บางอย่างที่เปลี่ยนไป...


              

               เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิต ใครจะคิดว่าการวิ่งหนีอะไรบางอย่าง กลับทำให้ได้มาซึ่งบางอย่างที่ดีเกินจะคาดคิด เราเองตั้งใจแน่วแน่เท่าที่จำความได้ ก็ไม่เคยคิดอยากจะเป็นอะไรเลย นอกจากนักดนตรี ตอนเด็ก ๆ ก็คงไม่ได้คิดหรอกว่า อีกเส้นทางที่สำคัญทางหนึ่งของนักดนตรี ก็คือครูสอนดนตรีนั่นเอง ตอนเข้าเรียนที่สาขาวิชาดุริยศิลป์ พายัพ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 จะต้องสอบออดิชั่นเพื่อเลือกเมเจอร์ที่ตนเองอยากเรียน เราก็เลือกสอบสายการแสดงดนตรี เพราะยังคงคิดที่จะมุ่งไปในสายนักดนตรีเท่านั้น แต่ปรากฏว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดไป เพราะพื้นฐานในการเล่นเปียโนของเราไม่เท่าเพื่อน ไม่มีโอกาสจะได้เรียนเปียโนต่อเนื่องอย่างเพื่อน ๆ ที่เรียนอยู่ที่เชียงใหม่ ได้เรียนเพียงแค่เฉพาะช่วงปิดเทอมเท่านั้น โดยไปเรียนที่กรุงเทพ (บ้านน้าที่กรุงเทพอยู่ติดกับโรงเรียนดนตรี) และกลับมาฝึกซ้อมเองที่แม่ฮ่องสอนเกือบตลอดปี และกลับไปเรียนเพิ่มเติมทุกครั้งที่ปิดภาคเรียน ทำแบบนี้ตั้งแต่ ป.5 - ม.5 ถือเป็นช่วงเวลาที่ลำบาก เพราะที่แม่ฮ่องสอนไม่มีครูสอนเปียโน แต่เรากลับตั้งใจแน่วแน่ที่จะเรียนในด้านนี้โดยมีพ่อเป็นผู้สนับสนุนความคิด เพราะพ่อรักดนตรีมาก ๆ แต่กลับไม่มีโอกาสได้เรียน อาศัยการฝึกด้วยตัวเองจนเก่ง จึงฝังใจอยากให้ลูกได้เรียนดนตรี และผลักดันเราให้เรียนดนตรีตั้งแต่เด็ก พอรู้สึกว่าเรียนไม่ไหวในสายการแสดงจริง ๆ จึงย้ายมาเรียนสายดนตรีศึกษาตอนอยู่ปี 3 แล้วรู้สึกว่าเข้ากับเรา เรียนได้สบาย ๆ ไม่ได้เครียดกับการต้องซ้อมเปียโนเหมือนตอนที่เรียนสายการแสดงเลย แต่การที่ตัดสินใจเปลี่ยนเมเจอร์ค่อนข้างช้า เปลี่ยนตอนเรียนอยู่ปี 3 ทำให้ไม่สามารถเก็บหน่วยกิตวิชาเมเจอร์ครบทันให้เรียนจบภายในระยะเวลา 4 ปี ด้วยความที่คิดว่าไหน ๆ ก็เรียนไม่จบภายใน 4 ปี แล้ว จึงตัดสินใจสมัครโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาไปเรียนที่อเมริกาหนึ่งปี พอกลับมาจากอเมริกา กะว่าจะเรียนให้จบในภาคการศึกษาที่จะมาถึง แต่ก็สอบได้ทุนเต็มจากรัฐบาลเกาหลี ให้ไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศเกาหลีใต้อีก 1 ภาคการศึกษา สรุปว่ากว่าจะกลับมาเรียนจนจบมหาลัย ก็ใช้เวลาครบ 6 ปี พอดี ถือว่าคุ้มสุด ๆ กับประสบการณ์ที่ได้รับจากชีวิตมหาลัย 

                จากนั้นเราก็กลับมาเปิดสอนเปียโนที่บ้าน ในแบบที่คนเรียนเปียโนส่วนมากชอบทำกันเพราะรายได้ดี คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป แต่ข้อเสียคือไม่ค่อยมีความมั่นคง รายได้จะเพิ่มลดตามจำนวนนักเรียน และการลาของนักเรียนตลอดเวลา สอนเปียโนที่บ้านแม่ฮ่องสอนได้ 4 - 5 ปี รุ่นน้องที่สอนดนตรีอยู่โรงเรียนสังกัดท้องถิ่งแห่งหนึ่งใกล้บ้าน สอบบรรจุได้ ต้องย้ายไปบรรจุที่โรงเรียนอื่น จึงชวนเราไปสอนแทน เหมือนว่าถูกหลอกไปสอน บอกว่าไปเป็นวิทยากรพิเศษ ไป ๆ มา ๆ เอาเราเข้าเป็นลูกจ้างชั่วคราวตามโครงวการส่งเสริมความเป็นเลิศด้านดนตรี ไม่ต่างจากการเป็นครูจ้างประจำเลย ทำให้สถานะการในตอนนั้น เหมือนขาข้างหนึ่งได้ก้าวเข้าสู่วงการสอนในโรงเรียนแล้ว จากที่เกลียดระบบโรงเรียนไทยอยู่แล้ว อยากบอกว่าเกลียดกว่าเดิมมาก สังคมเน่า ๆ ของครู ใครเคยเจอก็คงจะรู้ดี จุดเปลี่ยนมันอยู่ที่ว่าเราเริ่มรู้สึกถึงการถูกเอาเปรียบจากการเป็นครูจ้างประจำทำงานไม่คุ้มเงินเดือนเลย ได้เงินน้อย แต่เราไม่ทิ้งงานสอนเปียโนนะ ยังทำคู่กัน สรุปทำงาน 7 วันเต็ม ๆ อยู่ 2 ปี พอรู้สึกทนไม่ไหวกับการเป็นครูจ้าง อะไรดลบันดาลให้เป็นช่วงเปิดสอบครูผู้ช่วยปี 61 พอดี และดันมีเปิดเอกขาดแคลน ในสาขาที่เราจบมาอีก ดีจังไม่เคยสอบอะไรพวกนี้เลย ลองสอบดูละกัน ไม่อยากเป็นครูจ้างแล้ว งั้นก็เลือกเลย เอกดนตรีสากล รับ 1 ตำแหน่งเท่านั้น สังกัด สพม. เขต 34 ตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่าโรงเรียนที่ขออัตราเอกดนตรีสากล อยู่ที่ อ.แม่สะเรียง ถ้ารู้แต่แรกจะไม่สอบเลย ไกลบ้าน แต่ด้วยความที่ไม่ได้สืบเลยคิดว่าโรงเรียนอะไรก็รอลุ้นเอา เผื่อใกล้ ๆ บ้านก็คงจะดี ตกลงว่าตัดสินใจสมัครสอบวันสุดท้ายที่เค้าเปิดรับสมัคร เพราะก็ลังเลมาก ใจหนึ่งก็อยากสอบ ใจหนึ่งก็คิดว่าเหนื่อย จะเอาเวลาที่ไหนอ่านหนังสือ ตอนนี้ทำงาน 7 วัน นอกจากจะสอนเปียโนที่บ้าน เป็นครูที่โรงเรียนสังกัดท้องถิ่นแห่งหนึ่ง ช่วงนั้นก็เริ่มเล่นดนตรีกลางคืนด้วย เพราะเพื่อนชวน เราเองชอบเล่นวงอยู่แล้ว ก็ตัดสินใจรับเล่นดนตรีอีกงาน เล่นทุกวันหยุดเฉพาะวันที่กฏหมายห้ามดื่มแอลกอฮอล์ ทำงาน 3 งาน กับการอ่านหนังสือเตรียมสอบครูผู้ช่วย ที่หวังแค่ต้องได้ที่ 1 เท่านั้น โดยมีเวลาศึกษาหาความรู้เริ่มนับหลังจากที่ไปสมัคร เพราะไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับการสอบเลย สรุปมีเวลาเตรียมสอบแค่ 1 เดือนเท่านั้น จะบอกว่าอ่านไปงั้น ๆ ไม่ติดช่างมันก็คงไม่ได้ เพราะถ้าตั้งใจจะสอบแล้ว เอาจริง ๆ เราหวังว่าต้องสอบได้ที่ 1 เท่านั้น เริ่มจากการอ่านทุกเวลาว่างที่มีจากการทำงาน 3 งาน 7 วัน แถมไปเล่นบาสทุกเย็น พึ่งมาหยุดเล่นช่วง 1 สัปดาห์ก่อนสอบ ก็ตลกนะ ตอนนั้นติดการเล่นบาสมาก ๆ เลย เราก็หาข้อมูลจากแหล่งที่เราคิดว่าน่าจะติวเนื้อหาที่ออกสอบได้ดีจากในอินเตอร์เน็ต อ่าน ๆ ศึกษา ๆ และแล้วเราก็สอบได้ที่ 1 สมดังตั้งใจ บรรจุที่โรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ อยู่ภายในตัวเมืองแม่สะเรียง มีนักเรียนจำนวนมากที่สุดในจังหวัดแม่ฮ่องสอน

                 เหมือนว่าความพยายามและโชคชะตาพาให้เรามาอยู่ในจุดนี้ จุดที่เราแสนจะเกลียดกับการได้เข้ามาทำงานในระบบราชการอย่างเต็มตัว แต่จุดที่เปลี่ยนยิ่งกว่าเปลี่ยน คือตอนนี้เรารักงานนี้ ระบบเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่เรากลับมีเพื่อนที่ดีมาก ๆ เป็นครูผู้ช่วยที่บรรจุพร้อมกันที่โรงเรียนแม่สะเรียง "บริพัตรศึกษา" รอบที่เราสอบ 10 คน ทุกคนคือคนที่สอบได้ไม่เกินอันดับ 3 ในแต่ละเอก พวกเราช่วยเหลือกันในการทำงาน ไม่ใช่แค่งานแต่เป็นทุก ๆ เรื่องในชีวิตเลยก็ว่าได้ ใครจะไปคิดว่าจะเจอกลุ่มเพื่อนที่รู้ใจกัน สุขทุกข์ไปด้วยกัน ตอนที่อายุขึ้นเลข 3 แล้ว เราคือคนที่อายุเยอะที่สุดในกลุ่มเลย แต่น้อง ๆ ก็น่ารักมาก ในระบบแย่ ๆ ของการศึกษาไทย กลับมีเพื่อนดี ๆ เป็นพลังที่จะทำให้เราอยากพัฒนาการศึกษาไทยไปด้วยกัน ไม่เคยคาดคิดเลยว่าสุดท้าย เราจะรักในสิ่งที่เราวิ่งหนีมาตลอดได้อย่างเต็มหัวใจ                                

หมายเลขบันทึก: 674505เขียนเมื่อ 17 มกราคม 2020 21:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มกราคม 2020 21:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (46)

สวัสดีครับ คุณกล้วยไม้ น่าชื่นชมและเป็นแรงบันดาลมากเลยครับ ทุกสิ่งทุกอย่างที่สำเร็จอยู่ที่เราลงมือทำจริงๆ

สวัสดีค่ะ คุณกล้วยไม้ เป็นกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงานต่อไปนะคะ ……..ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับ คุณกล้วยไม้ ผมชื่นชมผลงานและภาษาการเล่าเรื่องของคุณมากครับ เป็นกำลังใจให้ครับ

เชื่อว่าจุดเปลี่ยนของพี่เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เกิดผลในทางที่ดีและมีความสุขค่ะ เป็นกำลังใจให้กับทุกเรื่องนะคะ ขอบคุณค่ะ :)

สวัสดีค่ะ คุณกล้วยไม้ ดิฉันประทับใจการเขียนเล่าเรื่องของคุณมาก เนื้อหาอ่านแล้วประทับใจในหลายๆเหตุการณ์ เป็นกำลังใจในการสร้างบทความที่ดีแบบนี้ต่อไปค่ะ ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับ คุณกล้วยไม้ เป็นกำลังใจให้นะครับ เขียนงานดีๆต่อๆไปนะครับ ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ คุณกล้วยไม้ ประทับใจในงานเขียนของคุณมากค่ะ เป็นกำลังใจในการสร้างผลงานต่อ ๆ ไปนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณกล้วยไม้ ชื่นชอบงานเขียนของคุณมากค่ะ เป็นกำลังใจให้นะค่ะ

สวัสดีครับ คุณกล้วยไม้ ผมประทับใจในผลงานของคุณมากครับ เป็นกำลังใจให้ในการสร้างสรรค์ผลงานต่อๆไปนะครับ

สวัสดีครับ คุณกล้วยไม้ ผมชื่นชมผลงานของคุณนะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ เขียนงานให้อ่านอีกนะครับ

สวัสดีครับคุณกล้วยไม้ ผมประทับใจในงานเขียนของคุณมาก เป็นกำลังใจให้ในงานเขียนครั้งต่อไปครับ

สวัสดีคะ คุณกล้วยไม้ ครูเอกขาดแคลนเหมือนกัน เป็นกำลังใจให้นะในการเดินทางสายอาชีพครูนะคะ

สวัสดีค่ะ คุณกล้วยไม้ ฉันประทับใจในงานเขียนและเป็นกำลังใจให้กับงานเขียนของคุณนะคะ ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณกล้วยไม้ ดิฉันชื่นชอบในการเขียนผลงานของคุณอ่านแล้วรู้สึกประทับใจมากค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้คุณนะคะขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณกล้วยไม้ ดิฉันชื่นชมในเรื่องราวของคุณมากค่ะ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่นำพาสิ่งดีเข้ามาในชีวิต และทำให้เจอคนดี ๆ ด้วยนะคะ เป็นกำลังใจให้ในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นะคะ

สวัสดีครับคุณกล้วยไม้ เป็นงานเขียนที่ดี สร้างแรงบันดาลใจได้ไม่น้อยเลยครับ เป็นกำลังใจให้ครับในงานเขียนต่อ ๆ ไปครับ

สวัสดีครับ คุณกล้วยไม้ ผมชอบงานเขียนของคุณมากครับเขียนได้ดีครับ ถ่ายทอดเรื่องราวได้ดีมากครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ ขอบคุณมากครับ

สวัสดีค่ะ คุณกล้วยไม้ ดิฉันชอบงานเขียนของคุณมากค่ะเขียนได้ดี และถ่ายทอดเรื่องราวได้น่าประทับใจมากค่ะ เป็นกำลังใจให้นะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณกล้วยไม้ ดิฉันชื่นชมในสิ่งที่คุณได้เขียนมาเป็นผลงานที่น่าประทับใจและขอให้กำลังใจนะคะขอบคุณมากค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท