงศ์ภูมิวัฒน์) ได้ให้ความสำคัญในเรื่องการจัดการความรู้เป็นอย่างมาก โดยท่านได้ให้นโยบายให้ทุกหน่วยงานย่อยในกรมส่งเสริมการเกษตรทั้งในส่วนกลาง (กอง,สำนักฯ เขต) และส่วนภูมิภาค (จังหวัด และศูนย์ปฎิบัติการต่างๆ ) นำแนวคิดการจัดการความรู้ไปใช้ในการพัฒนาคน พัฒนางาน และพัฒนาองค์กร เนื่องจากการจัดการความรู้เป็นเครื่องมือที่ดีต่อการพัฒนาการดำเนินงานส่งเสริมการเกษตรในสถานการณ์ปัจจุบัน และท่านได้มอบหมายให้คณะทำงานฯ วางแนวทางเพื่อขับเคลื่อนงานจัดการความรู้ตามนโยบายดังกล่าว
คณะทำงานฯ จึงได้ประชุมปรึกษาหารือเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์และผลการดำเนินงานที่ผ่านมา และจัดทำแนวทางการดำเนินงานจัดการความรู้ ในปี 2550 สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. สถานการณ์การดำเนินงานที่ผ่านมา
- การดำเนินงานที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการเกษตร ได้นำ KM มาเป็นเครื่องมือเพื่อพัฒนาการเกษตร เริ่มตั้งแต่วางเป้าหมายของงาน ค้นหาองค์ความรู้ที่ต้องใช้ การค้นหา Best Practice การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ ตลอดจนจัดเก็บองค์ความรู้ และเผยแพร่องค์ความรู้
- จากการดำเนินงานที่ผ่านมา 2 ปี (ปี 48-49) พบว่า
- การจัดการความรู้สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนางานส่งเสริมการเกษตรได้ดีทั้งในระดับเจ้าหน้าที่ และเกษตรกร
- สามารถแก้ปัญหาอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรที่ลดลง เนื่องจากเจ้าหน้าที่สามารถจัดกระบวนการเรียนรู้แก่เกษตรกรในลักษณะการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และพัฒนาเกษตรกรให้สามารถจัดการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยมีพื้นที่ที่เป็นตัวอย่างความสำเร็จเป็นจำนวนมาก ในจังหวัดนำร่อง 18 จังหวัด
- มีการจัดการความรู้เนียนอยู่ในกระบวนการส่งเสริมการเกษตร (ระบบส่งเสริมการเกษตร) ไม่สร้างกิจกรรมที่แปลกแยกไปจากกระบวนการส่งเสริมการเกษตรที่ทำอยู่เดิมมากนัก แต่ปรับวิธีการบริหารจัดการ (เวทีเรียนรู้ของเจ้าหน้าที่และเกษตรกร) ไปสู่แนวทางการจัดการความรู้
2. ประเด็นที่จะต้องพัฒนาการดำเนินงานต่อ
- การบริหารจัดการที่จะนำไปสู่การขยายผลการดำเนินงานให้ครอบคลุมและเกิดผลในทางปฎิบัติในทุกหน่วยงานย่อยของกรมฯ เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้
- การพัฒนาระบบการดำเนินงานที่ให้แนวคิดการจัดการความรู้ที่เนียนอยู่ในกระบวนการส่งเสริมการเกษตร เพื่อพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง
- การเสริมหนุนการดำเนินงานอย่างจริงจังในทุกระดับ
3. แนวทางการดำเนินงานในปี 2550
เพื่อให้มีการดำเนินงานที่สอดคล้องกับประเด็นการพัฒนาดังกล่าว จึงควรมีกรอบแนวทางการดำเนินงาน ดังนี้
- ในระดับพื้นที่ (จังหวัด , ศูนย์) เน้นการใช้ประโยชน์จาก 18 จังหวัดนำร่องเดิม เพื่อขยายผลให้ครอบคลุมทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ โดยส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกัน ในลักษณะเพื่อช่วยเพื่อน (Peer Assist) ส่วนในระดับกอง ,สำนักฯ ส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างกอง สำนักฯ ที่ดำเนินงานมาแล้ว 1 ปี
- ใช้กลไกของสำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขต ในการหนุนเสิมให้ทุกจังหวัดในพื้นที่ที่รับผิดชอบ สามารถดำเนินงานได้บรรลุเป้าหมาย โดยการพัฒนาเจ้าหน้าที่ของสำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขต ให้เป็นแกนหลักในการดำเนินงานของแต่ละเขต ด้วยการเรียนรู้ร่วมกับคณะทำงาน KM ส่วนกลาง และจังหวัดในเวทีการเรียนรู้ของเขต (RW) เวทีสรุปบทเรียนการดำเนินงานและกิจกรรมของจังหวัด ในลักษณะการเรียนรู้จากการปฎิบัติจริง (Learning by Doing)
- ใช้เวทีเรียนรู้ตามระบบส่งเสริมการเกษตรเป็นหลัก เพื่อพัฒนาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรในทุกระดับ ตั้งแต่ ระดับอำเภอ (DM) เครือข่ายระหว่างอำเภอ (MM) ระดับเขต (RW) และระดับประเทศ (เวทีสรุปบทเรียนการดำเนินงาน KM )
- การผลักดันในเชิงนโยบาย โดยกรมส่งเสริมการเกษตร ประกาศเป็นนโยบายและแนวทางที่ชัดเจนให้ทุกหน่วงานย่อย นำ KM ไปใช้ในการพัฒนาคน งาน และองค์กร รวมถึงการผลักดันKM ให้มีการวัดถึงระดับหน่วยงานย่อย (เป็น KPI ในทุกระดับ) และการสนับสนุนงบประมาณในการขับเคลื่อนเวทีเรียนรู้ของเจ้าหน้าที่ตามระบบส่งเสริมการเกษตร
- การสร้างแรงจูงใจ โดยการให้รางวัล สำหรับหน่วยงานที่มีผลการดำเนินงานดีเด่น
ซีงขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนออธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และจะได้ประกาศเป็นนโยบายให้ทุกหน่วยงานย่อยปฎิบัติต่อไป.........