เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวาน (22 มกราคม 2550) เวลาประมาณ 15.00 น. ในห้องทำงานดูวุ่นวายไปหมด เนื่องจากพี่ที่ทำงานท่านหนึ่งได้รับข้อความ sms ว่า "ท่านโชคดีถูกรางวัลที่ 2 ได้รับเงินสด 400,000 บาท โปรดติดต่อกลับที่เบอร์....................."
เธอและทุกคนในห้องทำงานดูตื่นเต้นกับข้อความนี้มาก ยกเว้น ดิฉัน เนื่องจากรู้สึกทะแม่ง ๆ ว่า ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ แต่ก็เก็บอาการไว้ภายใน ก็แหม คนอื่นเขากำลังดีใจ ลองเราพูดไปสิว่าเรารู้สึกแบบนี้ คงได้โดนเหล่เอาแน่ ๆ
หลังจากคลายความตื่นเต้นกันแล้ว เธอก็พยายามโทรติดต่อกลับไปยังเบอร์ที่ทิ้งไว้ให้ ดิฉันเห็นเธอกดโทรออกไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง พลอยทำให้ทุกคนในห้องร่วมลุ้นไปกับเธอด้วย แต่เธอก็ยังไม่วายมองโลกในแง่ดี "สงสัยคงมีคนโทรติดต่อกลับไปหาเขาเยอะ สายเลยไม่ว่างสักที"
จนเมื่อปลายสายรับสาย ทุกคนในห้องเลยใจจดใจจ่อ รอฟังการสนทนาระหว่างเธอกับปลายสาย
"สวัสดีค่ะ ดิฉันได้รับข้อความจาก sms ว่า ดิฉันถูกรางวัลที่ 2 ได้รับเงินสด 400,000 บาท แล้วให้ติดต่อกลับที่เบอร์นี้คะ"
"ครับ คือทางบริษัทเราเป็นบริษัทที่ผลิตซิมมือถือให้กับค่ายต่าง ๆ แล้ววันนี้ เป็นวันครบรอบบริษัท เราก็เลยคืนกำไรให้ลูกค้า โดยการนำเอาเบอร์ทั้งหมดของลูกค้ามาสุ่มจับรางวัล แล้วบังเอิญคุณพี่โชคดี ได้รางวัลที่ 2 เป็นเงินสดมูลค่า 400,000 บาท"
"แล้วรางวัลที่ 1 หละคะ"
"รางวัลที่ 1 คือ รถยนต์ ครับ"
"ทางเราจัดงานไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาครับที่พัทยา ถือว่าคุณพี่โชคดีมาก ๆ เลยครับ"
ระหว่างที่เธอคุยกับปลายสาย ดิฉันอดใจไม่ไหว ก็เลยตะโกนจากหลังห้องบอกเธอไปว่า
"พี่ ระวังหน่อยนะ เพราะเหตุการณ์ลักษณะนี้ ช่วงนี้มีบ่อยเหลือเกิน เขาจะหลอกถามหมายเลขบัตรเครดิต และบัญชีธนาคารของเรา ยังไงก็อย่าเผลอไปให้เขานะ"
เนื่องจากดิฉัน เคยอ่านเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้ ในบันทึกของ อ.วิบูลย์
ที่นี่ไม่ทันขาดคำ ดิฉัน ก็ได้ยินเสียงบทสนทนาระหว่างเธอกับเขา
"ประเดี๋ยวเราจะโอนเงินเข้าบัญชีให้พี่นะครับ ไม่ทราบว่าพี่มีบัญชีของธนาคารไทยพานิชย์รึเปล่าครับ"
"มีค่ะ"
"เลขที่บัญชีอะไรครับ เดี๋ยวเราจะโอนเงินให้"
เธอบอกเลขที่บัญชีให้กับปลายสาย
"ไม่ทราบว่าในสมุดบัญชีของพี่มีเงินเท่าไหร่เหรอครับ"
"มีอยู่ประมาณ หมื่นกว่าบาทค่ะ ถามทำไมเหรอค่ะ"
" อ้อ คือว่า เผื่อพี่จะได้เช็คยอดได้ถูกต้องไงครับ แล้วเดี๋ยวทางบริษัทจะโอนเงินให้พี่นะครับ แล้วคงหักในส่วนของภาษี ณ ที่จ่ายไว้เลย เป็นเงินประมาณ 20,000 บาท อีกสัก 15 นาที พี่ไปเช็คยอดได้เลยนะครับ ถ้าเงินเข้าแล้วรบกวนพี่โทรกลับมาบอกเราด้วย ทางเราจะได้รีบจัดแถลงข่าวเลย"
"ค่ะ"
หลังจากวางสายไป พี่ ๆ คนอื่นในห้องต่างตื่นเต้นไม่แพ้เธอ ยกเว้นดิฉันอีกนั่นแหละที่รู้สึกว่า มันยิ่งทะแม่ง ๆ เข้าไปอีก
"พี่ ไม่ลองโทรกลับไปถามที่บริษัทมือถือหน่อยเหรอ ว่าเขาให้ทางบริษัทนี้ เป็นผู้ผลิตซิมรึเปล่า และมีรายการจับรางวัลทำนองนี้รึเปล่า แป๊ดว่ามันแปลก ๆ นะ อะไรกันเงินรางวัลตั้งเยอะแยะ โอนให้กันง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ แล้วทำไมต้องถามยอดเงินในบัญชีของเราด้วย"
"เราต้องเชื่อใจเขาหน่อยสิ แล้วตอนนี้เราก็ยังไม่เสียหายอะไร ถ้าเงินในบัญชีเรามีเป็นล้าน นั่นค่อยน่าห่วงหน่อย นี่มีแค่นิดเดียว"
จนครบ 15 นาที เธอเทียวไปเทียวมา ระหว่างธนาคาร กับ ที่ทำงาน สลับกับโทรกลับไปยังปลายสาย
"พี่ไม่เห็นมีเงินเข้าบัญชีเลย"
"ลองดูอีกสักครั้งนะครับพี่ ทางบริษัทโอนเงินเข้าบัญชีให้พี่ไปแล้วทาง internet ยังไงเดี๋ยวพี่ลองไปเช็คยอดอีกทีนะครับ
จนถึงเวลาเลิกงาน พี่ ๆ คนอื่นต่างทยอยกลับบ้านกันหมด เหลือเพียงดิฉันที่ยังนั่งทำงานอยู่ เธอก็ยังเทียวไปเทียวมาระหว่างธนาคารกับที่ทำงานเหมือนเดิม
"พี่ ไม่ลองโทรไปปรึกษาเพื่อนพี่ที่ทำงานธนาคารหน่อยเหรอ ว่าเคยมีเหตุการณ์ลักษณะนี้รึเปล่า"
เธอเห็นด้วยกับดิฉัน โทรไปหาเพื่อนเธอ แต่ไม่ได้เล่าเหตุการณ์นี้ให้ฟัง กลับไปถามถึงขั้นตอนของการโอนเงินผ่านทาง internet ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน เพื่อนเธอบอกว่า ถ้าโอนจากธนาคารเดียวกัน ใช้เวลาเพียงแค่ 8 วินาที เท่านั้น
เธอตัดสินใจโทรกลับไปบริษัทนั้นอีกที
"พี่ไปเช็คยอดเงินแล้วนะ เงินยังไม่เข้าเลย พี่เดินไปเดินมาหลายรอบแล้ว"
"โทษครับ ไม่ทราบว่าประเภทบัญชีของพี่เป็นแบบไหนครับ"
"ออมทรัพย์"
"อ้อ ถ้าเป็นออมทรัพย์ ยอดเงินมันอาจจะไม่ขึ้นทันที ยังไงพี่เดินไปที่ตู้เอทีเอ็มอีกครั้งนะครับ แล้วผมจะบอกขั้นตอนให้"
เธอเดินกลับไปยังธนาคารอีกครั้ง สักพัก เธอเดินกลับมานั่งหน้าโต๊ะดิฉัน ด้วยสีหน้าตระหนก
"แป๊ด พี่โดนมันหลอกแล้วหละ"
"เกิดอะไรขึ้นเหรอพี่"
"เมื่อกี้ พอไปถึงตู้เอทีเอ็ม มัน (ขออนุญาตใช้คำนี้นะคะ) บอกขั้นตอนให้พี่ทำรายการ แล้วถามพี่ว่า พี่เห็นรายการโอนเงิน online รึเปล่า
พี่ก็บอกว่า ไม่เห็น มันก็เลยบอกว่า งั้นให้พี่เลือกตรงรายการอื่น ๆ แล้วให้เลิกช่องโอนเงิน
ตอนนั้น พี่ยังไม่รู้สึกอะไร มันบอกว่า พี่ต้องลองใส่จำนวนเงินเข้าไปก่อน แล้วยอดเงินที่มันโอนไปให้ก็จะขึ้นให้พี่เห็น
มันให้พี่กดเลข 9552 ซึ่งนั่นคือ จำนวนเงินที่พี่ต้องกดเพื่อลองโอนให้มัน เป็นยอดที่ไม่เกินยอดเงินที่พี่มีอยู่ หมื่นกว่าบาท
แล้วมันก็บอกว่า มันจะบอกรหัส online ของมันให้พี่
ซึ่งตอนนี้ พี่เริ่มเอะใจแล้ว เพราะรหัสที่มันว่า คือเลขที่บัญชีดี ๆ นี่เอง แล้วถ้าพี่กด ก็แสดงว่า พี่กำลังโอนเงินให้มัน
พี่ก็เลยตัดสินใจยกเลิกการทำรายการ แล้วบอกมันไปว่า พี่ทำรายการช้าไป เขาเลยยกเลิกให้พี่ทำใหม่
ระหว่างนั้น พี่ก็กลับไปเช็คยอดเงินในบัญชี ซึ่งโชคดีที่จำนวนเงินเดิมของพี่ยังมีอยู่
