วันนี้จะขอลองถกประเด็นเชิงปริศนาธรรม เผื่อจะเป็นที่สนใจของนัก blogger ที่ชอบถกเชิงนี้ ผมขอลองสำรวจตลาดหน่อยนะครับ
เมื่อเช้านี้ได้คุยกับครูบาสุทธินันท์ เรื่องปัญหาของการทำงาน ว่าทำไมเราจึงต้องระมัดระวังในการทำงาน เพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียง เพื่อให้ได้ผลงานที่ดี
ประเด็นใหญ่ก็อยู่ที่ว่า การเรารักษาหน้า รักษาตา ล่ะครับ เพราะ ถ้าเราเสียหน้าแบบหมอไม่รับเย็บขึ้นมา เราก็ทำงานต่อยากครับ
เพราะฉะนั้น จะทำงานอะไรก็ต้องรักษาหน้า และรักษาตาไว้นั่น แหล่ะครับ ต้องมาคุยกันว่า... หน้าของเราก็มีนิดเดียว ที่เรารักษาหน้าอยู่ตรงไหน มันอยู่ตรงไหนกันแน่หน้าตาของเรา หน้าเป็นหน้าตรงไหนของเรา หน้าที่เห็นกันอยู่ข้างนอกหรือหน้าที่อยู่ในจิตใจ เรารักษาตรงไหนกันแน่ “หน้า” ที่อยู่ข้างนอก มีพื้นที่ก็ไม่มาก ใช้เวลาดูแลกันมากมายเหลือเกินครับ จนแทบจะเรียกว่า เกือบครึ่งชีวิตในคนบางคน
และยิ่งกว่านั้น ถ้าพูดถึงหน้าข้างในล่ะครับ บางคนก็ยิ่งต้องใช้เวลามากขึ้นอีก บางทีเกือบทั้งชีวิตเลยละครับ เพื่อการรักษาหน้าในเอาไว้
รักษาไว้ทำไมล่ะครับ ก็อาจจะรักษาไว้เพื่อทำให้ตนเองมีศักดิศรี มีชื่อเสียง ก็คงจะเป็นประมาณนั้นนะครับ คิดว่าคนส่วนใหญ่เขาอาจคิดคล้ายๆกัน
แต่ตอนนี้ มีบางคนรักษาแต่หน้า แต่ไม่รักษาตา มันจะเป็นยังไง ที่คนมีแต่หน้า ไม่มีตา มันจะดูได้ไหม หน้าเราจะเป็นอย่างไร เมื่อไม่มีตา และในทางกลับกัน มีแต่ตาไม่มีหน้า..
แล้วพวกขายผ้าเอาหน้ารอด จะเป็นยังไงกันแน่ ทำไม รักษาแต่หน้า ไม่รักษาตา
แล้วหน้ากับตา อันไหนสำคัญกว่ากัน ผมพูดอย่างนี้ คนเริ่มจะสับสน คำว่า มีหน้า ไม่มีตา หมายความว่ามีแต่ภาพของความเป็นหน้า แต่ไม่มีตาที่จะคอยดูว่าหน้าเป็นอย่างไร หรือว่าจะดูที่อื่นที่ใด ไม่มีตาที่จะคอยสอดส่อง มีแต่หน้าเฉยๆ มันจะมีประโยชน์อะไรครับ จะเห็นอะไร
จะพัฒนาเรียนรู้อะไรครับ มีแต่หน้า ไม่มีตา
หรือ มีแต่หน้า ไม่มีที่ในทางกลับกัน มีแต่ตาไม่มีหน้า คงน่าเกลียดพิลึกครับ มีแต่คอยสอดส่อง แต่ไม่มีที่อยู่นะครับ สอดส่องไปเรื่อยๆ ว่าอะไร ความรู้อยู่ที่ไหน แล้วเอาความรู้มาไว้ที่ไหนล่ะครับ มีแต่สอดส่องไปเรื่อย ๆ มีแต่ตาไม่มีหน้าก็ลำบากอยู่นะครับ
ลองนึกดูสิครับ ถ้าใครคนหนึ่งเดินมามีแต่ตา แต่ไม่มีหน้า เราคงจะกลัวกันมากกว่า แล้วอีกคนประเภทมีหน้า แต่ไม่มีตา เราก็คงสมเพทเวทนา
เราที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง เรารู้สึกกันอย่างนั้นจริงไหม สำหรับคนที่มีหน้า แต่ไม่มีตา หรือมีแต่ตา แต่ไม่มีหน้า ลองคิดดูนะ
ครับ... ลองกลับมาว่า เราจะรักษาหน้า รักษาตากันอย่างไรครับ ก็คงเป็นเรื่องของการทำงานตามหน้าที่ครับ เมื่อเราทำงานตามหน้าที่แล้ว เราก็จะสามารถรักษาหน้าตาเราไว้ได้
เห็นไหมครับ หน้าที่ กับหน้าตา รู้สึกมันใกล้เคียงกัน และการรักษาหน้า แต่ไม่รักษาตาก็คงไม่ได้ จะรักษาตาแต่ไม่รักษาหน้า ก็ไม่ได้เช่นกัน
เพราะฉะนั้นต้องมีทั้งหน้าตา ในที่สุดการทำงานด้วยการรักษาหน้าที่ของตนเองครับ แล้วจะทำให้เกิดหน้าตา ....
เพราะฉะนั้น ก็สรุปว่า เราจะต้องทำหน้าที่เพื่อจะรักษาหน้าและตาครับ ฉะนั้น การรักษาหน้าที่ ก็คือการทำงาน นั่นแหละครับ
งานคืออะไร หน้าที่เราคืออะไร ชื่อเสียงคืออะไร นั่นคือการรักษาหน้าตา ไม่ใช่มานั่งเข้าร้านเมคอัพกัน จนเป็นการรักษาหน้ารักษาตา จนไม่รู้ว่าที่แท้จริงหน้าตาเราอยู่ตรงไหน เราจะทำหน้าที่หรือเมคอัพไว้อย่างไร
แล้วเราเป็นคนที่สมบูรณ์แบบได้อย่างไร เป็นคนที่ทำงานที่แท้จริงได้อย่างไร และ
ควรจะทุ่มเทเวลาในชีวิตอย่างไร จึงจะทำให้มีหน้า ตา ชื่อ เสียง ตามหน้าที่ ที่ดีที่สุด
ลองคิดดูนะครับ...
การรักษาหน้าตาสำหรับหนูคือ
1. รับผิดชอบต่อหน้าที่และสิ่งที่ทำ
2. ซื่อสัตย์ต่อตนเอง ซื่อสัตย์ต่อความถูกต้องดีงาม และซื่อสัตย์ต่อสังคมและแผ่นดิน
ขอบคุณค่ะ
โอ้ย...อาจารย์ อ่านไปเริ่มงง ...มีหน้าไม่มีตา มีตาไม่มีหน้า อ่านไปอ่านมา ไม่มีหน้าไม่มีตา โอ้ยยยย ตาลาย
ดีนะอาจารย์เขียนตัวใหญ่ เหมือนมีคนมาพูดดังๆ ใส่หู
อาจารย์สำรวจตลาด ต้องการลูกค้าแบบไหนคะ เอาแบบขำฮากลิ้งกับการเปรียบเทียบ เอาแบบจริงจังคิดตาม มุ่งมั่นไปเลย หรือเอาแบบตัวหนังสือต่อตัวหนังสือ
อ่านไปจริงจังไป เครียดไป...งั้นเอา no face มาฝากอาจารย์ดูเล่นล่ะกันค่ะ
เจ้าตัวนี้ชื่อ "no face" ค่ะ แต่เห็นมั้ยคะว่า มันมีทั้งหน้า และมีทั้งตา แต่ทำไมมันชื่อ "no face" และมันนี่แหละค่ะ คือตัวกิเลส เอาเงินเข้าแลกกับสิ่งที่ต้องการ เขมือบทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า กินจนอ้วน
^_____^
แค่นี้ผมก็ได้ความรู้เพิ่มมากขึ้นอีกหลายมุม
คุณนันทิกา เป็นคนที่ลึกล้ำจริงๆ ถ้าไม่มีคำถามปริศนาแบบนี้ ผมคงไม่รู้จักคุณในมุมนี้ และตามต่อยอดด้วยคุณปภังกร
แม้คุณกัมปนาทยังมาเยี่ยมมอง และเสนอความคิดแบบลัทธิเต๋า
"ไม่มี คือมี มีคือไม่มี"
ขอบคุณมากๆเลยครับ