-------------------เป็นคนคิดแล้วจึ่ง เจรจา
-------อย่ามลนหลับตา แต่ได้
--------เลือกสรรหมั่นปัญญา ตรองตรึก
--------สติริรอบให้ ถูกแล้วจึงทำฯ[i]
เรามักได้ยินคำพูดที่ว่า “คิดก่อนทำ ทำก่อนพูด” หรือไม่ก็ “คิดทุกอย่างที่ทำ แต่อย่าทำทุกอย่างที่คิด” บางทีก็จะได้ยินว่า “คิดแล้วต้องทำ ไม่ใช่พูดอย่างเดียวแล้วไม่ทำ” คำพูดเหล่านี้ไม่ได้ใช้ในปริบทเดียวกันแน่นอน
ชุดคำพูดที่ ๑ เป็นการสอนให้วางแผนให้รอบคอบก่อนทำ เมื่อทำเป็นชิ้นเป็นอันแล้วค่อยพูดออกไป สิ่งที่ทำสำเร็จแล้วจะเป็นตัวเสริมน้ำหนักของคำพูดได้ดีเพราะนั้นคือหลักฐานที่พิจารณาได้
ชุดคำพูดที่ ๒ เป็นการสอนให้คิดอย่างละเอียดรอบคอบทุกเรื่องที่จะทำและกำลังทำอยู่ และมีสำนวนต่อมาอีกว่า อย่าทำทุกอย่างที่คิด เพราะความคิดของเรามีทั้งดีและร้าย เกิดคิดร้ายและทำทุกอย่างที่คิด เราก็จะกลายเป็นนักโทษสังคมทันที
ชุดคำพูดที่ ๓ เมื่อคิดวางแผนอย่างรอบคอบแล้ว ต้องลงมือทำตามแผนนั้น มิใช่คิดฟุ้งเพ้อฝันเป็นเรื่องราวละคร และถ้าเกิดพูดแผนการไปแล้วก็ต้องลงมือทำมิฉะนั้นอาจได้คำครหาตามมาว่า “ดีแต่พูด”
จากโคลงบทตั้ง เป็นการสอนเรื่องการทำ พูด คิดเหมือนกัน กล่าวคือ ก่อนที่จะเจรจาอันใดออกไป ควรใคร่ครวญ ตรึกตรองให้จงดีเสียก่อนว่า สิ่งที่พูดออกไปนั้นเป็นคำจริงและมีประโยชน์หรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ควรที่จะพูดออกไปเพราะอาจสร้างความเสียหายให้ทั้งแก่ตนเองและบุคคลอื่น และไม่ควรหลับหูหลับตาพูดเอาแต่ได้ ต้องมีความคิดใคร่ครวญอยู่ตลอดเวลาทั้งก่อนพูด ระหว่างพูด และหลังพูด ถ้าเกิดผิดพลาดเราต้องยอมที่จะขอโทษ เพราะไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาด จากนั้นก็สอนเรื่องการใช้สติให้รอบคอบ เห็นว่าถูกต้องเหมาะสมแล้วจึงค่อยทำ ไม่ใช่ถูกใจฉันฉันจึงทำ โดยสรุปของเนื้อหาทั้งหมดคือ การมีสติและสัมปชัญญะนั่นเอง
ชอบใจแนวคิดแนวธรรมของอาจารย์ครับ
แวะมาทักทาย ตามประสาคอเดียวกันและร่วมคณะเดียวกัน
มาเชียงใหม่เชิญแวะเยี่ยมนะครับ
เรียน ท่านอาจารย์ พิชัย กรรณกุลสุนทร
ยินดีเช่นเดียวกันครับ ขอบคุณครับ ถ้าไปแล้วคงต้องไปเรียนเยี่ยมครับ (เพื่อนผมเพิ่งไปเรียน ม.เชียงใหม่เมื่อปลายปีที่แล้วนี้ครับ "เทคโนฯสิ่งแวดล้อม)
หา บทความโว๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