สุ่มสี่ สุ่มห้า..จนเกือบเสียเรื่อง


ในหลักสูตรที่ต้องการดึงใจ..พึงระวังความเสี่ยงที่จะทำให้ใจ...ของผู้เข้าโดนชี้นำใจโดยเรื่องเล่าที่ไม่ได้เตี๊ยมไว้ก่อนเพราะเรามิสามารถคำนวนอารมณ์ของผู้เล่าว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน...

ในการจัดอบรม สิ่งหนึ่งที่ควรทำคือการดึงใจให้ผู้เข้าร่วมมีส่วนร่วมในการสัมมนาเล็กๆ น้อยๆ ในตอนเช้าก่อนเริ่มรายการ...หากเป็นโครงการเรามักจะใช้การเล่านิทาน เรื่องเล่าสบายๆ เพื่อลดความเก็รง ...โดยใช้เอกลักษณะเฉพาะตัวของกลุ่ม..คนที่กลุ่มยอมรับมาเล่า  เช้าวันนี้ก็เช่นกัน ดิฉั๊นตั้งใจจะใช้กลุ่มมาขยับปากให้ได้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเช่นเคย...แต่ครั้งนี้ไม่ได้บรรยากาศเดิม..ในคนเดิมที่เคยใช้เป็นเครื่องมือกันอยู่ ดิฉั๊นอ้าปากค้าง...วิทยากรกระบวนการที่รับผิดชอบเป้าหมายทั้งวันของโครงการนี้พยายามสบตาว่าการเริ่มต้นของดิฉั๊นแนวนี้อาจทำให้เสียหายต่อทั้งวันได้ ..แต่ดิฉั๊นก็หยุดเขาไม่ได้....ปล่อยให้เล่าไป...จนจบ ดิฉั๊นทบทวนไปมาเดี๋ยวนั้น...ว่าทำไมเกิดอะไรขึ้น...พบว่าภาษาตอนที่ดิฉั๊นเชิญเล่าเรื่องเช้านี้ ดิฉั๊นใช้คำพูดผิดไปจากเดิม "การจัดการความรู้ต้องเริ่มต้นด้วยเรื่องเล่า......เช้านี้ขอฟังเรื่องเล่าจากพี่...."  พี่ไม่เล่าเรื่องตลกเช่นที่เคยเล่า....แต่บ่นให้ฟังถึงบรรยากาศของการจัดการความรู้ที่แกรับรู้เป็นเช่นไรมีอุปสรรค 1 2 3 และล้ำเลยไปเปรียบเทียบระหว่างวิทยาเขต..ระหว่างคณะว่าตรงนั้นโชคดี..ตรงนี้โชคร้าย (ล้วนเป็นแง่ลบชวนให้หมดพลังแต่เช้า) ดิฉั๊นถึงบอกว่าดิฉั๊นอ้าปากค้างไงหล่ะ...ดิฉั๊นรู้ว่าผิดล๊อค(ตายหล่ะหว่าวิทยากรต้องเข็กกบาลดิฉั๊นแน่ๆ..สุ่มสี่สุ่มห้าทำเสียเรื่อง) ปล่อยให้เล่าจนจบเพราะทำอะไรได้ไม่มากไปกว่านั้น...รวบรวมสติผุดประโยคที่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พบเห็นปกติในองค์กร "เป็นมุมมองหนึ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการทำการจัดการความรู้อุปสรรคของการทำเรื่องนี้อยู่ที่ใจ...วันนี้จะเป็นการชวนคิด...ชวนดู....เรียนรู้ไปด้วยกันให้กระจ่างว่า การจัดการความรู้นี้คืออะไรกันแน่..."  แล้วดิฉั๊นก็ส่งเวทีให้ท่านวิทยากรด้วยความรู้สึกผิด...นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...อย่าประมาทคิดว่าผลจะออกมาเหมือนเช่นทุกครั้ง...ในหลักสูตรที่ต้องการดึงใจ..พึงระวังความเสี่ยงที่จะทำให้ใจของผู้เข้าโดนชี้นำใจโดยเรื่องเล่าที่ไม่ได้เตี๊ยมไว้ก่อนเพราะเรามิสามารถคำนวนอารมณ์ของผู้เล่าว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน...

หมายเลขบันทึก: 71825เขียนเมื่อ 10 มกราคม 2007 08:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
  • เป็นประสบการณ์ เป็นบทเรียนที่ต้องเรียนรู้ร่วมกันค่ะ
  • แต่คุณเมตตาก็สามารถนำเข้าสู่การสัมมนาได้ด้วยดีนี่คะ
  • ประสบการณ์นี้ถือสิ่งที่มา ลปรร.กันสำหรับเจ้าหน้าที่บุคคล หรือท่านอื่น ๆ ที่ต้องจัดสัมมนา  มีประโยชน์มากค่ะ (เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ อืม........เกือบแล้วไหมล่ะ)
  • บรรยากาศช่วงสัมมนาคงมีให้อ่านนะคะ จะรอค่ะ

 

ยอมรับเหมือนกันคะ ว่ารู้สึกเช่นเดียวกันแบบที่คุณเมตตารู้สึก ยังนั่งลุ้นว่า คุณเมตตา จะดึงเนื้อหากลับมาอย่างไร  สุดท้าย ทำได้ดีเยี่ยมจริง ๆ ค่ะ
  • เริ่มต้นดีเหมือนสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่งใช่ไหมครับ
  • รออ่านต่อการอบรม
  • ขอบคุณครับ
ก็งงๆ ง.งูตามกัน 2 ตัว แต่แล้วน้องจิ๊บก็ดึงสถานการณ์ได้ทันก่อนทุกคนเริ่มห่อเหี่ยวมากกว่าฮึกเหิม แต่ดีเหมือนกันผู้อื่นจะได้จดจำไว้เป็นบทเรียนค่ะ
  • เห็นด้วยนะครับกับแนวคิดสำคัญคือการดึงใจให้ผู้เข้าร่วมมีส่วนร่วมในการสัมมนา
  • เพราะวันแรกและวันเดียวที่ผมเคยได้นั่งฟังเรื่อง KM ในเวทีของมหาวิทยาลัย  "ผู้บริหารพูดว่าต้องเริ่มด้วยใจ"  แต่ผมไม่เข้าใจเลยว่า KM คืออะไร  สำคัญแค่ไหน และต้องทำอะไรบ้าง....ผมนั่งงงนานถึง 3 ชั่วโมง
  • แต่เพราะ "ใจ" มันชอบ ก็เลยต้องทุ่มใจ "ลองผิด ลองถูก" "สุ่มสี่ สุ่มห้า" เรียนรู้ด้วยตนเองสืบมาจนถึงวันนี้และขณะนี้
  • พรุ่งนี้....คำตอบก็คงแจ่มชัดขึ้นในเวที KM องค์กรของตนเอง
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท