เช้าวันหนึ่งระหว่างทางไปส่งลูกเรียนภาษาจีน ดิฉันจับประเด็นไม่ได้แล้วว่า เราเริ่มบทสนทนาด้วยเรื่องอะไร ที่พอยังจับใจความได้คือ ลูกสาวขอยืมมือถือคุณพ่อ เพื่อจะดูรูปของเพื่อนที่เขาแอบถ่ายไว้
ลูกสาว : พ่อ ๆ ประเดี๋ยวพ่อไปอัดรูปเพื่อน ๆ ให้หนูด้วยนะ
คุณพ่อ : วันอื่นได้ไหม วันนี้พ่อลืมเอาสาย link มา
ลูกสาว ทำท่าทางฮึดฮัด แล้วเปลี่ยนเรื่องพูด
ลูกสาว : พ่อ ๆ พ่อว่าเพื่อนลูกหล่อไหม
คุณพ่อ คุณแม่ หันมาสบตากัน
ลูกสาวคนเล็ก : หล่อตายแหละ
ลูกสาวคนโต : ลูกไม่ชอบผู้หญิง ลูกไม่ชอบผู้ชาย แต่ลูกชอบทอม
คุณแม่ : คำว่าทอมของลูก หมายถึงอย่างไรค่ะ
ลูกสาวคนโต : ทอมก็คือ ผู้ชาย ที่เกิดมาในร่างผู้หญิง
ลูกสาวคนโต : ก็แบบเพื่อนลูกคนนี้งัย ไม่เห็นจะแปลกเลย โรงเรียนลูก ผู้หญิงล้วน มีทอม อีกโรงเรียนนึงผู้ชายล้วน มีตุ๊ด
อีกครั้งที่เราสองคนพ่อแม่ หันมาสบตากัน
จริง ๆ เหตุการณ์ลักษณะนี้ เริ่มส่อแวว มาเกือบเดือนแล้ว อาทิ เช่น
เราเล่นเกมส์ทายปัญหากันว่า "ใครหล่อที่สุด"
ลูกสาวคนเล็ก ตอบทันที : .........หล่อที่สุด (ชื่อเพื่อนของลูกสาวคนโต)
คุณแม่ : .........คือใครหรือลูก (เนื่องจากคุณแม่ไม่ค่อยจะได้ไปรับลูก เลยไม่ค่อยจะรู้จักเพื่อนของลูก)
ลูกสาวคนเล็ก : คือเพื่อนของพี่งัยแม่ คนที่ชอบเล่นเกมส์กด
ลูกสาวคนโต : จริงด้วยแม่ .......หล่อที่สุด
ณ ตอนนั้น เราพ่อแม่ เริ่มสะกิดใจบ้างแล้ว แต่เนื่องจากไม่อยากทำให้ลูกรู้สึกว่าถูกเราจับผิด เพียงแต่คอยสังเกตุพฤติกรรมของเธอ พบว่ามีหลายอย่างที่เปลี่ยนไป เช่น
"พบว่า เธอมักจะ search บทความหรือกวี เกี่ยวกับความรัก"
เธอเอาวันเดือนปีเกิดของเพื่อนคนนี้ มาถามเราว่า อยู่ราศรีอะไร พอเราถามกลับไปว่า วันเกิดใคร เธอก็ตอบว่าเป็นวันเกิดเพื่อน เธอสืบมาได้
เธอพูดถึงเพื่อนคนนี้ในทางชื่นชม บ่อยขึ้น
เธอมักจะหงุดหงิดทุกครั้ง เวลาเราไปรับเธอกลับเร็วไป เนื่องจากเธอยังอยากเล่นต่ออีก
เธอนำกลุ่มเพื่อนคนนี้ เข้าร่วมแก๊งค์เดียวกันกับกลุ่มของเธอ โดยเธอบอกเราว่า เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการขออนุญาตหัวหน้าแก๊งค็ของเธอ
ดิฉันทราบดีค่ะ ว่าในโรงเรียนที่มีผู้หญิงล้วน กรณี ดี้ กับ ทอม ถือเป็นเหตุการณ์ปกติ เพราะดิฉันเคยผ่านสถานการณ์แบบนั้นมาก่อน
เป็นเพียงการทำตัวตามแฟชั่นเท่านั้น และดิฉันก็ไม่เคยได้รับคำชี้แนะจากใคร ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเอง และก็จบลงได้เอง ตามกาลเวลา
แต่นั่นมันตอนดิฉันอยู่ ม.3 แต่นี่ลูกสาวดิฉันอยู่ประถมสาม
จนถึงวันนี้ วันที่ลูกบอกว่า "หนูชอบทอม"
คุณพ่อ คุณแม่ ที่เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ หรือ คุณครูที่เคยเจอนักเรียนที่มีพฤติกรรมแบบนี้ เราในฐานะผู้ปกครอง ควรจะทำอย่างไรดีค่ะ
ดิฉัน ตัดสินใจอยู่นาน ที่จะเขียนบันทึกนี้ หวังเพียงว่า เมื่อบังเอิญลูกมาเจอ หรือเมื่อลูกโตขึ้น แล้วได้มีโอกาสได้อ่าน
ขอให้ลูกรับรู้ว่า ณ ตอนนี้ แม่ไม่ได้เขียนเพื่อที่จะเอาเรื่องของลูกมาประจานนะคะ แม่เพียงแต่อยากขอคำแนะนำ ขอความเห็นจากเพื่อน ๆ ของแม่ ที่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้
แม่ยังรักลูกเสมอ
สวัสดีค่ะ คุณรัตติยา
ต้องขอออกตัวไว้ก่อนว่าผมเองยังไม่มีลูกครับ อาจจะไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้มากครับ
ในความคิดผมเรื่องนี้ยังไม่ต้องน่ากังวลเท่าไหร่ครับ เพราะน้องพึ่งอยู่ ป. 3 เท่านั้น ผมเดาว่าอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการสนใจเพศตรงข้าม แต่ในสภาพแวดล้อมมีแต่เพื่อนผู้หญิง แล้วบังเอิญได้เพื่อนผู้หญิงที่อาจมีปมในใจที่อยากเป็นผู้ชายครับ
ผมนึกถึงเด็กผู้หญิงที่ชอบพวก boy bands ที่จริงแล้วนั่นก็น่าจะเป็นเรื่องที่มีส่วนดีอยู่เหมือนกัน ให้เขามี preference ที่ถูกเพศ แต่ปัญหาคือ boy bands บ้านเราพฤติกรรมส่วนตัวไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ลองให้น้องดู series เกาหลี และซื้อ CD เพลงของ Rain มาตั้งไว้ในบ้านดีไหมครับ
series เกาหลีเขาโรแมนติคแล้วไม่ค่อยน้ำเน่ามากเท่าบ้านเรา อาจทำให้น้องเห็นความ "หล่อ" แบบผู้ชายจริง แล้วก็เริ่มเข้ากลุ่มเพื่อนที่ดู series เกาหลี
แต่ผู้ชายจริงนี่ก็อันตรายไม่น้อยเหมือนกัน ถ้ามากไป series เกาหลีอาจทำให้เด็กคิดเกินเด็กเร็วเกินไปในอนาคตอีก
โอย.. เรื่องนี้ให้ความเห็นยากเหลือเกินครับ
ในฐานะคนเป็นลูกนะคะ หนูเห็นด้วยกับอาจารย์ธวัชชัย ว่า โรงเรียนหญิงล้วนมีผลต่อความคิดของน้องเค้าเหมือนกัน แต่จะให้ย้ายโรงเรียนก็คงจะไม่ดีมากๆ เลยค่ะ
คงต้องเบี่ยงแบนประเด็นให้น้องเค้าสนใจดารานักร้องผู้ชาย คงจะดีที่สุดแล้วล่ะค่ะ
สมัยหนูอยู่ ป.3 ยังเล่นโดดยางกันอยู่เลนนะคะ เดี๋ยวนี้โลกมันเปลี่ยนไปมากจริงๆ
เรียน ทุกท่านที่กรุณาให้คำชี้แนะ
ทุกความเห็น มีประโยชน์ต่อดิฉันมาก ดิฉันขออนุญาตไม่ตอบกลับของความเห็นของแต่ละท่านนะคะ แต่จะรอความเห็นอีกสักระยะ แล้วจะรวบรวมความคิดเห็นทั้งหมด ไปปรึกษากับพ่อบ้าน ว่าเราควรจะทำอย่างไรดีในเรืองนี้
ขอบพระคุณมากค่ะ
แหม เรามีปัญหาสลับกันนะคะ ของพี่โอ๋ ชาย 3 คน ก็ชอบเล่นเลียนแบบหรือล้อเลียนกันว่า เป็นตุ๊ด แถมเวลาทำท่าตุ๊ด ก็ทำได้เหมือนกันมากค่ะ
คิดว่าสิ่งแวดล้อมสำคัญมากค่ะ เราต้องคุยกับลูกให้มาก บอกความคิดของเรา แต่ทางเลือกต้องเป็นของลูกอยู่ดีแหละค่ะ ตัวเองจะคุยเรื่องของคนอื่นที่เป็นเพื่อนลูก แล้วถามความคิดเห็นเค้า และบอกสิ่งที่เราคิด แบบแลกเปลี่ยนกันนะคะไม่ใช่เราไปสั่งสอนเค้า คิดว่าเขาน่าจะรักเรามากพอที่จะเข้าใจ หากไม่ได้เป็นธรรมชาติที่มากับตัวเขาจริงๆละก้อ ความเบี่ยงเบนนี้น่าจะหายไปได้ แต่เราต้องใกล้ชิดลูกอยู่เสมอค่ะ
มีพี่ที่ทำงาน ก็มีปัญหานี้มาแล้ว และผ่านมาได้แบบที่แม่ต้องลุ้นกันสุดๆ ใช้จิตวิทยามากมาย แต่เพราะความรักและเข้าใจในที่สุดก็จบลงด้วยดีค่ะ เป็นแมนๆกันไปแล้วเรียบร้อย
มาอ่านเมื่อเริ่มรักของ...น้องฟาง...แล้วคิดว่าไม่น่าตกใจอะไรนะคุณแม่....ดิฉั้นเองแก่จะตาย...ยังหลงรักทอมเลย...ก็เธออบอุ่นนี่นา...รู้ใจเราไปซะหมด....นี่ถ้าทะเลาะกับสามีวันไหนคิดว่าจะเก็บผ้าไปอยู่กับทอมเหมือนกัน........ใครก็ตามที่ดูอบอุ่นเป็นที่พึ่ง...วัยกะเตาะก็จะหลงไหลไปตามวัยสีชมพูของเธอ.....ธรรมดาของโรงเรียนที่มีแต่เด็กผู้หญิง...ฮีโร่ในใจเธอก็คือคนมาดเข้ม...เป็นผู้นำ....ทำอะไรก็ดูดี
ดิฉันอ่านหนังสือเคยพบว่า...การผิดเพศ...ผิดฝาในคนเรามีพื้นฐานมาจากสองอย่างคือ....จากฮอร์โมน...ที่ผิดปกติจริง...กับจากสภาพแวดล้อม...การเป็นอยู่ระหว่างพ่อกับแม่....หรือสังคมที่อยู่เขาเห็นการเป็นแบบนั้นไม่เสียหาย....หรือภาวะอยากพึ่งพิงในรายที่เป็นดี้(แอบชอบทอม)
.....ดูๆ ไปนะจ๊ะ....ย้ายโรงเรียนก็เป็นทางออกที่ดีทางหนึ่งถ้าดูแล้วหนักไปข้างหน้า.....จะได้ไปเห็นเพศชายตัวจริง(ว่ามันเหม็นขนาดไหน)....ค่อยดูอีกทีก็ได้...ใช้โอกาสตอนต่อ ป.6 ขึ้น ม.1
.....ดีเหมือนกันมีเพื่อนร่วมทุกข์...ลูกสาวดิฉันก็...ออกจะคล้ายทอม..เข้าไปทุกวัน...สงสัยเห็นแม่ดุพ่อมากไปหน่อย....
เป็นห่วงน่ะถูกแล้วค่ะ แต่อย่าบังคับมากนะคะ หนูเป็นคนนึงค่ะ ที่มีแฟนเป็นทอม และคนที่บ้านก็ไม่ยอมรับ แต่หนูยิ่งต่อต้าน เพราะหนูอยากพิสูจน์ค่ะ ว่าความรักของหนูไปรอด ไม่ได้ทำใครเดือดร้อน แต่สำหรับลูกของคุณพี่ ยังเด็กค่ะ ก็ให้แนะนำสิ่งที่ถูกต้องไปอ่ะค่ะ ให้แยกแยะให้ถูก แต่ห้ามนะคะ ห้ามต่อต้านแก ห้ามบังคับ ให้คอยดูแล้วให้คำปรึกษา หนูก็ไม่ได้เป็นดี้มาตั้งแต่เกิดหรอกค่ะ เพียงแต่คบกับใครแล้วสบายใจ เราก็รู้เองแก่ใจใช่มั้ยคะ ทอมน่ะมีทั้งดีและไม่ดี พอลูกสาวพี่โต ก็คงคิดได้มากกว่านี้อ่ะค่ะ ที่หนูเลือกทอมน่ะ ก็เป็นความรู้สึกของหนู หนูรู้สึกดีกว่าการอยู่ใกล้ผู้ชาย รู้สึกว่าเขาอ่อนโยน และก็เข้าใจ ซึ่งทุกอย่าง มันก็เป็นองค์ประกอบของความรักใช่มั้ยล่ะคะ
ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามมากและเราจะชอบเพศไหนก็ไม่สำคัญแต่ขอให้เรารักกันก็พอ