๗๕๓. หว่านงาดำและทำนาข้าวหอมมะลิ..ที่บ้านหนองผือ


สิ่งที่โรงเรียนขาดแคลนมานาน และกำลังจะสำเร็จได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า คืออาคารเรียน..เพียงแต่ต้องหาทุนทรัพย์เทปูนชั้นล่างและทำห้องน้ำเพิ่ม เพราะตามแบบแปลนไม่มี

            บทความ..ที่เป็น “เรื่องเล่าเร้าพลัง” จากโกทูโนว์ ที่ผมเขียนเป็นประจำ ถูกเผยแพร่ในวงกว้าง จากนักบริหารและนักวิชาการ..หนึ่งในนั้น ที่ผมต้องขอบคุณอย่างสุดซึ้ง คือ ท่านอาจารย์พีรวัศ กี่ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์การเรียนรู้ธุรกิจพอเพียง..

            คุณพี่หมู..วันทนีย์ เงาเรือง ลูกศิษย์ของท่านอาจารย์พีรวัศ ได้มีโอกาสอ่านบทความเป็นครั้งแรก พี่หมู..เป็นทนายความและเป็นเจ้าของบริษัทผลิตยาสมุนไพร สงสัย..ในการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก ที่ขาดบุคลากรมาโดยตลอด...

            รวมทั้ง..แปลกใจที่โรงเรียนบริหารจัดการอย่างไร? จึงมีปัญหาในโครงการอาหารกลางวัน..ผมบอกพี่หมูว่า..ของผมไม่มีปัญหา เพราะได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากเพื่อน (ชื่อหมู..เหมือนกัน) เรื่องที่ยากๆ จึงเป็นเรื่อง หมู หมู

            สิ่งที่โรงเรียนขาดแคลนมานาน และกำลังจะสำเร็จได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า คืออาคารเรียน..เพียงแต่ต้องหาทุนทรัพย์เทปูนชั้นล่างและทำห้องน้ำเพิ่ม เพราะตามแบบแปลนไม่มี

            นอกนั้น..ก็ไม่ถือว่าเป็นอุปสรรค ในส่วนที่อาจจะมีปัญหาและความต้องการจำเป็น ก็คงต้องอดทนรอ และรอต่อไป เพราะผมถือว่า..ไม่มีสิ่งใดที่ได้มาโดยง่าย และมาถึงวันนี้ได้ ก็ผ่านความอดทนและรอคอย..มีวันนี้ได้ ก็ถือว่าดีแล้ว..

            ความต้องการดังกล่าว..ว่าด้วยเรื่องแหล่งเรียนรู้ ที่เป็นการฝึกอาชีพขั้นพื้นฐาน และอาคารประกอบ..ที่ต้องใช้งบประมาณมิใช่น้อย..

            พี่หมูบอกว่า..ต้องตั้งเป็น “กองทุนพัฒนาการศึกษาโรงเรียนบ้านหนองผือ” เพื่อหาผู้มีส่วนร่วม ที่มีจิตศรัทธาด้านการศึกษา จะได้มากได้น้อยไม่เป็นไร พี่หมูขอเป็นผู้ประสานเรื่องนี้เอง...

            ผมเปิดบัญชีธกส. พี่หมู..ประชาสัมพันธ์กับเพื่อนพ้องน้องพี่ ตลอด ๒ สัปดาห์ วันนี้..พี่หมูมาที่โรงเรียน นำเงินบริจาคมามอบให้กองทุน เมื่อรวมกับที่โอนมาแล้ว เป็นเงินทั้งสิ้น ๑๓๐,๐๐๐ (หนึ่งแสนสามหมื่นบาท)

            พี่หมู..มาในนามท่านอาจารย์พีรวัศ กี่ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์การเรียนรู้ธุรกิจพอเพียง..พี่หมูไม่ได้มามือเปล่า นำอาหารกลางวันคาวหวานมาเลี้ยงนักเรียนด้วย..

            ก่อนอาหารมื้อกลางวัน..พี่หมูกับวิทยากรท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ของเทศบาล ผู้ปกครองและนักเรียน ช่วยกันหว่านเมล็ดงาดำ ในพื้นที่ ๒ ไร่..บรรยากาศเป็นไปด้วยความสนุกสนานเพลิดเพลิน..สุดท้าย..พี่หมูก็เหงื่อตก เพราะอากาศร้อนอบอ้าวมาก

            พี่หมู กับผู้ปกครอง..รับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน..อิ่มอร่อยเพราะหิว..ทานอะไรก็อร่อยไปหมด..แม้แต่ปลาทูผักจิ้มและน้ำพริกที่เผ็ดเหลือเกิน

            ตอนบ่าย..ได้ออกกำลังกันต่อ..นักเรียนทุกคนพร้อมกันที่แปลงนา ป.๕ - ๖ ลงไปในนากับผู้ปกครอง เพื่อปักดำต้นกล้าข้าวหอมมะลิ บนดินเลนนุ่มๆ

            พี่หมู..เปลี่ยนผ้าถุงลายไทยเป็นกางเกงทะมัดทะแมง สวมรองเท้าบู๊ทลงไปในผืนนา คว้าต้นกล้ามาถือไว้อย่างมั่นใจ บรรจงปักดำอย่างจริงจัง..ผลงานชิ้นแรกสอบผ่าน ปราชญ์ชาวบ้านชื่นชม ทั้งๆที่พี่หมู..เพิ่งปักดำ เป็นครั้งแรกของชีวิต..

            พี่หมู..กลัวปลิงยิ่งนัก ผมบอกว่าไม่มีปลิงแน่นอน เพราะน้ำที่นำเข้านาเป็นน้ำใหม่ กระนั้น..พี่หมูก็ยังก้าวเท้าไม่ออก..ทุกคนเป็นงงสงสัย ที่แท้..รองเท้าบู๊ทติดโคลน

            ได้เวลาร่ำลา ท้องฟ้ามืดครึ้ม..แต่พี่หมูก็ยังพอมีเวลาเดินชม อาคารที่กำลังสร้างใหม่ เล้าไก่ บ่อปลาและห้องสมุด ก่อนหยุดพักที่ศาลา เพื่อสรุปบทเรียนในวันนี้

            พี่หมูกล่าวชื่นชม..ผู้ปกครองที่เป็นกันเอง อัธยาศัยดีมีน้ำใจไมตรี มาช่วยเหลืองานของโรงเรียน และพี่หมูก็ให้กำลังใจผม ในมุมมองที่พี่เห็นว่า..ตั้งใจทำงานดีในขณะเดียวกันก็ อยู่อย่างเรียบง่าย..แม้ไม่อลังการแต่ก็สามารถรังสรรค์การศึกษาได้

            พี่หมู คณะครูและนักเรียน..กลับกันไปหมดแล้ว โรงเรียนเงียบงัน ทิ้งไว้แต่ความร่มครึ้มและเย็นยะเยือก เพราะฝนตกลงมา เหมือนจะรู้ว่า ต้นกล้าและงาดำ..กำลังรอคอย..น้ำฝน..

ชยันต์ เพชรศรีจันทร์

๒๐  กรกฎาคม  ๒๕๖๑

หมายเลขบันทึก: 649053เขียนเมื่อ 20 กรกฎาคม 2018 22:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 กรกฎาคม 2018 22:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

รอดูผลผลิตงาดำครับ ;)…

ผมไม่ได้รู้จักผอ.ชยันติ์ และคุณวันทนีย์เป็นการส่วนตัว โลกโซเชียลมีเดีย ทั้ง GoToKnow และ Facebook ทำให้เรามาเจอกัน ถือว่าโดยพรหมลิขิตโดยจุดเชื่อมโยงคือ การทำความดีให้กับสังคม หรือ จะเรียกว่าเพื่อพัฒนาเด็ก เยาวชน อันเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศก็ว่าได้

ผมอ่านบันทึกของ ผอ.ชยันต์ เพชรศรีจันทร์ มาพอสมควร รู้สึก เน้นนะครับ ว่า ‘รู้สึก’ หรือ sense เอาว่า ท่านน่าจะเป็นผู้บริหารในอุดมคติของการศึกษาไทยท่านหนึ่ง

บันทึกเพียงฉบับเดียวที่ผมโพสต์ใน Facebook ได้ทำให้เพื่อนซึ่งติดตามอ่านในหน้าของผม โดยเฉพาะคุณวันทนีย์ เงาเรือง เกิดความศรัทธา และระดมทุนจากเพื่อน ๆ มาช่วยเหลือโรงเรียนบ้านผืออย่างเป็นรูปธรรม

ผมขออนุโมทนาในกุศลกรรมของทั้งสองท่าน ที่ตั้งใจทำสิ่งต่าง ๆ ในวันนี้เพื่อเด็กและเยาวชนผู้เป็นอนาคตของชาติ ขอคุณงามความดีของทั้งสองท่านจงเป็นพลังให้เพื่อนร่วมชาติได้ร่วมกันตระหนักในทิศทางการพัฒนาประเทศที่มีประสิทธิภาพที่สุดต่อไป … สาธุ

ขอบคุณ..ความรู้สึกดีๆ นะครับ..ผมเป็นเพียง..เศษเสี้ยวของ..”การศึกษาไทย” ที่ไม่ยอมอ่อนข้อกับระบบเน่าๆ และนโยบายแบบโบราณ ที่ใช้อำนาจเป็นฐานในการคิด..มาเบียดบังเวลาพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน..ที่ผมคิดว่าเป็น “หัวใจ” ที่แท้จริง..อาจมองว่าสร้างภาพ หรือเป็นผู้รับบ้างในบางโอกาส..แต่ในชีวิตประจำวัน ผมก็ยังทำงานได้ต่อเนื่อง มองเห็นผลที่มั่นคงและยั่งยืน ที่สุดแล้ว..ก็ต้องมาดูและติดตามตอนต่อไป

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท