เป็นปรัชญาที่สร้างสังคมแห่งความพอและมีความสุขในความพอ โดยความพอนี้ต้องเป็นความพอที่ไม่เร่าร้อน
1. ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่ผู้ประกอบการนำไปบริหารธุรกิจของตนเอง ซึ่ง พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้กล่าวในระหว่างปาฐกถาพิเศษของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มี 7 ประเด็น
1) ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ราคาไม่แพง
2) ผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับทุนทรัพย์
3) ไม่คาดหวังกำไรเป็นหลัก แต่มองถึงกำไรในระยะยาว
4) เน้นสุจริต ไม่เอาเปรียบการใช้แรงงานและลูกค้า
5) ผลิตผลิตภัณฑ์ให้หลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยง
6) ไม่ก่อหนี้สินโดยไม่จำเป็น ซึ่งการขยายกิจการควรรอให้มีผลกำไรจึงค่อยนำมาขยายกิจการ
7) เริ่มต้นธุรกิจโดยเน้นตลาดผู้บริโภคในท้องถิ่นก่อนขยายไปในระดับประเทศ และสุดท้ายจึงไปสู่ตลาดโลก เพราะเศรษฐกิจพอเพียงจะเน้นให้กิจการเติบโตไปได้ด้วยดี ไม่ขัดแย้งกับระบบทุนนิยม เพราะไม่ได้เน้นกำไรสูงสุด แต่เน้นความพอเพียง
2. แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงเหมาะสมกับประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง การสื่อสารนโยบายดังกล่าวให้ต่างประเทศเข้าใจแนวนโยบายนี้ ไม่ยากเย็นอะไร เพราะมีตัวอย่างมากอยู่แล้ว (ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์)
3.นโยบายเศรษฐกิจพอเพียงเป็นนโยบายที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจไทย เพราะไม่ทำให้เศรษฐกิจเติบโตแบบเกินกำลังของตัวเอง ไม่ก่อให้เกิดปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจเช่นในปี 2540 (ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล)
4. นโยบาย “ทักษิโณมิก” ของรัฐบาลชุดก่อน หากดำเนินนโยบายในลักษณะนั้นต่อไปอีก 3 ปี จะทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะวิกฤติ เนื่องจากมีการใช้จ่ายเกินตัวและใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย (ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล)
5. ระบบทักษิโณมิกของรัฐบาลที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องระบบประชานิยมขาดความรอบคอบทั้งในเรื่องการบริหารจัดการ งบประมาณ ทำให้เกิดปัญหาตามมาอย่างมาก (ร.อ.ยงยุทธ มัยลาภ)
6. ตลอดปีที่ผ่านมาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเรื่องที่ฮือฮามาก แม้แต่นายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ ที่ได้รับรู้หลักการดังกล่าวก็รู้สึกตื่นเต้น และขอเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อถวายรางวัล... ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไม่ทำให้เกิดประโยชน์เฉพาะประเทศไทย แต่ยังเหมาะสมสำหรับทุกประเทศที่ต้องการสร้างความเข้มแข็ง ขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้านได้นำไปใช้บ้างแล้ว อาทิ กัมพูชา ได้จัดตั้งหมู่บ้านหนึ่งนอกกรุงพนมเปญ ทดลองนำร่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (นพ.เกษม วัฒนชัย)
7. ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรือยุ่งยาก แต่เป็นปรัชญาที่สร้างสังคมแห่งความพอและมีความสุขในความพอ โดยความพอนี้ต้องเป็นความพอที่ไม่เร่าร้อน ไม่ใช่ปากว่าพอ แต่คอยโกงโน่นโกงนี่ (นพ.เกษม วัฒนชัย)