๗๔๔. ทรีอินวัน..มหัศจรรย์แห่งชีวิต


ในฐานะผู้อำนวยการฯ..ผมไม่เคยละเลยงานเร่งรัด นิเทศ กำกับติดตามการเรียนการสอน ผมทำอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ตั้งแต่ชั้นอนุบาล ๑ ถึงชั้น ป.๖ ด้วยเครื่องมือนิเทศภายใน และใช้การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับครู(PLC) อย่างทันท่วงที ไม่มีการรอ “ปัญหา” แต่ทำงาน “เชิงรุก” ไปข้างหน้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ครู

           ผมบันทึกไว้เป็นตำนานแห่งการงานของชีวิต ถอดบทเรียนออกมาไว้ในโกทูโนว์ ไม่ใช่เป็นการโอ้อวด แต่นำเสนอ “โอกาส” ให้บุคลากรทุกฝ่ายในโรงเรียนขนาดเล็ก ได้ตระหนัก เรียนรู้เพื่อสู้งาน..สร้างบุญกุศลให้แผ่นดิน ก่อนเกษียณ หรือก่อนชีวิตจะหาไม่...

            นับเนื่องมาหลายปี..ภาพในวันนี้ยิ่งชัดเจน ว่าผมทำงานได้หลายหน้าที่ ทำเป็นประจำ ทำจนเป็นธรรมชาติ หรือเป็นกิจวัตรที่ทิ้งไม่ได้ “เอาที่สบายใจ” ก็เลยต้องทำ ช่วยผ่อนคลายให้งานและชีวิต ไม่อึดอัดและไม่ตึงเครียด

            หลายคน..ก็ทำได้แบบผมนี่แหละ...คือทำหน้าที่ผู้บริหารโรงเรียน (ผอ.) เป็นครูผู้สอน และเป็นนักการภารโรง..ในวันเดียวกัน..แต่ผมทำมานานมากนะครับ และบังเกิดผลดีในทุกงานที่ทำ..

            ผมยังไม่ถึงกับประสบ “ความสำเร็จ” นิยามของความสำเร็จแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ บางคน..อาจจะมองความสำเร็จที่การเลื่อนซีเลื่อนระดับ เป็นโรงเรียนดีเด่น เป็นต้นแบบฯ หรือเป็นโรงเรียนรางวัลพระราชทาน...ของผมไม่ใช่...

            เป้าหมายของผมก่อนเกษียณ ความสำเร็จจะพุ่งเป้าไปที่..ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น เด็กอ่านคล่องเขียนคล่องมากขึ้น ตลอดจนมีแหล่งเรียนรู้ที่ได้ประสิทธิภาพและมีความยั่งยืน...

            หลายคน..บอกผมว่า ผมน่าจะถึงฝั่งฝันแล้ว โดยดูจากผลคะแนนสอบของนักเรียน ดูจากจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น และจำนวนคณะที่มาศึกษาดูงานในแต่ละปี...

            แต่ผมคิดว่า..ยังไม่เป็นข้อมูลที่แท้จริง แม้จะเป็นภาพเชิงประจักษ์แล้วก็ตาม..ที่สุดแล้ว ผมอยากเห็นเด็กคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาได้ ใช้ทักษะชีวิต คิดสร้างงานอาชีพขั้นพื้นฐานและรักท้องถิ่น คือฝันในบั้นปลายที่ผมอยากเห็น เป็นผลสัมฤทธิ์ที่อาจจะไม่ต้องตีค่าเป็น “คะแนน” ก็ได้

            ในฐานะผู้อำนวยการฯ..ผมไม่เคยละเลยงานเร่งรัด นิเทศ กำกับติดตามการเรียนการสอน ผมทำอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ตั้งแต่ชั้นอนุบาล ๑ ถึงชั้น ป.๖ ด้วยเครื่องมือนิเทศภายใน และใช้การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับครู(PLC) อย่างทันท่วงที ไม่มีการรอ “ปัญหา” แต่ทำงาน “เชิงรุก” ไปข้างหน้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ครู

            งานประชุมผู้บริหารฯ งานประสานกลุ่มเครือข่ายฯไม่เคยขาด งานติดต่อองค์กรท้องถิ่นและชุมชน ยังมีความเข้มข้น ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี งานในหน้าที่ที่ต้องแสวงหาภาคเอกชน..เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ผมก็ทำได้แล้ว..

