มิ่งมิตร
เธอรู้ดีอยู่แล้วใช่หรือไม่ ?
ว่าโลกยังคงหมุนรอบตัวเองอยู่อย่างไม่รู้จบ
สังคมเปลี่ยนผันไปตามวิถีแห่งโลก
และชีวิตต่างก็ต้องเรียนรู้ไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเสมอ
มิ่งมิตร
ถึงแม้วันนี้ชีวิตอาจกำลังถูกถมทับ –
และกัดกร่อนจากความทุกข์ระทมอันแสนสาหัส
กระนั้น, เธอเองก็ควรต้องมีศรัทธาอยู่เสมอว่า
“พรุ่งนี้ยังคงงดงามเสมอ
และตราบที่โลกยังมีรุ่งอรุณ
ตราบนั้น ชีวิตเธอก็ย่อมมีวันพรุ่งนี้อยู่อย่างไม่รู้จบ”
ฉะนี้แล้ว
ขอเธอโปรดอย่าหวั่นหวาดต่อการต้องลงมือทำสิ่งใดอีกเลย
เพราะทันที่เธอได้ตัดสินใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งลงไปแล้วนั้น
ย่อมไม่มีวันสูญค่าและเปล่าเปลืองเป็นแน่แท้
อย่างน้อยเธอก็มีโอกาสได้เรียนรู้ว่า –
ในห้วงชีวิตของมนุษย์ย่อมมีทั้งสิ่งที่ “ทำได้”
และ “ทำไม่ได้”
ขณะที่โลกยังหมุนรอบตัวเองอย่างไม่รู้จบ
และชีวิตก็ยังต้องวิวัฒน์ไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเสมอ
บางครั้ง,
การบอกกับใจให้ “ลืม”
ก็มีความสำคัญต่อการก้าวเดินไปสู่วันข้างหน้า
โดยแท้ที่จริงแล้ว,
เธอต้องไม่ลืมว่าการลืม คือ การให้อภัยต่อตัวเธอเอง...
และการลืม คือ การให้อภัยต่อความล้มเหลวของเธอเมื่ออดีตกาล
และจงพึงตระหนักเถิดว่า
ชีวิตที่ไม่อาจจะเติบโตและงอกงามขึ้นมาได้อีกแล้ว...
คือชีวิต
ที่จมปลักและหลับใหลอยู่ในอดีตกาลของตนเอง
๒๓.๔๐ น.
๒๒ มกรา ๒๕๕๐
ห้องหับหอพักชาย ๔..ที่ถูกขับกล่อมด้วยพัดลมเพดาน
มศว องครักษ์
วันข้างหน้า คือวันพรุ่งที่มุ่งไปสู่จุดหมาย งดงามจริงๆค่ะ
ชอบและเห็นด้วยกับประโยคนี้ครับ
ในห้วงชีวิตของมนุษย์ย่อมมีทั้งสิ่งที่ “ทำได้” และ “ทำไม่ได้” ... เธอต้องไม่ลืมว่าการลืม คือ การให้อภัยต่อตัวเธอเอง...
คนเราทำไม่ได้ทุกอย่าง แต่ก็ต้องทำให้ดีที่สุด ถ้าผมจะให้อภัยตัวเอง ผมต้องตอบตัวเองได้ว่าทำไมมันถึงผิด ถึงพลาดไป เก็บไว้เป็นบทเรียน ได้ C ได้ B ในมหาวิทยาลัยชีวิตอีกตัว ก็ไม่เป็นไร เหลืออีกหลายหน่วยกิต (อย่างที่อาจารย์เสกสรรค์ ท่านเปรียบเทียบเอาไว้)
ผมให้อภัยครับ แต่ไม่ลืม