แล้วพี่ก็บอกมันไปว่า มีคนรอคิวต่อจากพี่เยอะเลย พี่เกรงใจเขา ยังไงเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ค่อยไปเช็คยอดที่ธนาคารเองดีกว่า
แล้วก็วางสายไป
ดิฉัน ให้เธอลองโทรไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่ธนาคาร ซึ่งบังเอิญโชคดีที่ยังมีเจ้าหน้าที่อยู่ แล้วเขาก็รับสายเธอ
แต่เสียดาย คนที่บ้านมารับดิฉันแล้ว เลยไม่ทราบว่า เจ้าหน้าที่แนะนำอะไรเธอบ้าง
ดิฉันยังไม่ได้ขออนุญาตเธอในการนำเรื่องนี้มาเล่า แต่คิดว่าเธอคงอนุญาต เผื่อว่าเหตุการณ์นี้จะได้เป็นอุทาหรณ์แก่ท่านอื่น ๆ ให้ระวังตัว ถ้าเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้
ไม่ทราบว่า ใครเคยเจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้บ้างค่ะ
ที่สำคัญมันทำกันเป็นขบวนการ เพราะเจ้าหน้าที่ที่ติดต่อกลับมา จะมีหลายคน และหลายหน้าที่มาก ทั้ง ฝ่ายการตลอด พนักงานบัญชี เจ้าหน้าที่โอนเงิน online
ติดตามอ่านตอนที่ 2 ได้ที่บันทึกนี้
ขอบคุณมากค่ะ
คุณรัตติยาขา
ขอบคุณมากสำหรับเรื่องเล่าดี ๆ (แสนเร้าใจ)
สังคมสมัยนี้ หลอกคนได้หลายรูปแบบ
เพราะฉะนั้น เราต้องอยู่ด้วยความพอเพียง และพอดี ใช่ไหมคะ
นิวเคยดูรายการทาง ITV แต่จำไม่ได้แล้วว่าเป็นรายการอะไร เค้าก็เอามาออกเหมือนกัน ประมาณนี้เลยคะ แล้วก็เวลาก่อนทำรายการโอนเงินเนี่ย !! เค้าจะให้เลือกเป็นภาษาอังกฤษไงคะ ที่นี่ใครที่ไม่คุ้นเคยก็อาจหลงเชื่อได้ หรือภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง ก็อาจหลงเชื่อได้ หืมมม สังคมเดี๋ยวนี้น่ากลัวเน๊อะ..
แต่ว่าสำหรับนิว 555 เอิ๊ก ๆ ไม่มีเงินจะไปโอนให้ใครหรอก อิอิ....
เคยได้ยินเรื่องแบบนี้ครับ จากเพื่อนของน้องอีกทีหนึ่ง รางวัลที่ได้บอาจต่างกันแต่วิธีสร้างความสับสนในการโอนเงินเหมือนกันเลยครับ คนเหล่านี้พยายามมองหาจุดอ่อนจากเหยื่อ นั่นคือ"ความโลภ"(ไม่ได้ว่าเพื่อนคุณแป็ดน่ะครับ แต่กรณีแบบนี้มีเยอะเหลือเกิน) โดยการนำของรางวัล หรือเงินหรือทองก้อนโตมาหลอกล่อ เมื่อเหยื่อหลงกลและตายใจ แผน 2..3..4 ก็จะตามมา แม้แต่ระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยที่สูดของธนาคารก็จนปัญญาครับ..! ออ..ผมได้มีโอกาศกับเจอกับคนที่ทำงานแบบนี้โดยบังเฮิญ นอกจาก ATMแล้วยังมีบัตรเครดิตอีกด้วย เขาจะมองหา "สลิบบัตรเครดิต" คนพวกนี้มีความเชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี เขาสามารถเข้าไปสุ่มและถอดเอาระหัสออกมาได้สบายๆ.. หลายคนอาจจะทราบแล้ว อย่างไรซะก็อย่าเผลอเรอลืมทิ้งสลิบบัตรเครดิตใว้เพ่นพ่านน่ะครับ ขยะสังคมมีเยอะเหลือเกิน |
คุณรัตติยาคะ
มาเยี่ยม...
มีประโยชนืมากครับ มีคนหากินหลายรูปแบบ
รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม นะครับ เป็นเรื่องเตือนตนดีจริง ๆ ถ้าโลภมาก ก็ลาภหายนะครับ
ขอบคุรครับ
กราบขอบคุณทุกความคิดเห็น
มีข่าวความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวเพิ่มเติม ติดตามอ่านได้จากบันทึกนี้คะ
เรียนคุณแผ่นดิน
อย่าลืมตามอ่านตอนที่ 2 นะคะ