            งานพิเศษ..ที่เป็นเอกลักษณ์ของผม..คือ งานธุรการโรงเรียน (รับส่งหนังสือราชการ) เป็นเสน่ห์ส่วนตัว..ที่ผมมีความรู้ติดตัวมา แล้วนำมาใช้ช่วยครู..ให้สอนนักเรียนเต็มที่ ไม่ต้องออกมานอกห้องเรียน ครูทำงานธุรการการสอนและโครงการที่ได้รับมอบหมายก็พอ

            เพราะมันไม่มีเหตุผลอื่นใด..โรงเรียนไม่มีครูธุรการ การบริหารจัดการเช่นนี้ ไม่มีในตำราอิ่นใด..แต่มันอยู่ใน “หัวใจ” ผลกำไร..จะบังเกิดขึ้นในตัวเด็กอย่างแน่นอน             

            ผมเป็นครูผู้สอน..เพราะทำหน้าที่สอนทุกวัน..มุ่งเน้นที่ ป.๓ – ป.๖ ในวิชาภาษาไทย..เป็นวิชาที่ผมเรียนจบมาโดยตรง..วิชาอื่นๆ..ผมยอมรับครู เมื่อไม่มีครูภาษาไทย ครูก็ต้องยอมรับผม..เพราะผมสาธิตให้ดู อยู่สอนให้เห็น เป็นประจำ..

            ทำคะแนนการสอบภาษาไทย ระดับชาติชั้น ป.๓ และ ป.๖ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของสพฐ.มาอย่างต่อเนื่อง..แต่ที่สำคัญกว่านี้ก็คือ..ทุกมาตรฐานการเรียนรู้และทุกเนื้อหาภาษาไทย..ผมทำเรื่องยากให้มันง่าย..และให้นักเรียนอ่านได้และเขียนได้ และรักภาษาไทย..

            ผมสอนเสริมวิชา “เกษตรอินทรีย์” กิจกรรมการเรียนรู้คู่การปฏิบัติ ตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ใช้แหล่งเรียนรู้เป็นแกนหลัก..เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมไม่เคยทำเล่น..ทำด้วยความ เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา..

            หลายคนไม่กล้าทำงานในหน้าที่ภารโรง จะด้วยติดอัตตา หรือไม่กล้าก็แล้วแต่..แต่ผมถามตัวเองว่า..โรงเรียนขนาดเล็ก ไม่มีภารโรง ถ้าผมไม่ทำ(นำ) แล้วใครจะทำ บางเรื่องราว..นักเรียนและครูมีส่วนร่วม..โดยเฉพาะในด้านความสะอาด..

            แต่หลายเรื่อง..ด้วยเงื่อนไขเวลา ความเหมาะสม และความปลอดภัย ไม่เอื้อให้ครูได้คิดและทำได้เลย...ผมตกแต่งต้นไม้ได้ ผมจัดสวนหย่อมได้..งานที่เหลือบ่ากว่าแรง ผมก็จะไปไหว้วานผู้ปกครองและชุมชน

            วันเสาร์อาทิตย์..กับงานเก็บกระดาษกวาดขยะ งานในไร่นาสวนผสม..ผมนี่แหละ..ภารโรงตัวจริง..ที่ทำแล้วให้ความรู้สึกภาคภูมิใจในชีวิต..

            อาจจะดูเป็นงาน “ปิดทองหลังพระ” ก็ไม่เห็นเป็นไร..ไม่มีใครเห็นแต่ผมก็เห็นตัวเองทุกวัน และชีวิตก็มีความสุขและก้าวมาไกลพอสมควร..

            ยิ่งวันนี้..บทเรียนจาก ถ้ำหลวง  “ ๑๓ ชีวิต จากทีมหมูป่า อคาเดมี”  อ.แม่สาย จ.เชียงราย รอดชีวิตเป็นที่เรียบร้อย..เพราะการร่วมแรงร่วมใจของทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้มีอำนาจ ได้ทำหน้าที่ที่เป็นทั้ง “ผู้นำและผู้ตาม”

            ทำงานด้วยใจ..ไม่ต้องร้องขอ เสียสละ และมุ่งมั่นทุ่มเท ทำความดี ทำได้มากกว่าหน้าที่ เพื่อความสุขและความสำเร็จของส่วนรวม...อันนี้ต่างหากที่เรียกว่า "ข้าราชการ ทำงานรับใช้มวลชนและแผ่นดิน"

            ผมจึงเชื่อมั่นว่า..ผมเดินมาถูกทาง ในทุกย่างก้าวขององค์กรเล็กๆแห่งนี้

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๓  กรกฎาคม  ๒๕๖๑

 

 

         

 

หมายเลขบันทึก: 648681เขียนเมื่อ 3 กรกฎาคม 2018 20:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 กรกฎาคม 2018 20:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ลุยต่อไปครับ ท่าน ผอ. ;)…

ชื่นชมครับและชอบสีสันของหนังสือที่บ่งบอกความขลัง และพลังของการเรียนรู้มากโข เลยครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท