จัดการความรู้ในสำนักงานเริ่มต้นที่ไหน


ชวนคุยให้รู้ว่าพวกเราแต่ละคนทำงานกันอย่างไรเรียนรู้อะไรจากกันได้บ้างที่จะช่วยกันทำงานให้ดีขึ้น...โดยไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง หรือผิดซ้ำเรื่องเดิมบ่อยๆ..แสดงความเห็นแลกเปลี่ยนว่าจะทำงานให้ดีขึ้นได้อย่างไร
ในการแบ่งกลุ่มคุย..การจัดการความรู้ตามความเข้าใจของคุณที่มหาวิทยาลัยทักษิณเมื่อเดือนที่แล้วที่มีโอกาสได้ไปร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การจัดการความรู้ในองค์กร..มีคำถามที่น่าสนใจจากน้องในวงที่ดิฉั้นประทับใจขอนำมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
น้อง....ที่สำนักงานเล็กๆ ของน้องมีคนอยู่ 20
คน ทำงานไม่เหมือนกัน..แต่ละคนมีความรับผิดชอบงานของตัวเองทุกคนรับผิดชอบหน้าที่ของตนอย่างดีจะเริ่มต้นทำการจัดการความรู้ได้อย่างไร 
...มีคนทำงานเหมือนกันมั๊ยคะ.เช่น..ทำงานเลขานุการที่ประชุมหรืองานสารบรรณ...งานพัสดุ....งานอะไรก็ได้ที่เหมือนกัน
น้อง...."ไม่มีค่ะมีแต่
1 คนทำคนละเรื่องหรือ  1 คนทำหลายเรื่อง...."
เริ่มได้ด้วยการชวนกันคุยว่าเราทำงานแต่ละวันสำเร็จได้ อย่างไร...มีความสุขมากน้อยอย่างไร...ทำเรื่องนี้เร็วๆ ได้ยังไง...ยกตัวอย่างเรื่องที่พบเจอในแต่ละวันว่าเราจัดการกับอุปสรรคของการงานให้ผ่านไปได้อย่างไร
น้อง....."ก็วันๆ นึงมีงานท่วมหัว....ไม่ได้เงยหน้า....ไม่เคยได้อยู่ในสำนักงานกันครบคนแล้วจะจัดได้ลงตัวพร้อมกันวันไหน....หนูว่าน่าจะมีทำได้บ้างก็คือนัดกันให้มีการอบรมเรื่องการจัดการความรู้...แต่ว่าฟังแล้วก็หายไป.ไม่ได้จัดการความรู้ทุกวัน"
น้องอีกคน...."หัวหน้าก็ส่วนใหญ่มีประชุม...แล้วใครจะเป็นคนนำหล่ะพี่.....เธอๆช่วยกันรัวคำถามเป็นชุดเพราะเป็นคำถามที่ตรงใจใครหลายคน....
.....ไม่ใช่การอบรมเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อให้รู้เรื่องการจัดการความรู้..แต่เป็นการชวนคุยให้รู้ว่าพวกเราแต่ละคนทำงานกันอย่างไรเรียนรู้อะไรจากกันได้บ้างที่จะช่วยกันทำงานให้ดีขึ้น...โดยไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง หรือผิดซ้ำเรื่องเดิมบ่อยๆ..แสดงความเห็นแลกเปลี่ยนกันว่าจะทำงานให้ดีขึ้นได้อย่างไร 
น้อง......แล้วทำได้ตอนไหนคะ....
.......ทำได้ทุกวัน...ทุกเวลา...ทำได้ไงจะชวนกันมาคุย....คุยชั่วโมง
km อย่างนั้นเหรอคะ
......ทำได้หลายรูปแบบค่ะ..คุยกันเช้านี้...ก็ไม่จำเป็นว่าต้องคุยกันทุกคนทั้งสำนักงาน...คุยเฉพาะคนที่สะดวก....เลือกหัวข้อที่จะคุย...เช่น...."จดรายงานการประชุมใครว่ายาก"....แล้วแลกเปลี่ยนวิธีที่แต่ละคนใช้....ตอนที่เพื่อนพูดให้ฟังโดยไม่แย้ง...เพื่อนพูดจบแล้วเราจึงขอพูดบ้าง....ให้มีโอกาสเท่าเทียมกันในการพูด...ไม่ตัดสินว่าใครแย่กว่าใครเน้นบอกเทคนิคที่ตัวเองใช้ในการทำงานชิ้นนี้  หรือ.....อาจเป็นหัวข้อการบริหารเวลาในแต่ละวันเรื่องงานเรื่องครอบครัว..เรื่องใกล้ตัวมาเป็นประเด็นเริ่มต้นเรียกใจคนให้ยอมคุยเล่าสู่กันก่อนแล้วค่อยขยับเป็นเรื่องอื่นๆ.....หรืออาจจะเลือกหนังสือสักเล่ม...แบ่งกันไปอ่านแล้วมาคุยกันในมุมที่ตัวเองเก็บได้...สักสัปดาห์ละครั้ง น้อง.......แล้วใครจะเป็นคนเริ่มล่ะคะเพราะเรายังไม่ได้อบรมคุณอำนวยกันเลย....
.........ใครก็ได้ค่ะที่ตั้งใจจะทำ..น้องก็ได้...ดูแล้วชอบเชื่อมสัมพันธไมตรี...กับเพื่อนๆ..ในทุกที่ทำงานมีคนแบบนี้ปนอยู่นะคะ...พอจะเห็นภาพมั๊ยคะ....
น้อง.......ก็เคยทำค่ะแต่ก็คุยกันเฉยๆ...เฉพาะคนสนิทกันเชิงถามว่าเธอทำงานนี้เธอทำยังไง เวลาเจอกับปัญหาอย่างนี้เธอจัดการอย่างไร...ไม่ได้ทำทั้งสำนักงาน...
น้องอีกคน....พี่ว่ามั๊ยในสำนักงานทำไม่ค่อยได้หรอกเพราะคนเหม็นขี้หน้ากันอยู่มากจะมาชวนคุย ชวนคิด...แบบนี้หนูว่าไม่ใช่ง่ายนะคะ
......ไม่ง่าย....แต่ทำได้ค่ะ....ลองดูก่อนนะคะ....ในสังคมโดยธรรมชาติแล้วจะมีคนปะปนกันและเป็นคนคิดดีทำดีส่วนใหญ่จะมีไม่กี่คนหรอกที่เป็นแบบที่ว่า(จับกลุ่มเหม็นหน้า)อะไรแบบนั้น...ทำไปทำไปเขาก็จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวงแลกเปลี่ยนเองหล่ะ....ที่สำคัญคือทุกคนหัดฟังกันและกันเปิดใจคุยแลกเปลี่ยน...เน้นที่ประเด็นความสำเร็จอย่าเริ่มด้วยการคุยปัญหา....ลองดูนะคะ..พี่จะเป็นกำลังใจ
น้อง....หนูพอเห็นภาพค่ะ...จะกลับไปลองง่ายๆเลือกหนังสือแล้วมาชวนกันคุย...ในมุมของหลายๆคน....แต่มันไม่ใช่เรื่องงานนะพี่จะได้เหรอคะ
.......ได้ทั้งนั้นหล่ะลองเริ่มดูก่อน...จะได้รู้ว่ามีกลุ่มคนสนใจแค่ไหนลองดูบรรยากาศของการแลกเปลี่ยนทำไปปรับไป...ก็หาเรื่องที่เข้ากับงานหน่อยก็แล้วกันอย่าหยิบเอานิยายน้ำเน่ามาคุยกันเดี๋ยวจะติดใจไปทางนั้นกันหมด.....(อมยิ้ม..)
        แววตาเธอดูมั่นใจว่าทำได้.....วันนี้เองเธอโทรมาเล่าว่า...สนุกพี่...หนูเริ่มทำไปได้
3 อาทิตย์แล้ว...ทุกคนมีมุมมองต่างกันมากเลย...เมาท์กันใหญ่จนไม่เลิกคุย.....
........แล้วเริ่มต้นกันด้วยเรื่องอะไรคะ
“10 นิสัยของลูกน้องที่หัวหน้าไม่อยากเจอค่ะ.... เธอเป็นคุณอำนวยธรรมชาติจริงๆ...ขนาดเลือกเรื่องเริ่มแรกยังเจ๋ง!ไปเลย...
หมายเลขบันทึก: 76032เขียนเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2007 23:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:15 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

น่าสนใจค่ะคุณเมตตา

ขอบคุณไอเดียก่อนนอน(แต่ขออย่าฝันกระเจิดกระเจิง)

สมพรเริ่มเหมือนกันค่ะ เริ่มได้ 1 เรื่อง แล้วก็ไม่ได้ทำ บางครั้งการทำงานถ้าหัวไม่เวิร์ค เราก็แย่เหมือนกัน...ต้องดทิศทางลมด้วย.....แต่ถ้าไม่เริ่ม.....ก็ไม่รู้...จะลองอีกครั้งให้เป็นประจำ อย่างน้อย 2 สัปดาห์/ครั้งก็ยังดี  ไว้จะมาเล่าสู่คุณเมตตาและเพื่อน ๆ G2K นะคะ

ขอบคุณสำหรับพลังใจในคืนนี้

แวะมาราตรีสวัสดิ์ค่ะ ได้ข้อคิดก่อนนอน จะลองนำไปใช้ในการทำงานเช่นกันค่ะ

ขอตามมาเก็บเกี่ยวความรู้ด้วยคนคะ

ว่าแต่ว่า รูปใหม่นี้ ฝีมือน้องนิกร รึเปล่าค่ะ

  • “10 นิสัยของลูกน้องที่หัวหน้าไม่อยากเจอค่ะ
  • มีอะไรบ้าง อยากทราบแล้ว อ่านที่ไหน ครับ

ดิฉั้นยังเขียนบันทึกนี้ไม่จบ....ค่ะ...เธอมีประโยคเด็ด...อีกประโยคที่แถมท้าย...."พี่แล้วทำแบบนี้จะตอบ ก.พ.ร.ได้เหรอคะเรื่องการจัดการความรู้เชื่อมโยงสู่ยุทธศาสตร์"  ดิฉันจึงบอก "ได้ซิคะไปเชื่อมโยงกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคล......." การให้คนเปิดใจยอมรับการแรกเปลี่ยน ยอมคุยเรียนรู้จากคนอื่น...จากเพื่อนร่วมงานในองค์กรถือเป็นสุดยอดของการพัฒนาคน ในองค์กร แล้วค่ะ.....กะว่าจะเขียนใหม่อีกบันทึก...

  •  แวะมาตอนสายๆครับ...
  • ขอบคุณครับ..เห็นภาพชัดเจนมากเลยครับ
  • พี่แล้วทำแบบนี้จะตอบ ก.พ.ร.ได้เหรอคะเรื่องการจัดการความรู้เชื่อมโยงสู่ยุทธศาสตร์

ลองให้น้องที่คุณเมตตาว่ามา ..ดูหลุมดำหรือยังครับ..ลองให้ดูหลุมดำ ของ อ.ประพนธ์..ผมเชื่อว่าจะตอบคำถามต่างได้  ด้วยตัวผู้ถามเองนะครับ..แล้วชวนเขาทำด้วยใจ  ไม่ต้องรอให้พร้อมกัน ทุกคนทำด้วยตนเอง เริ่มที่ตัวเองก่อน..ครับ..

  • โอ้  รอวันจันทร์แทบไม่ไหวแล้วนะคะเนี่ย...
  • ต้องเอาไป ยั่ว จนท.บุคคลของกองกิจฯอีกแล้วค่ะคุณเมตตา
  • ขอบพระคุณค่ะ

เป็นเทคนิคคุณ Fa train Fa ที่เยี่ยมยอดมากเลยค่ะ คุณเมตตา

"ที่สำคัญคือทุกคนหัดฟังกันและกัน เปิดใจคุยแลกเปลี่ยน...เน้นที่ประเด็นความสำเร็จ อย่าเริ่มด้วยการคุยปัญหา "

ต้องเอาไป ยั่ว จนท. โดยใช้สไตล์แบบนี้มั่งแล้ว ... เลียนแบบ คุณDSS@MSU (หนิง) ค่ะ ... ขอบคุณค่ะ

  • ชื่อหัวข้อได้ใจมากครับ เดี๋ยวจะลองมาประยุกต์ใช้ที่ มน.
  • ขอบคุณอาจารย์มากครับที่แนะนำ
  • น่าสนใจมากเลยคะ กับประเด็นนี้
    "จัดการความรู้ในสำนักงานเริ่มต้นที่ไหน"
  • อยากให้มีการเริ่มต้น และสามารถสานต่อจนเกิดประโยชน์อย่างนี้บ้างจัง
  • ทุกวันนี้เหมือนเราพยายามอยู่คนเดียวเลย เพราะไม่มีใครในสำนักงาน เห็นความสำคัญ(เพราะสิ่งที่สำคัญมักจะมาพร้อมกับตัวชี้วัดต่างๆที่ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำหนดให้เท่านั้น)
  • แต่ยังไงก็ไม่ถอยคะ และจะพยายามแทรกซึมให้คนในองค์กรเข้าใจและเรียนรู้มันให้ได้

บล็อกนี้  กระตุ้นใจให้ ฮึกเหิม ดีจัง  ดีจัง

 จะทำทันทีค่ะ    ททท(ตามท่านครูบา)

เอามาใช้ในประชุม Moving Theater ได้เลย

เอามาใช้กับ intern extern ต่อ ได้

เวลาประชุม หมอเด็ก ก็ได้

จะเอาไปเล่าต่อนะคะ

 

 

มาขอบคุณ ตะลึงรูปใหม่ครับ เมื่อวานโทรมาตกใจเล็กน้อยครับ รอพบกันที่ขอนแก่นนะครับพี่
เพิ่งจำได้ด้วยค่ะว่า เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้เมื่อตอนต้นๆปีที่แล้ว ตั้งชื่อเรื่องไว้ว่า บทบาทของคนทำงานทุกคน สำหรับการผลักดัน KM ในองค์กร รู้สึกว่าจะตรงกับประเด็นนี้ด้วยค่ะ เลยนำมาฝากกันอีกที ตอนที่เขียนนั้นกำลัง "in" มากๆอยู่ค่ะ
  • เห็นด้วยกับคุณสมพร
    P   "บางครั้งการทำงานถ้าหัวไม่เวิร์ค เราก็แย่เหมือนกัน...ต้องดูทิศทางลมด้วย.....แต่ถ้าไม่เริ่ม.....ก็ไม่รู้...จะลองอีกครั้งให้เป็นประจำ "
  • ได้ใช้พลังและความพยายามอย่างมากในการทำงาน บางครั้งก็ท้อแท้ แต่มีกำลังใจจากเพื่อน gotoknow ช่วยเยียวยาให้เกิดพลังใหม่
  • ขอทราบ 
    P
  • “10 นิสัยของลูกน้องที่หัวหน้าไม่อยากเจอค่ะ
  • เรามีหลายข้อหรือเปล่า....น๊า..?
มีคนสนใจประเด็นหนังสือเล่มนี้มาก...บังเอิญน้องเค้าไม่เล่ารายละเอียด....จะพบน้องเค้าอีกทีวันที่ 15 กพ.นี้จะจับน้องเล่าและจะลิขิตมาฝากค่ะ...อ.สมบูรณ์ รอนิดนะคะ....
ตอนนี้จำลองในใจลูกน้องแบบคุณเมตตาไปก่อนนะคะ....ไม่อยากเจอหัวหน้า...หูเบาค่ะ.....หยาบคาย
ขี้เกียจ...
โชคดีที่หัวหน้าที่ใกล้ชิด...ไม่มีนิสัยทั้ง 3 ข้อที่กล่าวไม่งั้นคุณเมตตา....ต้องเสียเวลามาทบทวนเรื่องสวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ...แน่เลย..
  • ผมมาช้ากว่าเค้า
  • พี่เมตตาทำได้เนียนมากครับ
  • หลายคนทำ workshop แล้วพอกลับไปที่สำนักงาน ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร
  • บันทึกนี้เป็นคำตอบได้เป็นอย่างดีครับ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท